ตอนที่แล้วตอนที่ 311 ขุนพลวิญญาณทหารผู้แข็งแกร่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 313 นามกระบี่ปลอดสำเนียง

ตอนที่ 312 กระบี่เซียนกักสมุทร


กระบี่มีขนาดกว้างเท่าฝ่ามือและยาวสองเมตรครึ่งซึ่งมีขนาดยาวกว่าตัวถังเทียน ตัวกระบี่ตรงและมีเปลวเพลิงดำไหลอยู่ทั่วตัวกระบี่

ถังเทียนผู้มีเพลิงดำครอบคลุมตัวยืนตรงอยู่พร้อมกับกระบี่  ปราณของเขาแตกต่างจากแต่ก่อนสิ้นเชิงทั้งรุนแรงและเยือกเย็น

กระบี่ของเหมิงเว่ยสั่นและเลือดในตัวนางแทบแข็งค้าง

พลังสายเลือดของกลุ่มดาวก็คือสายเลือดที่ถูกสร้างและเปลี่ยนแปลงจนมีประสบการณ์ภายใต้การเชื่อมโยงกับกลุ่มดาวมาอย่างลึกซึ้งยาวนาน  พลังอัญเชิญสายเลือดดวงดาวเป็นเหมือนจิตวิญญาณยุทธของสมบัติดวงดาวที่กำลังเผาไหม้  ความแตกต่างกันก็คือหลังจากเผาไหม้แล้วสมบัติดวงดาวจะถูกทำลาย แต่สำหรับพลังอัญเชิญสายเลือดดวงดาว  ผู้ใช้จะได้รับผลสะท้อนกลับอย่างรุนแรง  แต่ถ้าผู้ใช้สามารถทนได้  ก็มีความเป็นไปได้ว่าพวกมันอาจเปลี่ยนสภาพ

พลังสายเลือดในร่างของเหมิงเว่ยมีระดับความบริสุทธิ์สูงมากและนั่นทำให้นางเชื่อมต่อกับกลุ่มดาววาฬได้ง่ายมากเมื่อเทียบนักสู้ธรรมดา  เพราะระดับการเชื่อมโยงกับกลุ่มดาววาฬนั่นเอง

แต่ในขณะเดียวกัน นางก็มีความรู้สึกอ่อนไหวกับการเปลี่ยนแปลงของพลังกลุ่มดาว

เมื่อถังเทียนถูกเพลิงดำห่อหุ้มครอบคลุมทั้งตัวการเพิ่มพลังขึ้นของกลุ่มดาววาฬเหมือนต้องการจะปราบปรามเพลิงดำของถังเทียน  แต่เมื่อถังเทียนชักกระบี่ออกมาจากอากาศ  พลังของกลุ่มดาววาฬก็ลดฮวบอย่างรวดเร็ว  เหมือนกับมันรู้สึกว่าไม่มีทางเอาชนะได้

แม้แต่พลังอัญเชิญสายเลือดดวงดาวก็ยังไม่มีโอกาสชนะหรือนี่?

เหมิงเว่ยฝืนหัวเราะขณะที่นางมองดูถังเทียน

คนผู้นี้...เป็นใครกันแน่?

***********************

อาเฮ่อเงยหน้าและจ้องมองถังเทียนที่กำลังอยู่ในท้องฟ้า  หัวใจของเขามีแววกังวลทันที  ท่าจับกระบี่ของถังเทียนไม่ใช่มือใหม่แน่นอน  แต่อาเฮ่อรู้อย่างชัดเจน วิชากระบี่ของถังเทียนมีอยู่เพียงผิวเผินมาก  แต่ปราณในปัจจุบันของถังเทียน...แปลกประหลาดเกินไป...

ราวกับว่าเขาเป็นอีกคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิง

อาเฮ่อพยายามระงับความคิดของเขาและหันมาจ้องผู้เฒ่าจวินโถวอย่างเย็นชา ดูเหมือนเราจำเป็นต้องรีบจัดการเจ้าคนที่อยู่ต่อหน้าเราให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

หลิงซิ่วยังคงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของถังเทียนและตกใจพอๆกัน ร่างที่อยู่ในเปลวเพลิงดำในอากาศเย็นชาและดูระห่ำ  ปฏิกิริยาแรกของหลิงซิ่วก็คือเขาไม่ใช่ถังเทียน!  เพราะถังเทียนมีสมองที่เรียบง่ายและเชื่อมั่นสัญชาตญาณตนเอง ถังเทียนเป็นคนงี่เง่าที่เปิดเผย ไม่ใช่คนเย็นชาและบ้าระห่ำ

ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่!

หลิงซิ่วหรี่ตาแคบ  ตู๋เตา (ดาบเดี่ยว)ที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นเหมือนสัตว์ป่าร้ายจ้องมองเขาด้วยอารมณ์มืดมัว

แม้ว่าเขาจะไม่รู้เหตุผล แต่การโจมตีของศัตรูทำให้เขารู้สึกว่าพวกเขามาจากแหล่งกำเนิดเดียวกับหอกทะเลจุด  แม้ว่าหลิงซิ่วจะรู้ชัดว่าหอกทะเลจุดนี้แข็งแกร่งกว่าก็ตาม

ข้าจำเป็นต้องชนะเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้!

************************

“กักสมุทร!”  ชิวจื่อจวินพูดเสียงสั่น  “กระบี่เซียนกักสมุทร!”

“กะ..กระบี่เซียน?”  ซือหม่าเซี่ยวตะกุกตะกัก  เขาคิดว่าได้ยินผิดไป

ชิวจื่อจวินสงบใจได้  ตาของเขาจับนิ่งอยู่ที่กระบี่  “ประมาณ 1500 ปีที่แล้วมีเซียนกระบี่ประหลาดคนหนึ่งนามว่าอูหวังไห่ มีข่าวลือว่าเมื่อเขายังเยาว์วัย  เขาบรรลุวิชากระบี่อย่างหนึ่งที่สามารถตัดมิติได้ แต่เขาไม่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเซียนผู้ประสบความสำเร็จและด้วยนิสัยที่ประหลาดพิกลเขากลายเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตและฆ่าคน ทำให้เขาต้องมาเผชิญหน้ากับเซียนนักสู้หกคนผู้ไล่ล่าเขา  แต่เขาก็สามารถหลบหนีได้เสมอ หลังจากยี่สิบปีที่ถูกไล่ล่าเขาจึงได้รับการยอมรับในฐานะเซียนกระบี่และเข้าสู่ขอบเขตเซียน  กระบี่ของเขามีนามว่ากักสมุทร  ตำนานกล่าวไว้ว่า  ก่อนเขาตาย เขาโยนกระบี่กักสมุทรไว้ในมิติว่างเปล่า ข้าไม่เคยคาดเลยว่า...”

ซือหม่าเซี่ยวตกตะลึงเขาไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเซียนกระบี่มาก่อน แต่เขารู้ในมุมมองนี้ว่า ศิษย์พี่ของเขาไม่เคยตัดสินผิดพลาด

เซียนกระบี่!

ไม่มีใครรู้ว่ามีเซียนกระบี่เกิดขึ้นในสวรรค์วิถีเท่าใดกันแน่  แต่เซียนกระบี่แต่ละคนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งสุดยอด  บางทีอาจมีมาตั้งแต่ก่อตั้งสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาก็ได้และพวกเขาคงไม่ประหลาดใจ พวกเขามีประวัติศาสตร์ยาวนานและคงรู้ว่ามีผู้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนมีกี่คนกันแน่  แต่สำหรับองค์กรใหม่อย่างสมาคมรวมตระกูล  เซียนกระบี่เหมือนกับเป็นตำนาน

เมื่อนึกถึงว่ากระบี่ที่อยู่ในมือของเจ้าผู้นั้นเป็นกระบี่เซียนเล่มหนึ่งจริงๆ!

เจ้าผู้นี้...มีเบื้องหลังเช่นไรกันแน่....

“เราสามารถชิงเอามาได้ไหม?”  ทันใดนั้นตาของซือหม่าเซี่ยวเป็นประกายดูเจ้าเล่ห์ทันที ก่อนหน้านี้ เขาแค่ทำตัวเหมือนนั่งบนภูดูเสือกัดกันและวางแผนฉวยโอกาสจากวิกฤติเพื่อให้ตัวเขาได้ประโยชน์  แต่ตอนนี้กระบี่เซียนปรากฏจึงทำให้เขาต้องเปลี่ยนแผน

ชิวจื่อจวินส่ายศีรษะ  “เป็นไปไม่ได้ กระบี่นั่นถูกผนึกอยู่ในมิติว่าง ข้าคิดดูแล้ว เปลวเพลิงดำก็คือเพลิงที่ซ่อนอยู่ในมิติว่าง หากปราศจากการเข้าถึงสนามพลังเซียนก็ไม่มีใครทำลายมิติว่างได้

“อย่างนั้นทำไมเขาจึงสามารถชักกระบี่ออกมาได้”  ซือหม่าเซี่ยวถาม

“กระบี่เซียนในมือของเขาไม่ใช่ตัวกระบี่จริง  เป็นแค่เพียงภาพจำลอง”  ชิวจื่อจวินพูดต่อ “ร่างของเขาน่าจะมีผนึกเพลิงที่ซ่อนกระบี่กักสมุทรอยู่ในตัว  เพลิงลับทั้งหมดนี้สามารถสะท้อนกับกระบี่กักสมุทรซึ่งถูกผนึกอยู่ในมิติว่างและนั่นเป็นพลังที่ยืมมา”

“น่าเสียดาย” ซือหม่าเซี่ยวเต็มไปด้วยความเสียดาย ถ้าเขาได้รับกระบี่เซียนอย่างนั้นเสียงของเขาในสมาคมรวมตระกูลคงไม่มีใครเทียบได้  เขารู้สึกริษยาขึ้นมาทันที  “นั่นแค่ภาพจำลองก็ทรงพลังมากมายแล้ว  แล้วพลังที่แท้จริงเล่า”

“พลังของกระบี่เซียนไม่ใช่สิ่งที่เขาจะควบคุมได้ในตอนนี้พลังที่เซียนกระบี่มอบให้ก็คือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า แม้แต่กระบี่เหล็กธรรมดาที่เซียนกระบี่มอบให้ก็เป็นสิ่งที่แข็งแกร่งมาก”  ดวงตาของชิวจื่อจวินเหม่อมองไปไกล

“ถังเทียนเป็นลูกหลานของอูหวังไห่หรือเปล่า?”  ซือหม่าเซี่ยวถามด้วยความสงสัย

“เป็นไปไม่ได้!  อูหวังไห่ไม่เคยแต่งงาน และนั่นเป็นเรื่องเมื่อ1500 ปีที่แล้ว นั่นเป็นเวลายาวนานเกินไป” ชิวจื่อจวินกล่าว

*********************

ถังเทียนไม่ได้สูญเสียจิตสำนึก  แต่สำนึกของเขาอยู่ในสภาวะที่แปลกประหลาด  เหมือนกับว่าเขาอยู่ในช่องว่างของความสับสนวุ่นวายแรกเริ่ม  รอบๆตัวเขามีแต่เพลิงดำนับไม่ถ้วนและมีร่างเลือนรางอยู่ในที่ไกล

“เฮ้ เฮ้ เฮ้ ลุง!  นี่ที่ไหนกัน?”  ถังเทียนตะโกน

เมื่อเขาเห็นว่าเพลิงดำถูกสร้างด้วยพลังสายเลือดตามความเห็นของผู้เฒ่าเฟ่ย  ถังเทียนมีความคิดอย่างหนึ่งขึ้นว่า  ถ้าเขาสามารถใช้เพลิงดำได้นั่นจะน่ากลัวเพียงไหน เพลิงดำสามารถละลายสมบัติดวงดาวได้ ถ้าเราสามารถใช้ในการต่อสู้ได้ ก็จะทำให้เราได้เปรียบอย่างมากไม่ใช่หรือ? ในที่สุดเขาก็พบวิธีกระตุ้นเปลวเพลิงได้จริงๆ  นั่นก็คือ ใช้ตาสีแดง

ถ้าเขาสามารถใช้หมัดที่สว่างขึ้นด้วยเปลวเพลิงเหมือนครั้งก่อน จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ร่างที่อยู่ข้างหน้าเขาดูเหมือนไม่ได้ยินเขา  ถังเทียนมองดูรอบๆ  และจู่ๆเขาก็ตระหนักว่าเขากำลังกวัดแกว่งกระบี่ประหลาดเล่มหนึ่ง

กระบี่?

ถังเทียนสะดุ้ง  นานเท่าใดแล้วตั้งแต่เขาจับกระบี่ครั้งล่าสุด? ครั้งสุดท้ายที่เขาจับกระบี่ก็คือในลานฝึกหลังโรงเรียนวิชากระบี่พื้นฐาน ทันใดนั้นข้อมูลนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาเหมือนกระแสน้ำ

ทันใดนั้นถังเทียนรู้สึกปวดหัวและเจ็บปวดในใจ  เขานึกอยากจะจับศีรษะตนเองไว้

“จับกระบี่ไว้แน่นๆ”

มีเสียงพูดดังขึ้นทันที

ถังเทียนไม่สนใจอะไรอื่นและจับกระบี่แน่นอย่างสุดกำลังความเจ็บปวดถาโถมใส่เขาอย่างต่อเนื่อง

เขาจับกระบี่อย่างสุดกำลังและเขาสั่นไปทั้งตัว

“หึหึหึ  ลูกชายของเขาตามที่คาดไว้จริงๆ”

ร่างที่อยู่ข้างหน้าถังเทียนส่งเสียงหัวเราะแหบๆแปลกประหลาดทันที และค่อยๆ จางหายไป

เหมิงเว่ยมองดูถังเทียนที่กำลังยืนนิ่งเหมือนตุ๊กตาไม้ หรือว่าเขาจะได้รับความทุกข์ทรมานจากปฏิกิริยาบางอย่าง?  เหมิงเว่ยสับสน  ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก  สมบัติดวงดาวหลายอย่าง  สมบัติดวงดาวเมื่อยอมรับเจ้านายของพวกมัน  พลังของนักสู้จะอ่อนลงโดยปกติ

ปราณมหาศาลถูกเปลวเพลิงดำปลดปล่อยออกมาความกล้าแข็งจะเพิ่มขึ้นมากขนาดไหน

เหมิงเว่ยไม่แน่ใจ  แต่นางรู้ มันเป็นเพียงโอกาสของนาง

ข้าจะสู้!

เหมิงเว่ยยังยืนอยู่ที่เดิมดวงตาเปล่งประกายทันที และนางตัดสินใจเคลื่อนไหว

ทันใดนั้น  ร่างของถังเทียนก้มลงในตำแหน่งที่โค้ง

“อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า!”

เสียงตวาดของเขาเหมือนสัตว์ป่าดังกึกก้องไปทั่วพื้นที่ทะเลทราย  สิ่งที่ตามมาหลังจากเสียงคำรามก็คือคลื่นกดดันอากาศที่เย็นยะเยือกกวาดผ่านเข้ามาดุจพายุสลาตัน

ระลอกที่มองไม่เห็นระเบิดกระจายออกมาโดยมีถังเทียนเป็นศูนย์กลาง

เหมิงเว่ยเร่งความเร็ว  แต่รู้สึกแค่เพียงว่านางเหมือนกำลังปะทะเข้ากับสัตว์ป่า  พร้อมกับเสียงคำรามนางกระเด็นไปไกลเกินกว่าสามสิบเมตร นางหยุดยั้งตัวเองไม่ให้กระเด็นไปไกลขึ้น รอยเลือดสายหนึ่งไหลออกจากมุมปากของนาง

ปฏิกิริยาตอบสนองของอาเฮ่อรุนแรงเมื่อได้ยินเสียงคำรามของถังเทียน  สีหน้าของเขาเปลี่ยนและโดยไม่มีความลังเลใจ เขาละทิ้งความคิดจะบินออกไปรอบนอกเหมือนศัตรูของเขา  ในอากาศ เขาเป็นเหมือนนกกระเรียนดำตัวใหญ่   เมื่อระลอกคลื่นพลังวิ่งมาหาเขา  สีหน้าเขาเคร่งขรึม  เขากางแขนออกผ่อนคลายร่าง  และเมื่อคลื่นปะทะใส่เขาหัวใจเขาสั่นสะท้าน  ทัศนวิสัยการมองถึงกับยุ่งเหยิง

เขาฉวยโอกาสปล่อยตัวไหลไปตามกระแสพลัง  ในพริบตาเขากระเด็นลอยไปไกลถึงสองร้อยเมตรหน้าของเขาถึงกับตกตะลึง

คู่ต่อสู้ของอาเฮ่อหันหลังให้กับถังเทียนและเมื่ออาเฮ่อปลิวทันที หน้าของเขาถึงกับเปลี่ยน แต่สายเกินไปแล้ว เขาได้แต่รั้งพลังกลับมาป้องกันหลังของเขาเอง  เนื่องจากคลื่นพลังที่รุนแรงปะทะใส่ตัวของเขา

เขากระอักโลหิตทันทีและลอยกระเด็นไปทั้งตัว

หลิงซิ่วให้ความสนใจระมัดระวังถังเทียนอยู่เสมอ  และเมื่อถังเทียนคำราม สีหน้าของเขาเปลี่ยน โดยไม่สนใจตู๋เตาที่อยู่ต่อหน้าเขาปลายหอกของเขาเปลี่ยนตำแหน่งมาป้องกันร่างกายเขาจากคลื่นพลัง

ปัง!

พลังรุนแรงแทรกซึมผ่านตัวหอกทำให้กล้ามเนื้อของหลิงซิ่วเกร็ง ปราณแท้ทั้งหมดของเขาโคจรอย่างรวดเร็วเขาตวาดลั่นและรังสีหอกระเบิดออก

แต่ฟลามิงโกไม่สามารถทนต่อคลื่นปราณที่น่ากลัวได้ขณะที่มันลื่นไถลไปตามพื้นทราย มันถอยไปถึงสิบเมตรกว่าจะหยุดได้

ตู๋เตา (ดาบเดี่ยว)ใช้เวลานานก่อนที่เขาจะเรียกพลังได้ เขาถูกคลื่นพลังกวาดกระเด็นไปสิบเมตร และกระแทกพื้นทรายอย่างหนักหน่วงก่อนจะหยุดแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว

สีหน้าปิงเคร่งขรึม  เขาตะโกนทันที “ดาบ!”

ถังอี้เป็นคนแรกที่สนองตอบด้วยการกวัดแกว่งดาบเขามีคนเจ็ดสิบถึงแปดสิบคนที่สนองตอบพร้อมกับเขาโดยปล่อยรังสีดาบ  สีหน้าปิงเคร่งเครียด เขาโบกมือทั้งสองเบาๆทำให้รังสีดาบทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งแล้วฟันใส่คลื่นปราณที่มาถึงพวกเขา

ปัง

คลื่นปราณเหมือนกับกำแพงหลังจากกระแทกใส่รังสีดาบ จุดที่อ่อนลึกๆ ก็ถูกสร้างขึ้นมา คลื่นปราณที่รุนแรงสามารถกวาดล้างทั้งกองทัพได้  แต่เพราะจุดที่อ่อนของมัน จึงทำให้สลายลงได้และไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือล้มตาย

ปิงคลานออกมาจากทรายและมองไปทางถังเทียน

เจ้าผู้นี้...

นักสู้ทุกคนที่อยู่บนยอดเนินทรายห่างออกไปยี่สิบกิโลเมตรเห็นเพียงระลอกคลื่นกวาดตรงเข้ามาเหมือนคลื่นจากทะเลโถมเข้าหาพวกเขาทันใด

ร่างนับไม่ถ้วนกระเด็นออกมาจากเนินทรายที่ระเบิดจากแรงปะทะระลอกคลื่น

ถังเทียนร่วงลงมาจากฟ้าคุกเข่าข้างหนึ่งใช้กระบี่ค้ำ ดูเหมือนเขาจะเจ็บปวด

ทันใดนั้นถังเทียนเงยหน้าและยืนขึ้น

ตาที่อยู่ในเปลวเพลิงดำแดงก่ำผิดปกติและเย็นชามาก

ไม่ใช่ความหนาวเย็นจากเนตรราชันย์มยุรา แต่เป็นความเย็นชาเฉยเมยที่ปรากฏกับคนที่ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา  หัวใจถังเทียนมั่นคงไม่ปั่นป่วน เขากวาดตามองไปรอบๆ  ในใจเขามีวิชากระบี่นับไม่ถ้วนผุดขึ้นเหมือนกับวิชาเหล่านั้นมีมาตั้งแต่เริ่มต้น

“ข้าเป็นใครกัน?”

ถังเทียนก้มหน้ามองดูมือตนเองและกระบี่ในมือเขา

สายตาของเขาค่อยๆกวาดมองไปทั่วสมรภูมิ

ปิง,หลิงซิ่วและอาเฮ่อ ความทรงจำในอดีตของเขา เขาจำได้ทั้งหมด แต่พวกเขาทุกคนดูเหมือนเป็นอดีตที่ห่างไกลไม่ก่อให้เกิดความว้าวุ่นอันใด ใจของเขาดูเหมือนผ่านประสบการณ์เป็นตายมานับไม่ถ้วน จึงได้แข็งเหมือนศิลา

สายตาเขาจับจ้องที่ตัวเหมิงเว่ย

ศัตรู

เขากวัดแกว่งกระบี่ในมือของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด