ตอนที่ 43 : บาดเจ็บ
ผ่านไปไม่ถึงนาทีก่อนที่เสียงกรีดร้องของหลินมู่จะดังออกมา ในตอนนี้เสียงก้องกังวาลของการระเบิดได้จางหายไปแล้วและป่าก็กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง เสียงระเบิดนั้นทำให้สัตว์ป่าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่มีใครได้ยินเสียงเหล่าสัตว์ในป่าอีกเลย
หลินมู่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแต่เขายังคงใช้ความคิดได้อยู่ มือซ้ายของเขาบาดเจ็บอย่างรุนแรง กระดูกนิ้วหักและกระดูกแขนก็แทงทะลุออกมาจากศอก โลหิตหยดไหลออกมาจากเนื้อที่ฉีก
พลังที่เกิดจากการหลอมรวมระหว่างพลังชีวิตและพลังปราณนั้นมากเกินไปที่ร่างกายของเขาจะแบกรับไหว ซึ่งทำให้เกิดความคับขันในตอนนี้ขึ้น
หลินมู่พยายามฝืนตั้งสติและเรียกขวดที่มีโอสถฟื้นฟูสี่สายโลหิตออกมาตามสัญชาตญาณ จากนั้นจึงใช้ปากกัดจุกขวดให้โอสถหนึ่งเม็ดเข้าปาก
ทันทีที่โอสถฟื้นฟูสี่สายโลหิตแตะลิ้นหลินมู่ มันก็หลอมละลายและถูกเขากลืนลงไป เมื่อโอสถที่กลายเป็นของเหลวไหลลงกระเพาะ ความรู้สึกเย็นก็กระจายไปทั่วร่างกายและผ่อนคลายเขาจากความทุกข์ระทม
ความเจ็บปวดจางหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ เนื้อมือซ้ายของหลินมู่เริ่มกระดิกและคันเล็กน้อย กระดูกที่แทงทะลุออกมาจากศอกค่อย ๆ ถูกดันกลับเข้าสู่ตำแหน่งที่ถูกต้อง
นิ้วมือที่หักละเอียดของหลินมู่เองก็ถูกผสานเข้าด้วยกัน เนื้อที่ขาดค่อย ๆ ฟื้นฟูตัวเองกลับมา จากนั้นสิบนาทีมือของหลินมู่ก็ถูกรักษาจนเหมือนใหม่
“โอ้สวรรค์! ข้าจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ข้าไม่อยากจะเจ็บแบบนั้นอีกแล้ว”
หลินมู่พูดเสียงดัง
ถ้าหากมีผู้ใดได้เห็นหลินมู่ในตอนนี้พวกเขาจะเห็นหลินมู่ในสภาพที่เหงื่อไหลจนชุ่มตัวและหายใจหอบ
‘ฤทธิ์ของโอสถฟื้นฟูสี่สายโลหิตมันสุดยอดยิ่งกว่าที่ข้าเดาไว้ซะอีก’
หลินมู่คิด
ทันใดนั้นเองหลินมู่ก็รู้สึกแสบร้อนไปทั้งเส้นเลือดและเส้นปราณ
“อ๊ากกก! อะไรกันเนี่ย? ทำไมถึงยังไม่หายเจ็บล่ะ?”
หลินมู่ตะโกน
หลินมู่รู้สึกราวกับเส้นเลือดและเส้นปราณถูกมีดโกนหั่นและกระชากออกจากกัน ความเจ็บแสบร้อนคงอยู่ไม่กี่นาที จากนั้นก็แทนที่ด้วยความอบอุ่นที่ทำให้รู้สึกสบายกาย
หลินมู่รู้สึกถึงพลังปราณที่ไหลผ่านเส้นปราณ เขานั่งลงท่องบทพรากดวงใจเพื่อที่เขาจะได้รับรู้สภาพร่างกายได้อย่างชัดเจน หลินมู่มองดูตันเถียนและพบว่าพลังปราณที่หมดไปถูกฟื้นฟูกลับมาและยังเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
หลินมู่มองดูพลังปราณตัวเองและประเมินว่ามีพลังอยู่ 500 เสี้ยวปราณ
‘พลังปราณข้าเพิ่มขึ้นมหาศาลเช่นนี้เลยรึ? นี่จะต้องเป็นฤทธิ์ของโอสถฟื้นฟูสี่สายโลหิตแน่’
หลินมู่คิด
‘แต่ชายที่ร้านอาหารไม่เคยพูดว่าโอสถมีฤทธิ์เพิ่มพลังบ่มเพาะนี่’
หลินมู่สงสัย
เขาผลักความคิดที่ไม่ต้องการกลับเข้าไปในใจ หลินมู่เลือกที่จะมีความสุขกับสิ่งที่เขาเพิ่งจะได้รับ จากนั้นเขาเดินกลับกระท่อมเพราะเขาใช้พลังชีวิตในกายหมดไปแล้ว
หลินมู่มาถึงกระท่อมหลังจากสิบนาทีและเรียกเนื้อสัตว์จำนวนมากออกมา เขาตั้งเตาเตรียมทำอาหาร เขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากและไม่แม้แต่ปรุงเนื้อด้วยเครื่องเทศ
หลังจากเนื้อสุก หลินมู่กินมันอย่างช้า ๆ ในทีแรกจากนั้นจึงเพิ่มความเร็วในการกินเมื่อพลังชีวิตเริ่มกลับมาแล้ว เนื้อทั้งหมดถูกหลินมู่กินในเวลาไม่นานและถูกร่างกายของเขาย่อย
หลินมู่นั่งลงท่องบทสงบใจเพื่อที่เขาจะได้ฟื้นฟูพลังชีวิตคกลับมา ขณะที่ดูดซึมพลังอยู่นั้นในที่สุดหลินมู่ก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในเส้นเลือดของเขาเอง เส้นเลือดของเขาได้ขยายใหญ่และดูแข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นอย่างมาก
‘นี่ข้าทะลวงพลังเป็นขั้น 10 ด้วยเรอะ?’
หลินมู่อึ้งกับตัวเอง
หลังจากที่หลินมู่ดูดซับพลังชีวิตทั้งหมดจากเนื้อสัตว์เสร็จ เขาก็เริ่มยืนยันได้ว่าเขามีร่างกายขั้น 10 แล้ว
“ไม่เพียงแต่โอสถฟื้นฟูสี่สายโลหิตจะเพิ่มพลังปราณของข้า แต่มันยังผลักดันให้ข้ากลายเป็นขั้น 10 ด้วย”
หลินมู่พึมพำ
และเมื่อตอนนี้หลินมู่กลับมามีร่างกายที่สมบูรณ์พร้อมเต็มที่แล้ว หรือจะบอกว่าดีกว่าเดิมก็ย่อมได้ เขาถึงได้ครุ่นคิดถึงความโชคร้ายก่อนหน้านี้
หลินมู่เข้าใจว่าเขาได้รับประโยชน์ผ่านความเจ็บปวดและเขาเองก็โชคดีอย่างมากที่มีโอสถฟื้นฟูสี่สายโลหิตกับตัว ถ้าหากเขาไม่ได้โอสถจากรอยแยกมิติในวันนั้น วันนี้เขาอาจจะไม่มีชีวิตรอดไปแล้วก็ได้
“ข้าใช้การผสานพลังชีวิตกับพลังปราณไม่ได้อีกแล้ว อย่างน้อยก็จนกว่าจะหาทางแก้ไขได้”
หลินมู่สรุป
‘ต่อให้แค่หมัดทลายศิลาตามปกติก็แข็งแกร่งพอที่ข้าจะใช้ได้กับหลายสถานการณ์แล้ว’
หลินมู่คิด
หลังจากหลินมู่จัดระเบียบความคิดแล้ว ความสนใจของเขาก็ถูกดึงไปหาจุดดำที่ลอยอยู่รอบ ๆ
‘ตอนนี้ข้ามีพลังปราณมากพอแล้ว ถึงเวลาเปิดดูรอยแยกมิติพวกนั้นแล้วสินะ’
หลินมู่คิด
หลินมู่จึงลุกขึ้นเดินไปหาจุดดำที่อยู่ไกลจากเขาเพียงไม่กี่ศอก เขายื่นมือขวาเข้าไป จุดดำขยายเป็นรอยแยกมิติ เขาล่วงมือเข้าไปในรอยแยกและพยายามหาของข้างใน
ความพยายามครั้งแรกของหลินมู่ล้มเหลวเพราะเขาไม่พบอะไรข้างในรอยแยกมิติเลย แต่เขาไม่สูญเสียความหวังและไปต่อที่รอยแยกมิติถัดไป ครั้งนี้เขาเจอของข้างในรอยแยกมิติ
หลินมู่เรียกของสิ่งนั้นออกมาจากแหวนและพบว่าเป็นชิ้นเหล็กเล็ก ๆ ที่หัก ดูเหมือนว่ามันจะเป็นชิ้นส่วนของบางอย่างที่ใหญ่กว่า แต่เขาก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร
หลินมู่ไปดูจุดดำทั้งหมดรอบตัวและหยุดเมื่อหาจุดดำไม่เจออีก เขาเปิดรอยแยกมิติไปทั้งหมด 17 ครั้งและใช้พลังปราณไปราวร้อยเสี้ยว
หลินมู่พบว่าบางรอยแยกมิตินั้นใช้พลังปราณมากกว่า 5 เสี้ยวในการเปิด หลังจากดูรอยแยกมิติทั้งหมดเขาก็ได้ของมาแปดชิ้น แม้ว่าทุกชิ้นจะเป็นของไร้ประโยชน์สำหรับหลินมู่ แต่ก็มีบางอย่างที่ดูน่าสนใจสำหรับเขา
ของที่แปลกประหลาดที่สุดที่เขาเจอในรอยแยกมิตินั้นก็คือหมอนข้างที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี