ตอนที่แล้วตอนที่ 43 : บาดเจ็บ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 45 : เนตรทองคำจับจ้อง

ตอนที่ 44 : รอยแยกทมิฬ


หลินมู่ในขณะนี้อยู่ที่ห้วงหลับใหล เขากำลังฝึกการใช้ดาบสั้นอยู่ เขาตัดสินใจว่าตอนที่เขาอยู่ในโลกจริง เขาจะบ่มเพาะและฝึกพลังของตัวเอง และจากนั้นก็เข้าสู่ห้วงหลับใหลเพื่อที่จะฝึกการใช้อาวุธ นี่คือหนทางใช้เวลาให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะคิดได้

สิ่งแรกที่หลินมู่ดูก็คือต้นแอปเปิ้ลจิตในห้วงหลับใหล เขามองและเห็นว่ามีแอปเปิ้ลจิตอีกลูกที่กิ่งไม้ แต่แอปเปิ้ลจิตนั้นยังดูเล็กและดูไม่พร้อมรับประทาน ดังนั้นหลินมู่จึงรอให้มันสุกบนต้น

การฝึกใช้อาวุธนั้นเป็นไปได้ด้วยดีสำหรับหลินมู่ แต่เขาก็ยังคงคิดว่าเขายังขาดอะไรบางอย่างไป เขารู้สึกว่าเขาต้องการตำราอาวุธที่เหมาะสมหรือไม่ก็อาจารย์ที่จะสอนการใช้อาวุธที่ถูกที่ควรกับเขาได้

‘บางทีข้าน่าจะซื้อตำราจากร้านจิงเหว่ยได้ ถึงแม้ว่ามันอาจจะแพงก็เถอะ’

หลินมู่คิด

เขาคิดว่าจะออกจากห้วงหลับใหลหลังจากรู้สึกเพลียสมองและออกมา เขารู้ว่าถ้าเขาออกจากห้วงหลับใหลแล้วเขาจะได้หลับตามปกติ ขณะที่หลินมู่อยู่ในห้วงหลับใหลนั้นเขาไม่รู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยล้าเลย แต่ถ้าหากฝึกไปสักระยะแล้วเขาจะเหนื่อยในจิตแทน

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาหลินมู่ตื่นขึ้นด้วยความสดใส เขายกศีรษะจากหมอนข้างนุ่มสบายที่เจอเมื่อวงาน แม้ว่าเขาจะคิดว่าทุกสิ่งที่ได้มานั้นไร้ประโยชน์ แต่ในตอนก่อนจะนอนเขาก็คิดว่าอย่างน้อยจะได้ใช้หมอนข้างอย่างที่ตั้งใจไว้

หมอนข้างนั้นเป็นของคุณภาพดีที่สุดที่หลินมู่เจอในรอยแยกมิติ มันนุ่ม มีสีขาว และผ้าที่ดูเหมือนว่าทำมาจากเส้นไหมคุณภาพสูงในแดนตะวันออก การใช้หมอนข้างเป็นหมอนเพื่อพักศีรษะนั้นทำให้เขานอนหลับดีขึ้น

หลังจากตื่นนอน หลินมู่ทำอาหารเช้าและบ่มเพาะพลังด้วยบทพรากดวงใจ กว่าอาหารเช้าจะพร้อม พลังปราณของเขาก็เพิ่มขึ้นมา 25 เสี้ยวเป็น 525 เสี้ยวพลัง เมื่อวานหลินมู่ทำได้แค่ฟื้นพลังปราณกลับมาปริมาณเท่าเดิมและไม่ได้บ่มเพาะต่อ

หลินมู่กินอาหารเช้าและนั่งลงท่องบทสงบใจ ขณะที่ดูดซับพลังชีวิตอยู่นั้นเขาสัมผัสได้ว่าความสามารถในการเก็บพลังชีวิตของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เขาประเมินเองไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาดูดซับและย่อยพลังชีวิตได้มากเพียงใดเพื่อที่จะก้าวหน้าต่อไปในการบ่มเพาะขอบเขตร่างกาย

แม้ว่าจะไม่จำเป็นสำหรับหลินมู่ในการฝึกตนในขอบเขตร่างกายอีกแล้วเพราะว่าเขาตัดสินใจจะเป็นผู้บ่มเพาะพลัง แต่เขาก็อยากจะฝึกต่อไปเท่าที่ทำได้ เพราะพลังชีวิตนั้นยังเป็นพลังที่ใช้ได้กับหมัดทลายศิลา

แต่เขาคงไม่ได้ใช้การผสานพลังชีวิตกับพลังปราณในเร็ว ๆ นี้แน่นอน

‘ต้องออกไปล่าสัตว์แล้ว ตอนนี้ด้วยร่างกายขั้น 10 กับพลังที่ข้าบ่มเพาะมา ข้าน่าจะล่าสัตว์ชั้นสูงได้แบบไม่มีปัญหาอะไรนัก ถ้าหากระวังตัวดีน่ะนะ’

หลินมู่คิด

จากนั้นหลินมู่จึงเดินไปตามทางที่เขาวางกับดักไว้ เขาได้หนูหางหนามจากกับดักมาบ้างซึ่งจะใช้มันเป็นเหยื่อล่อ หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนเส้นทางและเดินไปยังป่าที่ลึกขึ้น

ขณะที่เขาเดินไปยังป่าลึกนั้น หลินมู่สังเกตว่าจำนวนประชากรสัตว์ในป่านั้นดูจะกลับมาเหมือนเดิมแล้ว

ในการเดินป่าล่าสัตว์ที่ผ่านมาหลายครั้ง เขาต้องเจอกับความยากลำบากเพราะขาดเหยื่อให้ล่า จำนวนสัตว์ในป่านั้นลดลงด้วยเหตุผลที่เขามิอาจล่วงรู้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะกลับมาปกติแล้ว

“ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้สัตว์กลัว ตอนนี้มันก็น่าจะไปแล้ว”

หลินมู่พึมพำกับตัวเอง

หลินมู่เริ่มค้นหาสัตว์เพื่อล่าเมื่อมาถึงตำแหน่งที่เหมาะสม เขาอยากจะล่าสัตว์ขั้นกลางถ้าหากหาขั้นสูงไม่เจอ เพราะเนื้อของสัตว์ที่ต่ำกว่านั้นจะไม่พอกระเพาะของเขา และการล่าสัตว์ขั้นที่สูงกว่าจะช่วยเติมเงินในกระเป๋าจากการขายวัตถุดิบจากสัตว์ให้เขาด้วย

ไม่นานหลินมู่ก็เจอเหยื่อแรกซึ่งเป็นกวางเกือกหิน เขาเคยเห็นกวางเกือกหินมาบ้างแต่ก็ไม่กล้าล่าเพราะมันอาศัยรวมกันเป็นฝูง ถ้าหากทำให้ทั้งฝูงตกใจ พวกมันจะต้องกระทืบเขาอย่างไร้ปรานีด้วยเกือกเท้าที่แข็งพอ ๆ กับหินแน่นอน

แต่ตอนนี้เขามีร่างกายขั้น 10 แล้วและยังเป็นผู้บ่มเพาะพลังด้วย มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับเขา

หลินมู่เลือกตัวที่นับว่าไกลจากฝูงและเข้าหามันอย่างเงียบเชียบ เขาเรียกหอกออกมาจากแหวนเมื่อห่างจากมันเพียงสองเมตร

หลินมู่กระตุ้นพลังปราณในตันเถียนนำทางสู่เส้นปราณในขา เมื่อพลังปราณมาถึงขาแล้ว มันเพิ่มพละกำลังกล้ามเนื้อขาของเขาและช่วยเพิ่มความเร็ว

หลินมู่รวมพลังในขาและพุ่งตัวออกไป เขาเล็งปลายหอกที่หัวของกวางเกือกหิน หลินมู่จบชีวิตของกวางเกือกหินอย่างง่ายดายด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจากพลังปราณ

ต่อมาเขาก็แตะศพกวางและเก็บไว้ในแหวนเพื่อที่กลิ่นเลือดจะได้ไม่กระจายออกไป

หลินมู่มองรอบ ๆ และเห็นว่าฝูงกวางไม่รู้ตัว

‘ถ้างั้นข้าก็แค่ต้องล่าต่อ’

หลินมู่คิด

สามสิบนาทีต่อมา หลินมู่ล่ากวางเกือกหินได้อีกสามตัว แต่พวกมันก็เห็นเขาและหนีไปในตอนที่เขาจะล่าตัวที่ห้า

‘หนังกวางสี่ตัวน่าจะขายได้ซักหนึ่งทองล่ะมั้ง’

หลินมู่เดา

เมื่อกวางเกือกหินหนีไปแล้ว หลินมู่ก็เริ่มค้นหาเหยื่อต่อไป เขาใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าจะหาเหยื่อเจอ

เหยื่อในคราวนี้คือสัตว์ที่ดูเหมือนกับแมวป่า มันมีสามหางและมีเขาเล็ก ๆ งอกออกมาจากกลางหน้าผาก นี่เป็นครั้งแรกที่หลินมู่เห็นสัตว์ประเภทนี้และไม่รู้จักชื่อของมัน

หลินมู่เห็นเจ้าแมวป่าที่สังหารหมูป่าจมูกแดงอย่างง่ายดายและคิดว่ามันน่าจะมีร่างกายขั้น 8 หลินมู่ตามมันไปสักระยะจนกระทั่งแน่ใจว่าถึงตำแหน่งที่ดีสำหรับเขา เขาไม่อยากจะให้มันหนีไปแม้ว่าเขาจะคิดว่ามันจะหนีอยู่แล้ว

หลินมู่มาถึงทางเล็บที่แคบและเชื่อมต่อกับถ้ำ เขาเดาว่าน่าจะเป็นรังของมัน หลินมู่ดึงหอกออกมาและรวบรวมพลังปราณไปที่ขา เขากระโจนเข้าใส่มันและแทงขามันได้

แมวป่าสามหางได้กลิ่นอายของเขาและหลบหอกเล็งหัวได้ มันร้องด้วยความเจ็บปวดและหนี หลินมู่วิ่งเข้าหามันและโจมตีอีกครั้ง ครั้งนี้หลินมู่พลาดแต่ก็ไม่สนใจ เขาทิ้งหอกให้ปักอยู่บนพื้นและกลิ้งไปที่ข้างตัวมัน

ทันทีที่มาถึงด้านข้างของแมวสามหาง หลินมู่เรียกดาบสั้นออกมาแทงไปที่ชายโครง ดาบสั้นทะลุผ่านซี่โครงถึงหัวใจของมัน

~เฮ่อ

หลินมู่ถอนหายใจและเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก

หลินมู่ค้นหาสัตว์ต่อไปและหยุดล่าหลังจากผ่านไปสี่ชั่วโมง เขาได้สัตว์ขั้นกลางสามตัวและขั้นสูงอีกสองตัวในสี่ชั่วโมงนี้ เขาเงยหน้ามองท้องนภาของป่าและเห็นดวงอาทิตย์ เขาเดาเวลาว่าน่าจะประมาณบ่าย 3 โมง

หลินมู่กลับกระท่อม จากนั้นจึงเดินไปที่ลำธารเพื่อชำแหละและเตรียมเนื้อสัตว์ เขาจัดการเสร็จในหนึ่งชั่วโมงและเดินกลับกระท่อมแล้วจากเก็บซากและวัตถุดิบสัตว์ในแหวนแล้ว

ขณะที่เดินกลับ เขาเห็นเหล่าจุดดำที่กลับมา เขานับได้เจ็ดแห่งแค่จากทางกลับกระท่อม และเมื่อกถึงกระท่อมเขาก็เห็นมันมากกว่าเดิมลอยอยู่รอบ ๆ ที่จริงเขาเห็นจำนวนของมันเพิ่มเกือบจะสองเท่าเลยทีเดียว

“วันนี้ข้าจะได้อะไรบ้างนะ”

หลินมู่หัวเราะเบา ๆ

หลินมู่เปิดทุกรอยแยกมิติทีละหนึ่งที่และค้นหาของข้างใน หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงของการค้นหารอยแยกมิติ เขานับได้ว่าเขาเปิด 28 จุดในวันนี้ แต่เขาได้ของกลับมาแค่สามชิ้นเท่านั้น!

‘ทำไมวันนี้ถึงมีของน้อยนักล่ะ?’

หลินมู่สงสัย

ของสามชิ้นที่หลินมู่เจอคือรองเท้าเก่าหนึ่งข้าง ไม้ถือที่พัง และกระเบื้องหลังคาหนึ่งชิ้น ของทั้งหมดดูไร้ประโยชน์กับหลินมู่อีกแล้ว ขณะที่มองดูของทั้งสามเขาก็รู้สึกว่าอากาศได้เปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว

เขาหันไปมองและพบว่าสายลมกำลังพัดไปยังทิศทางเดียว มันพัดพาเอาใบไม้แห้งและฝุ่นดินตามไปด้ดวย

หลินมู่มองไปไกลขึ้นด้วยความสงสัยและจู่ ๆ ก็ได้เห็นใบไม้และฝุ่นดินหมุนรอบบางอย่าง เขาเดินไปดูและพบว่าใบไม้กับฝุ่นดินเหล่านั้นกำลังหมุนวนรอบรอยแยกทมิฬที่มีขนาดเท่าฝ่ามือเขา

“อะไรอีกล่ะเนี่ย?”

หลินมู่พูดออกมา

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด