ตอนที่แล้วSN-ตอนที่ 5 การประเมินการต่อสู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSN-ตอนที่ 7 โกสต์

SN-ตอนที่ 6 ชุดสูทเฟรม!


เมื่อมันเกิดขึ้น อัลดิช และ นักเรียนเดอะเฟรมคนอื่น ๆ ก็ลงเอยเวทีเดียวกัน : สนามที่ 1 ทำให้จำนวนนักเรียนทั้งหมดในเวทีนั้นเปลี่ยนจาก 50 คน กลายเป็น 54 คน

ดูเหมือนว่าระบบคำนวณจะกำหนดแล้วว่านักเรียนเดอะเฟรมทุกคนไม่มีภัยคุกคาม ดังนั้นการเพิ่มพวกเขาไปยังเวทีประลองจึงไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร

“ฉันจะบังคับไอ้ชุดนี่ได้ยังไง?”อดัม ได้คร่ำครวญทันที มีเพียงใบหน้าของเขาที่หงายขึ้นมองชุดพาวเวอร์สูทเฟรม ที่อยู่ในสถานะ รอติดตั้ง สิ่งนี้คล้ายกับตัวละครเกมที่ยังไม่ได้สร้าง ดังนั้นมันจึงทำให้นักเรียนคนอื่น ๆ ได้หัวเราะเยาะ

อัลดิช ได้มองดู เฟรม ของเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า

มันคือชุดพาวเวอร์สูทที่มีความสูง 2 เมตร ทำมาจากแผ่นเหล็กสีดำที่แบ่งเป็นส่วน ๆ อีกทั้งยังมีสายไฟสีเทาที่เข้มข้นพันกันเป็นเส้นที่หนาแน่นภายใต้เปลือกเหล็กเหล่านั้น นอกจากนี้ ตัวของชุดสูทยังค่อนข้างยืดหยุ่นและสามารถดูดซับแรงกระแทกได้ โดยสิ่งนี้ สามารถรองรับน้ำหนักได้มากกว่าสี่ร้อยปอนด์ (ประมาณ 180 กก.)

นอกจากนี้ยังมีหมวกทรงกลมสีดำที่ดูไม่ธรรมดาที่มาพร้อมกับแผ่นเซรามิกสีน้ำเงินที่มันวาวบนตำแหน่งใบหน้าของพวกมัน

อัลดิช ได้วางมือของเขาบนหน้าอกของชุดสูทเฟรมโดยมันได้สแกนลายนิ้วมือของเขา

จากนั้นเสียงหุ่นยนต์ที่เป็นกลางทางเพศก็ดังออกมาจากชุดเฟรมของเขา

“เริ่มต้นระบุตัว…”

“เข้าถึงรหัส 1 สำเร็จ”

จากนั้นชุดสูทเฟรมก็ได้เปิดแบบไฮดรอลิกและปล่อยแรงดันอากาศออกมา จากนั้น อัลดิช ก็ก้าวเข้าไปข้างในและปล่อยให้ตัวชุดทำงานโอบล้อมแขนขาของเขา

“หืม?”อัลดิช ได้พึมพัมออกมา“นี่คือสิ่งของจำเป็นสำหรับพวกเราในโลกนี้งั้นหรือไม่?”

“บ้าจริง นายเปิดมันออกมาได้ยังไง? แม้แต่ฉันยังไม่รู้วิธีเปิดมันเลย นอกจากนี้ใครเป็นคนตั้งให้นายเป็นรหัส 1 ห๊ะ?”อดัม ได้พึมพัมออกมา “เอาเถอะ รีบเข้าไปในชุดบ้า ๆ นี่และรีบเตรียมความพร้อมดีกว่า”

อดัมได้คร่ำครวญและบ่นเกี่ยวกับชุดต่อสู้ของเขา เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เพราะส่วนใหญ่อดัมไม่ได้เข้าถึงเฟรมของเขาอย่างถูกต้อง เขาเพิ่งแตะชุดสูทจนมันเปิดออก และ ลงทะเบียนการเข้าฉุกเฉิน และ เนื่องจากเขาไม่ได้สแกนชีวประวัติของเขาก่อนเข้าชุดเฟรมทำให้ชุดเฟรมไม่รู้จักเจ้าของที่เหมาะสม

ดังนั้นอดัมจึงถูกขังอยู่ในนั้นโดยธรรมชาติ

เห็นได้ชัดว่า ทางแบล็ควอเตอร์ แม้จะไม่ได้ยินดีเกี่ยวกับการเข้ามาของนักเรียนเดอะเฟรม แต่พวกเขาก็เตรียมความพร้อมเอาไว้ให้ เหตุผลที่พวกเขาได้รับเลือกก็เพื่อเติมเต็มโควต้าเหมือนกับที่หัวหน้ากลุ่มอันธพาลกล่าวเอาไว้ และ ตอนนี้หลังจากที่พวกเขาลงทะเบียนเรียนแล้ว ทางสถาบันศึกษาก็จะได้รับเงินสนับสนุนจากทางรัฐบาลเป็นจำนวนนึงเพื่อช่วยเหลือนักเรียนเดอะเฟรม

แน่นอนว่าทางสถาบันได้เพียงเฝ้ามองและดูแลจากระยะไกลเพียงเท่านั้น และ อัลดิช รู้ดีว่า ทางแบล็ควอเตอร์ หวังอย่างเต็มที่ว่าทุกคนจะลาออกหรือเสียชีวิตไป

“อ๊ะ ดูพวกนั้นดิ เข้าไปในหุ่นกระป๋องแต่ไม่สามารถขยับพวกมันได้ด้วยซ้ำ!”นักเรียนคนนึงได้ชี้ไปที่อดัม สิ่งนี้ทำให้หลายคนได้หัวเราะเยาะออกมา

“เห้อ ก็แค่พวกคนโง่ที่คิดว่ามีอุปกรณ์บางอย่างช่วยและจะเทียบกับพวกเราได้”อีกคนได้กล่าวออกมา

“อย่าได้ไปสนใจพวกเขาเลย การเปลี่ยนแปลงคือขั้นตอนต่อไปของผู้วิวัฒ ในไม่ช้าก็เร็วธรรมชาติจะกำจัดพวกเหล่าคนที่อ่อนแอเหมือนกับพวกเขาออกไปเอง”เด็กสาวคนนึงได้กอดหน้าอกด้วยท่าทางที่มั่นใจ และ หัวเราะเยาะเกี่ยวกับตัวตนของพวกเขา

“เห้อ แต่ฉันกลับรู้สึกไม่สบายใจเลยที่ต้องมาหายใจร่วมอากาศเดียวกับพวกเขา”นักเรียนที่มีกล้ามคนนึงได้กล่าวพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

อดัมที่ได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้เขาได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา “อวดดีไปเถอะ ไว้ให้ฉันชกหน้าพวกเขาได้เมื่อไหร่ล่ะก็น่าดู”

“แล้วนายจะทำได้ยังไงในเมื่อนายยังไม่สามารถขยับแม้แต่ชุดของตัวเองได้?”อัลดิช ได้กล่าวออกมา

“นายเป็นคนแรกที่สวมชุดนี้ก็ลองหาทางสักอย่างหน่อยเส้”อดัมได้บ่น“อัลดี้ แม้แต่ตอนนี้ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าสิ่งนี้เปิดออกมาได้ยังไงเลย!”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นไปทั่วทั้งเวที เสียงของเจ้าหน้าที่เฟล็ทเชอร์ ได้ดังออกมา “เปิดใช้งานอารีน่า!”

ทันใดนั้น ทั่วทั้งเวทีก็เต็มไปด้วยแรงสั่นสะเทือน พื้นดินเบื้องล่างได้สั่นสะเทือนและกลอกกลิ้งไปมาราวกับแผ่นดินไหว จากนั้น กำแพงโดยรอบสนามก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ส่องสว่างรูปแบบสีขาวออกมา

จากนั้นโดมพลังงานบริสุทธิ์และโปร่งแสงก็พุ่งออกมาจากกำแพงเหล่านั้น และปิดผนึกเส้นผ่านศูนย์กลางนับพันเมตรของสนามประลองทั้งหมด

ฉากนี้ทำให้ อัลดิช เห็นว่าทั้งอารีน่าถูกปกคลุมไปด้วยรูปแบบตารางแบบโฮโลแกรมที่แสดงโครงร่างของภูมิประเทศที่เป็นหิน รอยแยก หรือแม้กระทั่ง ภูเขาหินลอยได้ออกมา

“สภาพแวดล้อม ฮาร์ดไลท์ กำลังแสดงผล! ทุกคนอย่าเพิ่งขยับจนกว่าสภาพแวดล้อมจะถูกจัดเตรียมเสร็จสิ้น!”คำสั่งของเจ้าหน้าที่เฟล็ทเชอร์ได้ดังขึ้น

“เห้อ อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ยังปลอดภัย”อดัมได้ถอนหายใจออกมา

อัลดิช ได้มองดูโครงร่างที่มีลวดลายเป็นตารางซึ่งเต็มไปด้วยสีที่หนาทึบ โดยสิ่งเหล่านี้มันทำให้เกิดก้อนหินลอยน้ำและก้อนหินขนาดยักษ์ซึ่งมีความสมจริงเกือบจะสมบูรณ์แบบ เขารู้ว่าเทคโนโลยี ฮาร์ดไลท์ มีอยู่จริง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสมันด้วยสองตาของตัวเอง

เทคโนโลยีฮาร์ดไลท์ อนุญาติให้จำลองสภาพแวดล้อมทั้งหมดภายใต้สนามบังคับที่สามารถควบคุมได้

กลุ่มฮีโร่และสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่ที่สุดสามารถใช้เทคโนโลยีประเภทนี้ในการฝึกฝนอบรมเพื่อจำลองสถานการณ์การต่อสู้ในชีวิตจริงได้อย่างแม่นยำที่สุด

มันก็จริงอยู่ที่ว่า เทคโนโลยีฮาร์ดไลท์ ไม่สามารถเลียนแบบวัตถุได้อย่างสมบูรณ์แบบ และ มีเพียงการควบคุมคุณสมบัติทางกายภาพพื้นฐานเช่น พื้นผิว ความแข็ง และ มวล แต่ถึงกระนั้น เทคโนโลยีนี้ก็มีราคาแพงมากจนต้องเสียเงินหลายร้อยล้านเครดิตเพื่อซื้อมัน

เกี่ยวกับแบล็ควอเตอร์ที่เป็นสถาบันการศึกษาขนาดเล็ก พวกเขาสามารถซื้อมันได้ยังไง?

อัลดิช ไม่มีเวลาไตร่ตรองเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้ เพราะ เสียงของ เจ้าหน้าที่เฟล็ทเชอร์ได้ดังขึ้นอีกครั้ง

“ตอนนี้พวกแกมีเวลา 30 วินาทีก่อนการประเมินการต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น! ในช่วงเวลานี้ ให้ใช้เวลาไปกับการวางตำแหน่งของตัวเองภายในสภาพแวดล้อมใหม่แห่งนี้ และ เมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น พวกแกทุกคนก็ถือเป็นศัตรูของกันและกัน! และ เพื่อเป็นการชัดเจน การหลบหนีหรือซ่อนตัวจะไม่ถูกนับเป็นคะแนน พวกแกจะได้รับคะแนนก็ต่อเมื่อสามารถทำให้นักเรียนคนอื่นหมดสภาพ ดังนั้นจงสู้กันให้เต็มที่ซะ!”

เกือบจะในทันที อัลดิช รู้สึกได้ถึงการจ้องมองโดยรอบของนักเรียนเหล่านั้นที่จ้องมองมาที่กลุ่มเดอะเฟรมของพวกเขา

จากนั้น นาฬิกาจับเวลาโฮโลแกรมขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าและนับถอยหลัง 30 วินาที

“นี่มันบ้าไปแล้ว”แฟรงค์ กล่าวออกมา เขาได้ดันแว่นขึ้น ขณะที่สั่นสะท้านไปกับสายตาที่ดุร้ายของนักเรียนคนอื่น ๆ ที่จ้องมองมาที่ตัวเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของตัวเขา

“สถานการณ์ย่ำแย่สุด ๆ”เจค ได้กล่าวพูดขึ้น“พวกเราไม่รู้แม้แต่วิธีเคลื่อนไหวด้วยชุดนี้ด้วยซ้ำ เขาหวังให้พวกเราทำสิ่งใดกัน?”

“ไม่รู้วิธีเคลื่อนไหวแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราไม่สามารถลองดูได้”เอเลเน่ กล่าวออกมา เธอได้มองดู อัลดิช และ ลอกเลียนแบบเขา โดยการวางมือบนเฟรมของเธอเพื่อเปิดมันออก

เกี่ยวกับชุดเฟรมนี้อัลดิชค่อนข้างรู้ดีเป็นอย่างมาก

อันที่จริง อุปกรณ์เล่นเกมของเขามีความคล้ายคลึงกับการจำลองการฝึกการต่อสู้ด้วยชุดเฟรม และ สิ่งนี้ไม่ได้เผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะชน และ อีกอย่าง สิ่งนึงที่พ่อแม่ของเขาทิ้งไว้ให้ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับอุตสาหกรรมฮีโร่ โดยก่อนที่พวกเขาจะถูกฆ่าตาย พวกเขาได้มอบมันให้กับ อัลดิช ทำให้อันดิชมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ อัลดิช ไม่ได้เต็มใจที่จะบอกกับนักเรียนคนอื่นถึงวิธีการใช้ชุดเฟรมของพวกเขา แม้ว่ามันจะทำให้พวกเขารู้สึกแย่ก็ตาม แต่การบอกพวกเขาก็ไม่ต่างไปจากการกระตุ้นให้นักเรียนกลุ่มใหญ่เหล่านั้นเพ่งเป้าหมายมาที่เขา

ดังนั้นเขายอมให้พวกอีกฝ่ายดูถูกเขาไปเช่นนี้ดีกว่า

หลังจากที่ พวก อัลดิช ก้าวเข้ามาในชุดเฟรมของตัวเอง มันก็มีหน้าจอประมวลผลจำนวนมากที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ภายใน 30 วินาที หรือก็คือ พวกเขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะใช้งานระบบอาวุธของชุดยังไง

แต่อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ พวกเขาก็สามารถเคลื่อนไหวไปยังพื้นที่โดยรอบได้ ณ จุดนี้ อดัม ยิ่งมึนงง เข้าไปใหญ่ เพราะเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวชุดเฟรมของเขาได้

เกี่ยวกับหน้าจอประมวลผลสีฟ้านี้ อัลดิช ได้มองพวกมันผ่าน ๆ ข้อมูลจำนวนมากได้ตกอยู่ภายใต้กรอบสายตาของเขา โดยเขาได้เรียนรู้และได้รับการแนะนำเกี่ยวกับฟังก์ชั่นของชุดเฟรมมาเบื้องต้นแล้ว

อัลดิชได้เพิกเฉยต่อพวกเขาและมองขึ้นไปบนนาฬิกาจับเวลาบนท้องฟ้าที่เหลือเวลา 20 วินาที

เขาได้ยินเสียงชุดเฟรมคนอื่น ๆ ล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง ดูเหมือนว่านักเรียนภายในนั้นจะไม่รู้วิธีการเคลื่อนไหวเบื้องต้นด้วยซ้ำ

“ห๊ะ ดูนั่นดิ แค่เดินก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ!”

อัลดิช ยังคงนิ่งเฉยกับคำพูดของพวกเขาและทำเหมือนกับว่าเขาไม่สามารถขยับได้

“เห้อ แค่ขยับตัวก็ยังทำกันไม่ได้!”

“แล้วเรื่องคะแนนมันจะคำนวณยังไง?หรือว่าพวกเราจะต้องเคาะพวกเขาออกมาจากชุดและทำลายชุดของพวกเขา?”

“ทำไมพวกเราไม่ทำมันทั้งคู่ไปเลยล่ะ ฉันรู้สึกสนุกกับการฉีกเปลือกเหล็กของพวกเขาออกมา สิ่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับ ตอนกินปู มันควรจะง่ายเหมือนกัน”

เหลืออีก 10 วินาที

อัลดิช ได้ยินเสียงเฟรมทั้ง 2 กำลังเริ่มวิ่งอย่างสั่นเครือ โดยมีตัวนึงได้สะดุดล้มตลอดเวลา

“ค่อย ๆ ฝึกควบคุมไป!”

อัลดิช ได้ยินเสียงฝีเท้าเหล่านี้เขาได้กล่าวพูดขึ้น

“นายไม่เป็นไรนะ?”เอเลเน่ ได้ส่งเสียงดังมาจากชุดเฟรมของเธอ

“อืม”อัลดิช ได้ตอบกลับ

“นายกับอดัมยังเคลื่อนไหวกันไม่ได้ แต่ฉันจะพยายามช่วยเหลือให้ได้มากที่สุดก็แล้วกัน”เอเลเน่ ได้กล่าวพูดออกมา

“...”อัลดิช รู้สึกชื่นชมท่าทางนั้น แต่เขาไม่มีเวลาตอบ

เมื่อ นาฬิกาจับเวลาถึงเลข 0 และ เสียงกริ่งได้ดังขึ้น เสียงแผดร้องก็ดังไปทั่วสนามแห่งนี้

“แกเป็นของฉัน!”

อัลดิช เห็นนักเรียนกระโดดขึ้นไปในอากาศและง้างหมัด โดยแขนทั้งหมดของเขาได้เปลี่ยนเป็นชั้นแข็งของผลึกสีเขียวที่แข็งกระด้าง อีกทั้งนักเรียนคนนั้นยังเผยรอยยิ้มที่มั่นใจออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจะทุบหมวกของ อัลดิช และ ทุบตีจนเขาได้รับบาดเจ็บและหมดสติ

เอเลเน่ ได้พยายามที่จะช่วย โดยเธอได้สะดุดล้มและคุกเข่าลง ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ชินกับชุดเฟรมที่สวมใส่ในตอนนี้

“เปิดใช้งานตัวกระตุ้น 4,5”อัลดิช ได้กล่าวพูดออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อให้แน่ใจว่าเสียงของเขาจะไม่ถูกฉายออกมา ทันใดนั้น แรงขับที่ซ่อนอยู่ในส้นเท้าของชุดเฟรมก็ยิ่งเปลวไฟออกมาและกระตุ้นการเคลื่อนไหวของเขา

อัลดิช ได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาดังนั้นเขาจึงสามารถทำนายหมัดของนักเรียนคนนั้นที่พุ่งเข้ามาได้ สิ่งนี้มันทำให้เขาหมุนตัวหลบไปด้านข้าง จนทำให้หมัดของนักเรียนคนนั้นทุบลงไปที่พื้นจนทำให้พื้นดินด้านล่างแตกเป็นเสี่ยง ๆ และ ขณะที่รอยยิ้มที่มั่นใจของนักเรียนคนนี้ได้หายไป อัลดิช ก็คว้าแขนของเด็กคนนี้เอาไว้

และเพื่อเป็นการตอบสนอง นักเรียนคนนี้จึงได้คลุมทั้งตัวด้วยคริสตัลหนา ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการโจมตีอื่น ๆ

ทว่า อัลดิช กลับใช้แขนของเด็กคนนั้นเป็นคันโยกและเหวี่ยงเขาไปที่ไหล่ของเขา จากนั้นแรงอัดอากาศที่เกิดจากข้อต่อของชุดเฟรมของอัลดิช ก็ได้กระแทกเข้าใส่นักเรียนคนนั้นอย่างเต็มกำลัง สิ่งที่เขาแสดงให้เห็นอยู่นี้คือการต่อสู้แบบยูโดที่ดูเชี่ยวชาญ

เกราะคริสตัลของนักเรียนคนนั้นได้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ในขณะที่เขาตกลงมาบนพื้นดินจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ คลื่นแรงกระแทกอันมหาศาลได้ไหลผ่านไปทั่วร่างกายของเขา จนทำให้เขาหอบหายใจเหมือนกับปลาที่อยู่บนบก

จากนั้น อัลดิช ก็เตะไปที่ศีรษะของนักเรียนคนนั้นด้วยความแรงที่มากพอจะทำให้เขาล้มลง

“ห๊ะ!?”เอเลเน่ ที่เห็นเช่นนั้น เธอได้อุทานออกมา เธอได้จ้องมองไปที่ อัลดิช ที่ทุบตีนักเรียนคนนั้นจนหมดสภาพอย่างรวดเร็ว

ความประหลาดใจของ เอเลเน่ ไม่ได้จำกัดเพียงแค่เธอเท่านั้น เพราะมันได้แพร่กระจายไปในหมู่นักเรียนผู้วิวัฒคนอื่น ๆ

“อะไรว่ะนั่น?”นักเรียนคนนึงที่งุนงงได้กล่าวพูดออกมา“เฟรมของเจ้านั่น ล้ม โดเรียน ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!”

“นั่นแหล่ะต้องอย่างงั้น!”อดัมได้กล่าวพูดออกมาอย่างกระตือรือร้น“ฉันรู้อยู่แล้วว่านายต้องทำได้ อัลดี้!”

“หุบปาก! ก็แค่กลุ่มแมลงไร้ค่าที่โชคดีเท่านั้น!”ก่อนหน้านี้นักเรียนที่ประหลาดใจได้กล่าวพูดออกมาอย่างโกรธเคือง จากนั้น เขาก็ยิงพลังสีแดงออกมาจากมือของเขากระแทกเข้าใส่หน้าอกของอดัมจนทำให้ชุดของอีกฝ่ายล้มลงทันที

อัลดิช ได้ใช้ช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายที่อดัมได้ซื้อมาให้

“เพิ่มกำลังสูงสุด 4,5 เปิดใช้งานแฟลร์ที่ด้านซ้าย”อัลดิช ได้กล่าวพูด เขารีบพุ่งเข้าไปหานักเรียนที่ประหลาดใจคนนั้นและยื่นมือออกมา ทันใดนั้น เปลวไฟสีขาวที่แวววับก็ได้ปรากฏขึ้น สิ่งนี้มันคล้ายกับระเบิดแฟลชที่รุนแรง

นักเรียนคนนั้นรู้สึกสะดุ้งและกางแขนออกเพื่อป้องกันตัวเอง โดยมือของเขาได้เปล่งแสงสีแดงบางอย่างออกมา

อัลดิช ได้กระตุ้นการทำงานของชุดสูทเต็มที่และวิ่งไปรอบ ๆ จากนั้นก็โจมตีไปที่ซี่โครงของอีกฝ่ายและหลบลำแสงสีแดงที่ถูกปล่อยออกมา จากนั้นนักเรียนที่ถูกโจมตีคนนี้ก็ถูกส่งลอยออกไปไกล

“เริ่มต้นการสแกนมุมมองแบบเต็มกำลัง”อัลดิช ได้กล่าว ทันใดนั้น AI อินเทอร์เฟซ ก็ได้แปลภาษาเป็นภาษาท้องถิ่น จากนั้นเขาก็มองเห็นหน้าจอที่ด้านข้าง ซึ่งแสดงวิสัยทัศน์ให้เห็นเป็นจุดสีแดงที่นักเรียนคนอื่นอยู่ ดูเหมือนว่าจะมีกลุ่มนักเรียนนับ 10 ที่รายล้อมเขา

เมื่อเขาใช้มุมมองแบบเต็มกำลัง มันก็ทำให้ ระยะการมองเห็นของ อัลดิช สามารถมองได้ทั่ว 360 องศา โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นเขา จากนั้นเขาก็กล่าวถาม AI ทันที “ระบบ ตอนนี้มีอาวุธอะไรให้ใช้งานบ้าง?”

“รายงาน ขณะนี้ยังไม่มีการติดตั้งระบบอาวุธ”เสียงตอบกลับของ AI ได้ดังขึ้น

“อึก”อัลดิช ได้พ่นลมหายใจออกมา เขารู้ว่าชุดสูทเฟรมสามารถติดตั้งอุปกรณ์การต่อสู้ที่หลากหลายรูปแบบได้ แต่ดูเหมือนชุดสูทในตอนนี้จะเป็นเพียงต้นแบบที่ขาดอาวุธใช้งานจริง

“ไอ้เวรนั่นมันอันตราย! พวกเราต้องร่วมมือกันจัดการเขา!”นักเรียนคนนึงได้ชี้ไปที่ อัลดิช อย่างดุเดือด

อัลดิช ได้สูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นชา สำหรับเขาถ้าเกิดเขาถูกกลุ้มรุมโดยคนเหล่านี้ ในตอนที่เขาไม่มีอาวุธ เขาก็มีความมั่นใจที่จะจัดการได้สัก 2-3 คนเท่านั้น เพราะในหมู่คนเหล่านี้มีคนที่แข็งแกร่งบางคนอยู่ด้วย

แน่นอนว่าเหตุผลที่เขาเอาชนะเด็กเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายก่อนหน้านี้ เป็นเพราะเด็กเหล่านี้ยังมีที่อ่อนแอและยังไม่ได้ฝึกฝนจนถึงศักยภาพสูงสุด

“เหอะ ไอ้พวกโง่!”ในขณะนี้ได้มีเสียงดังที่เย็นชามาจากข้างบน มันเป็นเสียงของนักเรียนคนนึงที่ลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับกอดหน้าอก โดย เขาได้เผยรอยยิ้มที่กว้าง และ ซาดิสต์ออกมา“ก็แค่ขยะไร้ค่าที่พึ่งพาเกราะเหล็ก มันน่ากลัวขนาดนั้นเชียว?”

หัวหน้ากลุ่มอันธพาลได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และ ดูเหมือนเขาจะเป็นภัยคุกคามมากกว่าผู้วิวัฒคนอื่น ๆ ด้วยซ้ำ นอกจากนี้กลิ่นอายความน่าสะพรึงกลัวของเขายังเหนือกว่าระดับพลังของนักเรียนปกติหลายระดับ

และนี่เป็นพลังเหนือมนุษย์ที่อัลดิชไม่มีวันเอาชนะได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด