ตอนที่แล้วบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 19 อยู่อย่างอิสระหรือตายอย่างไร้ค่า (Live Free or Die in Vain)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 21 ไม่ใช่อาณาจักร แต่เป็นสาธารณรัฐ (Not the Empire, But the Republic)

บทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 20 จิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติ (Revolutionary spirit)


จิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติ

(Revolutionary spirit)

ตอนใต้ของรัฐวัลเทอร์ ชายแดนชาร์ลส

ชายหนุ่มหน้าหวานจับจ้องกองกำลังลีโอเนียถอนตัวหนีออกจากการปิดล้อม ทหารเครื่องแบบสีแดงเวนิสวิ่งแตกแถวหนีอย่างไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน ทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์ไว้บนพื้นบางส่วน แม้ว่าจะไม่ได้เยอะมาก แต่อาวุธของลีโอเนียนั้นถือว่าทันสมัยอย่างมาก สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยกองกำลังภาคพื้นทวีปอย่างมาก

ไม่พอแค่นั้น ม้าศึกของลีโอเนียก็เป็น สิ่งสำคัญที่พวกเขาได้รับมาเช่นกัน มันสามารถใช้เพิ่มจำนวนหน่วยส่งข่าวสารได้ทันที เพราะอุปกรณ์เวทมนตร์นั้นมีไม่พอ ม้าเร็วจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

แต่ว่าที่เห็นกองกำลังที่มีระเบียบวินัยที่สุดบนอองโทราลกลับวิ่งหนีตายอย่างไร้ระเบียบ มันสามารถทำให้พวกลีโอเนียรู้สึกว่า ศึกครั้งนี้ช่างเป็นศึกที่น่าขายหน้าอย่างแน่นอน

ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปหากองกำลังผู้มาใหม่ แถวทหารราบเครื่องแบบสีนํ้าเงินเข้ม ไร้ซึ่งธงประจำกองพล หากแต่ชายหนุ่มรับรู้ได้ เพราะว่าใบหน้าของหลายคนในแถวนั้นเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย กองกำลังใหม่ตรงหน้าของลาสเป็นหนึ่งในกองพลภายใต้เขาเอง

หนึ่งในผู้นำกองพลที่ 1 เดินเข้ามาชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วง

เขาขี่ม้าสีนํ้าตาลตรงมายังจุดที่ลาสยื่นอยู่ ชายผิวสีผู้มีร่างกายที่ใหญ่กระโจนลงจากม้าศึกของตน และทำความเคารพชายหนุ่มผู้เป็นนายพลแห่งกองกำลังภาคพื้นทวีป ก่อนจะตะโกนเสียงดังเหมือนจะเป็นจะตาย

“ท่านดักลาส!! ท่านยังคงปลอดภัยดีใช่หรือไม่!? หากท่านเป็นอะไรไปแล้วพวกเด็กใหม่จะต้องเสียใจเป็นแน่!! ขอบคุณพระเจ้า ที่ท่านยังคงอยู่ดี” เขากล่าวด้วยความกังวล หากสูญเสียดักลาสไปพวกเขาคงจะหมดไฟในการต่อสู้ไปนานเสียแล้ว ขณะที่ชายร่างใหญ่มีความต้องการที่จะปกป้องนายของเขา ก็ได้ถูกไม้กระทบเข้าที่หลังเข้าอย่างรุนแรง

“--อั๊ก!! บัดซบไอ้เจ้าซองทูอานอกรีต! คิดจะลอบสังหารข้าหรือไง!?” หน้าที่แนบไปกับพื้นหญ้าสีเขียวทำให้ ชายหนุ่มเกือบหลุดขำออกมา

“ช่วยแสดงภาพลักษณ์ให้สมกับเป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 หน่อย ท่านผู้บัญชาการที่สมองแต่ก้อนเนื้อไร้ซึ่งปัญญา ให้ตายสิ… เหตุไฉนทานดักลาสถึงแต่งตั้งให้เจ้าเป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 แทนข้ากันนะ” คนที่อยู่ข้างหลังอัมลัก เป็นชายผู้มีวงแหวนสีดำ และปีกคริสตัลเอกลักษณ์ของชาวซองทูอาผู้ตกตํ่า คนสนิทของลาส ดักซ์ ชายผู้ฉลาดเจ้าเล่ห์มือซ้ายของดักลาส

เขาเดินก้าวตรงเข้ามานายพลของกองกำลังภาคพื้นทวีป พร้อมกับไม้ที่ใช้ตีหลังอัมลักอยู่ในมือ มันเป็นไม้ยาวพร้อมกับผ้าสองสีที่พันล้อมรอบตัวไม้เอาไว้ ดักซ์หยุดตรงหน้าชายหนุ่มก่อนจะกล่าวรายงานด้วยนํ้าเสียงพูดที่สุภาพ ต่างกับตอนที่พูดกับอัมลักอย่างสิ้นเชิง

“ขออภัยที่ทำให้ท่านนายพลต้องสู้ตามลำพัง กองพลที่ 1 โฟลิโอ และ กองพลที่ 2 เอคริสเปีย ได้มาถึงดินแดนวัลเทอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ” ดักซ์ชะงัก “และ… คุณหญิงเฟลิเซียท่านได้มอบธงให้กับกองกำลังภาคพื้นทวีป”

เขาม้วนแกะผ้าบนไม้ยาวออก มันเป็นธงของกองกำลังภาคพื้นทวีป ธงสีนํ้าแดงตัดกับสีนํ้าเงิน โดยมีสมอเรือสีขาวอยู่ตรงกลาง ล้อมไปด้วยดาว 11 ดวงสีขาว ธงของกองกำลังภาคพื้นทวีป และอาจจะเป็นธงของชาวอาริกาเซียในอนาคต…

“ความหมายของมันล่ะ” ลาสชะงักถามซองทูอาผู้ตกตํ่า “คนอย่างคุณหนูที่ต้องการให้ชาวอาริกาเซียทุกคนได้อยู่ภายใต้ผ้าพื้นนี้ ก็คงคิดเอาไว้แล้วใช่ไหม  ”

การที่เฟลิเซียเลือกใช้ธงหมายความว่า เธอเองก็รู้แล้วว่าหากอาริกาเซียจะได้อริสระที่แท้จริง พวกเขาต้องอยู่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว มิใช่แตกแยกกันเหมือนพันธมิตรที่มีเป้าหมายเดียวกัน

" คุณหญิงท่านบอกว่า ถึงแม้ธงนี้หาใช่การออกแบบขั้นสุดท้ายไม่ แต่มันก็สามารถแสดงเอกลักษณ์ให้ทุกคนบนอาริกาเซียได้รับรู้กันว่า

เราเป็นชาวอาริกาเซีย ภายใต้ธงอาริกาเซีย มิใช่ทาสรับใช้ของผู้ใด

‘ ... คุณเฟลิเซีย ช่วยอย่าลืมสิ่งที่ผมสอนไปสิครับ! ’ ลาสคิดในใจแต่ก็ไม่ได้กล่าวออกมาให้ทุกคนได้ยิน เขาสอนให้เฟลิเซียเรื่องของการเมืองให้กับเฟลิเซียหลายครั้งก่อนที่เขาจะออกมาประจำตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังภาคพื้นทวีป

ชายหนุ่มมักจะสอนให้เฟลิเซียคิดถึงผู้คนที่ไม่ได้เป็นพลเมืองอาณานิคม หรือผู้กำเนิดบนอาริกาเซีย พวกเขามีสิ่งที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องไปยัดเยียดความสมัยใหม่ให้พวกเขา แต่ค่อยๆประสมประสาน ปรับตัวเข้ากับอาริกาเซียใหม่

เพราะงั้นเขาจึงไม่สอนสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชาตินิยม แต่เฟลิเซียกับสร้างมันขึ้นมาเองอีกแล้ว!?

ดักลาสได้แต่ถอนหายใจกับความคิดของคุณหญิง เมื่อก่อนยังคงดูเหมือนเด็กน้อยจากตระกูลชนชั้นสูงที่ยังเข้าสังคมการปกครองไม่ได้มากนัก แต่ตอนนี้กำลังจะกลายมาเป็นผู้นำตระกูลที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่เสีย ช่างเป็นหญิงสาวที่เติบโตเร็วอะไรเช่นนี้

ก่อนที่ดักลาสจะเปลี่ยนเรื่องและออกคำสั่งพลตรีใต้บัญชาทั้งสองของเขา

“ให้กองพลที่ 5 และ 6 ผ่านชาววัลเทอร์อพยพเข้าชาร์ลส” ลาสสั่งพลตรีทาลอส และพลตรีเจมส์ แม้ว่าจะมีเสียงขัดขาดของผู้บัญชาการกองพลที่ 6 ทั้งสอง แต่ดักลาสก็ยังยืนกรานที่จะส่งทั้งสองกองพลที่สู้กับลีโอเนียมานาน กลับไปพักและฝึกกำลังพลมาเพิ่มเสียก่อน

และหันไปหาชายคนสนิทและกล่าว

“ส่งข้อความไปบอก กองพลที่ 2 จะทำหน้าที่ป้องกันรัฐชาร์ลส เราจะทิ้งวัลเทอร์ไปก่อนในตอนนี้พวกเรายังไม่สามารถที่จะสู้กับกองทัพสหจักรวรรดิได้ต่อหน้าต่อตาได้”

“แล้วกองพลที่ 1 ล่ะครับ?” อัมลักกล่าวถาม

“ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สู้ซะหน่อย… เพราะงั้นแล้วเราบั่นทอนพวกลีโอในบ้านของเรา หน้าที่นี้ขอให้กับกองพลที่ 1 แน่นอนว่าฉันจะเป็นคนสั่งการด้วย” ลาสกล่าว แม้ว่าเขาจะไม่ได้พักจากแนวหน้า แต่หน้าที่ของลาสในการนำกองทัพก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาต้องทำในยุคสมัยแห่งนี้

“อ๊ะ แล้วก็ส่งจดหมายนี้ไปให้ สภาของพวกเราด้วย ให้ม้าผู้ส่งสารนำไป  ” ลาสยื่นกระเป๋าหนังที่เขาใช้ประจำ ตั้งแต่เขาเริ่มทำงานเป็นร้อยตรีของพันเอกกาย ข้างในเต็มไปด้วยเอกสารจำนวนมาก ดักซ์รับมันก่อนจะส่งต่อไปให้ม้าเร็วส่งสารไปยังสภาสภานิติบัญญัติ

มิถุนายน-สิงหาคม ฤดูร้อนของอาริกาเซีย หากแต่ปีนี้ร้อยยิ่งกว่าปีไหนๆ

กองพลที่ 6 และ 5 สลับเปลี่ยนตำแหน่งกับ กองพลที่ 1 และ 2 ในขณะที่กองกำลังลีโอเนียพลาดในการจับกุมผู้บัญชาการของกองกำลังของอาริกาเซีย แต่พวกเขาก็สำเร็จในการเข้ายึดรัฐวัลเทอร์ ซึ่งถูกเปลี่ยนให้เป็นรัฐแนวหน้า ค่อยรับเสบียงจากดินแดนแม่ และฉลองชัยชนะภายในเมืองวอลตัน

พวกเขาจับชาววัลเทอร์ไปเป็นแรงงานซ่อมถนน สะพาน และตัวเมือง และสังหารผู้ที่ต่อต้านอย่างเลือดเย็น ทำให้ชาววัลเทอร์ยิ่งไม่พอใจเป็นใหญ่ นอกจากนั้นแล้วกองกำลังรุกรานของลีโอเนียก็ได้เริ่มเข้าตีตอนเหนือของอาริกาเซีย เพื่อยึดครองรัฐ โจเซ นิลเฟย และ นิวลีโอ

การยึดครองหัวเมืองน้อยใหญ่ทางตอนเหนือ เริ่มทำให้ทหารลีโอเนียรู้สึกตัว พวกเขาไม่ได้สู้กับการต่อต้านเล็กน้อยๆ หรือการก่อกบฏที่กว้าง แต่เป็นการต่อสู้ระหว่างสองดินแดน และพวกเราไม่ได้อยู่ในอาณานิคมของตัวเอง แต่เป็นถิ่นฐานของศัตรู

พลโทแดเนียลต้องส่งสารไปทางสภาสูงของลีโอเนีย ว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์อาริกาเซีย หาใช่การกบฏขนาดกว้างไม่ แต่สภาสูงยังไม่คิดเช่นนั้น พันโทแดเนียลจึงไม่มีทางเลือกนอกจากส่งข้อความไปหาจอมพลโรแลนด์ที่มีอำนาจสูงในขณะนี้ ซึ่งก็ได้รับตอบเป็นกำลังเสริมที่ถูกส่งมาเพิ่ม

กลายเป็นว่า จำนวนทหารลีโอเนียมีประมาณ 50,000 หลังจากการยึดครองวัลเทอร์ ถือเป็นกำลังทหารที่ใช้ปราบกบฏอาณานิคมใหญ่ที่สุดในประประวัติศาสตร์อองโทราล อย่างไรก็ตามพวกกองกำลังลีโอเนียคิดว่าผู้จงรักภักดีในอาริกาเซียจะมีมากในรัฐตอนเหนือ แต่เมื่อยิ่งต่อสู้และยึดครองเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งเจอการต่อต้านของกลุ่มชาวอาริกาเซียมากเท่านั้น

ในขณะที่ตอนเหนือเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและยากลำบากสำหรับกองกำลังภาคพื้นทวีป ซึ่งเป็นของ กองพลที่ 9 8 และ 7 ตอนใต้กลับเป็นความลำบากของลีโอเนียแทน เมื่อพวกเขาเข้ารุกรานรัฐชาร์ลส แต่กลับต้องเจอกับกองพลที่ 1 โฟลิโอนำโดยนายพลดักลาส เข้าต่อสู้และมีชัยเหนือลีโอเนีย

กองพลที่ 1 โฟลิโอ ขึ้นเรียกขานว่ากองทัพกบฏลีโอ เพราะว่าพวกเขาเป็นกองกำลังที่มีการฝึกทหารแบบลีโอเนีย มีประสบการณ์ในสงครามอย่างมาก เป็นเสือที่ถูกเลี้ยงจนเป็นภัยก็ว่าได้ ในขณะที่กองพลที่ 1 ถูกเรียกว่ากองทัพกบฏ ในอาริกาเซียพวกเขาถูกเรียกว่ากองทัพปฏิวัติ

ในดินแดนชายแดนวัลเทอร์ และ ชายแดนชาร์ลส กองพลที่ 1 เข้าต่อสู้กับผู้รุกรานอย่างกล้าหาญ พวกเขาสร้างความเปลี่ยนแปลงของอาริกาเซีย เมื่อลีโอเนียเข้าโจมตีรุกรานรัฐชาร์ลส เพื่อยึดเมืองต่างๆ และตรงเข้ารัฐโฟลิโอ เพื่อยึดคอรงเมืองหลวงของที่ตั้งของสภานิติบัญญัติของอาริกาเซีย

ยุทธการที่เนินเขาริสา เป็นเนินเขาที่มีป้อมขนาดเล็กของอาริกาเซีย ถูกเข้าตีโดยลีโอเนีย แต่ก็สามารถป้องกันและขับไล่ลีโอเนียกลับไปได้ ยุทธการที่มาร์กาเรตและยุทธการที่วิลล่าที่ควรจะเป็นเป็นชัยชนะลีโอเนียก็เป็นของกองกำลังภาคพื้นทวีปแทน

การต่อสู้สำคัญอีกมากมายในรัฐชาร์ลส กองพลที่ 1 และ กองพลที่ 2 เข้าต่อต้านลีโอเนียเอาไว้ได้จนแนวรบเสถียร ผิดคาดกับสิ่งที่ลีโอเนียคิดเอาไว้ ไม่พอแค่นั้นนอกจากแนวรบตอนใต้ ชาววัลเทอร์และที่อื่นๆที่ถูกยึดในตอนเหนือก็มีการรุกขึ้นต่อต้าน มีกลุ่มต่อต้านจำนวนมากที่หลบซ่อนอยู่ในป่าไม้ และภูเขาเข้าโจมตีทหารลีโอเนียที่ประจำการอยู่ในเขตปกครองอาริกาเซีย

การปราบปรามกบฏกลายเป็นสงครามขนาดใหญ่ เมื่อชาวอาริกาเซียไม่ยอมรับกฏของลีโอเนีย พวกเขาจึงต้องการเลือกเดินเส้นทางแยกจากลีโอเนีย

ผ่านไปหลายเดือนก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง กองกำลังลีโอเนียก็สำเร็จในศึกที่ตอนเหนือ เผาเมืองโจเซและอดีตสภาโรดอันเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นการรวมตัวกันของอาณานิคม 11 รัฐ ซึ่งพวกเขาคิดว่าจะสามารถทำลายจิตใจกองทัพอาริกาเซียตอนเหนือได้

ในขณะที่ตอนใต้ กองกำลังลีโอเนียก็สามารถดันกองพลที่ 1 และ 2 ของดักลาสลึกเข้าไปยังรัฐชาร์ลสเป็นที่เรียบร้อย แต่ชัยชนะของลีโอเนียก็ใช้เวลานานอย่างมาก พวกเขาสู้กองกำลังอาริกาเซียเสร็จก็เกือบเข้าฤดูหนาวแล้ว

ผู้บัญชาการรุกรานจึงถูกเปลี่ยน สภานสูงของลีโอเนียจึงได้ส่งพลเอก แฟรงคลิน หนึ่งในขุนนางที่มีอำนาจในสภาสูงเข้าควบคุมแทน การกระทำดังกว่าได้สร้างความไม่พอใจให้กับนายหทารชั้นสูงหลายคนแต่พวกเขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ส่วนพันโทแดเนียลก็ย้ายไปอยู่แนวรบตอนเหนือของอาริกาเซียแทน

……

.

.

.

.

.

.

พื้นดินที่สั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหว หากแต่มันเกิดจากเสียงเดินทัพของชาวลีโอเนีย กองพันลีโอเนียแห่งนี้กำลังเดินทัพอ้อมไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของชาร์ลส เพื่อเข้าตีชุมชนที่ชื่อว่าชาร์ลอตส์ หารเคลื่อนทัพที่รวดเร็วของลีโอเนียถือเป็นหนึ่งในความสามารถของพวกเขา ความเร็วที่ไม่สนใจโลจิสติกส์ แต่เผาและปล้นสะดมจากแนวหน้าแทน มันทำให้กองกำลังลีโอเนียมีความเร็วที่มากกว่ากองทัพใดๆบนอัลชลาฟไวส์

อย่างไรก็ตามขณะที่พวกเขากำลังเคลื่อนตัวผ่านถนนดินในทุ่งกว้าง ตรงไปยังแถวป่าข้างหน้าก็ได้มีเสียงปืนและลูกกระสุนสังหารมาจากข้างหน้าทางเข้าป่าของพวกเขา สังหารนายกองและแถวแรกที่อยู่ข้างจนกองพันต้องหยุดนิ่ง เพื่อแปรขบวนเป็นแนวป้องกัน

“ยิง!!” เสียงสั่งการที่มาจากรอบข้างกองพันลีโอ กลุ่มติดอาวุธอาริกาเซีย ผู้หลีภัยจากรัฐวัลเทอร์โผล่ขึ้นมาจากทุ่งหญ้าและทำการลอบโจมตีจากด้านข้าง สร้างความสับสนให้กับกองกำลังลีโอเนีย

เมื่อทหารลีโอเนียตั้งแถวยิงตอบโต้ ก็มีเสียงของพวกอาริกาเซียดังมาจากข้างหลังทุ่งหญ้า และปลดปล่อยลูกปืนสังหารจากข้างหลัง ผู้กองหลายคนเป็นเป้าสำคัญ พวกเขาตายเป็นคนแรกในกองพันลีโอแห่งนี้ ไม่ช้าพวกเขาก็เริ่มแตกพ่ายและวิ่งหนีออกจากแถวทันที

“อย่าปล่อยให้พวกหมาจักรวรรดิได้หนีไป!” ชาววัลเทอร์ตะโกนบอกเมื่อเห็นทหารลีโอเนียวิ่งหนีกลับไปทางที่จากมาจำนวนหนึ่ง

อย่างไรก็ตามพวกเขาวิ่งไปได้ไม่ไกลมากนัก กลุ่มอาริกาเซียอีกลุ่มก็โผล่ขึ้นมาจากที่ซ่อนและยิงเหล่าทหารลีโอเนียผู้น่าสงสาร ผู้ที่รอดจากการยิงรอบแรก ยกมือขึ้นยอมแพ้และตะโกนร้องขอชีวิต

“อย่ายิง! เรายอมแพ้-” ไม่ทันได้กล่าว ลูกปืนก็เข้าที่หัวชายผู้กล่าว

ไร้ความเมตตาเต็มไปด้วยความแค้น ชาวอาริกาเซียสังหารทหารลีโอเนียผู้รุกรานอย่างเหี้ยมโหด เหมือนกับที่พวกลีโอเนียทำกับพวกเขามาตลอดหลายร้อยปีในตอนที่ยังเป็นอาณานิคมอาริกาเซีย

“รีบเก็บอาวุธพวกมันเถอะ ขนทุกอย่างแล้วกลับไปรวมตัวกับกองกำลังภาคพื้นทวีป หน้าหนาวที่จะมาถึงการต่อสู้อาจจะน้อยลง พวกเราจะมีเวลาพักแรง แต่ว่าชาววัลเทอร์เช่นเราจะยังคงขอสู้กับพวกลีโอเนียต่อไปจนกว่าจะปลดปล่อยรัฐวัลเทอร์ให้ได้!”

หัวหน้ากลุ่มต่อต้านชาววัลเทอร์กล่าวกับลูกน้องเสร็จ เขาเองก็เดินไปหากลุ่มต่อต้านอีกกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอมนุษย์ครึ่งสัตว์ แน่นอนว่าชาวอาริกาเซียไม่เคยมีอคติกับครึ่งมนุษย์แม้แต่น้อย

“ขอบคุณพวกท่านมาก! ว่าแต่พวกท่านมาจากหมู่บ้านหรือชุมชนใดกันหรือ?” เขากล่าวถาม หญิงสาวที่มีผู้คุมกันอยู่สองคน เขาคิดว่าเธอน่าจะเป็นผู้นำกลุ่มกองโจรแห่งนี้

สายตาสังเกตเรือนร่างผู้นำกลุ่ม เป็นหญิงสาวเผ่าสุนัข ผมสีนํ้าตาล ดวงตาสีเหลือง มีร่องรอยเผาไหม้บนใบหน้าเป็นตัวเลข เครื่องแบบชาวบ้านทั่วไป มันทำให้ผู้กลุ่มต่อต้านวัลเทอร์กลุ่มนี้มองกลุ่มคนเหล่านี้น่าสงสัย และมีพิรุธ แต่คำตอบของหญิงสาวก็ทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจ

“อดีตทาส จากกลุ่มแสงตะวันออก พวกเราไม่สู้เพื่อพวกท่าน แต่สู้เพื่อการปลดทาสบนอาริกาเซีย” เธอชะงัก “เราได้ยินท่านว่าจะไปหากองกำลังภาคพื้นทวีป แสดงว่าท่านเองก็ได้รับแจ้งจากกองกำลังภาคพื้นทวีปสินะ”

“ ใช่แล้ว

คำแถลงการณ์ต่อสภา 11 มลรัฐ ของกลุ่มลูกหลานของอาริกาเซีย และ ท่านนายพลดักลาส

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด