ตอนที่แล้วบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 17 การห้อมล้อมที่วอลตัน (Surrounded At Walton)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 19 อยู่อย่างอิสระหรือตายอย่างไร้ค่า (Live Free or Die in Vain)

บทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 18 เคลื่อนย้ายยามค่ำคืนกับแมวนำโชค (Night Evacuate with Lucky Cat)


เคลื่อนย้ายยามค่ำคืนกับแมวนำโชค

(Night Evacuate with Lucky Cat)

เมืองวอลตัน รัฐวัลเทอร์ ปลายเดือนพฤษภาคม

การปิดล้อมเมืองที่ยาวนาน เสบียงอาหารเริ่มร่อยหรอลง แต่ขวัญกำลังใจยังคงเต็มเปี่ยม การป้องกันที่แน่นหนาทำให้ลีโอเนียไม่สามารถที่จะเข้ายึดเมืองได้ นอกเสียจากความเสียหายจากปืนใหญ่แล้วทหาราบลีโอเนียก็ไม่สามารถทำความเสียหายอะไรได้แม้แต่น้อย

อาจจะเป็นศึกที่เบากว่าตอนที่อยู่โฟลิก เพราะว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในหลังบ้านของตัวเอง ในขณะที่ผู้บุกรุกอยู่ในดินแดนของพวกเขา กองกำลังต่อต้านเข้าจู่โจมจากแนวหลัง ตัดเสบียงขนส่งของลีโอเนีย ช่วยให้กองกำลังที่อยู่ในเมืองได้พักหายใจอยู่หลายครั้ง

อย่างไรก็ตามกำลังเสริมของพวกเขาก็ยังไม่สามารถที่จะเข้ามาช่วยได้ เมื่อกองกำลังเสริมจากสหจักรวรรดิลีโอเนียได้ยกพลขึ้นบกมาเสริมทัพรุกรานอีก 2 กองพล กองพลที่ 1 จากตอนใต้จึงต้องพบเจอความยากลำบากที่จะเปิดทางให้กองพลที่ 5 และ 6 ออกจากรัฐวัลเทอร์ได้

กลับมายังเมืองวอลตัน เมืองขนาดใหญ่ที่เคยสวยงามตอนนี้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยซากบ้านเรือนที่ถูกปืนใหญ่ของพวกลีโอเนียยิงใส่ตลอดหลายวันทั้งการปิดล้อมวันแรก ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตที่ยังติดอยู่ใต้ซากบ้านถูกทหารอาริกาเซียช่วยกันค้นหา แม้แต่ประชาชนที่ไม่ได้อพยพหนีออกจากเมือง ต่างพากันช่วยขนย้ายผู้บาดเจ็บ และซ่อมแนวป้องกันอย่างเข้มแข็ง

ชายหนุ่มผู้ผมสีขี้เถ้าหาได้ยาก ในเครื่องแบบสีฟ้าเข้มและหมวกไทรคอร์นอันเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นและดิน ดักลาส ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังภาคพื้นทวีป เดินออกมาจากศาลากลางและตรวจสอบความเสียหายหลังจากเสียงปืนใหญ่หยุดลง

ดวงตาสีฟ้าอมเขียวจ้องมองร่างของผู้เสียชีวิตที่ถูกลากออกมาจากซากบ้านที่พังลงมา

สงครามคือความสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือมิตร ดักลาสเดินเข้าไปหาผู้บาดเจ็บที่ยังร้องโอดครวญตลอดเวลา บางคนนั้นไม่มีเสียงร้องเพราะลมหายใจที่น้อยนิด สายตาของลาสยังคงมองร่างของผู้บาดเจ็บที่ถูกเศษไม้เสียบแขนขาของเขาอยู่ หากเป็นเมื่อก่อนลาสก็คงอ้วกหลังเห็นบาดแผลพวกนี้ไปแล้ว

แต่ตัวเขานั้นเป็นตอนนี้นั้นเปลี่ยนไปเยอะจนไม่รู้ว่า เขายังเป็นตัวของตัวเองหรือไม่ การที่พบเห็นคนตายจำนวนมากแต่กลับไม่ได้มีความรู้สึกที่รุนแรง ตั้งแต่ที่เขาได้มาอยู่บนดาวดวงนี้ เขาเองก็เริ่มที่จะเฉยชาต่อร่างอันไร้วิญญาณเหมือนคนทั่วไปของยุคสมัยแห่งสงครามแล้วกระมัง

“พาคนบาดเจ็บไปที่ศาลากลาง บอกทหารยามที่เฝ้าว่า ฉันเป็นคนสั่งย้ายคนเจ็บ” หากเป็นเช่นนี้อีกหลายเดือน ทุกคนในเมืองวอลตันคงได้ตายกันหมดแน่นอน เพราะงั้นแล้วเขาเองก็ต้องหาวิธีที่จะพาคนเจ็บและกองกำลังทั้งหมดในเมืองแห่งนี้ ให้รอดพ้นกรงเล็บของราชสีห์แห่งแดนเหนือให้ได้

ขณะที่ดักลาสสั่งการทหารที่อยู่ในพื้นที่ให้ช่วยคนเจ็บให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็ได้มีหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทักเขา

“ทะ ท่านนายพลดักลาส” หญิงสาวที่เดินเข้ามาหาลาสเป็นหญิงครึ่งมนุษย์แมว

“ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่ ขะ ข้าอยากจะ สะ เสนอแผนการบางอย่างให้กับท่าน ค่ะ…” นํ้าเสียงของมนุษย์แมวนั้นมีความกลัวและลังเลอย่างมาก เธอกลัวว่านายพลตรงหน้าเธอจะสั่งลงโทษที่กล้าพูดเสนอแผนต่อผู้ที่ยศสูงกว่าตน

“อย่าได้กังวลไปเลย เสนอมาได้เลย” ดักลาสมีความสนใจในสิ่งที่ทหารหญิงตรงหน้ากล้าเข้าหาเขาเพื่อเสนอแผนของตัวเอง คำพูดของลาสทำให้หญิงสาวเริ่มมีคำมั่นใจอีกครั้ง

" ค่ะ! คือว่าที่จริงแล้ว มันจะฟังดูไม่น่าเชื่อถือแต่ว่าตอนที่ข้าเป็นเด็ก

เมืองวอลตันมีเส้นทางที่ถูกปิดที่เคยเชื่อไปยังแม่นํ้าลิกาโพลิสตอนใต้อยู่ค่ะ

“!? ที่มาเป็นความจริงแน่น่ะ?” หญิงสาวเผ่าแมวพยักหน้าขึ้นลงและกล่าวกับลาส

“เธออยู่กองพลอะไร? ไม่สิช่วยมากับฉันหน่อย” ดักลาสกล่าวถามหญิงครึ่งแมวก่อนจะเริ่มออกเดินกลับศาลากลางด้วยความเร็ว

“กะ กองพลที่ 6 ร้อยตรี อูตะ เอเวีย !? อ๊ะ รอด้วยค่ะ!” ร้อยตรี อูตะ เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกเรียกก็ตกใจและรีบแนะนำตัว ก่อนจะวิ่งตามชายหนุ่มที่เดินไม่รอ

ดักลาสได้เรียกพลตรีทาลอส และ พลตรีเจมส์ มาหาเขาที่ห้องวางแผน ศาลากลางเมืองวอลตัน ภายในห้องดักลาสและร้อยตรี อูตะ ยื่นรอผู้บัญชาการคนสำคัญอีกสองท่าน ร้อยตรีครึ่งแมวมีอาการที่ตื่นเต้นเล็กน้อย ซึ่งลาสก็พอเข้าใจหญิงสาวอยู่บ้าง

ในที่ทั้งสองก็เดินเข้ามาในห้อง พลตรีทาทอสเป็นคนแรกที่กล่าวถามนายพลของเขา

“ท่านนายพล เหตุใดจึงเรียกพวกเรากัน?” ใบหน้าของทาลอสมีความเหนื่อยล้าอย่างมาก เขาเป็นคนที่สั่งการต่อสู้ยาวนานที่สุด

“ต้องขอบคุณร้อยตรี อูตะ กองพลที่ 6 ยังคงทำงานได้ยอดเยี่ยมเสมอ…” ลาสเผยมือไปทางหญิงสาวข้างๆ เขา ก่อนจะชี้ไปยังแผนที่ของรัฐวัลเทอร์

“เราจะทำการอพยพหนีกัน” สิ้นเสียงใบหน้าของพลตรีทั้งสองก็เบิกกว้าง พลตรีเจมส์เป็นคนแรกที่กล่าวถามลาส เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ลาสพยายามจะสื่อ

“แต่เมืองกำลังถูกปิดล้อม เราจะหาเส้นทางใดหนีออกไปกัน?” เขาชะงัก “หรือพวกเขาจะตีฝ่าออกไป”

ลาสส่ายหน้าปฏิเสธความคิดของพลตรีเจมส์ก่อนจะหันไปหา ร้อยตรีสาวข้างๆ เพื่อให้เธออธิบาย ร้อยตรีครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ ก้าวเท้ามาข้างหน้าโต๊ะที่มีแผนที่อยู่ ก่อนที่เธอจะชี้ที่ยังทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองวอลตันและกล่าว

“เมื่อก่อนตรงนี้เคยเป็นเส้นทางรับนํ้าจากแม่นํ้าลิกาโพลิส” ร้อยตรีชะงัก " แต่เนื่องจากว่าส่ายของแม่นํ้าที่ลงใต้นั้นได้ถูกหยุดลง ทำให้ไม่มีใครใช้เปิดใช้ เส้นทางนํ้าและปล่อยทิ้งไว้จนกลายเป็นป่าไม้ "

“ฉันให้กองร้อยของฉันลองตรวจสอบมาแล้ว เส้นทางยังใช้งานได้ ด้วยสภาพที่มีต้นหญ้าที่ปกปิดเส้นทางอยู่ มันสามารถซ่อนและปกปิดไม่ให้พวกลีโอเนียเห็นได้หากเราใช้เส้นทางนี้หนีลงใต้ค่ะ!”

พลตรีทั้งสองมองหน้าซึ่งกันและกัน ก่อนจะหันไปหาดักลาสที่ยังคงนิ่งเฉยและกล่าวกับนายพลของพวกเขา

“ให้ข้าเป็นตัวล่อเถอะ!” “ให้เราเป็นตัวล่อแทนท่านนายพล…”

“เฮ้อ.. เราจะลองคุยกับชาวเมืองก่อน ให้พวกเขาได้หนีแต่สำหรับคนไม่ยอมออกจากเมือง พวกเราเองก็คงทำอะไรไม่ได้ ในส่วนของกองหลัง เราขอสั่งให้พวกนายถามหาทหารผู้พร้อมจะอาสาในภารกิจฆ่าตัวตายนี้ ผู้ที่จะอยู่จนกว่าทุกคนจะหนีออกจากเมืองได้” สิ้นคำสั่งทั้งสองก็รีบไปทำหน้าที่ของตัวเองทันที แต่ก่อนที่ทุกคนจะออกจากห้องดักลาสหันไปหาหญิงสาวเผ่าแมวข้างๆก่อนจะเลื่อนตำแหน่งให้กับเธอ

“ร้อยตรีอูตะ เอเวีย ต่อไปนี้เธอจะเป็น พันตรีกองกำลังพิเศษ หน้าที่ของกองพันใหม่นี้จะเป็นหน่วยที่ดูแลแนวหน้าในการหลบหนี พร้อมที่จะรับหน้าที่นี้หรือไม่?” ร้อยตรี อูตะ มีสีหน้าที่เหมือนเห็นผี ตัวเธอเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ถูกเลื่อนยศในระยะเวลาไม่กี่เดือน เธอเลือกที่จะเป็นทหารเพราะเธอเองก็ไม่มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว โอกาสหายากเช่นนี้เธอคงต้องคว้าเอาไว้แน่น

“ข้าพร้อมที่จะทำหน้าที่เพื่ออนาคตอาริกาเซียค่ะ!”

“ยินดีด้วยพันเอก อูตะ เอเวีย เดี๋ยวผมจะส่งรายชื่อของคนคนในกองพันให้ แยกย้ายได้!”

จากร้อยตรีไปเป็นพันเอก ทำให้หญิงสาวตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน เป็นการไต่เต้าที่สูงกว่าที่ใครจะทำได้ หญิงสาวรีบออกจากห้องวางแผนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ทิ้งให้ดักลาสอยู่คนเดียวภายในห้อง วันนี้เธอเองก็ได้พักเพื่อทำหน้าที่ให้สำเร็จ

เมื่อไม่มีใครอยู่แล้ว นายพลสูงสุดของกองกำลังภาคพื้นทวีปก็เดินกลับไปที่โต๊ะของตน ก่อนจะเริ่มเขียนเอกสาร ย้ายตำแหน่งอีกครั้ง หากการเคลื่อนย้ายออกจากเมืองวอลตันได้สำเร็จพวกเขาจะถอยกลับออกจากรัฐวัลเทอร์ รวมกลุ่มกันใหม่และเข้าโจมตีลีโอเนียเพื่อดันให้ผู้รุกรานออกจากทวีป

……

.

.

.

.

.

.

“…” หญิงสาวนั่งอยู่กลางห้อง ผมสีดำตัดสั้น ดวงตาสีเหลืองส้มมองลงพื้นห้อง บนหัวของเธอคือใบหูแมวที่สั่นไปสั่นมา พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ ร่างกายของหญิงสาวสั่นไปด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด

หญิงสาวผู้อยู่ตรงกลางของห้อง คือพันเอกอูตะ เอเวีย เธอได้รับกองกำลังเพื่อเปิดทางและป้องกันการอพยพออกจากเมือง คืนนี้เป็นคืนที่มืดมิด เป็นคืนที่เหมาะสำหรับภารกิจสำคัญที่เธอได้รับมอบหมาย และวันนี้เป็นวันที่เธอจะพบกับกองกำลังปฏิบัติการพิเศษของเธอ

แต่ดูเหมือนว่ากองกำลังที่ดักลาสก่อตั้งและยกให้กับเธอจะไม่เหมือนกับที่หญิงสาวหูแมวคิดเอาไว้..

“เฮ้ยไอ้หัวขโมย! นั้นมันกระสุนปืนข้า”

“ของข้าต่างหาก ตาเจ้าบอดจะมิเห็ฯหรือไง !?”

“อาหร่ะ? ผู้พันของเราโครตน่ารักเลยวะ”

เสียงพูดคุยกันระหว่างนายทหารดังจนน่าปวดหัว มีการต่อยกันเกิดขึ้นแต่ก็มีการใครห้ามกัน พันตรีอูตะมองกลุ่มผู้ชายและหญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกกลัว เธออยากที่จะวิ่งหนีออกจากห้องให้เร็วที่สุด

‘ ท่านดักลาส เหตุใดต้องส่งมาอยู่กับพวกหมาบ้าด้วยค่ะ!? ’ พันตรีอูตะกรีดร้องออกมาในใจ

กรมทหารเท้าที่ 16 ชื่อเล่น หมาบ้า เป็นชื่อที่เหล่าทหารภาคพื้นทวีปเรียกคานพวกเขา ที่มาของชื่อก็คงไม่พ้นที่เกือบทั้งหมดของกองกำลังเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ประเภทสุนัข กองกำลังที่ปะทะกับลีโอโดยไม่สนชีวิต แถมยังมีข่าวลือว่าพวกเขาเล่นดนตรีระหว่างการต่อสู้อีกด้วย !?

จำนวนคนเสียชีวิตที่มาก แต่ยังดูมีชีวิตชีวา ดูยังไงคนพวกนี้ก็ไม่ปกติอย่างแน่นอน…

พันเอกหูแมวคนเดียวภายในห้องที่เต็มไปด้วยนายกองหูสุนัข ถ้าเธอไม่รู้สึกกลัว จิตสำนึกเธอเองก็คงไม่เหลือแล้ว

“หยุดเล่นกันได้แล้วไอ้พวกหมาข้างถนน!” ในที่สุดก็มีคนเห็นหัวเธอ พันตรีอูตะมองชายผู้กล่าวด้วยความรู้สึกขอบคุณ

“ขอบคุณ เอ่อ..?”

“พันตรีเกรย์สันครับ ท่านพันเอกอูตะ ผมต้องขออภัยที่คนเหล่านี้ไม่เป็นระเบียบ” เขาชะงัก “แต่มิต้องห่วงหากเป็นการปกป้องและต่อสู้กับเขาเป็นนักรบที่เก่งที่สุดในสนามแห่งนี้ครับ”

“เช่นนั้น ข้าจะขอกล่าวแผนการในคืนนี้ และคืนต่อๆไป” สิ้นเสียงทุกคนในห้องก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ กลับมาจริงจังกับสิ่งที่พันเอกของพวกเขากำลังจะสั่งการ ช่างเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์จริงๆ

เธอหยิบแผนที่ออกมาก่อนจะกางมันออก ก่อนจะกล่าวและให้ทุกคนดูแผนผังของเส้นทางหลบหนี “จากตรงนี้ จนไปถึงอดีตเส้นทางแม่นํ้าลิกาโพลิส ระยะทางอาจจะยาวแต่ว่า..”

“เป็นเส้นทางที่ทุกคนสามารถทยอยหนีออกไปได้สินะครับ” พันตรีเกรย์สันกล่าวขัด

“อาจจะต้องใช้เวลาหลายวันกว่าที่กองกำลังทั้งสองกองพลที่หลบหนีได้ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าเสียหายจนหมด คงไม่มีใครอยากให้ทหารจำนวน 2 หมื่น ไม่สิ 1 หมื่นกว่าตายจนหมดใช่ไหมล่ะ?” ตั้งแต่กองพลที่ 5 และ 6 ได้ต่อกับข้าศึก ในตอนนี้พวกเขามีอยู่ 20,000 กว่าคน ตอนนี้ต่อให้มีการเติมกำลังเพิ่มก็ไม่สามารถที่จะสร้างกำลังพลได้เท่าเดิม จำนวนคนตายจากทางฝั่งอาริกาเซียนั้นมีเยอะอย่างมาก

" งั้นพวกเรามาเริ่มกันเถอะค่ะ

การหลบหนีจากการปิดล้อมที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรา

……

.

.

.

.

.

.

กลางคืนที่มืดมิด มีเพียงแค่แสงไฟจากคบเพลิง กองกำลังลีโอเนียลาดตระเวนตลอดทั้งหมดเพื่อไม่ให้มีการส่งสารของอาริกาเซียออกจากเมืองวอลตันได้ การปิดล้อมได้ดำเนินยาวนานหลายสัปดาห์ อาจจะเป็นเดือนได้แล้ว มิถุนายนเป็นหน้าร้อนของอาริกาเซีย

ทหารลีโอเนียสองคนกำลังเดินอยู่กลางป่า แสงไฟจากคบเพลิงส่องสว่างไปทั่ว ทั้งสองเป็นทหารยามที่ตรวจสอบเส้นทางในเวลากลางคืน พวกเขาทำหน้าที่เช่นนี้มาตลอดการปิดล้อม และวันนี้ก็เป็นวันที่ทั่วไปของทั้งสอง

“หัวหน้ากองบอกว่า อีกไม่นานพวกเราจะถูกย้ายไปอยู่แนวหน้า แกมีความคิดเห็นอะไรไหม?” ชายผู้ถือคบเพลิงกล่าวถามเพื่อนของเขา

“ไม่รู้สิ พวกกบฏมันไม่ยอมแพ้เสียสักที พวกมันสู้ไม่เหมือนชาวทูเดีย ฉันเองก็เริ่มกลัวพวกมันแล้ว นายรู้หรือไม่ว่ามีกองกำลังกบฏที่เป็นเผ่าหมาเอาชนะกองพันที่ 46 กับ 26 มีข่าวลือว่าพวกมันไม่สนชีวิต ถ้าจะให้สู้กับพวกแบบนั้นฉันหนีมาอยู่แนวหลังดีกว่า” เขากล่าวขึ้นด้วยนํ้าเสียงที่ไม่มั่นใจ เขาถืออาวุธสองปืนสองกระบอก

ทั้งสองเดินตามเส้นทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงบางอย่างในพุ่มไม้ใหญ่ดังเหมือนมีบางอย่างขยับอยู่

!? “ใครน่ะ!? โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!” ชายผู้ถือปืนโยนอาวุธให้คนถือคบเพลิงก่อนจะเล็งปืนไปยังจุดที่มีเสียง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ชายผู้ถือปืนค่อยๆเดินเข้าหาพุ่มไม้ที่มีเสียง ไม่ลดการป้องกันของตัวเองเขาเล็งอาวุธและก้าวเท้าอย่างช้าๆ เมื่อเข้าใกล้พุ่งไม้เข้าเลื่อนแหวกใบหญ้าออกด้วยปลายประบอกปืนอย่างระมัดระวัง

“…กระต่าย?” เขามองกระต่ายสีดำด้วยความแปลกตา นอกจากขนสีดำกระต่ายมันยังมีเขาสูง

“อย่ายิงมัน! พวกสัตว์อสูรที่เป็นมิตรน่ะ… อาริกาเซียมีสัตว์อสูรที่ยังไม่ถูกล่าเหลืออยู่เต็มไปหมด เจ้านี้ก็คงหลงฝูง กระมัง? ปล่อยมันเถอะนะ” ชายผู้ถือคบเพลิงกล่าว ก่อนที่เจ้ากระต่ายขนดำจะวิ่งหนีออกไป

“เป็นสัตว์ที่แปลกจริงๆ เรากลับค่ายกันดีกว่า” กล่าวเสร็จทั้งสองก็เดินกลับค่ายทันที

ในขณะที่แสงไฟหายไปจากบริเวณแล้ว ห่างจากพุ่มไม้ที่กระต่ายขนดำอยู่ก็เริ่มขยับ เสียงกระทบกันของเหล็กและของใช้ดังขึ้นอย่างเบาๆ ช่องแคบที่อยู่หลังพุ่มไม้ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยต้นไม้ที่เติบโตจากสิ่งก่อสร้างที่ถูกปล่อยทิ้งไว้

เสียงที่ดังจากพุ่งไม้หาใช่สัตว์อสูร แต่เป็นชาวเมืองอาริกาเซียจำนวนมาก และผู้ที่คอยดูแลการหลบหนี พันเอกอูตะและกรมทหารเท้าที่ 16 การปฏิบัติการหลบหนีได้เริ่มต้นไม่หลายสัปดาห์ นี้คือชาวเมืองกลุ่มสุดท้ายที่อพยพออกจากเมืองวอลตันไปยังจุดนัดพบทางตอนใต้

การหลบหนีในตอนกลางคืนยังคงดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เมื่อกลุ่มชาวบ้านกลุ่มสุดท้ายออกจากเมืองเสร็จ กองกำลังภาคพื้นทวีปก็จะเริ่มตามเส้นทางหลบหนีไป อาจจะต้องใช้เวลาอีกสองสัปดาห์ และคาดหวังให้ผู้ที่อยู่ปกป้องเมืองถ่วงเวลาเวลาให้ได้นานที่สุด

พวกเขาเหล่านั้นยอมแลกชีวิตของตนเอง เพื่อฝากความหวังของรัฐวัลเทอร์ออกจากเมืองไป กองพลที่ 5 และ 6 จะต้องเป็นผู้ที่กลับมาล้างแค้นกองกำลังลีโอเนียให้จงได้


0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด