ตอนที่แล้วบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 18 เคลื่อนย้ายยามค่ำคืนกับแมวนำโชค (Night Evacuate with Lucky Cat)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 20 จิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติ (Revolutionary spirit)

บทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 19 อยู่อย่างอิสระหรือตายอย่างไร้ค่า (Live Free or Die in Vain)


อยู่อย่างอิสระหรือตายอย่างไร้ค่า

(Live Free or Die in Vain)

29 มิถุนายน ศักราชอองโทราลที่ 3926

เมืองวอลตัน รัฐอิสระวัลเทอร์

เป็นวันที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ของเมืองวอลตัน การยืนหยัดต่อผู้รุกราน การต่อสู้ของชายหญิงชาววัลเทอร์ ที่พร้อมจะแลกชีวิตเพื่อบางสิ่ง ระฆังเมืองถูกตีหลายครั้ง เสียงระฆังสีทองดังไปทั่วเมืองวอลตัน มันอาจจะเป็นเสียงสุดท้ายของการต่อสู้ ไม่ช้าเสียงขลุ่ยและกลองจากฝั่งนอกเมืองก็สามารถดังยินทางรอบเมืองวอลตัน

“หากจะยึดเมืองก็ต้องข้ามศพพวกข้าไปเสียก่อน!” ทหารภาคพื้นทวีปเล็งอาวุธไปยังผู้บุกรุก รอเสียงจากนายกองตัวเอง ก่อนจะดะดมยิงทุกอย่างที่มีใส่ทหารลีโอเนีย

เสียงปืนดังลั่น กองทหารลีโอเนียขยับเขยื้อนเข้าเมืองจากทั่วทิศทาง แนวป้องกันถูกรุกล้ำภายในเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง เหล่าทหารลีโอเนียก็เข้ามาในเมืองสำเร็จ ความสำเร็จที่หลายเดือนที่ยาวนาน หากแนวป้องกันถูกตีแล้วกองกำลังลีโอเนียไม่รอช้าทะลักเข้าตัวเมืองเหมือนน้ำหลาก

“พวกกบฏมันข้างในบ้านหลังนั้น!” เมื่อเข้าเมืองวอลตันมาได้ กองกำลังลีโอเนียก็เจอกับการต่อต้านภายในเมือง กลุ่มทหารภาคพื้นทวีปหลบซ่อนอยู่ในบ้านเรือนของเมือง ค่อยลอบโจมตีทหารลีโอเนียจากมุมมืด

ในขณะที่บ้านหลังใหญ่ คลังสินค้า แม้แต่ศาลากลางก็กลายเป็นป้อมขนาดย่อมๆ

เขตตัวเมืองวอลตันกลายเป็นสนามรบ กองกำลังภาคพื้นทวีปผู้ป้องกันเมือง ไม่ยอมแพ้ พวกเขาสู้และสังหารผู้บุกรุกอย่างกล้าหาญ ทุกครั้งที่ทหารลีโอสามารถเข้ายึดจุดสำคัญของเมืองได้ก็ต้องสูญเสียคนไปจำนวนมาก ไม่มีท่าทีว่าจะยอมแพ้ให้กับกองกำลังลีโอเนีย มันทำให้ผู้บุกรุกต้องตกตะลึง

การต่อสู้ในเมืองใหญ่ยาวนานจนถึงเที่ยงวัน เมื่อจุดรวมตัวของกองกำลังป้องกันเหลือเพี่ยงโกดังเก็บอาหารของเมือง จุดยุทธศาสตร์ที่กลายเป็นที่มั่นสุดท้ายของชาววัลเทอร์

“ผู้กองไปไหน?” นายทหารอาริกาเซียวัยสูงอายุถามเพื่อนของเขา

“นอนสิ้นใจอยู่ฝั่งเหนือของเมือง พวกเราเหลือไม่ถึง 100 คนด้วยซํ่า พวกเรามาถึงจุดสูงสุดแล้ว” เขากล่าวขณะที่ยังหลอมลูกปืนอย่างใจเย็น

ขณะที่ทั้งสองกำลังเตรียมอาวุธของตนเองอยู่ในโกดัง เสียงของทหารที่คนหนึ่งก็ตะโกนเรียกเตือนทุกคนที่อยู่ภายในโกดังไม้ “พวกมันมาแล้ว! ป้องกันที่มั่นจนตัวตาย!”

ทุกคนเข้าประจําตําแหน่งป้องกันของตัวเอง อาวุธคาบศิลาเล็งออกนอกหน้าต่างและจุดที่ถูกพังเปิดออกให้สามารถยิงออกไปได้ ข้างนอกคือทหารในเครื่องแบบสีแดงเวนิสที่เตรียมบุกเข้ามาสังหารพวกเขา โกดังแห่งนี้ตั้งอยู่กลางเมือง มีทางเข้าแค่สองทาง

เกวียนม้าถูกนำมาปิดกันข้างหน้าทางเข้าโดยมีกล่องและฟางข้าวเป็นที่กำบัง ถูกตั้งเป็นวงรีสามารถยิงได้ทุกทาง แน่นอนว่าข้าศึกก็ยิงมาได้เช่นกัน

“กบฏแห่งอาริกาเซียจงยอมแพ้ และวางอาวุธเสีย หากพวกเจ้ายังไม่อยากตาย!” นายกองลีโอเนียตะโกนขึ้น

พวกเขาถูกล้อมรอบหมดแล้ว ตอนนี้กองกำลังภาคพื้นทวีปก็เหลือเพียงแค่พวกเขาเท่านั้น ทุกคนมองหน้าซึ่งกันและกัน ก่อนจะยิ้มให้กันเป็นครั้งสุดท้าย พวกเขาปลุกใจและตะโกนลั่น

 อิสรภาพแก่รัฐวัลเทอร์  เสรีภาพแด่อาริกาเซีย

นั้นเป็นคำกล่าวของกลุ่มกองกำลังป้องกันเมืองวอลตัน แห่งรัฐวัลเทอร์ ก่อนที่พวกเขาจะถูกสังหารหมู่…

ธงสิงโตทองถูกชักขึ้นเมืองวอลตัน บัดนี้เมืองวอลตันถูกตีแตกเป็นที่เรียบร้อย เหล่าทหารลีโอเนียต่างพากันโยกย้ายร่างที่ไร้วิญญาณออกมากองข้างนอก เพื่อทำการเผาทิ้ง ผู้บาดเจ็บถูกขนย้ายเข้ามาในเมืองและพักรักษา

ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังรุกรานเดินทางเข้ามาในเมือง พร้อมกับนายทหารชั้นสูง พวกเขาไปรวมตัวกันที่ศาลากลางของเมือง เพื่อรับรายงายผลสรุปที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ภายในห้องเต็มไปด้วยร่องรอยของการต่อสู้ ทั้งรอยของลูกปืนและเลือดตกค้างตามกำแพงห้อง นายทหารบางคนยังทำความสะอาดไม่เสร็จ แต่ด้วยเร่งรีบของผู้บัญชาการทำให้ห้องยังคงเต็มไปด้วยภาพอันไม่น่าอภิรมย์เท่าไร

“พลโทแดเนียล! ต้องขออภัยอย่างสูง แต่ว่าพวกเราไม่สามารถจับเชลยศึกมาให้ข้อมูลได้เลยครับ” เขาชะงัก “จากการต่อสู้พวกกบฏนั้นหายไปเยอะอย่างมาก จำนวนร่างกบฏที่นับได้มีเพียงแค่ 2000 กว่าคนเท่านั้น ในขณะที่การต่อสู้ที่ผ่านมาคาดว่าพวกกบฏมีถึง 2 กองพล หรือประมาณ 20,000 คน”

“จำนวนขนาดนั้นแต่สามารถหลบหนีออกได้หรือ!? ตรวจสอบเส้นทางที่พวกมันใช้หนีได้ไหม?” ผู้บัญชาการคนหนึ่งกล่าวขึ้น

“ตอนนี้ยังสำรวจไม่ครบครับ ชาวเมืองหลายคนก็มีน้อยกว่าที่ควร แถมพวกเขายังไม่ค่อยให้ความรวมมือเท่าไร เช่นนั้นผมขอตัวกลับไปทำหน้าที่ค้นหาเส้นทางหลบหนีพวกกบฏก่อนครับ…” นายทหารตอบกลับก่อนจะทำความเคารพและออกจากห้องไป

ภายในห้องกลายเป็นความเงียบ พลโทแดเนียลเดินไปยังโต๊ะที่ว่างเปล่า เขามองแก้วนํ้าที่ถูกทิ้งก่อนจะยกมันขึ้นมา กลิ่นที่รุนแรงแสดงให้เห็นว่ามันถูกปล่อยทิ้งเอาไว้หลายวันแล้ว อาจจะเป็นสัปดาห์ก็เป็นไปได้ ก่อนที่เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ และกล่าวสั่ง

“พันเอก แกร์ฮาร์ด นำกองพันทหารม้า ไปพร้อมกับคุณ พวกเขาอาจจะลงใต้ไปแล้วก็ได้ หากเจอก็ส่งเจอมา แล้วสกัดหน้าไม่ให้พวกเขาได้หนีจนกว่าพวกเราจะตีจากข้างหลังพวกเขา” พันเอกลีโอเนียรับคำสั่งและวิ่งออกจากห้องทันที

“ท่านพลโท แล้วชาวเมืองแห่งนี้จะทำเช่นไรดีครับ?” ผู้บัญชาการคนหนึ่งกล่าวขึ้น จอห์น โอลิเวอร์ ชายผู้ที่อยู่ใต้บัญชาการของแดเนียลมานาน เพราะว่าตัวเขาจะไม่ได้นำกองกำลังตามจับดักลาส เขาจึงถามคำถามกับแดเนียลเกี่ยวกับชาววัลเทอร์แทน

“ให้โทษพวกเขามาซ่อมเมืองดีไหมครับ?” จอห์นกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่นิ่งเฉย

แม้ว่าเขาจะเคยสู้เคียงข้างอาริกาเซีย แต่เขานั้นเป็นทหารของสหจักรวรรดิ เขาไม่สามารถที่จะช่วยเหลือชาวอาริกาเซียได้มาก ต่อให้มีจิตใจที่สงสาร แต่กบฏของลีโอเนียถือเป็นศัตรูของเขา

“หากเป็นไปได้เราก็อยากจะให้กำจัดพวกเขาทั้งหมด สังหารให้หมดเมือง เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาภายหลังจะดีกว่านะครับท่านพลโท” ชายวัยกลางคนกล่าวแย้งเขาคิดว่าหากพวกกบฏยอมแลกชีวิตเพื่อปกป้องเมือง ชาวเมืองก็คงเป็นอันตรายต่อกองกำลังแน่นอนหากคิดจะปล่อยพวกเขาเอาไว้

“ผมไม่คิดว่าสภาสูงจะเลือกสังหารชาวอาณานิคมจนเหมือนประวัติศาสตร์เก่าๆ ของการก่อการกำเริบในโดสสเลเลนหรอกนะ พันเอก อามิช” แดเนียลชะงัก “อนุญาตให้ใช้ชาวเมืองเป็นแรงงาน..”

“…ใช้ปลอกคอทาสได้ตามตามสบาย…”

แต่เพื่อเป็นการลงโทษชาวอาณานิคมที่กล้าต่อต้าน และความปลอดภัย ปลอกคอทาสถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ปลอกคอเวทมนตร์ที่เปลี่ยนให้ไม่สามารถต่อต้านเจ้านายได้

อย่างไรก็ตามแดเนียลเองคงไม่ทราบว่าชาวลีโอเนียหลายคนคิดจะใช้ชาวอาริกาเซียเป็นแรงงานจนตาย

เพราะว่าชาวลีโอเนียที่เป็นขุนนางผู้ดีคงได้มองชาวอาณานิคมเป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงอย่างแน่นอน?…

……

.

.

.

.

.

.

ความพ่ายแพ้ในรัฐวัลเทอร์กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการก่อกบฏอาริกาเซีย เมื่อชาววัลเทอร์ทุกคนที่ถูกจับถูกเปลี่ยนไปเป็นแรงงานซ่อมเส้นทาง สร้างป้อม ท่าเรือและแรงผลิตลูกปืนอื่นๆเฉกเช่นเดียวกับทาสแรงทั่วไป

ประชากรจำนวนมากถูกเปลี่ยนไปทาสคือสิ่งที่นายพลแห่งกองกำลังภาคพื้นทวีปไม่คาดคิดมาก่อนในชีวิต

ทาส คือสิ่งที่ดักลาสรังเกียจทุกสุด การที่ชาววัลเทอร์ที่ถูกทอดทิ้ง ถูกสวมปลอกคอทาสกลายเป็นแรงงาน มันได้ทำให้ชายหนุ่มผู้อ่อนต่อโลกแห่งความวุ่นวายจิตตกไปอยู่พอสมควร ชายหนุ่มผู้มาจากโลกที่แตกต่างได้แต่กล่าวโทษตัวเอง ‘ หากเขาไม่เลือกหนี หากเขาเลือกที่จะสู้ หากเขาเลือกที่จะอยู่ต่อ ’ เป็นคำถามในใจของชายหนุ่ม

ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ มันมักจะย้อนกลับมาทำร้ายเสมอ…

ตัวเลือกของเขาที่ได้สร้างผลลัพธ์ที่เลวร้ายต่อชาววัลเทอร์ คือความรับผิดชอบของเขา ความเสียสละของผู้ปกป้องที่สิ้นชีพไป แม้ว่าจะแค้นและโกรธ แต่สิ่งสำคัญคือการที่เขาจะสามารถชนะลีโอเนียได้ ต่อให้ต้องเสียสละรัฐสองรัฐของอาริกาเซีย ตัวเขาก็จะยอมแลกเพื่อเป้าหมายของเขา

กองพลที่ 5 และ 6 เคลื่อนตัว ออกจากเขตวอลตัน ใกล้เข้าชายแดนโฟลิโอ และด้านหน้าของพวกเขาเป็นกองกำลังลีโอเนียที่เตรียมเข้าสกัดการหลบหนีของพวกเขา กองกำลังของลาสเหลืออยู่ 11000 คน ที่พร้อมสู้ในขณะนี้ ตรงหน้าของพวกเขาเป็นกองกำลังสกัดของลีโอเนียจำนวน 6000 คน แต่หากการต่อสู้นั้นยาวนาน พวกเขาจะถูกกองกำลังลีโอเนียตามทันจากข้างหลัง

ไม่พอแค่นั้นดักลาสยังพาประชากรของเมืองวอลตันที่เป็นบุคคลที่ไม่สามารถต่อสู้ได้มาอีกด้วย ลาสไม่อยากทำให้เกิดลูกหลงกับผู้ที่อยู่ข้างหลัง

เขาจ้องมองการแปรแถวของลีโอเนียอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่พลตรีทาลอส และ พลตรีเจมส์จะเดินมาให้ลาสที่อยู่หน้ากองกำลังทั้งหมด

“ให้กองพลที่ 6 เป็นคนบุกเถอะครับ แม้ว่าเราจะเหลือเพียงแค่ 2 กรมทหารเท้า แต่พวกเขาล้วนต้องการล้างแค้นจากวอลตัน” พลตรีทาลอสกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่จริงจัง

เขาสูญเสียผู้ใต้บัญชาไปเยอะที่สุด นอกจากการตายของทหารของเขาแล้ว ชาวเมืองกลายเป็นทาสก็ได้สร้างความแค้นต่อลีโอเนียอย่างมาก ทุกคนรับรู้ถึงการเปลี่ยนชาววัลเทอร์ให้กลายเป็นทาส ทหารชาววัลเทอร์อย่างพวกเขาถือเป็นกลุ่มที่มีความแค้นสูงสุดในตอนนี้

“ไม่อนุญาต…” ลาสปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่ามันได้ทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกผิดหวังอย่างมาก เขาอยากจะขัดคำสั่งขอลาสและกระโจนบุกสังหารลีโอเนียให้ได้มากที่สุด

“พลตรีเจมส์ ช่วยตั้งแถวการรบขนาดใหญ่คู่กับลีโอเนีย” ลาสเริ่มออกคำสั่ง

กองพลที่ 5 แปรขบวนตามแถวของลีโอเนีย เป็นการเผชิญหน้ากันของสองกองกำลัง ครั้งที่สอง หาใช่การป้องกันตามจุดไม่ แน่นอนว่าผู้บัญชาการของฝั่งตรงข้ามของอาริกาเซีบก็เห็นการจัดขบวนแบบเดียวกัน

พันเอก แกร์ฮาร์ด มีใบหน้าที่ดูถูกแถวเตรียมการรบของกองกำลังกบฏ การตั้งแถวสู้กับลีโอเนียหมายถึงกองกำลังที่มีฐานะเสมอพวกเขา และพวกทัพกบฏก็กล้าที่เสนอหน้าเช่นนี้ เขาเองก็อยากจะขยี้ให้แหลกคามือ

“พวกกบฏชั้นตํ่า กล้ามากที่ใช้วิธีการรบของพวกเรา…” เขาเอ่ยอย่างมาโทสะ

“ไม่ต้องสนใจการป้องกันแล้ว! ให้กองกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเลย” เขาชะงัก “ไม่ต้องสนใจว่ามันยิงก่อน ให้ทัพม้าตีพวกมันจากข้างหลัง ทำให้มันพ่ายแพ้ในตอนนี้ พวกเราจะได้เกียรติยศจากองค์จักรพรรดิอย่างแน่นอน!”

กองกำลังลีโอเนียเดินทัพเข้าหากองกำลังภาคพื้นทวีป แน่นอนว่าอีกฝั่งก็เคลื่อนตัวเข้าหาเช่นกัน ทั้งสองหยุดห่างกันไม่ไกลมากนัก ปกติแล้วกองกำลังภาคพื้นทวีปจะไม่ต่อสู้ในพื้นที่เปิดเช่นนี่ เพราะฝั่งตรงข้ามนั้นมีประสบการณ์การรบการศึกที่มากกว่า แน่นอนว่ากองกำลังภาคพื้นทวีปเป็นฝ่ายแรงที่เปิกฉากยิง

ภายใน 1 นาที แถวลีโอเนียก็ต้องตกใจกลัว เพราะว่ากองกำลังกบฏยิงออกมา 3 ครั้ง ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มยิง การต่อสู้ระหว่างกองพันอาริกาเซีย และกองพันลีโอเนียได้เริ่มต้นขึ้น ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง การต่อสู้ก็เริ่มเห็นผลเมื่อทหารชุดแดงเริ่มวิ่งหนีออกจากแนวยิง

พันเอก แกร์ฮาร์ด ไม่ได้มีสีหน้าที่กังวลมากนั้น เพราะว่ากองทหารม้าของเขาก็น่าจะเข้าถึงแนวหลังและข้างของพวกกบฏแล้ว

เสียงแตร จากทัพม้าดังจากด้านข้างของกองการต่อสู้

ม้าศึกวิ่งด้วยความเร็วผ่านทุ่งหญ้า พันตรีผู้นำกองทหารม้าชูดาบในมือขึ้นเป็นสัญญาณจู่โจม การโจมตีแบบทันรู้ตัวจะทำให้ทัพกบฏแตกอย่างง่ายดาย พันเอก แกร์ฮาร์ด เป็นคนกล่าวเอาไว้ เห็นขบวนทหารขนาดเล็กของอาริกาเซีบ พันตรีของทัพม้าก็เข้าโมมตีทันที

อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เจอกับการจัดแถวทหารราบที่แปลกตา เหมือนกับหอกที่ใช้จัดการทัพม้า

“มะ ไม่ได้! ไปอีกทาง!” กองทหารม้าลีโอแยกของจากกัน แต่ก็ต้องเจอกับการตั้งแถวที่แปลกตาจำนวนมาก ไม่มีช่องว่างให้โจมตี ไม่มีด้านข้างให้พุ่งตรง เสียงปืนของพวกกบฏดังขึ้นจำนวนมาก กองทหารม้าลีโอเนียกลายเป็นอดีต

มันคือกระบวนทัพสี่เหลี่ยมจัตุรัส

“หากพวกเจ้าอยากจะสู้กับพวกทรราช ยึดม้าพวกมันเร็วเข้า ยึดอาวุธพวกมันเร็วเข้า!” พลตรีทาทอสตะโกนสั่งหลังกองทัพม้าของลีโอเนียถูกสังหารจนหมด

“สังหารพวกลีโอเนียให้หมด!” ชาวอาริกาเซียกู่ร้องก่อนที่พวกเขารีบไปช่วยเหลือกองพลที่ 5

การตีกลับทหารลีโอเนียให้พ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้ รวมไปถึงการล้างแค้นแก้มือให้แก่เมืองวอลตัน ก็คือเป้าหมายของกองกำลังภาคพื้นทวีปในตอนนี้

พันเอก แกร์ฮาร์ด จ้องมองกองกำลังกบฏดันทหารของเขาถอยอย่างช้าๆ เขาเริ่มที่จะรู้สึกตัว เหตุใดพวกกบฏไม่ยอมหนีหรือแตกทัพ ไม่แม้แต่จะมีสัญญาณของทัพกบฏ ตอนนี้เขายังไม่แน่ใจว่ากองทัพม้าของเขาไม่สามารถทำลายกองหลังของกบฏได้

“ให้ถอยแนวกลางออกมาแล้วให้ ทางซ้ายตี-” ตึง-ตึง-ตึงตึงตึง! 

ขณะที่เขากำลังเตรียมแผนการเสียงกลองศึกและขรุยก็ได้ดังขึ้นจากข้างหลังของเขา มันช่างเป็นเสียงที่คุ้นหู

“พันเอกแกร์ฮาร์ด พวกกบฏ! กองกำลังกบฏจำนวนมากมาจากหลังของเราครับ!!” นายทหารคนหนึ่งขี่ม้าเร็วเข้ามาหาพันเอกและรายงาน และเมื่อเขามองกลับไปแนวหลังของเขาก็ต้องพบกับความจริง เมื่อกองกำลังภาคพื้นทวีปในเครื่องแบบสีนํ้าเงินเข้มกำลังจะล้อมรอบกองกำลังลีโอ

“!? อีกไม่นานกำลังหลักก็มาถึงแล้วแท้ๆ สั่งให้ถอนกำลัง พวกเราจะไปรวมตัวกับกองกำลังหลักก่อน!”


0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด