ตอนที่แล้วบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 21 ไม่ใช่อาณาจักร แต่เป็นสาธารณรัฐ (Not the Empire, But the Republic)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 23 ความแค้นของอาเร่นา (El Arena Vindicta)

บทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 22 จงลุกขึ้น! เหล่าผู้ไม่ยอมเป็นทาส (Arise! Ye who refuse to bound slaves)


จงลุกขึ้น! เหล่าผู้ไม่ยอมตกเป็นทาส

(Arise! Ye who refuse to bound slaves)

ความมืดมิดไร้ซึ่งแสงจากดวงอาทิตย์ มีเพียงแค่เสียงของโซ่เหล็กขึ้นสนิม กระทบกับพื้นหิน มันคือห้องมืดที่เต็มไปคน ห้องมืดมีจำนวน 4 ห้อง ถูกแยกเป็นกลุ่ม โดยที่หันหน้าไปยังทางเดินตรงกลาง สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขามองเห็น ก็คือแสงจากประตูไม้เก่าๆ

ร่างของชายและหญิงที่ไร้ซึ่งการปกปิด ร่างกายที่เต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผล กลิ่นเหม็นฟุ้งไปทั่วห้อง พวกเขาไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายมานานแล้ว ชีวิตที่ยังคงมีลมหายใจ พวกเขาอาศัยอยู่ในห้องที่อับชื้นและหนาวเย็น มีเพียงแค่กรงเหล็กที่ใช้กับสัตว์กันระหว่างทางเดินเข้าออกเท่านั้น

เสียงประตูไม้ผุพังถูกผลักด้วยความแรงเสียงดัง ก่อนที่เสียงจากรองเท้าหนังกระทบกับพื้นห้องทำให้ผู้อาศัยตื่นขึ้นพร้อมกับร่างกายที่สั่นกลัว พวกเขารู้ว่าใครเป็นผู้ที่เข้ามาในห้อง…

ชายวัยกลางคนในเครื่องแบบอันหรูหรา ร่างกายที่ใหญ่โตของเขาสามารถที่จะข่มขวัญผู้ใดก็ตามที่อยู่ข้างหน้า แสงสว่างจากตะเกียงไฟในมือส่องสว่าง เปิดเผยความมืดมิดให้สว่างไสว มันคือภาพเต็มไปด้วยสิ่งโสมม มนุษย์ อมนุษย์ ที่มีเพียงเศษผ้าปกปิดเล็กน้อย ไม่ว่าจะอายุเท่าใด ก็ล้วนอยู่ในกรงสัตว์แห่งนี้

ชายผู้เข้ามาในห้อง มองพวกเขาอย่างรังเกียจและดูถูก เขาตะโกนเสียงดัง ทำให้คนในกรงขังสะดุ้งตกใจ

“เฮ้ย!! ไอ้พวกสวะ ลุกขึ้นมาทำงานได้แล้ว” ก่อนจะหยิบกุญแจออกมาและไขประตูกรงเหล็กด้วยความรุนแรง

ผู้ชายที่รู้งานต่างพากันรีบลุกขึ้น เพราะหากไม่ทำ ปลอกคอที่พวกเขาสวมอยู่ก็จะทำการรัดคอของผู้สวมใส่สร้างความเจ็บปวดจนต้องร้องขอชีวิต พวกเขาเป็นทาส กลุ่มคนที่เรียกกันว่า ทาส สิ่งของที่สามารถอนุญาตให้บุคคลอื่นเป็นเจ้าของชีวิต ที่จะสามารถซื้อและขายให้แก่บุคคลอื่นเป็นรูปแบบของทรัพย์สินได้ ในอองโทราล ทาสถือเป็นสิ่งที่ปกติ

แต่ในยุคสมัยใหม่แห่งนี้ ก็ที่จะค้าทาสนั้น ตัวทาสเองก็ต้องเป็นทาสที่มาจากการสมัครใจเท่านั้น…

อย่างไรก็ตาม ใครกันล่ะ ที่จะสามารถตรวจสอบว่าทาสเป็นคนสมัครใจได้กัน?

โดยอย่างยิ่ง ทาสที่มาจากชนพื้นเมืองอาริกาเซียแห่งนี้ เหล่าทาสผู้ชายที่แข็งแรงเริ่มลุกขึ้นและเดินตามชายผู้เป็นเจ้าของ เพื่อทำงานเหมือนวันเดิมๆ อันเป็นงานแรงงานในชีวิตประจำวันของพวกเขา

‘ วันนี้ยังคงเป็นแบบเฉกเช่นเดิม ’ เหล่าทาสคิดภายในใจ เมื่อแสงแดดส่องเข้ามายังดวงตาของพวกเขา จนต้องนำมือมาปกปิด เท้าเหยียบย่ำหิมะสีขาวที่หนาวเหน็บ หยิบที่ขุดดินขึ้นมาก่อนจะเริ่มเดินไปยังพื้นที่ทำงานอันคุ้นเคย การขุดหิมะ…

เดือนหนาวของอาริกาเซียนั้นจะเต็มไปด้วยหิมะที่หนาแน่น แต่ในฤดูหนาวของอาริกาเซียก็ทำให้สามารถที่จะปลูกพืชที่เรียกว่า คริสตัลหิมะ พืชที่สามารถช่วยให้แสงสว่างในที่มืดและเพิ่มความเย็นในหน้าร้อนหากสามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้

แม้ว่าร่างกายที่ใกล้จะหมดแรง แต่ก็ยังไม่คงเลิกที่จะโหยหาอิสรภาพ

หนึ่งในทาสแรงงานเป็นเด็กสาว อมนุษย์เผ่าจิ้งจอก เธอเป็น ลูกทาส หรือ ทาสในเรือนเบี้ย หมายถึงเด็กที่เกิดจากมารดาที่เป็นทาส เด็กสาวมีเส้นผมยาวถึงบ่าพร้อมกับใบหูยาวสีขาวเหมือนหิมะ หูข้างซ้ายถูกเจาะใส่ป้ายเลข 01 ใบหน้าของเด็กสาวนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ร่างกายที่ซูบผอมเหมือนกับคนอื่นๆ หางยาวเฉกเช่นมนุษย์ครึ่งจิ้งจอก

“อ๊ะ!” จิ้งจอกสาวที่กำลังตักหิมะอย่างปกติ จู่ๆ จอบของเธอก็หักจนพังลง

แน่นอนว่า ผู้คุมร่างใหญ่ก็เห็นเข้าพอดี เขาเดินตรงเข้าไปหา ทาสที่ทำของพังด้วยใบหน้าที่เหมือนกับยักษ์ ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเด็กชาย ในมือของเขาใช้แส้ฟาดไปที่พื้นเสียงดัง และจับคอของเด็กสาวขึ้น “เจ้าโง่!” เขาตะโกนเสียงดังใส่หน้าเธอ จนทำให้ทาสคนอื่นต้องหันหน้าหนีไปทำงานของตน

ในขณะที่จิ้งจอกสาวได้แต่พยายามจับมือของชายร่างใหญ่ อย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนที่เธอจะถูกปล่อยลงพื้นหิมะ เสียงสูดอากาศเข้าดังพร้อมกับร่างกายที่สั่นกลัว

“ถ้าไม่ติดที่เจ้ามีใบหน้าคล้ายกับแม่ของเจ้า ข้าก็คงโยนเจ้าให้สัตว์อสูรกินไปแล้ว!” เขากล่าว และพร้อมจะลงโทษเด็กสาวเผ่าจิ้งจอกตนนี้

“นายท่าน ช้าก่อน !! ข้าข้อร้องอย่าได้ลงโทษเด็กคนนี้เ--” เสียงดังมาจากข้างหลัง เจ้าของทาสหันและใช้แส้ฟาดใส่ผู้กล่าว ไม่สนว่าอีกฝั่งจะเจ็บเช่นใด

“ให้สั่งให้เจ้าพูด!!” เขาใช้แส้ฟาดใส่ผู้ทาสผู้กล้ากล่าวขอร้อง อย่างไร้ความปรานี ฟาดแล้วฟาดอีก ทาสผู้ถูกลงโทษได้แต่กัดฟันพร้อมกับเลือดที่ไหลไปทั่วหิมะสีขาวจนกลายเป็นสีแดงฉาน “แฮ่ก.. ฮา พวกเจ้าชอบทำให้ข้าเสียแรงจริงๆ” เขาหอบเหนื่อยเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาจิ้งจอกที่ยังมีใบหน้าที่สิ้นหวังไม่กล้าขยับหนีไปไหน

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความยินดี เขายิ้มกว้างหลังเห็นจิ้งจอกสีขาวตัวนี้ไม่หนีไปไหนเหมือนกับสัตว์ที่ถูกฝึกให้ทำตามคำสั่งของเขา ใบหน้าของมนุษย์จิ้งจอกที่สิ้นหวังมันทำให้ชายร่างใหญ่มีความสุขอย่างมาก เขาพร้อมที่ทำโทษทาสอีกครั้ง

“หยุดเดี๋ยวนี้ !!” เสียงผู้ชายดังมาจากทางถนนอีกฝั่ง

เหล่าทาสและเจ้าของทาสหันตามเสียงที่ว่า ก่อนจะพบกับกลุ่มติดอาวุธจำนวนมากเดินกันอย่างเป็นระเบียบ โดยคนที่นำหน้ากลุ่มคนเหล่านี้เป็น ชายหนุ่มอมนุษย์เผ่าสุนัขผมสีนํ้าตาลอ่อน ก่อนที่เจ้าของที่ดินจะรู้ตัวว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นทหาร หัวหน้ากลุ่มทหารก็ได้เดินมาอยู่ข้างหน้าเขาแล้ว

ชายร่างใหญ่รีบกล่าวถามผู้มาใหม่ด้วยนํ้าเสียงที่กังวล

“ไม่ทราบว่าพวกท่านเป็นผู้ใดกัน? ไม่สิ พวกท่านควรออกไปจากที่ดินของข้า แล้วข้าไม่เอาเรื่องพวกท่าน” ใบหน้าของชายร่างใหญ่ยังนิ่งเฉย ไม่ใช่เพราะเขาไม่กลัวทหารอาริกาเซีย

ตัวเขาทราบดีว่าอาริกาเซียในตอนนี้เป็นเช่นไร แต่ก็ไม่ได้สนใจในการประกาศอิสรภาพเสียเท่ากับรายได้ของตัวเอง เขาหวังว่าสงครามจะจบโดยเร็วที่สุด เพราะเขาเองก็ต้องหารายได้มาซื้อทาสแรงงานเพิ่มหากเขาต้องการที่จะทำให้ธุรกิจตัวเองรอดต่อไป

“พันตรี บูลล์ แมริแลนด์ พวกท่านมีทาสครอบครองกี่คน บอกเรามาเดี๋ยวนี้ เราไม่จะพูดซํ่าสอง” บูลล์เด็กหนุ่มที่เติบโตในยุคของสงคราม ชนพื้นเมืองที่กลายมาเป็นผู้นำการทหารในอาริกาเซีย น้องชายของนายพลดักลาส หากเป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองต้องรู้จักกันหมด แน่นอนว่าของเจ้าของทาสเองก็ต้องรู้จักเป็นแน่

“ถะ ถึงจะมีบรรดาศักดิ์ที่สูงส่ง แต่ข้าจะมีทาสซักกี่ตัว มันก็มิใช่เรื่องธุระของกองทัพใดๆ !” เขายังคงปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับทหารอาริกาเซีย โดยอย่างยิ่งหากทหารเหล่านี้อยู่ในที่ดินของเขา และอาจจะยึดเอาแรงงานของเขาไปใช้เอง ในช่วงสงคราม ‘ สงครามอาริกาเซียเองก็ต้องการแรงงานเหมือนกัน ’ เจ้าของทาสคิดในใจ

“นี่คุณยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอ…” บูลล์ชะงัก “ช่างเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและโลภมากจริงๆ” คำพูดของบูลล์เต็มไปด้วยการดูถูก แน่นอนว่าเป็นใครก็คงขุ่นเคือง

ชายร่างใหญ่โกรธและกล่าวตอบด้วยนํ้าเสียงที่ไม่เป็นมิตร

“!? เจ้าอมนุษย์! ข้าเป็นเจ้าของการค้าที่ส่งออกพืชคริสตัลหิมะที่ร่ำรวยบนทวีปใหม่แห่งนี้ หากเจ้าไม่อยากมมีปัญหาก็จงรีบไสหัวออกไปเสีย!” เขาโยนแส้ทิ้งลงพื้นหิมะและชักดาบของตนขึ้นมาชูไปที่คอหอยของบูลล์

ชายร่างใหญ่เจ้าของทาสไม่ได้มองทหารที่อยู่ข้างหลังที่พร้อมจะยิงปืนสังหารเขาตอนไหนก็ได้ การสนทนาของเจ้าของทาสและบูลล์ทำให้ทาสคนอื่นๆเริ่มเดินเข้ามาหาทั้งสองด้วยความสนใจ จนกระทั่งบูลล์ได้หยิบเอกสารขึ้นมาและตะโกนอย่างไม่กลัวคมดาบที่พร้อมจะคร่าชีวิตเขาไป

“สมาพันธรัฐอาริกาเซีย ออกคำประกาศ !! คำประกาศอิสรภาพแก่ทาสทั้งหมดในสิบเอ็ดมลรัฐแห่งอาริกาเซีย สมาพันธรัฐอาริกาเซียสู้เพื่ออิสรภาพ และทาสเป็นสิ่งที่ผิดต่อการต่อสู้ของพวกเรา !! ผู้ใดก็ตามที่ไม่ยอมรับการเลิกทาส ถือว่าตั้งตัวเป็นผู้จงรักภักดีของสหจักรวรรดิโอเนีย ศัตรูของประชาชน!”

สายตาที่เข้มแข็งจับจ้องใบหน้าของชายร่างใหญ่โดยไม่เกรงกลัว

“ทหาร! จับพวกนิยมลีโอเนีย แล้วปล่อยทาสทุกคน!” ปืนคาบศิลาเล็งไปยังชายร่างใหญ่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนเจ้าของที่ดินไม่ทันได้ตั้งตัว หากเขาใช้ดาบของตนตัดหัวของชายอมนุษย์ เขาจะถูกยิงทันทีตอบโต้ทันที

สุดท้ายแล้ว ตัวเขาเองก็รักชีวิตยิ่งกว่าทรัพย์สินของตัวเอง ยอมแพ้โยนดาบลงพื้นหิมะและยกมือขึ้นยอมอย่างไม่เต็มใจ นายทหารภาคพื้นทวีปในเครื่องแบบสีขาวล้วนเดินเข้าชายร่างใหญ่ก่อนจะจับและล็อกตัวห่างออกจากพื้นที่

เรื่องราวของการปลดปล่อยทาสเกินขึ้นทั่วตอนใต้ของอาริกาเซีย จนมาถึงโฟลิโอ หากเป็นเหมือนก่อนเจ้าของทาสหลายคนคงจะต่อต้าน แต่หลังจากที่ความคิดทางสังคมเกี่ยวกับทาสได้เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นผลจากหนังสือที่ชื่อว่า 'โซ่ตรวน' หนังสือเกี่ยวกับความโหดร้ายของทาสผู้น่าสงสาร เขียนโดย นักเขียนเล่มเดียวกับระฆังเสรีภาพ

ชาวอาริกาเซียจำนวนมาก ยอมรับเรื่องการเลิกทาส อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ไม่ยอมรับการเลิกทาสก็ถูก เผาบ้านเรือน และไร่เพาะปลูกสำคัญ แต่เนื่องจากรายได้ของพวกเขามาจากทาส ทำให้หลายคนต้องสูญเสียทุกอย่างไปเพราะกฎหมายการเลิกทาส

บูลล์และกองทหารของเขาก็เป็นหนึ่งในผู้เผาทำหลายสินทรัพย์ของนายทาส ชายหนุ่มผู้อ่อนต่อโลกแต่เมื่อพบเจอ ชนพื้นเมืองที่ถูกจับเป็นทาส และกลายเป็นศพที่นอนอยู่ในห้องใต้ดิน มันก็ได้ทำให้จิตใจเขาเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ

“ขอบคุณท่านมาก! ขอบคุณท่านจริงๆ” เด็กสาวพยุงชายผู้ถูกตีจนบาดเจ็บเข้ามาหาบูลล์ ใบหน้าของทาสผู้ชายเต็มไปด้วยความยินดี เขาเป็นหนึ่งในทาสที่ถูกจับมา ไม่ใช่ทาสที่ยอมขายชีวิตของตัวเอง ในขณะที่จิ้งจอกน้อยยังเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“ร้อยเอกช่วยพาชายคนนี้ไปรักษาด้วย” บูลล์สั่ง ก่อนที่ร้อยเอกใต้บัญชาของเขาจะเข้ามาพยุงผู้เจ็บแทนเด็กสาว

ก่อนที่กองทหารภาคพื้นทวีปจะเริ่มเข้าตรวจค้นบ้านกลางไร่คริสตัล เข้าช่วยเหลือทาสที่อยู่ใต้ดิน และปลดปลอกคอทาสด้วยเวทมนตร์ ทุกครั้งที่พวกเขาเจอทาสที่นอนใกล้จะสิ้นใจ พวกเขาก็เริ่มเกลียดชังมากเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อิสระก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเหมือนปากพูด

“อ่า เออ คือ.. คือว่า!” บูลล์ได้ยินเสียงของเด็กกำลังจะพูดบางอย่างกับเขา ทำให้ชายหนุ่มได้หันตามเสียงนั้นไป เป็นทาสจิ้งจอกที่ยังคงมีสีหน้าที่เกรงกลัว แต่จิ้งจอกหนุ่มก็ดึงความกล้าทั้งหมดของตัวเองและกล่าวถามบูลล์

“ขออภัยท่านผู้มีพระคุณ ข้ามีคำถามที่ต้องการจะรู้ให้ได้เจ้าค่ะ!” เด็กสาวชะงัก “ท่านแม่เคยเอ่ยเอาไว้ว่า อิสรภาพมิใช่สิ่งที่จะมอบให้ง่ายๆ พวกท่านต้องการสิ่งใดจากเราถึงได้ปลดปล่อยพวกเรากันเจ้าค่ะ… ขะ ข้าเพียงแค่สงสัย มิได้อยากจะล่วงเกินอะไรท่านอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ…”

บูลล์มีสีหน้าที่ตกใจ ‘ เป็นเด็กที่เข้าใจสถานการณ์ จิ้งจองน้อยเป็นคนที่ฉลาดแน่นอน! ’ หากเขาจำไม่ผิดคุณดักลาสเคยกล่าวเอาไว้ว่า ทุกคนนั้นมีสิ่งที่เก่งในแบบของตน ไม่เว้นแม้แต่ทาส ให้พวกเขาได้เรียนรู้ ทาสก็ไม่ต่างกับประชากรทั่วไป เช่นนั้นแล้ว เด็กคนนี้ก็น่าจะเรียนรู้ได้เร็วอย่างแน่นอน

“เธอชื่ออะไร”

“01 เจ้าค่ะ” เธอมีสีหน้าที่เศร้าหมองลงทันที “นะ นายท่านเป็นผู้เรียก ในฐานะที่ตัวข้าเป็นเด็กคนแรกของทาสภายใต้การดูแลของนายท่านเจ้าค่ะ”

บูลล์แทบไม่สามารถที่จะกล่าวอะไรเพิ่มเติมกับเด็กสาวได้ ความสงสารเป็นสิ่งเดียวที่สามารถพูดออกมาได้ทั้งภายในและภายนอกจิตใจของชายหนุ่ม มือนำไปวางบนหัวของเด็กสาวเหมือนกับอดีตของเขา ตัวของบูลล์เองก็เป็นเด็กกำพร้า จนกระทั่งเขาได้รับมือที่อบอุ่นของชายผู้ยิ่งใหญ่ ดักลาสพี่ชายบุญธรรมของเขา

เด็กสาวไม่มีนํ้าตา เธอเพียงแค่ยิ้มอย่างมีความสุข นานแล้วที่เธอเองก็ไม่ได้รับความอบอุ่นจากฝ่ามือของผู้ใด

เหล่าทาสถูกย้ายมารวมตัวกันที่ทุ่งหิมะกว้าง นั่งอยู่บนพื้นที่หนาวเย็น แต่โชคดีที่เหล่าทหารนำผ้ากันหนาวมาช่วย เล็กน้อย มีทหารในเครื่องแบบสีขาวล้อมรอบพวกเขาไม่ได้หนีไปไหนได้ ซึ่งก็ทำให้ทาสบางคนรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ทำเช่นไรได้ พวกเขาเป็นเพียงแค่ทาสในนามแม้ว่าจะไม่มีปลอกคอทาสแล้วก็ตาม

ทาสทุกคนที่ยังคงมีแรงถูกย้ายมาอยู่ในกลุ่มนี้ทั้งหมด ยกเว้นผู้ที่ใกล้จะสิ้นใจและผู้บาดเจ็บที่จะถูกย้ายไปรักษาก่อน ผู้ที่นั่งอยู่พวกเขามองไปยังชายเผ่าสุนัขที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ บูลล์นิ่งอยู่ขณะก่อนที่เขาจะเริ่มประกาศอีกครั้ง

“อิสรภาพย่อมเป็นสิ่งที่แพงเสมอ พวกเราไม่ได้มาเพื่อมอบความหวังให้พวกท่าน!” บูลล์ชะงักและมองไปยังใบหน้าที่เริ่มกลับไปเป็นความสิ้นหวังอีกครั้งได้ยินสิ่งที่เขาพูด

“ มันเป็นสิทธิของพวกท่าน ที่จะต้องลุกขึ้นมาด้วยตัวเอง! จงลุกขึ้นมาสู้เพื่อตัวของพวกท่าน หากท่านต้องการความเปลี่ยนแปลง การอยู่อย่างเฉยเมยไม่สามารถที่จะทำให้ทาสหายไปจากอองโทราลได้ นี้คือการต่อสู้ของพวกท่านเอง การต่อสู้เพื่อิสรภาพ การต่อสู้เพื่อที่จะเลิกการเป็นทาส

สมาพันธรัฐแห่งอาริกาเซียเองก็พร้อมที่ตั้งกฎหมายเพื่อเลิกทาส! ยุติความโสมมให้มันจบที่ยุคใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น! แต่หากจะทำมันให้สำเร็จพวกท่านต้องสู้เพื่อมัน จงลุกขึ้น! จงลุกขึ้น!

จงลุกขึ้นมา! เหล่าผู้ไม่ยอมตกไปเป็นทาสอีกครั้ง


บูลล์คุงกลายเป็นดักลาส 2.0 ไปซะแล้วเจ้าค่ะ ปล.ต้องขออภัยที่ให้รอนานเจ้าค่ะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด