บทที่ 25 โรคของหลินโหรวซี
“เย่เฉิน นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของเธอในห้องเรียน” หลินโหรวซีพูดกับเย่เฉิน
“ผมทำอะไรผิดหรอครับ?” เย่เฉินถามอย่างสับสนกับหลินโหรวซี
“ฮึ่ม คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าเธอแอบมองก้นฉัน?” เมื่อกล่าวเสร็จ ใบหน้าหลินโหรวซีก็ค่อนข้างแดง หลินโหรวซีไม่เคยคิดว่าเธอจะต้องพูดคำหยาบคายเช่นนี้กับนักเรียน
“อาจารย์หลิน คุณเข้าใจผิดไปแล้ว ผมเพียงแค่มองต้นขาของคุณ” เย่เฉินกล่าว
“ฮึ่ม เธอยังมีหน้ามาโกหกต่ออีกงั้นหรอ?” น้ำเสียงของหลินโหรวซีดูค่อนข้างโกรธ
"เย่เฉิน อาจารย์รู้ว่าเธออยู่ในวัยกำลังโต แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะใช้อาจารย์เป็นเป้าหมายในจินตนาการของเธอได้" หลินโหรวซีถอนหายใจ
เย่เฉินเริ่มรู้สึกปวดหัวแล้วจริงๆ เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเข้าใจเขาผิดไปไกลขนาดนี้
“อาจารย์ ผมมีเรื่องจริงจังที่ต้องบอกคุณ” เย่เฉินพูดอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของเย่เฉิน จิตใจของหลินโหรวซีก็เริ่มสั่นไหว
"เด็กคนนี้จะสารภาพรักกับฉันหรือเปล่า? เขากล้าเกินไปหน่อยไหม?" หลินโหรวซีรู้สึกประหม่ามาก
"ตอนกลางคืนอาจารย์มักจะรู้สึกปวดต้นขาทั้งสองข้างและมันทำให้คุณเดินค่อนข้างลำบาก" เย่เฉินพูด
“เย่เฉิน เราเป็นอาจารย์กับนักเรียน เราไม่สามารถมีความสัมพันธ์กันแบบนั้นได้” หลินโหรวซีรีบปฏิเสธทันที
“เอ๊ะ?” หลินโหรวซีประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เย่เฉินพูด มันอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเธอ
หลินโหรวซีอุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“อาจารย์หลิน คุณพึ่งพูดอะไรหรือเปล่า?”
“อ๊ะ ลืมสิ่งที่ฉันพูดเมื่อกี้ไปให้หมดเลยนะ” หลินโหรวซีอับอายจริงๆ
‘มันเป็นความผิดของเจ้าเด็กเลวคนนี้ เขาทำให้ฉันคิดแบบนั้น’ หลินโหรวซีเริ่มตำหนิเย่เฉินในใจของเธอ
“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?” หลินโหรวซีถามกลับ
“ผมบอกว่าตอนกลางคืนอาจารย์มักจะรู้สึกปวดต้นขาทั้งสองและมันทำให้คุณลำบากในการเดิน” เย่เฉินพูดซ้ำ
"เธอรู้ได้ยังไง!?" เป็นความจริงที่หลินโหรวซีรู้สึกเจ็บเล็กน้อยที่ต้นขา มันเริ่มขึ้นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน แต่เมื่อเธอไปตรวจที่ที่โรงพยาบาล ผลลัพธ์กลับออกมาว่าร่างกายของเธอปกติดี โรงพยาบาลเพียงให้ยาแก้ปวดแก่เธอเท่านั้น
“กลับกลายเป็นว่ามันคือความจริง ตอนที่ผมเห็นอาจารย์ก่อนหน้านี้ผมก็คาดเดาไว้แล้ว” เย่เฉินกล่าว
หลินโหรวซีตระหนักว่าเธอเข้าใจเย่เฉินผิดไป เย่เฉินเพียงแค่มองต้นขาของเธอเพื่อยืนยันอาการป่วย
"เย่เฉิน เธอสามารถรักษามันได้ไหม?" หลินโหรวซีหวังเล็กๆว่าเย่เฉินจะสามารถรักษาโรคของเธอได้
ในตอนแรกความเจ็บปวดนั้นไม่ได้มากมายนัก แต่ยิ่งผ่านไปนานอาการมันก็ยิ่งหนักขึ้น และบางครั้งเธอก็ไม่แม้แต่จะเดินได้ด้วยซ้ำ มันรบกวนชีวิตของเธออย่างมาก
“ผมรักษาได้ แต่ผมมีเงื่อนไข” เย่เฉินพยายามเจรจากับหลินโหรวซี
“เงื่อนไขอะไร?” หลินโหรวซีถามทันที
เย่เฉินมองไปที่หลินโหรวซีจากบนลงล่าง ความงามของหลินโหรวซีไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าวเหยียนเหยียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของสองยอดเขาที่ยื่นออกมา
เมื่อเห็นสายตาของเย่เฉิน หลินโหรวซีก็โกรธและตำหนิเขาทันที
"เย่เฉิน เธอกำลังมองไปที่ไหนกัน?"
เย่เฉินถอนสายตาออกจากยอดเขาทั้งสองของหลินโหรวซีทันที
"อาจารย์ เงื่อนไขของผมนั้นง่ายมาก"
“บอกมาเร็วเข้า เลิกอ้อมค้อมได้แล้ว” หลินโหรวซีหมดความอดทนแล้ว ถ้าเขากล้าพูดอะไรแปลกๆ เธอจะตบเขาทันที
“ตราบใดที่คุณสัญญาว่าจะเลี้ยงข้าวผมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ผมจะรักษาคุณเอง”
อาหารฟรีเป็นเวลาสองสัปดาห์สามารถลดค่าใช้จ่ายของเย่เฉินได้อย่างมาก
"หืม แค่นั้นเองหรอ?" หลินโหรวซีคิดว่าเย่เฉินจะขออะไรแปลกๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเย่เฉินขออาหารฟรีเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น
“แล้วอาจารย์คิดว่าผมจะขออะไรล่ะ?” เย่เฉินพูดพลางมองหลินโหรวซีด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินสิ่งที่เย่เฉินพูด หลินโหรวซีก็รู้สึกละอายใจมาก หลินโหรวซีถูกทำให้ว้าวุ่นหลายครั้งโดยเย่เฉิน
“แล้วคุณตกลงหรือเปล่า?” เย่เฉินถาม
“ใช่ ฉันตกลง แล้วเราจะเริ่มการรักษาเมื่อไหร่?”
"งั้นคืนนี้เป็นไง? หลังจากนี้ผมต้องไปทำธุระนิดหน่อย"
“ได้ แล้วสถานที่ล่ะ?” หลินโหรวซีถามถึงสถานที่ที่เย่เฉินจะทำการรักษา
“แล้วแต่อาจารย์เลย”
“งั้นก็มาที่ห้องพักของฉันแล้วกัน” หลินโหรวซียื่นกระดาษที่จดตำแหน่งที่พักให้เย่เฉิน
เย่เฉินไม่ได้มองมัน เขาหยิบกระดาษใส่กระเป๋ากางเกงทันที
“อาจารย์หลิน ถ้างั้นผมขอตัวก่อน” พูดจบเย่เฉินก็ออกจากห้องของหลินโหรวซี
เมื่อเห็นร่างของเย่เฉินหายไป หลินโหรวซีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก วันนี้เป็นครั้งแรกที่หลินโหรวซีรู้สึกว่าหัวใจของเธอว้าวุ่นอย่างมาก และด้วยเหตุผลบางอย่าง หลินโหรวซีเชื่อว่าเย่เฉินจะสามารถรักษาโรคของเธอได้ หลินโหรวซีเองก็ไม่รู้ว่าความเชื่อใจนี้มาจากที่ไหน
เมื่อเย่เฉินออกจากห้องพักอาจารย์ บรรยากาศภายในโรงเรียนก็อยู่ในช่วงเงียบงันแล้ว มีนักเรียนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในบริเวณโรงเรียน เย่เฉินตั้งใจที่จะไปซื้อโทรศัพท์มือถือเพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อกับจ้าวเหยียนเหยียน
ถนนในเมืองยามบ่ายค่อนข้างแออัด เย่เฉินตัดสินใจเดินไปห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุด โรงเรียนกับห้างสรรพสินค้านั้นห่างกันไม่กี่กิโลเมตร
หลังจากผ่านไป 20 นาที ในที่สุดเย่เฉินก็เดินมาถึงห้างสรรพสินค้า เย่เฉินไปที่โซนขายโทรศัพท์มือถือทันที ในอดีตเย่เฉินทำได้เพียงแค่มองดูและไม่สามารถซื้อโทรศัพท์มือถือดีๆได้ แต่ตอนนี้มันต่างออกไป
เขาเดินเข้าไปใกล้ร้านโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่ง เจ้าของร้านที่เห็นเย่เฉินเดินเข้ามาก็เสนอขายสินค้าทันที
โดยไม่ต้องคิดเยอะ เย่เฉินซื้อโทรศัพท์มือถือไอโฟนซึ่งเป็นโทรศัพท์ที่แพงที่สุดในเวลานี้ทันที
หลังจากชำระเงินเรียบร้อยแล้ว เย่เฉินก็ออกจากห้าง เขาค่อนข้างดีใจที่ในที่สุดเขาก็สามารถซื้อโทรศัพท์มือถือที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดได้
หลังจากซื้อโทรศัพท์มือถือแล้ว เย่เฉินก็เดินไปร้านอาหารโปรดตั้งแต่เมื่อก่อนของเขา มันเป็นแผงลอยเล็กๆที่ขายแพะย่างอยู่ริมถนน ร้านเล็กๆแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีราคาที่ไม่แพง แต่แพะย่างที่นี่ยังอร่อยและรสชาติดีมาก
“คุณป้าครับ ขอแพะย่าง 30 ไม้” เย่เฉินเดินเข้าไปสั่งแพะย่าง 30 ไม้ทันที
ป้าที่กำลังย่างแพะก็เงยหน้าขึ้นมอง
“โอ้ เย่เฉิน นานมากแล้วที่เธอไม่ได้มาที่นี่ ป้านึกว่าเธอย้ายออกจากเมืองนี้ไปแล้วซะอีก” ป้าเจ้าของร้านกล่าว
“ผมกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดมาน่ะครับ” ป้าเจ้าของร้านคุ้นเคยกับเย่เฉินมาก เย่เฉินเป็นลูกค้าประจำของที่นี่
“โอ้ เป็นงั้นนี่เอง ไปนั่งก่อนๆ เดี๋ยวป้ายกไปให้”
ป้าเจ้าของร้านชื่อเฉินฉุ่ย เฉินฉุ่ยมักจะใจดีกับเขาเสมอและแถมให้เขาเป็นประจำ
**********