ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0126
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0128

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0127


บทที่ 39 รังมด (2)

* * *

พวกเราเริ่มสนใจแมลงตรงหน้า แต่คนละคนตีความผลการสำรวจของจอห์นสันและกังวลแตกต่างกันไป

จินซอยอนพูดเป็นคนแรก

“รูปร่างแบบนี้… ฉันเคยเห็น”

“ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย”

จินซอยอนบรรจงยกสิ่งประดิษฐ์ขึ้น

หากจะให้อธิบายอย่างง่าย มันคล้ายกับท่อประปายาว แต่ฟันเลื่อยทั้งสองฝั่งคือเครื่องพิสูจน์ว่า มันคือส่วนหนึ่งของเครื่องจักรใหญ่

เหนือสิ่งอื่นใด วัสดุไม่ใช่โลหะจากโลกมนุษย์

“คุณรู้ใช่ไหมว่า OWIC ไม่ใช่บริษัทเดียวที่ศึกษาต่างโลก จากทั้งหมด มีบางบริษัทที่ชำนาญสิ่งประดิษฐ์ในต่างโลกเป็นพิเศษ… OWIC มีกำลังคนไม่พอ ในหลายครั้งก็ต้องจ้างเอาต์ซอร์ส” (Outsource)

“เช่นพวกฮาวนด์?”

“ระบุให้ชัดก็คือ สมาคมฮาวนด์”

ซอจีอาที่ยืนฟังเรื่องราวพยักหน้า

“ข้าเคยรับงานจากพวกเขาจนอู้ฟู่”

“ก็คงอย่างนั้น เราได้รับรายงานว่าจีอาถูกสมาคมฮาวนด์จ้างบ่อยมาก… ถ้าจำไม่ผิด ชิ้นส่วนกลไกต่างๆ ที่ OWIC ค้นพบในต่างโลกจะมีหน้าตาทำนองนี้หมด”

บทสรุปไม่ซับซ้อน ตำแหน่งของเบสแคมป์และบริเวณใกล้เคียงต้องเคยเป็นอารยธรรมมาก่อน และจนถึงทุกวันนี้ เศษซากอารยธรรมยังคงถูกค้นพบอย่างต่อเนื่อง

ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อตระหนักว่าอารยธรรมนี้ค่อนข้างเก่าแก่ ฉันเริ่มเปลี่ยนใจ

“เจ้าจะทำยังไงต่อ”

ลิลี่ถามราวกับอ่านเจตนาฉันออก

ตอนแรกคิดว่าจะแวะเข้าไปเที่ยวชิลๆ เพราะอยากให้ทุกคนเห็นมุมพิเศษในต่างโลกที่ฉันเห็นมาตลอด

แต่เรื่องราวเปลี่ยนไปแล้ว

“เดี๋ยวค่อยมากันใหม่”

“…มาใหม่?”

ชาโซฮีถามด้วยน้ำเสียงเสียดาย

แต่จุดยืนของฉันมั่นคง จะไม่บุ่มบ่ามสำรวจขณะที่ยังมีตัวแปรนอกการควบคุมเด็ดขาด

หรืออย่างน้อยก็ต้องระบุให้ได้ว่าตัวแปรนั้นคืออะไร

“ถ้าอยู่คนเดียว ฉันคงลุยเข้าไปด้วยความตื่นเต้น แต่ไม่ใช่กับตอนนี้ การดันทุรังจะทำให้พวกเธอเป็นอันตราย”

ตัวฉันไม่เคยกลัวอันตรายที่อยู่นอกเหนือความควบคุม แต่นั่นคือในกรณีที่ฉันรับความเสี่ยงคนเดียว

แต่จะล้มเลิกแผนก็ไม่ได้ ฉันเสียดายโอกาส จึงตัดสินใจมองหาความหวัง

“ฉันจะลองหาข้อมูลเพิ่มก่อน”

“หาข้อมูลเพิ่ม? แปลว่านายจะลงไปคนเดียว? ถ้าลงไปแล้วก็จัดการธุระให้เสร็จเลย พวกเราไม่ลงก็ได้ ลงไปก็คงไม่มีอะไรทำอยู่ดี”

“มีวิธีสืบข้อมูลโดยไม่ต้องลงไปข้างล่างอยู่”

ได้ยินแบบนั้น ซอจีอาครุ่นคิดสักพักก่อนจะพูด

“ภูตวิญญาณ?”

ถูกต้อง

เซลฟีต้องรู้อะไรแน่

“ทุกคนกลับสำนักงานไปพักผ่อนก่อน ฉันจะกลับไปช่วงเย็น ถึงตอนนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะถอยหรือไปต่อ”

ทุกคนพยักหน้า ฉันกับลิลี่เดินไปทางภูเขาหินฝั่งตะวันตก

“ไปกันเถอะ”

“โฮ่ง!”

รู้ตัวอีกที จอห์นสันเปลี่ยนกลับเป็นลูกหมาและเดินตามฉัน

* * *

เราเข้าถ้ำภูเขาหินฝั่งตะวันตก และเดินลงไปตามทางลาดชัน

จุดที่เคยต้องลงด้วยเชือกกลายเป็นบันได — บันไดจากพืชที่แผ่รากอิสระ มอบความงดงามตามแบบฉบับธรรมชาติ

เซลฟียังคงรอเราที่โพรงเดิม

ถ้ำใต้ดินที่นี่มืดมาก เวลาปกติต้องพึ่งพาแสงจากโมห์ส mohs

แต่ตอนนี้เต็มไปด้วยละอองแสงสีเขียวที่ช่วยนำทางไปหาเซลฟี

“ไม่ได้เจอกันนาน เซลฟี”

「ท่านสนุกกับการเดินทางครั้งนี้ไหม? 」

หงึก

เซลฟีตัวใหญ่ขึ้นชัดเจน

แม้ภูตชีวิตจะดูไม่เหมือนสไลม์ แต่ฉันกลับเห็นเป็นแบบนั้น

เมื่อผสานเข้ากับสปริกแกนคลุ้มคลั่งจากทางใต้ ขอบเขตอิทธิพลของเซลฟีจึงแผ่ขยายไปไกล ตอนนี้ครอบคลุมถึงหมู่บ้านทางใต้แล้ว

ฉันอธิบายสถานการณ์เบื้องต้นกับเซลฟี ถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรังแมลงใต้ดินที่จู่โจมหมู่บ้าน และซากสิ่งประดิษฐ์ที่ค้นพบใกล้กับรัง

“เซลฟี ในเมื่อนายเดินทางได้อย่างอิสระ แผนที่ของนายก็ไม่น่าจะมีข้อผิดพลาดใช่ไหม”

「พวกเราไปได้ทุกทีที่มีรากภูเขา」

ถ้าอย่างนั้นก็น่าแปลก ทำไมเซลฟีถึงไม่รู้ว่ามีโพรงกว้างใต้ดินใกล้กับเบสแคมป์?

ใหญ่จนไม่น่าจะละเลยได้

เซลฟีได้ยินเช่นนั้น ร่างกายคล้ายสไลม์เด้งดึ๋งเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังจ้องจอห์นสันแม้ตัวเองจะไม่มีตา

จอห์นสันเอาแต่หายใจหอบพลางวิ่งไล่แสงไฟใกล้ๆ

「นายท่านดูนี่」

จุดแสงหลายพันดวงที่รวมกันเป็นเซลฟี แผ่ขยายจนเต็มโพรงถ้ำ

หากฝุ่นทุกเม็ดในอากาศสามารถส่องแสง มันก็คงจะออกมาเป็นภาพตรงหน้า

ฉันตกตะลึงกับความงามของฉากที่เซลฟีแสดงให้เห็น และตระหนักว่าอีกฝ่ายจะให้ดูอะไร

“…จอห์นสัน”

รู้ตัวอีกที จอห์นสันกำลังนั่งนิ่ง

ไม่ใช่แค่นั่ง คล้ายกับร่างกายสั่นระริกเล็กๆ

มันกลัวการเปลี่ยนแปลงกะทันหันของเซลฟี?

เมื่อสังเกตอย่างละเอียด ฉันพบว่าไม่ใช่

ท่ามกลางแสงดาวนับพันในอากาศ รอบตัวจอห์นสันกลับมืดสนิท คล้ายกับหลุมดำบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาว

แสงของเซลฟีไม่เข้าใกล้จอห์นสัน

「พวกเราคือสปริกแกน สัญลักษณ์แห่งชีวิต เป็นธรรมดาที่จะถูกผลักไสจากสิ่งมีชีวิตซึ่งตรงข้ามกับชีวิต เปรียบดังแม่เหล็กคนละขั้ว」

ฉันเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะสื่อ

“นี่คือเหตุผลที่นายไม่พบโพรงกว้างใต้เบสแคมป์?”

แสงสว่างรวมกันในจุดเดียวและกลายเป็นต้นไม้

「ด้วยเหตุผลบางประการ พลังของข้าอาจแผ่ไปไม่ถึงบางแห่ง จนมิอาจรับรู้บางสิ่ง」

“มิติที่เซลฟีตรวจจับไม่พบ…”

อย่างน้อยก็คงไม่ใช่มิติที่น่าเบื่อ

“เซลฟี มาที่เบสแคมป์ด้วยกันได้ไหม คงใช้เวลาไม่นาน”

「เป็นเพราะนายท่าน ข้าจึงแข็งแกร่งขึ้นมาก สามารถอดทนได้นานขึ้นในมิติที่ปราศจากพลังธรรมชาติ」

“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนด้วย”

พูดจบ ฉันก้าวถอยหลัง เป็นจังหวะที่ดีสำหรับใช้ความคิด

อันดับแรก ฉันหวนนึกถึงเหตุการณ์ ‘ผี’ ในเบสแคมป์

ผีอาจไม่ใช่ของหายากในต่างโลก แต่ก็ไม่ได้หาง่ายเท่านกกระจอกบินเกาะกิ่งไม้

“เจ้าเจอเรื่องปวดหัวเข้าแล้ว”

ขณะฉันครุ่นคิด ลิลี่พูดขึ้น

เมื่อหันไปมอง เธอกำลังจ้องกลับมา

“ปวดหัว?”

“ฟังจากที่สปริกแกนพูด หมู่บ้านของเจ้าตั้งอยู่ในทำเลไม่ดีเท่าไร แต่ก็เรียกนักบวชมาทำพิธีปัดเป่าไม่ได้ เพราะพวกเจ้าไม่ได้นับถือศาสนจักรเทวราชา”

“หืม… อย่างนี้นี่เอง”

“หา?”

ลิลี่ขมวดคิ้ว

“อะไรคืออย่างนี้นี่เอง? เจ้าไม่ได้กังวลเรื่องนี้อยู่หรือ”

“ไม่ เพิ่งคิดว่า ‘จริงด้วย’ หลังจากได้ยินเธอพูด”

“แล้วจะทำยังไงต่อ”

“หืม…”

ฉันคิดจะทำอะไรต่อ?

“ก็ต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น”

“…แต่เจ้ายังไม่มีข้อมูลอะไรเลย”

“ถึงต้องไปดูหน้างานไง”

“…เฮ้อ”

จ้องสิ่งประดิษฐ์ที่จอห์นสันคาบมาสักพัก ฉันรีบกลับหมู่บ้าน ใช้เวลาไม่นานก็ถึงเบสแคมป์

จะว่าไป ฉันเพิ่งเข้ามาในเบสแคมป์เป็นครั้งแรกหลังจากเดินทางลงใต้

สิ่งแรกที่สัมผัสได้ สายตาผู้คนที่มองมาเปลี่ยนไปชัดเจน และมันกวนใจอย่างบอกไม่ถูก

ฉันตรงดิ่งไปยังใจกลางหมู่บ้านโดยพยายามไม่สนใจ

“คุณครับ…”

เมื่อหันไปทางต้นเสียง ฉันเห็นคู่หนุ่มสาวกำลังมองมา

“มีอะไร”

“ขอถ่ายรูปได้ไหมครับ”

“…”

ฉันพยักหน้าเพราะการปฏิเสธคงดูเย็นชาเกินไป ไม่นานคู่หนุ่มสาวก็มายืนขนาบข้างฉัน

ขณะเตรียมถ่าย ผู้ชายพูดขึ้น

“เอ่อ… ถ้าเป็นไปได้ ผู้หญิงแวมไพร์คนนั้น…”

“…ลิลี่”

“หือ? ข้า? มีอะไร”

ลิลี่สะดุ้งด้วยอาการประหม่า

“มานี่”

เมื่อลิลี่เดินมาแทรกกลางระหว่างพวกเรา เจ้าของกล้องกดรีโมตเพื่อถ่าย เสียงชัตเตอร์สร้างความตกใจให้เธอไม่น้อย

“…นี่มันเรื่องอะไร”

“คิดว่าเป็นธรรมเนียมของหมู่บ้านก็แล้วกัน”

“ธรรมเนียมอะไรถึงต้องยืนเรียงกันหน้าอุปกรณ์จับวิญญาณ?”

ฉันขี้เกียจอธิบาย ก็เลยปล่อยผ่าน

จากนั้น ฉันอัญเชิญจอห์นสัน

พอรู้ตัวอีกที รอบตัวเต็มไปด้วยไทยมุง

ด้วยความสัตย์จริง ฉันขี้เกียจปิดบังแล้ว และพยายามไม่แยแสสิ่งรอบข้าง

ไม่นานก็ตระหนักได้ว่า ฉันไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาเลยจริงๆ

ไม้เท้าคนตายส่องแสงฟ้าคราม ละอองพลังงานสีฟ้าทยอยมารวมตัวจนกลายเป็นลูกสุนัข

จอห์นสันกระดิกหางและจ้องฉันเหมือนทุกครั้ง

ฉันยื่นท่อโลหะเก่าออกไป จอห์นสันขยับจมูกเข้ามาใกล้และดม

“จำกลิ่นนี้ให้ดี”

จอห์นสันฟุดฟิดจมูกสักพักก่อนจะนั่งลงอ้าปากหายใจ เป็นนัยว่าจำกลิ่นได้แล้ว

“ตามหาที่ที่มีกลิ่นแบบนี้ ถ้าเจอให้รีบกลับมาบอกฉัน เข้าใจไหม?”

“โฮ่ง!”

จอห์นสันขานรับและวิ่งออกไปทันที

เพียงพริบตาก็กลายเป็นหมาป่าตัวใหญ่ ไทยมุงรอบๆ ตกตะลึงจนบางคนหงายหลังล้ม เกิดเป็นความวุ่นวายย่อมๆ จนรปภ.เกือบต้องมาดู

* * *

ฉันนัดพบชาโซฮี จินซอยอน และซอจีอาที่ห้องอาหารโรงแรม

นานๆ ทีได้ดื่มกาแฟก็ไม่เลว

ลิลี่จ้องกาแฟตรงหน้าสักพัก ก่อนจะจิบพร้อมกับทำหน้าทำตา

“…ขม… อุก”

“ต่างโลกไม่มีกาแฟรึไง”

ชาโซฮีมองอย่างอารมณ์ดี

จินซอยอนอยากเรียนรู้วัฒนธรรมชาวต่างโลกผ่านลิลี่

“กาแฟ… ข้าเคยเห็นท่านแม่ดื่มอะไรที่คล้ายๆ แบบนี้…”

“อ่อ… ลิ้นยังเด็กอยู่สินะ”

“ใครเด็ก!”

ขณะนั่งมองลิลี่ทำตัวมีปมกับอายุ ฉันถามชาโซฮี

“ช่วงนี้ที่โซลพูดถึงฉันว่ายังไงบ้าง”

“ที่โซล?”

ชาโซฮีตอบทันที

“ถ้านายเริ่มทำยูทูป ผู้ติดตามคงถึงหนึ่งล้านในคืนเดียว”

“……”

หากเป็นเมื่อก่อน หนึ่งล้านไม่ต่างอะไรกับเรื่องเพ้อฝัน

ชาโซฮีโน้มตัวเข้ามาใกล้พลางหัวเราะ

“พูดถึงเรื่องนี้ นายไม่อยากลองทำยูทูปจริงๆ หรือ”

“…ยูทูปสินะ”

ขณะฉันไตร่ตรองคำตอบ

“โฮ่ง!”

เสียงเห่าดังมาจากด้านนอก ดูเหมือนจอห์นสันจะมาแล้ว

“ฟังจากน้ำเสียง คงไปเจออะไรมาแน่”

“ไปดูกันเถอะ!”

จินซอยอนที่นั่งฟัง วิ่งออกมานอกโรงแรมเป็นคนแรก

ฉันเดินตามมาและเห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนมุงจากระยะไกล บางคนถ่ายรูปหมาป่าผีเพื่อนำไปลงโซเชียลมีเดีย

ฉันวิ่งตามจอห์นสันที่คอยนำทาง

ใต้ฝ่าเท้า แสงสีเขียวผุดขึ้นมาเหมือนหมอกและลอยตามตลอดทาง

ไม่ใช่ใครนอกจากเซลฟี

“…นายทำแบบนี้ได้ยังไง? สอนบ้างสิ! ไปหาของแบบนี้มาจากไหน?”

“สรุปแล้ว นายไม่ใช่คนของโลก แต่เป็นชาวต่างโลกสินะ! ฉันได้ยินว่า OWIC กำหนดให้นายเป็นตัวตนเหนือธรรมชาติ+”

ฉันยังคงวิ่งตามจอห์นสันโดยไม่สนใจเสียงตะโกนเหลวไหลของใครบางคน

แต่ทิศทางค่อนข้างประหลาด จอห์นสันไม่ได้วิ่งออกนอกหมู่บ้าน แต่ลึกเข้าไปข้างใน

เบสแคมป์คือหมู่บ้านที่สร้างติดกับภูเขาหินลูกหนึ่ง

ภูเขาหินตั้งอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน

ภายในภูเขาหิน ครึ่งล่างคือประตูมิติ

ทิศทางการวิ่งของจอห์นสันคือประตูมิติ โชคดีที่ปลายทางไม่ได้ตรงเข้าไปในประตู ไม่อย่างนั้นเวรยามคงวิ่งเข้ามาจับลิลี่

เมื่อเข้าใกล้ภูเขาหิน พวกเราอ้อมไปทางด้านข้างภูเขา

“โฮ่ง!”

จอห์นสันหยุดตรงรอยแตกในจุดหนึ่ง เป็นรอยแตกยาวแนวนอน

แต่เมื่อมองดูให้ดี นี่ไม่ใช่แค่รอยแตก แต่เป็นช่องว่างลึกเข้าไป

“…”

จอห์นสันพูดไม่ได้ จึงเอาแต่เงยหน้ามอง

แต่ฉันสัมผัสได้ อากาศที่ซึมออกมามีกลิ่นโลหะจางๆ

“ข้างในนี้…?”

ชาโซฮีพูดขณะเดินเข้ามาใกล้

เธอจ้องสักพักก่อนจะส่ายหน้าเป็นนัยว่าไม่เห็นอะไร

“…ต้องทำลายทิ้งสินะ? ซอยอน เธอมีไดนาไมท์ไหม?”

“จะไปมีของแบบนั้นได้ยัง…”

ฉันมองเซลฟี

ไม่เห็นต้องใช้ระเบิด…

“เซลฟี รบกวนด้วย”

「น้อมรับบัญชา」

แสงสีเขียวอ่อนของเซลฟีดูจะเข้มขึ้นเล็กน้อย รากต้นไม้ผุดขึ้นจากดินและพยายามแทรกเข้าไปในช่องว่าง

เปรี้ยะ!

ผิวหินเริ่มปริแตก

รอสักห้านาทีเห็นจะได้

แกร่ก!

ช่องว่างบนแผ่นหินกว้างขึ้น เศษฝุ่นและหินจำนวนมากพรั่งพรูออกมา

ตามปกติแล้ว ภูเขาหินทั่วไปจะไม่เกิดปรากฏการณ์ทำนองนี้ในตอนที่ผิวแตก

หมายความว่าข้างในเป็นโพรง

และสิ่งที่อยู่ข้างใน…

“ประตู?”

“…ดูเหมือนประตูปราสาท สไตล์แบบนี้… ฉันเคยเห็น”

“พระเจ้า…!”

ชาโซฮีจับแขนฉันไม่ให้ล้วงเข้าไป

ฉันไม่คิดจะทำอยู่แล้ว ในเมื่อยังไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร จำเป็นต้องระวังเป็นพิเศษ

ตอนนี้ในหัวฉันมีความคิดเดียว

“ซอยอน”

“…ค่ะ”

“OWIC ไม่รู้เรื่องนี้จริงหรือ”

จินซอยอนไตร่ตรองสักพัก

“ถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้… คงพยายามกันไม่ได้คนนอกเข้ามาได้แต่แรก”

ฉันหันกลับไปมอง

ใช้เวลาราวสิบนาที เพื่อเดินจากรั้วหมู่บ้านอ้อมมาถึงที่นี่

“ถ้าอย่างนั้น… OWICก็เป็นพวกสมองกลวง”

ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดแบบนี้

“…มีคำกล่าวที่ว่า แม้แต่ใต้ตะเกียงก็ยังมืด… คงไม่มีใครคิดว่าในภูเขาจะมีอะไรซ่อนอยู่ แล้วก็… คงไม่ดีนักถ้าจะพังภูเขาแบบที่คุณทำ… จริงอยู่ ทางบริษัทอาจมีเครื่องตรวจจับทางธรณีวิทยา แต่ก็…”

จากนั้น เธอถอนหายใจยาว

“พวกเขาคงสมองกลวงจริงๆ”

“…ใช่”

ซอจีอาพยักหน้ารับราวกับเห็นด้วยอย่างแรงกล้า

ฉันเหยียดแขนเข้าไปใกล้ประตู

จากนั้นก็บรรจงสัมผัสด้วยปลายนิ้ว

สิ่งแรกที่พบคือชั้นฝุ่นหนา

หลังจากปัดฝุ่นออกอย่างระมัดระวัง ปลายนิ้วเลื่อนพบอักษรรูนสลักหนึ่งแถว

เริ่มจากตรงกลาง ฉันใช้ปลายนิ้วลูบคลำเพื่อถอดความหมาย

“อินเดลานี… อาร์เมซิลล่า”

“มันเขียนไว้แบบนั้น?”

ฉันพยักหน้าให้คำถามของชาโซฮี

ลิลี่จดจำประโยคดังกล่าวได้ทันที

ฉันก็เหมือนกัน

“…เซลฟี”

「ขอรับ」

“นายเคยบอกว่า สปริกแกนจะใช้ชื่อสถานที่แทนชื่อตัวเอง”

「…นายท่านยังจำได้」

ฉันเคยคิดว่ามันยาวมาก ก็เลยเรียกย่อๆ มาตลอด

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันยังไม่ลืมชื่อเต็ม

「เซลฟี·อินเดลานี-อาร์เมซิลล่า… ในภาษาของยุคนี้มีความหมายว่า ดินแดนการเริ่มต้นอันเงียบสงบ เป็นชื่อที่ราชันทองคำประทานให้เมื่อนานมาแล้ว」

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (4/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด