ตอนที่แล้วบทที่ 1 เด็กหนุ่มเลี้ยงแกะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 โอสถทองเก้าทวาร

บทที่ 2 เก้ามังกรแบกโลง


จวนผู้ว่าราชการนั้นใหญ่มากราวกับสวนขนาดยักษ์ เงาสะท้อนของภูเขาทอดยาวลงบนผืนน้ำ บ้านหลังน้อยแทรกซ่อนอยู่ตามทิวทัศน์ ที่อยู่นั้นหรูหราทั้งด้านนอกและใน

แต่ในสายตาของลู่อวิ๋นแล้ว นี่เป็นรังอสูรชัดๆ!

“เก้ามังกรแบกโลง… ฮวงจุ้ยแบบนี้ในจวนผู้ว่าราชการเนี่ยนะ? ถ้าให้เดา มณฑลเฉวียนโจวต้องเป็นมณฑลที่ยากแค้นที่สุดในแดนสวรรค์หลางเสี๋ยอย่างแน่นอน” ลู่อวิ๋นพึมพำกับตัวเอง

ฮวงจุ้ยของที่แห่งนี้นั้นไม่ได้พึ่งถูกจัดขึ้นมาเร็วๆ นี้ มันคงจะอยู่เช่นนี้เป็นร้อย หรือกระทั่งเป็นพันปีมาแล้ว การจัดวางนี้ได้กลืนเข้ากับทำเลโดยรอบไปโดยสมบูรณ์แบบไปแล้ว จนกลายเป็นฮวงจุ้ย

จวนนั้นถูกสร้างขึ้นมาตรงใจกลางมณฑล มันส่งผลต่อโชคลาภของทั่วทั้งเฉวียนโจว การจัดวางเก้ามังกรแบกโลงที่นี่นั้นเรียกได้ว่าเป็นการตัดโชคลาภของทั้งมณฑลแห่งนี้ หากล่วงเลยผ่านไป มณฑลเฉวียนโจวก็จะกลายเป็นเพียงทะเลทรายไร้ชีวิต

“นายท่าน ท่านพูดผิดแล้ว นี่ไม่ใช่เก้ามังกรแบกโลงอะไรนั่นหรอกเจ้าค่ะ นี่คือค่ายกลมังกรเก้าพิทักษ์ เมื่อถูกเปิดใช้งาน เก้ามังกรจะทะยานขึ้นฟ้า เมื่อนานมาแล้วมันเคยสังหารเซียนที่ก่อความวุ่นวายด้วยเจ้าค่ะ” ว่านเฟิงแก้

ตอนนี้ลู่อวิ๋นและว่านเฟิงยืนอยู่บนหนึ่งในหอเจ็ดดาราโอบจันทร์ที่สูงที่สุดในจวน เมื่อมองจากบนนั้นจะสามารถเห็นได้ทั่วทั้งพื้นที่ อาจเห็นได้กระทั่งทั้งเมืองเฉวียนโจวเสียด้วยซ้ำ

“แต่มณฑลเฉวียนโจวก็เป็นหนึ่งในมณฑลที่แร้นแค้นที่สุดในแดนสวรรค์หลางเสี๋ยจริงๆ เจ้าค่ะ เหมืองจำนวนน้อยนิด และแทบไม่มีเซียนอาศัยอยู่ หัวหน้าพ่อบ้านเชียต้องเดินทางไปมณฑลข้างเคียงเพื่อไปซื้อศิลารากฐานเจ้าค่ะ”

เหมือนว่าฮวงจุ้ยกับค่ายกลจะเป็นเหมือนเหรียญคนละด้าน พวกเซียนรู้จักแค่ค่ายกลรึอย่างไรกัน? แต่ไม่ใช่ฮวงจุ้ยเหรอ? แบบนั้นไม่เห็นจะสมเหตุสมผลเลย พวกคนที่โลกที่ชอบว่าฮวงจุ้ยอย่างนั้นอย่างนี้เอาแต่บอกว่าตัวเองเป็นศิษย์ของเทพเจ้าอะไรบางอย่าง ไม่ก็เป็นร่างอวตารของเทพด้วยซ้ำ

ลู่อวิ๋นรู้สึกงุนงงเล็กน้อยขณะฟังคำอธิบายของว่านเฟิง แต่สิ่งที่เขารับรู้ได้อย่างแน่นอนคือเหล่าเซียนในโลกนี้ หรือพวกผู้ฝึกยุทธ์ ต่างไม่สนใจฮวงจุ้ยใดๆ ตอนที่สร้างค่ายกลขึ้นมา

ค่ายกลกำเนิดมังกรนี้สามารถสังหารเซียนได้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้จุดชีวิตของทั้งมณฑลต้องถูกซัดหายไปพร้อมกับโชคลา�

ลู่อวิ๋นรู้สึกได้ว่าหากผู้ที่สร้างค่ายกลนี้ขึ้นมารู้จักฮวงจุ้ยสักนิดจะไม่มีทางจัดวางเช่นนี้เป็นแน่ เช่นเดียวกัน ผู้ที่รู้จักฮวงจุ้ยก็สามารถมองเห็นได้ถึงข้อบกพร่องได้ในทันทีที่เห็นการจัดวาง

“เอ๋? นั่นอะไร?” ลู่อวิ๋นเงยหน้าขึ้นไปโดยไม่ตั้งใจเพราะเขาเห็นภูเขาสูงใหญ่ห่างออกไปไกลเหนือประตูเมือง

ด้านนอกประตูเมืองทิศตะวันออก ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรจากตัวเมือง มีภูเขาสูงตระหง่านนามเขาชื่อฉวน ดวงตาของลู่อวิ๋นนิ่งค้างอยู่กับที่เมื่อสังเกตดูดีๆ

“นั่นมันดูเหมือนกับ… สุสานขนาดใหญ่?”

แม้ว่าจะไม่เห็นรายละเอียด แต่รูปร่างของมันนั้นดูราวกับเต่าสีดำขนาดยักษ์เหนือหุบเขา ทำให้เป็นพื้นที่อันแสนยอดเยี่ยมสำหรับสุสาน

หากเขาไม่พลาด นั่นน่าจะเป็นบทบาทของมัน และไม่น่าจะใช่สุสานธรรมดาที่อยู่ในนั้นด้วย

“เซียนก็ตายได้เหรอ?” เขารู้สึกงุนงง

“แน่นอนอยู่แล้วสิเจ้าคะ” ว่านเฟิงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของเจ้านาย

ตำนานเล่าขานไว้ว่าสุสานของเซียนอยู่ใต้ภูเขาลูกนั้น นี่เป็นสิ่งที่เหล่าประชาชนในเฉวียนโจวรู้ดี

“มีสงครามครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อหลายแสนปีก่อน ฟ้าแตกสลายและผืนดินก็แตกแยก โลกเซียนถูกแยกออกเป็นเก้าแดนสวรรค์ สิบทวีป และสี่สมุทรซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเรามีอยู่ในตอนนี้ ว่ากันว่าเซียนทุกคนได้ตายไปในสงครามครั้งนั้น และนั่นหมายความว่าจุดจบของเซียนโบราณ”

“มีสุสานสำหรับเซียนเช่นนี้อยู่ทั่วแทบทุกที่บนโลกแล้วในตอนนี้ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าใครเป็นคนสร้างมันขึ้นมา”

จิตใจของลู่อวิ๋นไม่ได้อยู่กับเรื่องที่ว่านเฟิงกำลังเล่าให้เขาฟังอย่างจริงจัง

“มีสุสานของเซียนอยู่ทั่วทั้งโลกนี้เลยรึ?” ดวงตาเป็นประกาย เขาพบเหตุผลในการใช้ชีวิตอยู่แล้ว!

ในฐานะนักล่าสุสาน เขาต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าเมื่อพ่อของเขาจากไปตอนยังเด็ก จุดมุ่งหมายในชีวิตของเขาที่เหลืออยู่คือการล่าสุสาน เผยความจริงที่ถูกฝังอยู่ในห้วงประวัติศาสตร์ และเผยความลับเหล่านั้นออกมาสู่โลก

เขาแทบจะล่าครบทุกสุสานบนโลกแล้ว และในตอนนี้ ในโลกของเหล่าเซียน ได้เวลาที่เขาจะได้ลิ้มลองสิ่งใหม่แล้ว!

ประกายเพลิงแห่งความมุ่งมั่นโลมเลียเขา ส่วนไอ้เรื่องฮวงจุ้ยเก้ามังกรแบกโลงน่ะเหรอ? ช่างมันเหอะ

ยังไงแล้วอีกครึ่งปีเขาก็ไม่ต้องเป็นผู้ว่าราชการแล้ว แล้วมันจะไปเกี่ยวอะไรกับเขากันล่ะ?

สงครามครั้งใหญ่ระหว่างเซียนเมื่อหลายแสนปีก่อน… หรือว่าฮวงจุ้ยเองก็หายไปในช่วงนั้นด้วยหรือเปล่านะ?

สีหน้าของลู่อวิ๋นเปลี่ยนไป หนทางที่ดีที่สุดในการเข้าใจประวัติศาสตร์คือการเข้าไปในสุสานโบราณเหล่านั้นและขุดค้นวัฒนธรรมที่ถูกลืมนั่นออกมา นำมันกลับมาสู่แสงสว่างของตะวันอีกครั้ง!

เขาถูมือด้วยความกระหาย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลา ร่างกายของเขายังอ่อนแออยู่ ไม่ว่าจะทำอะไรก็เหมือนไปตาย เพราะฉะนั้นแล้วจะต้องจัดการให้สุขภาพให้เข้าที่เข้าทางก่อนเป็นอันดับแรก

เมื่อเขานึกถึงตอนที่ข้ามมายังที่แห่งนี้ ลู่อวิ๋นก็หันกลับไปบอกกับว่านเฟิง “อ่า ใช่ ช่วยทำซุปที่เจ้าเอามาให้ข้าตอนก่อนหน้านี้หน่อยจะได้ไหม แล้วก็ขอเนื้อด้วยหน่อยนะ”

“เจ้าค่ะ!” ดวงตาของว่านเฟิงเป็นประกายเมื่อได้ยินคำสั่งก่อนจะรีบรุดลงจากหอ มุ่งหน้าไปยังห้องครัว

ตอนนี้ในจวนผู้ว่าราชการนั้นมีคนอยู่ไม่มากแล้ว และในหมู่คนพวกนั้น ไม่มีใครคิดจะข้องเกี่ยวกับลู่อวิ๋น พวกเขาเพียงแต่กินเงินเดือนแล้วก็ไม่ทำอะไร เฝ้ารอการมาถึงของผู้ว่าคนใหม่

“น่าเสียดายจริงที่ร่างนี้มีสายเลือดหลับไหลอะไรซักอย่างนั่น ไม่อย่างนั้นข้าคงจะได้ฝึกฝนจนเป็นเซียนหาเรื่องสนุกๆ ทำเหมือนกัน” ลู่อวิ๋นท้อใจ

ยามค่ำคืนคืบคลานเข้ามา เขายังคงอยู่บนหอเจ็ดดาราโอบจันทร์มองลงไปยังเมืองเฉวียนโจว หลังจากกินและดื่มจนเต็มอิ่ม ความกังวลใจก็เข้ามาเกาะกินเขาอีกครั้ง

“ไอ้เจ้าของร่างคนเก่านี่มันโง่จริงๆ ! โง่ขั้นเทพเลย! ถึงข้าจะเป็นนักล่าสุสาน อาชีพเย้ยประกาศิตสวรรค์ แต่ข้าก็หากำไรกับแค่คนตายนะเฟ้ย พวกคนเป็นข้าออกจะดีด้วย แต่ไอ้พวกนี้นี่มันโคตรชั่วร้ายซะจริงๆ”

เขาซอกแซกถามข้อมูลจากว่านเฟิงเกี่ยวกับตระกูลของเขา ลู่อวิ๋นรู้สึกได้ว่าเขาคงจะถูกกระทืบตายแน่หากฐานะของผู้ว่าราชการหมดลง ในฐานะขุนนางของแดนสวรรค์หลางเสี๋ย ตอนนี้เขาจึงยังได้รับการปกป้องจากแดนสวรรค์อยู่

“ทำไมข้าไม่หนีไปกับว่านเฟิงกันล่ะ? หลบซ่อนอยู่ในภูเขากับนางฟ้าสุดแสนน่ารักแล้วก็มีลูกสักคนสองคน ถ้าเบื่อๆ ก็ไปล่าสุสานได้ ดูจะเป็นแผนที่ดี ต้องหาทางหนีหลังจากจัดการงานที่นี่เสร็จ!” แผนสำหรับอนาคตผุดขึ้นมาในหัวของลู่อวิ๋นขณะทอดสายตาออกไปนอกเมือง จับจ้องไปที่ภูเขาชื่อฉวน

“หืมม?” ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลู่อวิ๋นพร้อมคิ้วที่ขมวดเป็นปม

เงาของเก้ามังกรดำค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากสวน ตวัดกรงเล็บของพวกมันและกระโจนเข้าใส่ลู่อวิ๋น มีโลงศพสีดำหมึกอยู่บนหลังของพวกมัน

“ฮวงจุ้ยมันทำให้เกิดเป็นรูปเป็นร่างได้ด้วยเหรอ?” ลู่อวิ๋นตกใจตัวลอย

นี่เป็นการจัดวางฮวงจุ้ยที่เลวร้ายมาก เก้ามังกรนั้นเป็นมังกรในด้านหยินสุดยอด และโลงศพที่พวกมันแบกไว้เองก็เป็นหยินสุดยอดที่คอยเก็บสะสมวิญญาณชั่วร้ายภายใต้ฟ้าดินด้วยเช่นกัน มันตัดดวงชะตาของมนุษย์และสะบั้นอายุขัยของพวกเขา

การอาศัยอยู่ในที่เช่นนี้นาน อย่างดีที่สุดก็คือครอบครัวแตกแยก แต่อย่างแย่ที่สุดก็สิ้นตระกูล เมื่อเทียบกับสิ่งนี้แล้ว เก้าหยินพิฆาตหยางเทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย บนโลก การจัดวางฮวงจุ้ยเช่นนี้นั้นส่งผลเพียงแค่ต่อโชคลาภของคน แต่กับที่นี่มันเป็นของที่จับต้องได้ขึ้นมาจริงๆ ! ใครก็ตามที่อาศัยอยู่ที่นี่ได้สิ้นตระกูลอย่างแน่นอน!

พูดตามตรงแล้ว ตระกูลลู่ก็เรียกได้ว่ากำลังจะสิ้นตระกูลอยู่แล้ว ดูจากที่ลู่อวิ๋นคนเก่าที่ตายไปแล้วนี่สิ!

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาอยู่ตรงจุดชีวิตของมณฑลเฉวียนโจว เก้ามังกรแบกโลงที่ได้รับพลังจากจุดชีวิตของผืนดินจะเป็นอย่างไรนั้น? มันเหนือกว่าความเข้าใจของลู่อวิ๋นไปมาก

“ตายแน่ไม่ต้องสืบถ้าโดนไอ้เจ้านี่ขย้ำให้! ไม่ๆ  ไม่น่าจะตาย น่าจะได้กลายเป็นผีดิบแทน!”

ลู่อวิ๋นคิดจะหนี แต่เขาขยับตัวไม่ได้ เขาทำได้แค่มองดูร่างทั้งเก้า ที่แต่ละร่างยาวหลายสิบเมตรกระโจนเข้าใส่พร้อมกับโลงศพบนหลัง

เขากลอกตาขึ้นและสลบร่วงลงไปทันใด

หึ่งงง

ทันใดนั้น คัมภีร์โบราณสำริดก็ปรากฏขึ้นมาบนหัวของลู่อวิ๋นและดูดกลืนภาพตรงหน้าหายไปจนหมด

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด