ตอนที่แล้วบทที่ 2 เก้ามังกรแบกโลง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 เนินเต่าดำหมอบ

บทที่ 3 โอสถทองเก้าทวาร


“ฟู่ววว หลับสบายดีจริงๆ!” ลู่อวิ๋นบิดขี้เกียจ ยังคงรู้สึกงัวเงีย เขาลุกขึ้นและกำลังจะเดินออกไปแปรงฟันและล้างหน้า “เดี๋ยวสิ!”

ด้วยความตกใจ เขาตื่นขึ้นเต็มตาและมองไปยังพื้นที่ว่างรอบๆ

“มันเป็นเรื่องจริง! ข้ามาอยู่ที่โลกของเซียน!” เขาได้สติกลับมา

“นี่ไม่ใช่ความฝัน”

“....จริงด้วย!” เหตุการณ์คืนเมื่อวานกลับเข้ามาในสมองของเขา “เก้ามังกรแบกโลง! ฮวงจุ้ยที่โลกนี้มีตัวตนขึ้นมาได้จริงๆ!”

เขาตัวสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว “ต้องหนีจากที่นี่ ไม่งั้นได้ตายหยังเขียดแน่นอน!”

เขาสามารถจัดการกับการจัดวางฮวงจุ้ยได้ แต่ว่าอะไรที่มันมีตัวตนจริงๆนั้นเหนือกว่าการเข้าใจของเขา ทุกนาทีที่อยู่ที่นี่ก็เหมือนเขาได้ก้าวขาลงโลงไปแล้วทีละก้าว

เขารีบจ้ำออกจากห้องไป

“นายท่าน นายท่านฟื้นแล้ว!” ว่านเฟิงเดินเข้าพบกับเขาพร้อมถาดอาหารในมือพอดี นางรีบสาวเท้าเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเดินออกไป นางเป็นคนที่พาเขาที่หมดสติลงมาจากหอเจ็ดดาราโอบจันทร์เมื่อคืน

“มาเร็วๆๆ พวกเราต้องรีบไปจากที่นี่ให้ไวเลย!” ลู่อวิ๋นคว้าแขนว่านเฟิงและเดินไปทางประตูหลัก

“ไป? ที่ไหนเจ้าคะ?” ว่านเฟิงมองไปที่เจ้านายของนางด้วยความงุนงง

“ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่!” ความร้อนใจปะปนอยู่ในน้ำเสียงของลู่อวิ๋น

“นายท่าน ท่านจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” เสียงแหบพร่าดังขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยชายชราที่มีผมขาวโพลน เขาปรากฏตัวขึ้นมาข้างลู่อวิ๋นและว่านเฟิงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และยิ้มหวานให้พวกเขาทั้งคู่ “พวกเราจะไปหาท่านได้ที่ไหนกันเล่าหากท่านไปพร้อมกับตราผู้ว่า?”

ลู่อวิ๋นรู้สึกราวกับว่าเขาชนเข้ากับกำแพงอากาศในทันใด แรงกระแทกส่งให้เขาต้องร่วงลงก้นจ้ำเบ้ากับพื้น

“เจ้าเป็นใคร?” เขาลูบก้นพร้อมกับคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด

“ท่านไม่รู้จักข้ารึ?” ชายชรากระพริบตา

“ถ้าลูกสาวเจ้าสวยข้าจะขอคิดดูก็แล้วกัน” ลู่อวิ๋นกล่าวสวนกลับ ก่อนจะลุกขึ้นมา

“นายท่านเจ้าคะ เขาคือหัวหน้าพ่อบ้านของตระกูลเก่อ เก่อหลงเจ้าค่ะ” ว่านเฟิงกระซิบ

“หัวหน้าพ่อบ้านตระกูลเก่อ?” ลู่อวิ๋นขมวดคิ้ว “แล้วหัวหน้าพ่อบ้านตระกูลเก่อมาทำอะไรในที่พักของข้า?”

“จะมีเหตุใดอีกเล่า แน่นอนว่าข้ามาที่นี่เพื่อปกป้องนายท่าน” เก่อหลงแสยะยิ้ม “ท่านมีศัตรูมากมาย ถ้าอยู่ๆท่านเกิดถูกรุมกระทืบจนตายคงจะแย่มิใช่น้อย และแม้ข้าจะไม่มีลูกสาว แต่ข้ามีหลานสาว ท่านอยากพบนางไหมเล่า?”

ลู่อวิ๋นตอบสนองอย่างรวดเร็วเมื่อเขาสังเกตถึงน้ำเสียงที่ชั่วร้ายและตาที่หรี่ลง

เขายังต้องทำหน้าที่อยู่อีกครึ่งปี แต่เขาไปขัดแข้งขัดขาคนอื่นมากจนขนาดที่ว่าศัตรูส่งคนมาเฝ้าดู หรือพวกนั้นกำลังกักบริเวณไม่ให้เขาไปไหนเสียมากกว่า

และพวกมันก็คงจะมาสังหารเขาในทันทีที่พ้นจากตำแหน่งเป็นแน่แท้

“หึ!” ลู่อวิ๋นแค่นเสียงอย่างเฉยชา เขาไม่คิดจะพูดอะไรมากไปกว่านี้และเดินจากไป

“ตาแก่นี่อัปลักษณ์จนหลานสาวก็คงไม่ดีไปกว่านี้ จะว่าไปกำแพงอากาศก่อนหน้านี้เป็นฝีมือของจอมยุทธ์อย่างนั้นรึ?” แทนที่จะกลับไปที่ห้องของตน ลู่อวิ๋นเดินกลับไปที่หอจันทร์เสี้ยวอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือจากว่านเฟิง

“เก่อหลงเป็นจอมยุทธ์ในระดับ *แปลงปราณ* เขาเป็นคนสร้างกำแพงปราณก่อนหน้านี้ แต่เพราะเขาไม่ได้ทำอันตราย ว่านเฟิงเลยไม่ได้ลงมือเจ้าค่ะ” สาวรับใช้อธิบายอย่างระมัดระวัง กลัวว่าลู่อวิ๋นจะตำหนินาง

“เจ้าแข็งแกร่งกว่าเขาอีกรึ?” ลู่อวิ๋นตาเป็นประกาย

“ผู้น้อยผู้นี้สามารถใช้วิชายุทธ์ได้และควบแน่นแก่นทองคำได้สำเร็จแล้วเจ้าค่ะ ในตอนนี้ข้าอยู่ในระดับแก่นทองคำเจ้าค่ะ” เด็กสาวยืดคออย่างภาคภูมิใจ แต่เหมือนว่านางจะนึกอะไรได้ก่อนจะถามอย่างระมัดระวัง “นายท่าน ท่านไม่โกรธเคืองที่ข้าไม่ลงมือหรือเจ้าคะ?”

ลู่อวิ๋นคนเก่าไม่ค่อยจะทำตัวดีกับว่านเฟิงเท่าไรนัก เขามักจะประเคนคำด่าและฝ่ามือใส่นางทุกวัน นางเป็นเด็กที่ถูกรับมาเลี้ยงโดยพ่อของลู่อวิ๋นในตอนที่ครอบครัวเดิมทิ้งนางไป หากไม่ใช่เพราะผู้ว่าฯคนเก่า นางคงจะหิวตายอยู่ข้างถนนไปนานแล้ว

แม้จะรู้ว่าตระกูลลู่ไม่ได้รับมาเลี้ยงด้วยความใจดี แต่นางก็ยังรู้สึกขอบคุณตระกูลลู่อยู่ดี นางไม่แม้แต่จะพร่ำบ่นออกมาสักคำ แม้กระทั่งตอนที่เจ้านายฟาดหวายไปทั่วร่าง

แน่นอนว่าลู่อวิ๋นไม่รู้เรื่องนี้สักนิด

“แปลงปราณ? แก่นทองคำ?” เขาไม่สนใจสิ่งอื่นที่นางพูด “อธิบายเรื่องนี้ให้ฟังอีกหน่อยสิ”

“เจ้าค่ะ!” ว่านเฟิงรับคำอย่างมีความสุข เพราะก่อนหน้านี้ผู้ว่าฯไม่สามารถฝึกวิชายุทธ์ได้ เขาจึงไม่เคยสนใจใดๆเกี่ยวกับเรื่องการฝึกยุทธ์แม้แต่น้อย

“เส้นทางการฝึกวิชายุทธ์นั้นแบ่งออกเป็นสามเขตแดนใหญ่ และทั้งหมดนั้นคือเก้าระดับ”

“ปราณ แก่น และจิตคือเขตแดนทั้งสาม และแต่ละเขตแดนนั้นจะแบ่งออกเป็นสามระดับย่อย”

“ในเขตแดนปราณจะมี ก่อปราณ หลอมปราณ และแปลงปราณ”

“ในเขตแดนแก่นแท้นั้นจะต้องสร้างแก่นทองคำ แก่นชีวิต และในท้ายที่สุดแก่นต้นกำเนิด”

“ในเขตแดนเทพนั้นจะมี ตัวอ่อนเทพ ทารกเทพ และร่างเทพ”

“หลังจากนั้นก็จะเป็นเซียนเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่เคยเห็นเซียนมาก่อน ดังนั้นข้าจึงไม่รู้ว่าเซียนนั้นมีเขตแดนอะไรบ้าง”

ลู่อวิ๋นพยักหน้า “ข้าฝึกวิชายุทธ์ไม่ได้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ?” สีหน้าของว่านเฟิงหมองลงในทันใด “ไม่ได้เจ้าค่ะ นายท่านคนก่อนได้ออกตามหาเซียนเพื่อหวังปรับพลังกายให้ท่าน แต่ก็ไม่เป็นผลเจ้าค่ะ”

“งั้นเหรอ” ลู่อวิ๋นเม้มปากยิ้มแห้งๆ

“แต่ข้าได้ยินจากนายท่านคนก่อนว่า เซียนผู้นั้นกล่าวถึงโอสถทองเก้าทวาร(1) สามารถเปลี่ยนพลังกายของท่านได้ ทำให้สามารถฝึกฝนได้เหมือนคนอื่นๆ” บางสิ่งผุดขึ้นมาในหัวของว่านเฟิง

“โอสถทองเก้าทวาร?” ลู่อวิ๋นเบิกตากว้าง

“แต่วิธีการหลอมสร้างนั้นสูญหายไปนานแล้ว โอสถที่เหลืออยู่นั้นมีเพียงสิ่งที่หลงเหลือจากเมื่อครั้งโบราณเจ้าค่ะ และหากใช้ไปก็เท่ากับว่าจำนวนโอสถในโลกนี้ก็จะลดลงไปอีกหนึ่ง นั่นจึงเป็นเหตุว่าโอสถเพียงเม็ดเดียวก็เพียงพอที่จะแลกกับมณฑลเฉวียนโจวได้เจ้าค่ะ” ว่านเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น

“ก็แค่เรื่องเงินนี่?” เขามองออกไปนอกกำแพงอีกครั้ง ข้างนอกนั่นมีสุสานเซียนอยู่เชียวนะ!

แม้ว่าจะมีร่องรอยของการถูกขุดค้นเล็กน้อย แต่มันก็ยังคงไม่สะทกสะท้าน ฮวงจุ้ยไม่ได้บิดเบือน นั่นเป็นสิ่งที่บอกว่านักล่าสุสานคนก่อนๆ เจาะได้เพียงแค่ชั้นนอกๆ ยังไปไม่ถึงใจกลางของสุสาน

โอสถทองเก้าทวารนั้นมีค่าเพราะวิธีการหลอมสร้างนั้นสูญหายไปกับกาลเวลา แต่หากเขาพบอะไรคล้ายๆกันในสุสานที่สูญหายไปกับกาลเวลาเช่นกัน เขาอาจจะแลกสิ่งๆ นั้นกับโอสถได้ก็เป็นได้

“ว่านเฟิง เจ้าจัดการเก่อหลงนั้นได้ใช่ไหม? มีใครอื่นในจวนที่จับตาดูข้าอยู่อีกไหม?” ลู่อวิ๋นนึกขึ้นได้ว่าสาวใช้ของเขาบอกว่านางนั้นแข็งแกร่งกว่าพ่อบ้านตระกูลเก่อ

“อืม” ว่านเฟิงพยักหน้า “ข้าเพิ่งทะลวงผ่านขึ้นไประดับแก่นทองคำได้เมื่อสองวันก่อน ในตอนนี้ไม่มีใครรู้นอกจากหัวหน้าพ่อบ้านเชียเจ้าค่ะ”

“ส่วนคนที่คอยจับตามองนายท่านนั้น นอกจากเก่อหลงแล้วก็มีกงซุนโหยวจากตระกูลกงซุน และเฟิงเหลียนเฉิงจากตระกูลเฟิงเจ้าค่ะ เก่อหลงและกงซุนโหยวนั้นสู้ข้าไม่ได้ แต่เฟิงเหลียนเฉิงนั้นก็อยู่ในเขตแดนแก่นแท้เช่นเดียวกัน ข้าเพิ่งจะทะลวงผ่านขึ้นมา ดังนั้นข้าไม่คิดว่าข้าจะเอาชนะเขาได้เจ้าค่ะ” ว่านเฟิงกล่าวด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

“แค่เจ้าจัดการได้สองคนก็ดีมากแล้ว!” ลู่อวิ๋นแสยะยิ้ม “ปล่อยให้ไอ้เก่อหลงนั้นตามมา พวกเราจะไปที่เขาชื่อฉวนกัน ไปเปิดโลกกว้างด้วยสุสานเซียนกันเถอะ!”

เพียงแค่นึกถึงการที่เขาจะได้สำรวจสุสานเซียนขึ้นมามันก็ทำให้เลือดเดือดพล่านแล้ว

“นายท่าน ท่านจะไปที่ไหนกันรึ?” ราวกับนัดกันมาก่อน เก่อหลงปรากฏตัวขึ้นมาบังทางเข้าจวนในทันทีที่ทั้งคู่มาถึง

“ข้าอยู่ในจวนเบื่อแล้ว ข้าจะออกไปเดินเล่นรอบๆเมืองเสียหน่อย” ลู่อวิ๋นตอบอย่างไม่ใส่ใจ

เก่อหลงขมวดคิ้ว “ท่านทำเช่นนั้นไม่ได้ นายท่านจะออกไปไหนไม่ได้ในหกเดือนนี้”

“องค์จักรพรรดิสวรรค์หลางเสี๋ยเป็นผู้ออกกฎนี้เช่นนั้นรึ?” ลู่อวิ๋นแค่นเสียงเย็นชา

“ไม่ขอรับ” เก่อหลงนิ่งไปเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะส่ายหัว “ตระกูลขุนนางของมณฑลเฉวียนโจวเป็นคนตั้งกฎนี้ขึ้นมา”

“ฮ่าๆๆๆๆ!” ลู่อวิ๋นหัวเราะตัวงอ “ขุนนางมณฑลเฉวียนโจวเป็นคนเขียนกฎ? ตระกูลขุนนางพวกนี้คิดจะก่อกบฏหรืออย่างไรกัน?”

“บ้าบอไร้แก่นสาร!” สีหน้าของเก่อหลงเปลี่ยนไป

“ไร้แก่นสาร?” ลู่อวิ๋นยิ้มแสยะ “ข้ายังเหลือเวลาอีกกว่าครึ่งปีและองค์จักรพรรดิแห่งสวรรค์ก็ไม่ได้ปลดข้าออกจากตำแหน่ง แต่ขุนนางที่เจ้าว่ากลับกล้ากักบริเวณผู้ว่าราชการของมณฑลเฉวียนโจวอย่างนั้นรึ? มันจะเป็นอะไรไปได้เล่าหากไม่ใช่การคิดกบฏ?”

สีหน้าของพ่อบ้านเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ใช่ ลู่อวิ๋นยังเป็นผู้ว่าราชการอยู่อีกครึ่งปี และที่ศัตรูเขายังไม่ลงมือนั่นก็เพราะพวกมันมีปัญหากับตำแหน่งของเขา

“ว่านเฟิง ต้มน้ำอาบและจุดธูปหอมให้ข้า ข้าจะได้ไปรายงานกับองค์จักรพรรดิแห่งสวรรค์ว่าขุนนางของเฉวียนโจวคิดจะกบฏ บางทีในตอนที่องค์จักรพรรดิแห่งสวรรค์มีความสุขเมื่อได้จัดการกับกบฏ พระองค์อาจมอบโอสถทองเก้าทวารให้ข้าก็เป็นได้”

แววตาของว่านเฟิงเป็นประกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ ท่านมีตราบัญชาสำหรับการเรียกกองพลเฉวียนโจวอันยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องรบกวนองค์จักรพรรดิสวรรค์หลางเสี๋ยแม้แต่น้อย”

เหมือนว่าครั้งนี้จะเป็นคราที่ลู่อวิ๋นจะได้เอาคืน

“หยุดก่อน!” เหงื่อเย็นอาบหน้าเก่อหลง ด้วยนิสัยไม่แยแสและไร้ปรานีของลู่อวิ๋นนั้น เขาอาจเรียกกองพลของมณฑลเฉวียนโจวมาเพื่อกวาดล้างตระกูลฝึกยุทธ์ที่มีอยู่จนสิ้นไปจริงๆก็ได้

“นายท่านจะไปที่ใดรึ?” เก่อหลงกวาดตาไปมาด้วยความคิดหนักก่อนจะยิ้มออกมาในที่สุด “นายท่านมีศัตรูมากมายและอาจถูกรุมฆ่าได้หากท่านออกไปเช่นนี้ ทำไมไม่ให้คนรับใช้ชราผู้นี้ตามไปปกป้องท่านเล่า?”

‘ถ้ายังอยู่ในเมืองก็คงเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อไหร่ที่ออกไปล่ะก็… ฮึ ข้าจะเป็นคนที่กระทืบมันจนตายนี่แหละ!’

ไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้เมื่อเป็นเรื่องความแค้นของเก่อหลง หลานสาวของเขาตายด้วยมือของลู่อวิ๋น!

—-------------------------------------------------------------------

1. 九窍* เก้าทวาร ประกอบด้วย ตา หู จมูก ปาก ทวารเบา ทวารหนัก

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด