ตอนที่แล้วบทที่ 24 ดาราสาวเฟิงเสวี่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 26 แก๊งหมาป่าแดงสร้างปัญหาอีกครั้ง

บทที่ 25 โรคของหลินโหรวซี


“เย่เฉิน นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของเธอในห้องเรียน” หลินโหรวซีพูดกับเย่เฉิน

“ผมทำอะไรผิดหรอครับ?” เย่เฉินถามอย่างสับสนกับหลินโหรวซี

“ฮึ่ม คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าเธอแอบมองก้นฉัน?” เมื่อกล่าวเสร็จ ใบหน้าหลินโหรวซีก็ค่อนข้างแดง หลินโหรวซีไม่เคยคิดว่าเธอจะต้องพูดคำหยาบคายเช่นนี้กับนักเรียน

“อาจารย์หลิน คุณเข้าใจผิดไปแล้ว ผมเพียงแค่มองต้นขาของคุณ” เย่เฉินกล่าว

“ฮึ่ม เธอยังมีหน้ามาโกหกต่ออีกงั้นหรอ?” น้ำเสียงของหลินโหรวซีดูค่อนข้างโกรธ

"เย่เฉิน อาจารย์รู้ว่าเธออยู่ในวัยกำลังโต แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะใช้อาจารย์เป็นเป้าหมายในจินตนาการของเธอได้" หลินโหรวซีถอนหายใจ

เย่เฉินเริ่มรู้สึกปวดหัวแล้วจริงๆ เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเข้าใจเขาผิดไปไกลขนาดนี้

“อาจารย์ ผมมีเรื่องจริงจังที่ต้องบอกคุณ” เย่เฉินพูดอย่างจริงจัง

เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของเย่เฉิน จิตใจของหลินโหรวซีก็เริ่มสั่นไหว

"เด็กคนนี้จะสารภาพรักกับฉันหรือเปล่า? เขากล้าเกินไปหน่อยไหม?" หลินโหรวซีรู้สึกประหม่ามาก

"ตอนกลางคืนอาจารย์มักจะรู้สึกปวดต้นขาทั้งสองข้างและมันทำให้คุณเดินค่อนข้างลำบาก" เย่เฉินพูด

“เย่เฉิน เราเป็นอาจารย์กับนักเรียน เราไม่สามารถมีความสัมพันธ์กันแบบนั้นได้” หลินโหรวซีรีบปฏิเสธทันที

“เอ๊ะ?” หลินโหรวซีประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เย่เฉินพูด มันอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเธอ

หลินโหรวซีอุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“อาจารย์หลิน คุณพึ่งพูดอะไรหรือเปล่า?”

“อ๊ะ ลืมสิ่งที่ฉันพูดเมื่อกี้ไปให้หมดเลยนะ” หลินโหรวซีอับอายจริงๆ

‘มันเป็นความผิดของเจ้าเด็กเลวคนนี้ เขาทำให้ฉันคิดแบบนั้น’ หลินโหรวซีเริ่มตำหนิเย่เฉินในใจของเธอ

“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?” หลินโหรวซีถามกลับ

“ผมบอกว่าตอนกลางคืนอาจารย์มักจะรู้สึกปวดต้นขาทั้งสองและมันทำให้คุณลำบากในการเดิน” เย่เฉินพูดซ้ำ

"เธอรู้ได้ยังไง!?" เป็นความจริงที่หลินโหรวซีรู้สึกเจ็บเล็กน้อยที่ต้นขา มันเริ่มขึ้นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน แต่เมื่อเธอไปตรวจที่ที่โรงพยาบาล ผลลัพธ์กลับออกมาว่าร่างกายของเธอปกติดี โรงพยาบาลเพียงให้ยาแก้ปวดแก่เธอเท่านั้น

“กลับกลายเป็นว่ามันคือความจริง ตอนที่ผมเห็นอาจารย์ก่อนหน้านี้ผมก็คาดเดาไว้แล้ว” เย่เฉินกล่าว

หลินโหรวซีตระหนักว่าเธอเข้าใจเย่เฉินผิดไป เย่เฉินเพียงแค่มองต้นขาของเธอเพื่อยืนยันอาการป่วย

"เย่เฉิน เธอสามารถรักษามันได้ไหม?" หลินโหรวซีหวังเล็กๆว่าเย่เฉินจะสามารถรักษาโรคของเธอได้

ในตอนแรกความเจ็บปวดนั้นไม่ได้มากมายนัก แต่ยิ่งผ่านไปนานอาการมันก็ยิ่งหนักขึ้น และบางครั้งเธอก็ไม่แม้แต่จะเดินได้ด้วยซ้ำ มันรบกวนชีวิตของเธออย่างมาก

“ผมรักษาได้ แต่ผมมีเงื่อนไข” เย่เฉินพยายามเจรจากับหลินโหรวซี

“เงื่อนไขอะไร?” หลินโหรวซีถามทันที

เย่เฉินมองไปที่หลินโหรวซีจากบนลงล่าง ความงามของหลินโหรวซีไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าวเหยียนเหยียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของสองยอดเขาที่ยื่นออกมา

เมื่อเห็นสายตาของเย่เฉิน หลินโหรวซีก็โกรธและตำหนิเขาทันที

"เย่เฉิน เธอกำลังมองไปที่ไหนกัน?"

เย่เฉินถอนสายตาออกจากยอดเขาทั้งสองของหลินโหรวซีทันที

"อาจารย์ เงื่อนไขของผมนั้นง่ายมาก"

“บอกมาเร็วเข้า เลิกอ้อมค้อมได้แล้ว” หลินโหรวซีหมดความอดทนแล้ว ถ้าเขากล้าพูดอะไรแปลกๆ เธอจะตบเขาทันที

“ตราบใดที่คุณสัญญาว่าจะเลี้ยงข้าวผมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ผมจะรักษาคุณเอง”

อาหารฟรีเป็นเวลาสองสัปดาห์สามารถลดค่าใช้จ่ายของเย่เฉินได้อย่างมาก

"หืม แค่นั้นเองหรอ?" หลินโหรวซีคิดว่าเย่เฉินจะขออะไรแปลกๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเย่เฉินขออาหารฟรีเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น

“แล้วอาจารย์คิดว่าผมจะขออะไรล่ะ?” เย่เฉินพูดพลางมองหลินโหรวซีด้วยรอยยิ้ม

ได้ยินสิ่งที่เย่เฉินพูด หลินโหรวซีก็รู้สึกละอายใจมาก หลินโหรวซีถูกทำให้ว้าวุ่นหลายครั้งโดยเย่เฉิน

“แล้วคุณตกลงหรือเปล่า?” เย่เฉินถาม

“ใช่ ฉันตกลง แล้วเราจะเริ่มการรักษาเมื่อไหร่?”

"งั้นคืนนี้เป็นไง? หลังจากนี้ผมต้องไปทำธุระนิดหน่อย"

“ได้ แล้วสถานที่ล่ะ?” หลินโหรวซีถามถึงสถานที่ที่เย่เฉินจะทำการรักษา

“แล้วแต่อาจารย์เลย”

“งั้นก็มาที่ห้องพักของฉันแล้วกัน” หลินโหรวซียื่นกระดาษที่จดตำแหน่งที่พักให้เย่เฉิน

เย่เฉินไม่ได้มองมัน เขาหยิบกระดาษใส่กระเป๋ากางเกงทันที

“อาจารย์หลิน ถ้างั้นผมขอตัวก่อน” พูดจบเย่เฉินก็ออกจากห้องของหลินโหรวซี

เมื่อเห็นร่างของเย่เฉินหายไป หลินโหรวซีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก วันนี้เป็นครั้งแรกที่หลินโหรวซีรู้สึกว่าหัวใจของเธอว้าวุ่นอย่างมาก และด้วยเหตุผลบางอย่าง หลินโหรวซีเชื่อว่าเย่เฉินจะสามารถรักษาโรคของเธอได้ หลินโหรวซีเองก็ไม่รู้ว่าความเชื่อใจนี้มาจากที่ไหน

เมื่อเย่เฉินออกจากห้องพักอาจารย์ บรรยากาศภายในโรงเรียนก็อยู่ในช่วงเงียบงันแล้ว มีนักเรียนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในบริเวณโรงเรียน เย่เฉินตั้งใจที่จะไปซื้อโทรศัพท์มือถือเพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อกับจ้าวเหยียนเหยียน

ถนนในเมืองยามบ่ายค่อนข้างแออัด เย่เฉินตัดสินใจเดินไปห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุด โรงเรียนกับห้างสรรพสินค้านั้นห่างกันไม่กี่กิโลเมตร

หลังจากผ่านไป 20 นาที ในที่สุดเย่เฉินก็เดินมาถึงห้างสรรพสินค้า เย่เฉินไปที่โซนขายโทรศัพท์มือถือทันที ในอดีตเย่เฉินทำได้เพียงแค่มองดูและไม่สามารถซื้อโทรศัพท์มือถือดีๆได้ แต่ตอนนี้มันต่างออกไป

เขาเดินเข้าไปใกล้ร้านโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่ง เจ้าของร้านที่เห็นเย่เฉินเดินเข้ามาก็เสนอขายสินค้าทันที

โดยไม่ต้องคิดเยอะ เย่เฉินซื้อโทรศัพท์มือถือไอโฟนซึ่งเป็นโทรศัพท์ที่แพงที่สุดในเวลานี้ทันที

หลังจากชำระเงินเรียบร้อยแล้ว เย่เฉินก็ออกจากห้าง เขาค่อนข้างดีใจที่ในที่สุดเขาก็สามารถซื้อโทรศัพท์มือถือที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดได้

หลังจากซื้อโทรศัพท์มือถือแล้ว เย่เฉินก็เดินไปร้านอาหารโปรดตั้งแต่เมื่อก่อนของเขา มันเป็นแผงลอยเล็กๆที่ขายแพะย่างอยู่ริมถนน ร้านเล็กๆแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีราคาที่ไม่แพง แต่แพะย่างที่นี่ยังอร่อยและรสชาติดีมาก

“คุณป้าครับ ขอแพะย่าง 30 ไม้” เย่เฉินเดินเข้าไปสั่งแพะย่าง 30 ไม้ทันที

ป้าที่กำลังย่างแพะก็เงยหน้าขึ้นมอง

“โอ้ เย่เฉิน นานมากแล้วที่เธอไม่ได้มาที่นี่ ป้านึกว่าเธอย้ายออกจากเมืองนี้ไปแล้วซะอีก” ป้าเจ้าของร้านกล่าว

“ผมกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดมาน่ะครับ” ป้าเจ้าของร้านคุ้นเคยกับเย่เฉินมาก เย่เฉินเป็นลูกค้าประจำของที่นี่

“โอ้ เป็นงั้นนี่เอง ไปนั่งก่อนๆ เดี๋ยวป้ายกไปให้”

ป้าเจ้าของร้านชื่อเฉินฉุ่ย เฉินฉุ่ยมักจะใจดีกับเขาเสมอและแถมให้เขาเป็นประจำ

**********