ตอนที่แล้วบทที่ 3 โอสถทองเก้าทวาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 5 หัวข้าอยู่ที่ไหน

บทที่ 4 เนินเต่าดำหมอบ


“เจ้าเนี่ยนะปกป้องข้า?”

ลู่อวิ๋นกวาดสายตามองเก่อหลง

“ผู้น้อยผู้นี้ได้ฝึกฝนวิชายุทธ์มาถึงระดับแปลงปราณแล้ว แม้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาทั่วไปเทียบมิได้กับบ่าวเฒ่าผู้นี้หรอกขอรับ”

เก่อหลงก้าวไปข้างหน้าและพูดออกมาด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว “ยิ่งไปกว่านั้น บ่าวเฒ่าผู้นี้เป็นพ่อบ้านของตระกูลเก่อ และบางคนเองก็ติดค้างบ่าวเฒ่าผู้นี้อยู่บ้าง”

“โจรเฒ่านี่อยู่ไม่สุขจริงๆ!”

ลู่อวิ๋นยิ้มเยาะจากก้นบึ้งจิตใจ

“ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว พ่อบ้านตระกูลเก่อก็จะไปด้วย”

“ภัยพิบัติลู่มันออกมาแล้ว!”

“ให้ตายสิมันยังไม่ตายอีกรึ?”

“ภัยพิบัติลู่ยังไม่ตาย เหตุใดใยฟ้าจึงไร้ตา!”

“นังอสูรว่านเฟิงก็มาด้วย!”

“ตาแก่นั่นคือใครกัน? เหมือนว่าจะเป็นเก่อหลงพ่อบ้านตระกูลเก่อ! โอ้สวรรค์ พ่อบ้านตระกูลเก่อก็ร่วมมือกันกับภัยพิบัติด้วยเช่นนั้นรึ?”

“มารเฒ่าเก่อ!”

ความโกลาหลเกิดขึ้นในทันทีที่ ลู่อวิ๋น ว่านเฟิง และเก่อหลงออกมาเดินอยู่กลางถนนของเมืองเฉวียนโจว หรือจะให้พูด ราวกับเกิดภัยพิบัติขึ้นชัดๆ

ว่านเฟิงนั้นคุ้นชินกับสิ่งนี้มาสักพักแล้ว

เพราะปกตินางจะต้องอยู่ข้างๆ ลู่อวิ๋นตลอดเวลา และคำสั่งของลู่อวิ๋นคือสิ่งที่นางต้องลงมือ… จะบอกว่านางเป็นนักเลงอันดับหนึ่งในเมืองแห่งนี้ก็ว่าได้

เก่อหลงลอบหลั่งเหงื่อเย็น ร่างกายหยุดสั่นไม่ได้

แม้เขาจะเคยได้ยินคำว่าภัยพิบัติลู่มาบ้าง แต่ก็ไม่คิดเลยว่าทุกๆ สิ่งมันจะแย่เช่นนี้!

ป๊อก!

ไข่เน่าลอยมาจากที่ใดสักแห่งและกระแทกเข้าใส่หน้าผากของเก่อหลงอย่างรุนแรง กลิ่นเหม็นของมันแทบจะทำให้เขาอาเจียนออกมา

ส่วนว่านเฟิงนั้นเตรียมตัวเอาไว้อยู่แล้วและสร้างกำแพงปราณขึ้นมาด้านหน้านางและลู่อวิ๋น

“ข้านี่มันศัตรูของทุกคนชัดๆ!” ลู่อวิ๋นตัวหด “นี่ปกติข้าเป็นสวะขนาดนั้นเลยเช่นนั้นรึ?” เขาถามอย่างระมัดระวัง

“เลวกว่านี้สิบเท่า!” เก่อหลงกล่าวพร้อมเช็ดคราบไข่เน่าออกจากหัว

“ว่านเฟิง หาซื้อกระดาษเหลือง ข้าวเหนียว และจอบกับพลั่วมาให้ข้าหน่อย” เมื่อทั้งสามมาถึงโรงน้ำชา ลู่อวิ๋นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวกับว่านเฟิง

“เจ้าค่ะ” เด็กสาวเดินออกไปที่ตลาดในทันที

หลายหมื่นปีก่อน โลกเซียนประสบภัยพิบัติ เซียนมากมายตกตาย และวิถีสู่การเป็นเซียนถูกตัดขาด แม้จะผ่านไปหลายแสนปี แต่วิถีเซียนก็ยังไม่ฟื้นคืนกลับมา ดังนั้นแล้วจึงยังมีมนุษย์อยู่อีกมากมาย นั่นหมายความว่าก็จะมีข้าวอยู่หลากหลายสายสายพันธุ์ ผู้ฝึกยุทธ์นั้นไม่ได้อดอาหารจนกว่าพวกเขาจะไปถึงเขตแดนเซียน เพราะพวกเขายังต้องการสารอาหารอยู่

“กระดาษเหลืองกับข้าวเหนียว?” เก่อหลงกล่าวด้วยความสงสัย

ลู่อวิ๋นปรายตามองเก่อหลง “เจ้าจะถามอะไรมากมาย? เจ้ามาเพื่อปกป้องข้า ไม่ใช่ถามในสิ่งที่เจ้าไม่ควรถาม”

เพราะมีเก่อหลงอยู่ข้างๆ ลู่อวิ๋นจึงค่อนข้างที่จะอารมณ์เสีย

ถ้าตาเฒ่านี่เป็นสาวงามก็คงจะว่าไปอย่าง แต่นี่มันคือตาเฒ่าน่ารำคาญ!

เก่อหลงเม้มปากแต่ไม่กล่าวอะไรออกมา

ในไม่ช้า ว่านเฟิงก็แบกถุงข้าวเหนียวและกระดาษเหลืองปึกหนึ่งกลับมา เช่นเดียวกันกับจอบและพลั่ว

“ออกนอกเมือง”

ลู่อวิ๋นกล่าวหลังจากรับข้าวเหนียวและกระดาษเหลือง

“ออกนอกเมือง?”

เก่อหลงสะดุ้งเล็กน้อย แต่มีความสุขมาก

สวรรค์ไม่มีที่ให้เจ้า แต่นรกกำลังเปิดประตูรอต้อนรับเจ้าอยู่!

การออกไปนอกเมืองนั้นหมายถึงความตาย

ว่านเฟิงตับแขนของลู่อวิ๋นและมุ่งหน้าตรงไปยังประตูตะวันออกอย่างรวดเร็วแล้ว

เมืองเฉวียนโจวนั้นมีพื้นที่หลายร้อยกิโลเมตร และหากใช้กำลังของลู่อวิ๋นนั้น เกรงว่าเขาคงจะไปไม่ถึงประตูเมืองแม้จะใช้เวลาทั้งวันก็ตาม

ว่านเฟิงทำสัญลักษณ์มืออย่างรวดเร็วและเร่งความเร็วขึ้นหลายสิบเท่า

“ตามมา!” เก่อหลงกัดฟันและตามไป

“เจ้าเด็กว่านเฟิงนั้นไปถึงระดับหลอมปราณได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก… หากได้ฝึกฝนอย่างระมัดระวัง นางจะต้องเป็นจอมยุทธ์ในเขตแดนแก่นแท้ได้อย่างแน่แท้!” เก่อหลงคาดพลังยุทธ์ของว่านเฟิงด้วยความริษยา

เพื่อจะหลอกเก่อหลง ว่านเฟิงจึงเผยพลังออกไปเพียงระดับหลอมปราณ ระดับพลังยุทธ์ของนางนั้นสูงกว่าเก่อหลงมาก ดังนั้นแล้วจึงไม่มีทางที่พ่อบ้านนั้นจะรับรู้ถึงพลังของนางได้

“แต่หลังจากหกเดือน เจ้าเด็กนี่ก็จะมีชะตาเช่นเดียวกันกับลู่อวิ๋น ทำไมข้าไม่…” เก่อหลงถูมืออย่างชั่วร้าย “หากข้าดูดซับพลังหยินบริสุทธิ์ของนาง ข้าอาจจะทะลวงขึ้นไปยังเขตแดนแก่นแท้ก็เป็นได้!”

“ในเมื่อพวกเจ้าทั้งสองต้องการจะออกไปนอกเมืองด้วยตัวเอง เช่นนั้นแล้วของขวัญชิ้นนี้ก็ตกอยู่ในมือข้าแทนที่จะเป็นผู้อื่น!” เก่อหลงรู้สึกร้อนใจขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะเพิ่มความเร็ว

ประตูเมืองเฉวียนโจวตะวันออก

ผู้พิทักษ์ประตูต้องขยี้ตามองอีกรอบเมื่อเห็นว่าลู่อวิ๋นและว่านเฟิงนั้นกำลังจะออกจากเมือง และขุนนางเฉวียนโจวมากมายได้ออกคำสั่งไม่ให้ผู้ว่าราชการออกไปจากเมือง

“หยุด! นายท่านจะออกไปที่ใดกัน?” ชายในชุดเครื่องแบบทหารกระโดดลงมาจากกำแพงเมือง หยุดทั้งสองเอาไว้

“ผู้ว่าราชการต้องขออนุญาตเจ้าเวลาจะทำอะไรด้วยเช่นนั้นรึ?” ลู่อวิ๋นแค่นเสียงเย็นชา

“มิบังอาจ!” ทหารผู้นั้นเริ่มตระหนก “เพียงแต่ว่า…”

“ท่านหยิง วางใจได้ ผู้น้อยผู้นี้จะคอยปกป้องนายท่านเอง” เก่อหลงเดินไปหาทหารผู้นั้นและยิ้มร่า

“พ่อบ้านตระกูลเก่อนี่เอง! อนุมัติ!” นายทหารหยิงยิ้มให้ก่อนจะถอยออกไป

‘ลือกันว่าหลานสาวของพ่อบ้านตระกูลเก่อตายด้วยเงื้อมมือของลู่อวิ๋น ถ้าเก่อหลงติดตามลู่อวิ๋นออกไปจากเมือง เขาน่าจะใช้โอกาสนี้สังหารลู่อวิ๋นเป็นแน่แท้! นั่นคงเป็นสาเหตุว่าเหตุใดตระกูลขุนนางจึงยอมให้เขาอยู่ข้างๆลู่อวิ๋น’

คนอื่นอาจไม่กล้าที่จะสังหารลู่อวิ๋น แต่เก่อหลงนั้นกล้าพอ

สีหน้าของนายทหารหยิงดูชั่วร้ายขณะมองดูลู่อวิ๋นที่จากไป

หลังจากที่ทั้งสามคนออกไปจากเมือง พวกเขาก็มุ่งตรงไปยังเขาชื่อฉวนในทันที

“นายท่านจะไปที่เขาชื่อฉวน?”

สีหน้าของเก่อหลงดูมีความสุขขึ้นมาเมื่อเห็นว่าลู่อวิ๋นและว่านเฟิงกำลังเดินทางไปทางไหน

‘ภูเขาชื่อฉวนเป็นที่ที่เหมาะยิ่งนักกับการลงมือทำในสิ่งที่ข้าต้องการ! ข้าจะสังหารลู่อวิ๋นก่อน จากนั้นข้าก็จะเต็มอิ่มกับว่านเฟิง และข้าก็จะมีโอกาสขึ้นไปถึงเขตแดนแก่นแท้!

แต่การสังหารลู่อวิ๋นนั้นหมายความว่าข้าจะอยู่ในเฉวียนโจวได้อีกต่อไป ท่านผู้นำสั่งให้ข้าจับตาดูเจ้าเด็กนี่ก็น่าจะเพื่อให้มันตายด้วยเงื้อมมือของข้า และข้าจะเป็นแพะรับบาปหลังจากที่เจ้าสวะนี่ตาย!

…ถ้าเช่นนั้นแล้วถ้าข้าสังหารมันก่อนก็คงเป็นสิ่งที่ฉลาด หากข้าสามารถขึ้นสู่เขตแดนแก่นแท้ได้ก่อนออกจากเฉวียนโจว… ข้าก็จะไปที่ใดก็ได้ในโลกเซียนนี้!’

ในไม่ช้าพวกเขาก็ไปถึงตีนเขาชื่อฉวน

เขาชื่อฉวนนั้นมีลักษณะที่เป็นสีแดงเข้มไปทั้งหมด และเพราะมันเป็นสุสานเซียนจึงทำให้มันเป็นที่แห่งลางร้าย ไม่มีผู้ใด กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์หรือคนธรรมดา คิดอยากจะเข้าใกล้ที่แห่งนี้

แม้ว่าหลายคนพยายามที่จะสำรวจสุสานและแสวงโชค แต่มิมีผู้ใดที่เข้าไปได้กลับออกมา

กระทั่งเซียนก็ยังต้องตาย

ดังนั้นแล้วแม้ว่าภูเขานี้จะอยู่ใกล้กับเฉวียนโจว แต่มันก็ว่างเปล่าและอ้างว้าง ไม่มีกระทั่งสัตว์ป่าใดๆ

“เนินเต่าดำหมอบนั้นเป็นสิ่งที่บดบังโชคชะตาใดๆ ในภูเขา และเต่าดำที่หมายถึงนี้คือภาพของเต่าและงูที่กอดรัดกัน ก่อให้เกิดพื้นที่ของหยินบริสุทธิ์ จนดุเป็นพื้นที่โล่งเปล่าเต็มไปด้วยความตาย แน่นอนอยู่แล้วว่าทำไมจึงไม่มีผู้คนกล้าเข้าใกล้” ลู่อวิ๋นอดถอนหายใจไม่ได้เมื่อมองดูภูเขาลูกนี้

ผังฮวงจุ้ยนั้นมีอยู่สี่ขั้น

พื้นฐานฮวงจุ้ย รูปแบบฮวงจุ้ย อิทธิฮวงจุ้ย มหิทธิฟ้าดิน

และเนินเต่าดำที่ลู่อวิ๋นเห็นอยู่ตรงหน้านี้เป็นผังฮวงจุ้ยขั้นสูง ที่โลก มันหมายถึงความยิ่งใหญ่และสูงส่งของขุนนาง นั่นหมายความว่าผู้ใดก็ตามที่ถูกฝังอยู่ที่เขาชื่อฉวนนั้นไม่ใช่เซียนธรรมดาๆอย่างแน่แท้

ส่วนฮวงจุ้ยเก้ามังกรแบกโลงที่อยู่ในเมืองนั้นเป็นตัวอย่างของอิทธิฮวงจุ้ย

“ที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลผู้คน เหมาะแก่การฆ่าแล้วฝังใครสักคน” อยู่ๆลู่อวิ๋นก็เปิดปากพูดขึ้นมา

“ฮึ!?” เก่อหลงใจเต้นไม่เป็นจังหวะ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคิดจะฆ่าเจ้า?”

“เจ้าส่งหลานสาวของเจ้ามาให้ข้าหวังจะล่อลวงข้า แต่ข้ากลับทุบตีนางจนตาย ว่ากันว่านั่นเป็นคนในครอบครัวคนเดียวของเจ้า ทำไมเจ้าไม่คิดจะล้างแค้นกันเล่า?” ลู่อวิ๋นส่ายหัวเล็กน้อย

อันที่จริงแล้วลู่อวิ๋นก็รู้สึกแย่เมื่อได้ยินจากว่านเฟิง ลู่อวิ๋นคนก่อนนั้นขาดความ “เป็นชาย” อย่างเห็นได้ชัด

ถึงใจคิดอยากแต่ร่างกายไม่ตอบรับ! มิฉะนั้นแล้วสาวงามเช่นว่านเฟิงจะยังคงบริสุทธิ์อยู่ได้อย่างไรกัน??

ลู่อวิ๋นเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่มีชีพจรอ่อนแอ เขานั้นอ่อนแอกว่าคนธรรมดาเสียอีก

อีกทั้งเขายังอาศัยอยู่ในใจกลางของพื้นที่ฮวงจุ้ยอย่างเก้ามังกรแบกโลงจนถูกพลังงานร้ายกัดกินเป็นเวลานาน อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ พ่อบ้านเชียได้จัดวางห้องเขาเป็นค่ายกลสังหารเก้าหยินพิฆาตหยางอีก

โชคดีแค่ไหนแล้วที่เจ้าหมอนี่ไม่ได้กลายเป็นขันที ลู่อวิ๋นคนก่อนเองก็คิดจะคร่อมว่านเฟิงอยู่หลายรอบ แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ

พ่อบ้านเก่อเองก็เป็นบ่าวของตระกูลลู่ และเก่อหลงอยากจะสร้างความดีความชอบจึงส่งหลานสาวของตนไป หวังจะได้เลื่อนขั้น แต่ว่านั่นเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่เขาจะทำได้ ส่งหลานสาวไปให้ลู่อวิ๋นมีแต่จะเผยความลับของผู้ว่าราชการ! ด้วยความโกรธและอับอาย อดีตผู้ว่าจึงทุบตีเด็กสาวผู้น่าสงสารนี้จนตาย

“ฮึๆๆๆ… ในเมื่อเจ้ารู้แล้วก็ตายเสีย!”

เก่อหลงหัวเราะอย่างมีความสุข กระบี่เย็นเยียบปรากฏขึ้นมาในมือเขาเมื่อใดก็ไม่รู้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด