บทที่ 26 แก๊งหมาป่าแดงสร้างปัญหาอีกครั้ง
ไม่นานอาหารที่เย่เฉินสั่งก็มาเสิร์ฟ เย่เฉินได้กลิ่นหอมของแพะย่างโชยมา เขาหยิบมันใส่เข้าไปในปากของเขาทันที
หลังจากที่กลายเป็นผู้ฝึกตน เย่เฉินก็ไม่เคยรู้สึกอิ่มอีกเลย เขารู้สึกว่าเขาสามารถใส่อาหารทั้งหมดลงไปในท้องของเขาได้
ระหว่างการบ่มเพาะ เย่เฉินกินแต่อาหารแห้งและผลไม้ที่มีประโยชน์ หลังจากกลับมายังโลกมนุษย์ เขาก็ตระหนักว่าอาหารที่นี่รสชาติดีกว่ามากและทำให้เย่เฉินติดใจ
ในเวลาเพียงไม่กี่นาที เย่เฉินก็กินแพะย่างเสียบไม้หมด
“คุณป้า ผมขอเพิ่มอีกสามสิบไม้”
เฉินฉู่ที่เห็นสิ่งนี้ก็ประหลาดใจ เธอไม่เคยเห็นใครกินเร็วขนาดนี้มาก่อน อีกทั้งแพะย่าง 30 ไม้ยังไม่ทำให้เขาอิ่ม?
ตอนที่เฉินฉู่กำลังย่างแพะให้เย่เฉินเพิ่ม ชายหลายคนที่แต่งตัวเหมือนนักเลงก็ปรากฏตัวออกมา
“เฮ้ ป้า ค่าคุ้มครองของวันนี้ล่ะ?” นักเลงคนหนึ่งกล่าว
“ฉันพึ่งเปิดร้านเอง ฉันยังไม่ได้เงินเลย” เฉินฉุ่ยพยายามขอร้องพวกนักเลง
“นั่นมันเรื่องของแก บิดาต้องการเงินโว้ย!” หนึ่งในนักเลงตะโกนใส่เฉินฉุ่ย
เย่เฉินรู้จักคนเหล่านี้ พวกมันเป็นคนที่เข้ามาหาเรื่องเขาที่งานวัตถุโบราณ
ชายผมทองเมื่อวานนี้ไม่ได้อยู่กับพวกมันแล้ว เย่เฉินสันนิษฐานว่าเขากำลังอยู่ระหว่างการผ่าตัดใบหน้าหลังจากที่ถูกทุบตีอย่างหนัก
เมื่อวานเย่เฉินไม่ได้ทำอะไรกับคนเหล่านี้มากนัก แต่หลังจากเห็นสิ่งนี้ เย่เฉินก็อยากจะจัดการพวกมันทั้งหมดจริงๆ
เย่เฉินลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปหาพวกนักเลง
"เฮ้ พวกนายควรจะไสหัวไปและไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก ไม่อย่างนั้นพวกนายทุกคนอาจจะได้เข้าไปนอนในโรงพยาบาล" เย่เฉินพูดกับพวกนักเลง
“ฮ่าๆๆๆ ดูสิ เหมือนจะมีคนอยากทำตัวเป็นฮีโร่ว่ะ! ฮ่าๆๆๆ” เหล่านักเลงเริ่มเยาะเย้ยเย่เฉิน
“แกไม่รู้หรือไงว่าพวกเราเป็นใคร? บิดาเป็นสมาชิกของแก๊งหมาป่าแดงโว้ย! ถ้าแกยอมเข้ามาเลียเท้าแล้วก้มหัวขอโทษ บิดาอาจจะปล่อยแกไป” พวกนักเลงชี้ไปที่รองเท้าสกปรกของเขา
“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกนายแล้ว จะรีบหนีไปหรืออยากเข้าโรงพยาบาลก็เลือกเอา” เย่เฉินยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“รนหาที่ตายซะแล้ว!” หนึ่งในนักเลงออกมาข้างหน้าและต้องการทุบตีเย่เฉิน
ปัง!
นักเลงที่พยายามจะตีเย่เฉินบินตรงไปที่ถังขยะอีกฟากหนึ่งของถนนทันที
นักเลงที่เห็นสิ่งนี้ก็ตกใจ
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ก่อนที่พวกเขาจะได้ตอบโต้ พวกเขาก็ถูกต่อยโดยเย่เฉินและลงไปกุมท้องอยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บปวด
เฉินฉุ่ยที่เห็นสิ่งนี้ก็ประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงของเย่เฉิน เฉินฉุ่ยไม่คิดว่าเย่เฉินจะแข็งแกร่งขนาดนี้
“หากพวกนายยังกล้ามาที่นี่อีก ฉันจะทำให้แน่ใจว่าพวกนายไม่มีวันลุกจากเตียงได้อีกตลอดชีวิต”
นักเลงเหล่านี้ล้วนหวาดกลัวเย่เฉิน ดังนั้นพวกเขาจึงรีบจากไปทันที
“เย่เฉิน ขอบคุณมากเลยที่ช่วยป้า” เฉินฉู่ขอบคุณเย่เฉิน
"ไม่มีปัญหาครับป้า ถ้าพวกมันยังกล้าที่จะสร้างปัญหาอีก ป้าก็บอกผมได้เลย"
“แต่เย่เฉิน ถ้าในอนาคตพวกเขามาหาเธอแล้วสร้างปัญหาให้เธอล่ะ?” ป้าเฉินฉู่เป็นห่วงความปลอดภัยของเย่เฉิน
“ถ้าพวกมันยังอยากมีชีวิตอยู่พวกมันคงไม่กล้ามาสร้างปัญหาให้ผมหรอก” เย่เฉินพูดอย่างมั่นใจ
เมื่อเห็นความมั่นใจของเย่เฉิน เฉินฉู่ก็ไม่กังวลอีกต่อไป
"โอ้ ดูเหมือนว่าป้าจะกังวลเกินไป รอแปปนึงนะ เดี๋ยวแพะย่างก็เสร็จแล้ว" เฉินฉุ่ยพูดเสร็จก็กลับไปย่างแพะต่อ
...
หลังจากกินเสร็จแล้ว เย่เฉินก็จ่ายเงินและออกจากแผงขายอาหารของป้าเฉิน
ยังมีเวลาอีกสองสามชั่วโมงก่อนจะค่ำ เย่เฉินตัดสินใจไปยังสถานที่ที่อาจจะมีพลังงานบริสุทธิ์และพยายามบ่มเพาะที่นั่น
เขาบินไปที่สวนสาธารณะในเมือง สวนสาธารณะในเมืองนี้ยังคงสะอาดและพลังงานโดยรอบก็ค่อนข้างบริสุทธิ์
ที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ เย่เฉินไม่ต้องกังวลว่าจะถูกคนอื่นรบกวน
เย่เฉินขึ้นไปนั่งบนหินแล้วหลับตาลง เขาเริ่มดูดซับพลังงานรอบๆสถานที่แห่งนี้
...
หลังจากผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง เย่เฉินก็ลืมตาขึ้นในที่สุด
พลังงานในโลกนี้เบาบางกว่าโลกที่เย่เฉินบ่มเพาะก่อนหน้านี้มาก เขาเพิ่มความแข็งแกร่งได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตามความคิดของเย่เฉิน แทนที่จะดูดซับพลังงานบนโลก เย่เฉินควรจะไปดูดซับปราณหยินจากจ้าวเหยียนเหยียนมากกว่า
ตอนนี้ค่อนข้างมืดแล้ว เย่เฉินเปิดดูบันทึกที่อยู่และเตรียมที่จะไปบ้านของหลินโหรวซี
ปรากฎว่าหลินโหรวซีอาศัยอยู่ในหอพักหญิงที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ โรงเรียนเหอซิงมีหอพักสำหรับทั้งหญิงและชาย เหตุผลที่เย่เฉินเลือกที่จะพักด้านนอกเป็นเพราะว่าค่าเช่านั้นถูกกว่ามาก
ค่าเช่าหนึ่งเดือนอยู่ที่ประมาณ 2400 ถึง 3000 หยวน และสำหรับห้องวีไอพีก็จะประมาณ 4800 ถึง 6000 หยวน
ไม่มีทางที่เย่เฉินจะใช้เงินเดือนทั้งหมดของเขาไปกับที่อยู่อาศัย เย่เฉินอาจอดตายได้
เย่เฉินขี้เกียจเดิน ดังนั้นเขาจึงเลือกวิธีที่เร็วที่สุดโดยการบินไป นอกจากจะเร็วแล้วยังประหยัดเวลาได้มากอีกด้วย
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็มาถึงหน้าห้องพักของหลินโหรวซี มันอยู่ที่ชั้น 4 ของอาคารแห่งนี้
เย่เฉินเคาะที่ประตูทันที
ก๊อก ก๊อก...
หลังจากนั้นไม่นาน หลินโหรวซีก็เปิดประตู
หลินโหรวซีไม่ได้สวมชุดเดิมอีกต่อไป เธอสวมชุดลำลองทำให้เธอดูเหมือนเด็กผู้หญิงอายุ 18 ปี
สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าในปีนี้หลินโหรวซีอายุ 25 ปีแล้ว วัยนี้เป็นวัยที่รุ่งโรจน์ที่สุดของผู้หญิง ความงามจะอยู่ที่จุดสูงสุดในวัยนี้
“เข้ามาสิ” หลินโหรวซีเชิญเย่เฉินให้เข้าไปในห้องของเธอ
เย่เฉินเดินตามหลินโหรวซีเข้าไปในห้อง
"นั่งลง" หลังจากที่เย่เฉินนั่ง หลินโหรวซีก็ไปที่ห้องครัวและหาอะไรมาให้เย่เฉินดื่ม
เย่เฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่มตัวหนึ่ง สถานที่ที่ผู้หญิงอาศัยอยู่นั้นมีกลิ่นหอมอยู่เสมอ เย่เฉินสงสัยว่ากลิ่นหอมเหล่านี้มาจากน้ำหอมหรือมาจากร่างกายของผู้หญิง
**********