ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 เก้ามังกรแบกโลง

บทที่ 1 เด็กหนุ่มเลี้ยงแกะ


ในโลกของเหล่าเซียน มณฑลเฉวียนโจว

ลู่อวิ๋นดีดตัวจากบนเตียงลุกขึ้นนั่ง เขาหอบหายใจอย่างหนักพร้อมกับเหงื่อเย็นที่ไหลซึมออกมาจากหน้าผาก

“แม่งเอ้ย! แม่งโคตรน่าอายชิบหายเลย! พรานห่านถูกห่านจิกตาย! ทำไมมันมีค่ายกลพิฆาตในสุสานสามัญชนสมัยราชวงศ์ฮั่นได้วะเนี่ย!? ไอ้โง่เง่าบ้าบอจัญไรที่ไหนมันคิดออกแบบอะไรแบบนี้ขึ้นมาวะ?”

“เอ๊ะ? เดี๋ยวนะ… นี่เรายังไม่ตายอย่างนั้นเหรอ?” ลู่อวิ๋นนิ่งไป เขากระพริบตาปริบๆและเอามือแปะๆสำรวจตัวเอง “ฮ่าๆๆๆๆ! ยังไม่ตาย! ใช่แล้วโว้ย! ฉัน ลู่อวิ๋น ผู้คว้าทุกสิ่งในทั่วหล้า! ทุกสิ่งอย่างตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบันอยู่แค่ที่ปลายนิ้วของฉัน! ฉันคือนักล่าสุสานที่แข็งแกร่งและยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา!”

“ฉันจะไปตายในสุสานธรรมดาๆได้ยังไงกัน? ถ้าไม่ใช่เพราะว่าจู่ๆก็มีค่ายกลพิฆาตโผล่มาล่ะก็ ฉันก็คงไม่โดนกับดักหรอก!” เขายังคงหัวเราะในลำคอต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ตายจะยังไงก็ช่าง! ต้องขอบคุณสวรรค์จริงๆที่ไม่ทำให้อาจารย์ปู่ของเขาผู้ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของนักล่าสุสานต้องมาเสียหน้า

“แต่น่าเสียดายซะจริงที่ไม่ได้เอาหนังสือสำริดโบราณนั่นออกมาด้วย ดูน่าจะแพงพอสมควรเลย” ลู่อวิ๋นเบะปาก “เดี๋ยวนะ นี่เราอยู่ที่ไหนกัน?” เขาหันหัวไปมา สำรวจพื้นที่โดยรอบ

ห้องที่เขาอยู่นั้นดูเป็นห้องที่ให้บรรยากาศโบราณ ของตกแต่งที่ดูหรูหราถูกวางเรียงไว้อย่างงดงาม มีไข่มุกส่องแสงนวลอยู่ที่มุมห้องทั้งสี่ ส่องแสงให้ทั้งห้องสว่าง

ทว่า ภาพตรงหน้ากลับทำให้ลู่อวิ๋นต้องเสียวสันหลัง

“เจ้าของห้องนี่มันอยากตายหรือว่าจะแช่งให้ฉันตายกันแน่เนี่ย? ฮวงจุ้ยของห้องนี้นี่มันเก้าหยินพิฆาตหยางชัดๆ! ดูกระจกสำริดที่หันเข้าเตียงนี่สิ! ไอ้คนจัดไม่กลัวเลยเหรอว่าทำแบบนี้จะเป็นการเลี้ยงผีไว้น่ะ??”

“ที่นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย? เจ้าของห้องช่วยช่วยชีวิตฉันเอาไว้ เพราะงั้นก็ไม่น่าคิดจะฆ่าฉัน ไม่มีใครพาซินแสมาดูตอนแต่งห้องเลยรึไงกัน?”

อย่างที่ชื่อบ่งบอก เก้าหยินพิฆาตหยางนั้นเป็นฮวงจุ้ยที่จะดึงดูดพลังงานด้านลบและวิญญาณเข้ามาหา หากอาศัยอยู่ในห้องเช่นนี้นาน โรคภัยไข้เจ็บก็จะหลั่งไหลเข้ามาหา และอายุขัยก็จะสั้นลงอย่างมหาศาล

แอ๊ด

ประตูห้องเปิดออกในขณะที่ลู่อวิ๋นที่งุนงงกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด เด็กสาวกระโปรงสีเขียวเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหาร

นางดูค่อนข้างจะเยาว์วัย อย่างมากก็อายุ 16 ปี ผมของนางยาวปรกหลังจนถึงเอว อีกด้วยดวงตาที่เป็นประกายและฟันขาวกระจ่าง เป็นเด็กสาวแสนสวยผู้น่ารัก

ลู่อวิ๋นมีชีวิตอยู่มานานมากมายหลายปีและได้พบเห็นสาวสวยมากมาย แต่เมื่อเขาพบกับนางคนนี้ ใจของเขาถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ

ชุดย้อนยุค? กำลังถ่ายหนังกันอยู่อย่างนั้นเหรอ? เป็นนักแสดงเด็กอย่างนั้นเหรอ? ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงสวยอย่างนี้ นี่ฉันเข้ามาอยู่ในหนังเรื่องไหนกันแน่เนี่ย? เขาหันไปมองรอบๆอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบกับกล้องหรือทีมงาน

“ท่านผู้ว่าราชการ(1) ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” เด็กสาวหยิบถ้วยสลักที่ทำจากหยกขาวขึ้นมาและเดินไปหาลู่อวิ๋น กลิ่นหอมหวนลอยเข้าไปแตะจมูกเขา เขาไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นจากน้ำซุปที่เปล่งแสงสีม่วงจางๆด้วยหรือกลิ่นของเด็กสาวกันแน่

ซุปมีแสง? กินได้ด้วยเหรอนั่น?

“เดี๋ยวก่อน!” ลู่อวิ๋นดีดตัวถอยกลับไป “ทำไมเธอถึงเรียกฉันว่าผู้ว่าราชการกัน?”

เขาไม่เข้าใจอะไรเลยซักนิด

ในฐานะนักล่าสุสานที่เชี่ยวชาญในประวัติศาสตร์จีน เขารู้ได้อย่างชัดเจนว่าที่ยศที่นางพูดออกมานั้นมีไว้สำหรับผู้ว่าราชการ แต่ในศัพท์ปัจจุบัน มันหมายถึงคนเลี้ยงแกะ เป็นการบ่งบอกว่าข้าราชการผู้นี้มีหน้าที่ดูแลและชี้นำผู้คนของตน

ประวัติศาสตร์โบราณได้แยกไว้ว่าจีนมีมณฑลเก้าแห่ง และผู้ว่าราชการนั้นเป็นผู้ที่มียศสูงที่สุดในมณฑลนั้น ตำแหน่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาในสมัยราชวงศ์ฮั่น

กองถ่ายหนังย้อนยุคราชวงศ์ฮั่นเหรอ? สาวน้อยคนนี้อินกับบทบาทมากเกินไปจนติดลมอย่างนั้นเหรอ? ลู่อวิ๋นเอามือกุมหน้าผาก “สาวน้อย ฉันว่าเธอจำผิดคนแล้วล่ะ ฉันไม่ใช่นักแสดงของพวกเธอนะ ไม่จำเป็นต้องมาฝึกพูดบทกับฉันก็ได้”

“นายท่าน นายท่านตกใจจนเป็นบ้าไปแล้วหรือเจ้าคะ? นี่สาวรับใช้ของท่าน ว่านเฟิง เจ้าค่ะ” เด็กสาวหรี่ตา “ไม่ต้องกังวลไปเจ้าคะนายท่าน ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้ว่าราชการหรือไม่ข้าก็จะติดตามท่านเสมอค่ะ ข้าจะปกป้องท่านให้ปลอดภัยเองเจ้าค่ะ”

ลู่อวิ๋นไม่รู้จะตอบสนองอย่างไร

“นี่ฉันอยู่ที่ไหนกัน?” เขาหันไปมองรอบข้าง พยายามหาคนปกติคุยด้วย

“เมืองเฉวียนโจวเจ้าค่ะ”

“เมืองเฉวียนโจวอยู่ที่ไหน?” ในประเทศจีนไม่น่าจะไม่มีเมืองชื่อนี้อยู่

“เมืองเฉวียนโจวก็ต้องอยู่ในมณฑลเฉวียนโจวสิเจ้าค่ะ”

“แล้วมณฑลเฉวียนโจวอยู่ที่ไหนกัน?”

“ในแดนสวรรค์หลางเสี๋ยเจ้าค่ะ”

“....แดนสวรรค์หลางเสี๋ยมันคืออะไร?” ลู่อวิ๋นไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง

“แดนสวรรค์หลางเสี๋ยเป็นหนึ่งในเก้าสวรรค์ สิบพสุธา และสี่มหาสมุทรในโลกแห่งเซียนเจ้าค่ะ”

ปุก! ลู่อวิ๋นกลอกตาขึ้นพร้อมกับล้มกลับลงไปบนเตียง

บ้าไปแล้ว บ้าไปหมดแล้ว!

สาวน้อยหน้าตาสวยเสาะอย่างนี้เป็นบ้าไปแล้วจริงๆ!

ว่านเฟิงเม้มปากพร้อมกับน้ำตาที่แทบจะไหลออกมา ในที่สุดนายท่านก็ตื่นแล้ว แต่ก็สลบกลับไปอีกรอบซะแล้ว! นางวางซุปเปล่งแสงไว้บนโต๊ะข้างๆ เตียงก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ลู่อวิ๋นก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง “เด็กนั่นไปยังนะ?” เขานวดขมับก่อนจะเหลือบมองไปที่ซุปสีม่วงข้างๆ เตียง “อืม ฉันหิวขึ้นมานิดหน่อยแล้วสิ”

หลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบถ้วยซุปประหลาดนั่นและซดมันเข้าไป

“ฟู่ว อย่างน้อยก็ไม่มีพิษ” หลังจากเรอและถอนหายใจ กระแสพลังอันอบอุ่นไหลเวียนไปทั่วร่างของเขา ก่อนที่พลังบางส่วนจะกลับคืนสู่สภาพอ่อนแอดังเดิม

“กองถ่ายหนังนี่ค่อนข้างจะรวยเลยนะเนี่ย! ถ้วยนี่น่าจะราคาหลายล้าน แต่ดันเอามาใช้เป็นฉาก! เจ๋ง” และด้วยนิสัยที่ติดมา ลู่อวิ๋นก็เก็บถ้วยเข้าไปในเสื้อ

“แถมยังเอาฉันมาใส่ชุดโบราณแล้วก็ใส่วิกให้อีกต่างหาก! สงสัยเพราะเห็นว่าฉันเป็นคนหล่อเหลา สาวๆ เห็นก็ต้องกรี๊ดเลยตัดสินใจให้ฉันเป็นตัวละครเอกชายอย่างนั้นเหรอ?” เขาเดินลงมาจากเตียงและยืนอยู่ในท่าสบายๆ

“อย่างแรกเลย ต้องจัดการไอ้ฮวงจุ้ยเก้าหยินพิฆาตหยางนี่ก่อน” เขาเดินไปที่กระจกและจับมัน พยายามจะดันมันออกไป แต่ว่าราวกับว่ามันถูกตอกติดกับกำแพงและไม่ว่าจะดันขนาดไหนก็ไม่ขยับ

“เอ๋?” สิ่งที่เขาเห็นในกระจกนั้นทำให้เขาต้องตกใจขนหัวลุก

มันเป็นภาพของเด็กหนุ่ม อายุประมาณสิบหกปี พร้อมกับผิวเรียบเนียนและดูอวบอิ่ม เขาดูราวกับเป็นคุณหนูอย่างแท้จริง พร้อมกับสีผิวที่ดูขาวซีดไม่มีสีเลือด และเขาเองก็ยังดูบอบบางราวกับจะปลิวไปเพียงลมพัดมา

นี่ไม่ใช่ฉันแน่!

…ภาพลวงตารึเปล่า?

ลู่อวิ๋นยกมือขึ้น ร่างอันหล่อเหล่าในกระจกยกมือขึ้นเช่นเดียวกัน เขาส่ายหัว และร่างในกระจกก็ทำเช่นนั้นตาม

ปึง!

ลู่อวิ๋นล้มกระแทกพื้นอีกครั้ง “อะไรวะเนี่ย นี่ไม่ใช่ฉันซักนิด! นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!?”

ด้วยความตกตะลึงงงงัน สมองของเขาสับสนจากความตกตะลึง เขาพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาโดยละเอียด หนึ่งวินาทีก่อนที่จะร่วงลงไปสลบ

“ฉัน… เหมือนว่าฉันหนีจากค่ายกลพิฆาตนั่นไม่รอด งั้นฉันก็คงตายไปแล้ว แต่มาเกิดใหม่ในร่างของเด็กคนนี้อย่างนั้นเหรอ” เขานึกถึงความเศร้าโศกและความสิ้นหวังตอนตายได้ “ถ้าอย่างนั้น เด็กสาวคนนั้นก็พูดเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นโลกของเซียน และเด็กหนุ่มที่ฉันได้มาสิงร่างอยู่ก็เป็นผู้ว่าราชการอะไรซักอย่างจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?”

“โลกเซียน โลกเซียน… หรือว่าฉันจะเป็นเซียนอย่างนั้นเหรอ??” ลู่อวิ๋นตาเป็นประกายก่อนจะดีดตัวขึ้นไปกลางอากาศ ลอกเลียนแบบปลาคาร์ปกระโดดขึ้นจากน้ำ

ป๊อก!

เสียงหลังหักดังกร๊อบ

ลู่อวิ๋นนอนนิ่งอยู่บนพื้น แม้แต่นิ้วก็ขยับไม่ได้ นี่เขาเป็นเซียนอะไรกันแน่เนี่ย?

“ไอ้หยา นายท่าน เกิดอะไรขึ้นเหรอเจ้าคะ??” ว่านเฟิงกลับเข้าห้องมาและรีบไปช่วยลู่อวิ๋นที่เป็นอัมพาตอยู่ให้ลุกขึ้นมา

“ฉัน-ข้าทำหลังตัวเองหัก” เขาจับเอวตัวเอง “ข้า เซียนตัวจริงทำหลังตัวเองหัก”

“ทำหลังตัวเองหัก?” ว่านเฟิงกระพริบตาปริบๆ สีหน้าของนางดูหม่นลง “นายท่านล้อเล่นสินะเจ้าคะ ถ้าท่านเป็นเซียนจริงๆ ทำไมองค์จักรพรรดิแห่งสวรรค์คิดจะกำจัดท่านล่ะเจ้าคะ?”

นางช่วยลู่อวิ๋นกลับไปนอนบนเตียงขณะพูด หลังจากนั้นก็มีจุดแสงสีเขียวอันงดงามปรากฏขึ้นมาบนปลายนิ้วของนาง นางลูบเอวของลู่อวิ๋นเบาๆ ปล่อยกระแสพลังเย็นเข้าไปและดับความเจ็บปวดลง

นางเป็นเซียนแน่เลย สาวน้อยน่ารักคนนี้เป็นเซียนแน่ๆ!

“ฉ-ข้าไม่ใช่เซียนเหรอ?” ลู่อวิ๋นลุกขึ้นนั่งอีกครั้งต้องการตามหาคำตอบอย่างเร่งรีบ

“นายท่าน ไม่ต้องพูดถึงเซียนหรอกเจ้าค่ะ ท่านไม่ใช่กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ด้วยซ้ำ” ว่านเฟิงถอนหายใจด้วยความอ่อนใจ “เพราะว่าท่านไม่ใช่กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ องค์จักรพรรดิจึงออกโองการมาว่า หากท่านไม่สามารถเดินบนวิถีเซียนได้ภายในหกเดือน ท่านจะถูกตัดออกจากตำแหน่งผู้ว่าราชการเจ้าค่ะ”

“ผู้ฝึกยุทธ์?” ลู่อวิ๋นนิ่งไป แต่ไม่ได้ถามต่อไป เขาไม่ใช่คนโง่ การตั้งคำถามที่ใครๆก็รู้ต่อไปจะกลายเป็นการเปิดโปงตัวเขาเองไป

สาวน้อยตรงหน้าเขานามว่านเฟิงอาจจะดูมีเสน่ห์และอ่อนน้อม แต่ใครจะไปรู้กันว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากนางพบว่ามีวิญญาณของใครก็ไม่รู้อยู่ในร่างนายท่านของนาง? ความตายของเจ้าของร่างนี้เป็นเหตุที่ทำให้เขาได้โอกาสใช้ชีวิตเป็นครั้งที่สอง!

“ไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะนายท่าน สาวใช้ผู้นี้จะติดตามท่านไปตลอดแม้ท่านจะไม่ใช่ผู้ว่าราชการก็ตาม ข้าอยู่ในระดับแก่นแท้และสามารถใช้วิชายุทธ์ได้เจ้าค่ะ ถึงข้าจะสู้กับคนอื่นๆ ไม่ได้นัก แต่การพาท่านหลบหนีไปก็ไม่ใช่ปัญหาเจ้าค่ะ” ว่านเฟิงเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

“เหมือนว่าข้าจะมีศัตรูอยู่พอสมควรเลยนะ” ลู่อวิ๋นหัวเราะแห้งๆ สาวใช้เองก็เงียบไปเช่นกัน

แสดงว่าเจ้าของร่างเดิมนี้ก็ชื่อลู่อวิ๋นด้วยเหมือนกัน

ตระกูลลู่แห่งมณฑลเฉวียนโจวนั้นมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและยิ่งใหญ่ แม้ว่าจะไม่มีสมาชิกตระกูลมากนัก แต่เส้นสายและธุรกิจนั้นกว้างไกล ตระกูลนี้คือตระกูลผู้ฝึกยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมณฑลแห่งนี้และเป็นผู้คุมตำแหน่งผู้ว่าราชการ

ทว่า เพราะตระกูลขุนนางนี้นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังยิ่ง จึงทำให้ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ตกต่ำและไม่มีสิ่งใดที่ทำไม่ได้ ปู่ของลู่อวิ๋นและพ่อของเขานั้นมีชื่อเสียงในด้านความชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่ง

และคงเป็นเพราะผลกรรมที่พวกเขาเคยกระทำไว้ ทั้งคู่จึงสิ้นลมระหว่างการท้าทายบททดสอบจากสวรรค์ ตัวลู่อวิ๋นเองก็ถูกสาปด้วยสายเลือดที่หลับไหล ทำให้เขาไม่สามารถฝึกวิชายุทธ์ได้

แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่น้อยหน้าพ่อและปู่ในเรื่องเลวทราม อันที่จริงแล้วออกจะเก่งเกินหน้าพวกเขาไปเสียด้วยซ้ำ

ผู้ฝึกยุทธ์ในมณฑลเฉวียนโจวนั้นเกลียดตระกูลลู่เข้ากระดูกดำ แต่เพราะว่าตระกูลนี้นั้นเป็นถึงผู้ว่าราชการของมณฑลแห่งนี้ ตระกูลนี้จึงมีจอมยุทธ์มากมายที่คอยรับใช้ภายใต้ธงผืนนี้ ดังนั้นแล้ว สิ่งที่จอมยุทธ์ทั้งหลายทำได้ก็มีแค่เจียมเนื้อเจียมตัวอยู่เงียบๆ เท่านั้น

ทว่าทั้งหมดนี้ก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อสามวันก่อน เมื่อองค์จักรพรรดิแห่งแดนสวรรค์หลางเสี๋ยได้ออกโองการออกมาว่า หากผู้ว่าราชการของมณฑลเฉวียนโจว ลู่อวิ๋น ไม่สามารถก้าวเดินบนวิถีแห่งเซียนได้ในครึ่งปีนี้ เขาจะถูกถอดออกจากตำแหน่ง แต่ตระกูลอื่นจะถูกเลือกขึ้นมากุมบังเหียนแทนตระกูลลู่

และด้วยสุขภาพที่อ่อนแอเป็นทุนเดิม ผู้สืบทอดของตระกูลลู่ ผู้ว่าราชการคนปัจจุบัน ก็ได้ทรุดลงสลบไสลลาจากโลกนี้ไปในทันใด

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ได้สาบานว่าจะภักดีตระกูลลู่จนวันตายก็หายไปกับสายลมไม่มีกระทั่งร่องรอยตามตัว เช่นเดียวกับลิงที่หนีกระเจิงเมื่อต้นไม้ใหญ่ล้ม เช่นเดียวกันกับเหล่าผู้หากินกับผู้มีพลังที่เมื่อหมดประโยชน์แล้วก็หนีไป แม้จะยังมีอยู่เพียงเล็กน้อยในจวนของผู้ว่าราชการ แต่พวกเขาก็ต่างเฝ้ารอผู้ว่าราชการคนใหม่ที่จะมาแทนที่ในอีกครึ่งปี

ว่านเฟิงคิดว่าสติของลู่อวิ๋นนั้นยังไม่หายจากความตกใจที่เผชิญดี ดังนั้นนางจึงเล่าสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อให้เขาได้เตรียมรับมือ

“ว่านเฟิง กระจกนั่นมันน่ารำคาญมากเลย ช่วยย้ายให้ข้าหน่อย” ลู่อวิ๋นชี้ไปที่กระจกที่หันหน้าเข้าเตียง

“เจ้าค่ะ” ว่านเฟิงโบกมือไปที่กระจกและส่งมันให้ลอยออกไปจากห้องอย่างสบายๆ

“กระถางต้นไม้ตรงนั้นด้วย เอามันออกไป!” ดวงตาลู่อวิ๋นเป็นประกาย นี่ว่านเฟิงเป็นเซียนหรือเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์จริงๆ กันแน่?

เขาไม่ได้สังเกตว่าเมื่อกี้ว่านเฟิงใช้คำว่า “เดินบนวิถีเซียน” ไม่ใช่คำว่า “เซียน”

สาวใช้ไม่เข้าใจคำสั่งเสียเท่าไหร่ แต่ก็ทำตามโดยไม่ได้ถาม

พอกระถางต้นไม้อันที่สองลอยออกไป ลู่อวิ๋นก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศอึดอัดที่กดดันเขามาตลอดก็หายไปในทันที ทุกสิ่งรู้สึกสบายและเบาบางกว่าเดิมมากนัก เก้าหยินพิฆาตหยางนั้นอันตรายถึงตายสำหรับมนุษย์ธรรมดา แต่ไม่ใช่ปัญหาแม้แต่น้อยสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ในระดับแก่นแท้เช่นว่านเฟิง

“อ่าใช่ ว่านเฟิง ใครแต่งห้องนี้กัน?” ลู่อวิ๋นถามหลังจากถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“หัวหน้าพ่อบ้านเชียเจ้าค่ะ” ว่านเฟิงเองก็รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งในห้องได้เปลี่ยนแปลงไป แต่นางไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าคือสิ่งใด

“หัวหน้าพ่อบ้านเชีย? เขาอยู่ไหนกัน?” ลู่อวิ๋นขมวดคิ้ว มีคนในสายงานเดียวกับเขาในโลกแห่งเซียนด้วยอย่างนั้นเหรอ? การจัดวางของห้องนี้เรียกได้ว่ามีฮวงจุ้ยถึงตายที่สามารถฆ่าคนให้ไม่เหลือซากได้เลยทีเดียว

ลู่อวิ๋นได้กลับมามีชีวิตในร่างนี้เพราะว่าลู่อวิ๋นในโลกนี้ได้ตายไปเพราะเก้าหยินพิฆาตหยาง หากเขายังอาศัยอยู่ในห้องที่มีฮวงจุ้ยแบบนี้เป็นเวลานาน อีกไม่นานเขาคงจะได้ตามเจ้าของร่างคนเก่าไปแล้ว

ลู่อวิ๋นในฐานะนักล่าสุสานอันดับหนึ่ง แบ่งทองคำกำหนดชีพจร(2) กำหนดฮวงจุ้ย เจนจบครบทุกอย่าง

“ค่ายกลของจวนผู้ว่าราชการต้องได้รับการดูแลเจ้าค่ะ ดังนั้นหัวหน้าพ่อบ้านเชียจึงเดินทางออกไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่อศิลารากฐานไว้สำหรับค่ายกลเจ้าค่ะ”

“ค่ายกล?”ลู่อวิ๋นกระพริบตาปริบๆ

“เจ้าค่ะ พ่อบ้านเชียเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกล ในห้องของท่านเองก็มีค่ายกลป้องกันอยู่เจ้าค่ะ หัวหน้าพ่อบ้านเชียสร้างขึ้นมาให้ท่านเพราะว่าท่านมีศัตรูมากมายเจ้าค่ะ”

ลู่อวิ๋นนวดขมับ ค่ายกลในโลกเซียน? ทำเลฮวงจุ้ย?

“ช่วยพาข้าไปดูหน่อย” เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ยังรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอยู่

“เจ้าค่ะ!” ว่านเฟิงยื่นมือนุ่มเนียนมาช่วยนายท่านของนางให้ลุกขึ้น

เมื่อลู่อวิ๋นสัมผัสเข้ากับมือเนียนและร่างนุ่มนิ่ม ใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ

—--------------------------------------------------------

(1) คำนี้เป็นคำศัพท์จากราชวงศ์ฮั่นที่ถ้าแปลตรงตัวก็จะได้คำว่าคนเลี้ยงแกะตามชื่อตอน (少年州牧) แต่ความหมายจริงๆแล้วคือผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลประชาชน(ฝูงแกะ)ให้อยู่ถูกที่ถูกทางครับ

(2) 分金定穴 เฟิงจินติ่งเชว่ แปลว่า แบ่งทองคำกำหนดชีพจร เป็นเคล็ดวิชาลับสำหรับใช้ในการกำหนดจุดที่ตั้งชีพจรของฮวงจุ้ย แนวเส้นเลือดมังกรในภูเขาและแม่น้ำ แบ่งทองคำมาจากเข็มทิศจีนซึ่งถือว่าเป็นเข็มทิศชั้นสูง ประกอบด้วยสามขีดแปดรูป 10กิ่งฟ้า 12ก้านดิน หลังจากการเปลี่ยนแปลงได้เพิ่ม 24ภูเขาเข้าไป แบ่งออกเป็น 120ส่วน เรียกว่า 120ทองในฮวงจุ้ย

ปล. เรื่องนี้อาจมีคำศัพท์เกี่ยวกับฮวงจุ้ยอยู่เยอะ ซึ่งผมไม่ได้มีความรู้ในด้านนี้ แต่จะพยายามหาข้อมูลมาให้ได้มากที่สุดครับ หากผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยครับ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด