ตอนที่แล้วSN-ตอนที่ 4 แบล็ควอเตอร์และอันธพาล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSN-ตอนที่ 6 ชุดสูทเฟรม!

SN-ตอนที่ 5 การประเมินการต่อสู้


สนามฝึกแห่งนี้ค่อนข้างน่าประทับใจ พวกมันส่วนใหญ่ตั้งอยู่กลางแจ้งที่ประกอบไปด้วยวงแหวนรัศมี 500 เมตร หลายวงที่เรียงรายไปด้วยกำแพงเหล็กสูงตระหง่าน

กำแพงเหล็กเหล่านี้ได้เสริมความแข็งแรงอย่างหนาแน่น และ การออกแบบนั้นก็ค่อนข้างโฉบเฉี่ยวและล้ำสมัยด้วยไฟกะพริบที่หลากสีที่กระจายไปทั่วพื้นผิวของมัน สิ่งนี้สามารถบ่งบอกถึงสถานะของชิ้นส่วนเทคโนโลยีที่เคลื่อนไหวภายในผนัง

อัลดิช ได้จ้องไปที่สนามฝึกขณะที่ยืนอยู่ในบรรทัดเดียวกับนักเรียนเดอเฟรม มันเป็นไปตามที่คาดไว้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกแบ่งแยกจากนักเรียนหลักที่เหลือ เพียงแค่การชำเลืองมองคร่าว ๆ ก็ทำให้ อัลดิช ประเมินได้ว่า มีนักเรียน ‘ปกติ’ ประมาณ 200 กว่าคนหรือมากกว่านั้น

ในแง่ของจำนวน สถาบันแบล็ควอเตอร์ เป็นเพียงสถาบันศึกษาขนาดเล็กเท่านั้น หากเป็นสถาบันฝึกสอนฮีโร่ที่ได้รับการจัดอันดับอย่างเหมาะสมพวกเขาจะมีจำนวนนักเรียนมากกว่าพันคน ยกเว้นสถาบันระดับสูงสุดเช่น สถาบันชิลด์ และ อินวิคทัส ที่มีจำนวนนักเรียนน้อยนิดเนื่องจากความยากลำบากในการเข้า

สำหรับ อัลดิช เขาคิดว่า เหตุผลที่ แบล็ควอเตอร์ มีจำนวนนักเรียนที่น้อยเป็นเพราะเงินทุนของพวกเขามีน้อยเกินไป และ ในเวลาเดียวกัน เขาก็ไม่สามารถสลัดความรู้สึกที่ว่ามีบางอย่างผิดปกติได้

สนามฝึกนี้ถูกสร้างขึ้นจากเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยโดยส่วนใหญ่สามารถสร้างภูมิประเทศการต่อสู้แบบจำลองได้ บางส่วนสามารถสร้างสิ่งกีดขวางและโครนต่อสู้ซึ่งอยู่ในระหว่างการซ่อมแซมและการบำรุงรักษาอัตโนมัติที่อยู่ข้างใต้ มันได้ถูกเตรียมพร้อมเอาไว้และจะปรากฏขึ้นทุกครั้งหลังจากเปิดใช้งาน

เกี่ยวกับสถาบันการศึกษาระดับล่างของแบล็ควอเตอร์ พวกเขาไม่ควรมีทุนมากนักเกี่ยวกับการจัดการในเรื่องเหล่านี้

“ฟังให้ดี!”เสียงที่ดังสนั่นได้ดังขึ้น ซึ่ง อัลดิช จำได้ว่ามันเป็นเสียงของ เจ้าหน้าที่เฟล็ทเชอร์ โดยเจ้าหน้าที่คนนี้ได้เอาแขนไขว่ด้านหลังขณะที่ตะโกนใส่กลุ่มนักเรียนที่ได้รับการจัดระเบียบอย่างเรียบร้อย “เพราะฉันจะไม่พูดซ้ำอีก! ทางเรารู้พลังและจำนวน AC ของพวกแกแล้ว”

อัลดิช ได้สังเกตุเห็นสิ่งนี้ ทางแบล็ควอเตอร์ มีบันทึกเกี่ยวกับความสามารถของนักเรียนทุกคนและ เซลล์กลายพันธุ์ (AC) ของนักเรียน นั่นหมายความว่า พวกเขาสามารถรับรู้ได้ว่านักเรียนคนไหนมีความสามารถอะไรบ้าง

จำนวน AC มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมันเป็นตัวกำหนดว่าพลังของ ผู้วิวัฒ สามารถตอบสนองต่อการฝึกอบรมและการเติบโตได้มากน้อยเพียงใด อีกทั้ง การนับจำนวน AC ก็เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ ความทนทาน ความเร็ว และ ปัจจัยพลังการรักษาเล็กน้อยโดยไม่คำนึงถึงพลังที่ได้รับจะส่งผลต่อลักษณะเหล่านั้นหรือไม่

“แต่จำนวน AC ของพวกแกไม่ได้หมายความว่าพวกแกสามารถต่อกรกับ วาแลน หรือ ผู้วิวัฒ คนอื่น ๆ ได้ เพราะนอกเหนือจากจำนวน AC ก็มีการต่อสู้อื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่พวกแกมาเข้าร่วมสถาบันการศึกษาแห่งนี้”

“การประเมินในวันนี้จะเป็นการทดสอบความสามารถในการต่อสู้ของพวกแกทุกคน!”

เสียงพึมพัมได้ปรากฏขึ้นเล็กน้อยเมื่อเหล่านักเรียนได้ยินเรื่องนี้ บางคนก็รู้สึกประหม่า บางคนก็มีความสุขที่ได้ต่อสู้

อย่างไรก็ตาม นักเรียนเดอะเฟรมทุกคน ยกเว้น อัลดิช ต่างกลืนน้ำลายของตัวเองด้วยความประหม่า เพราะพวกเขาจะต่อสู้กับนักเรียนที่มีพลังพิเศษเหล่านั้นได้อย่างไร อีกทั้งพวกเขายังไม่ได้เรียนแม้แต่การใช้เฟรมของพวกเขา

ใช่แล้ว พวกเขายังไม่เห็น ชุดเฟรม ของพวกเขาด้วยซ้ำ

“การประเมินในวันนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าพวกแกจะอยู่ในชั้นเรียนใด!”เจ้าหน้าที่เฟล็ทเชอร์ได้กล่าวพูด“ฟังให้ดี ชั้นเรียนแต่ละชั้นนั้นไม่เหมือนกัน โดยสิ่งนี้มีความแตกต่างระหว่างการใช้ชีวิตเยี่ยงราชากับมด!”

“ชั้นเรียนของเรามีกำหนดตั้งแต่ A ถึง B ถึง C ถึง D และ ถึง F หากพวกแกได้อยู่ในชั้นเรียน A ก็ดีไป เพราะที่นั่นเป็นชั้นเรียนที่ดีที่สุดที่ได้รับการดูแลไม่ว่าจะเป็นพื้นที่พักผ่อนหรืออาหาร หากได้อยู่ชั้นเรียนล่าง ๆ ก็ต้องฝึกฝนให้หนักมากยิ่งขึ้น”

“โดยชั้นเรียนแต่ละชั้นเป็นตัวกำหนดว่าพวกแกสามารถเข้าถึงอุปกรณ์การฝึกได้มากเพียงใด อีกทั้งยังมีเครดิตเพิ่มเติมสำหรับการรักษาที่ห้องพยาบาล และ วันหยุดที่อนุญาติให้ไปยังเมืองใกล้เคียงเพื่อพักผ่อน แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าพวกแกได้ชั้นเรียนไหน”

“หากพวกแกได้รับการจัดอันดับอยู่ในชั้นเรียนระดับ A ทางเราจะมีค่าจ้างรายเดือนเพื่อให้พวกแกนำไปใช้จ่ายตามที่ต้องการได้อีกด้วย”

เจ้าหน้าที่เฟล็ทเชอร์ได้หันหลังและเดินขึ้นไปที่แผงควบคุมที่ตั้งอยู่นอกสนามประลองที่ใกล้ที่สุด จากนั้นเขาก็วางฝ่ามือลงบนหน้าจอ และ เปิดเครื่องด้วยการสแกนฝ่ามือของเขา

ไม่นานภาพโฮโลแกรมที่แสดงถึงรายละเอียดเกี่ยวกับฟังก์ชั่นของสนามประลองก็ได้สว่างขึ้น และ เขาก็เริ่มควบคุมมันโดยการทำให้ทั่วทั้งสนามส่งเสียงดังบางอย่างออกมา

“เอาล่ะ รายละเอียดของการประเมินการต่อสู้ในวันนี้มันค่อนข้างง่าย โดยพวกแกสามารถใช้ความสามารถของตนเองได้อย่างอิสระ”เจ้าหน้าที่เฟล็ทเชอร์ได้ยิ้มออกมา

“มีพวกแกประมาณ 200 คน โดยฉันจะแบ่งพวกแกออกเป็น 4 กลุ่มเท่า ๆ กัน และ แบ่งออกเป็นสนามประลองทั้ง 4 แห่ง”

“โดยสนามประลองนี้จะกำหนดตามค่าพลังจากโปรไฟล์พลังงานและจำนวน AC ที่บันทึกไว้ เพื่อกำหนดกลุ่ม ดังนั้น ไม่ต้องกังวลว่า เรื่องนี้จะไม่ยุติธรรม การประเมินในครั้งนี้ เป็นโอกาสของพวกแกที่จะพิสูจน์ว่าตัวเองมีคุณค่ามากกว่าจำนวน AC พื้นฐานของพวกแก”

“ขอโทษครับ!”อดัม ได้พูดขึ้น

อัลดิช ที่ได้ยินก็สั่นศีรษะทันที โดยเขารู้ว่า อดัม กำลังหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว

ทุกคนได้หันไปทาง อดัม ในเวลาเช่นนี้ พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะมีใครกล้าพูดแทรกขึ้น

“เกี่ยวกับพวกเรา?”อดัมพูดขณะชี้ไปที่นักเรียนเดอะเฟรม“พวกเราไม่มีจำนวน AC หรือโปรไฟล์พลังงาน ดังนั้นพวกเราจะทำการทดสอบนี้ได้ยังไง?”

เจ้าหน้าที่เฟล็ทเชอร์ได้หันศีรษะมองไปทางอดัม โดย อดัม ก็จ้องมองไปที่ดวงตาของเจ้าหน้าที่เฟล็ทเชอร์

“อะไรหรือว่ามีคนเข้าไปรังแกพวกแกแล้ว?”เจ้าหน้าที่เฟล็ทเชอร์พูดขณะที่เขามองเห็นผ้าปิดจมูกของอดัม “เอาล่ะ ฉันขอบอกเลยว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มีใครสามารถช่วยอะไรได้”

เจ้าหน้าที่ได้วางมือบนไหล่ของอดัม และ ดูเหมือนว่าในตอนแรกมันจะเป็นท่าทางที่ดี แต่แล้ว อดัมก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะขณะนี้มือของเจ้าหน้าที่คนนี้กำลังเปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าออกมา ซึ่งมันได้ปล่อยความร้อนออกมาแผดเผาเครื่องแบบของอดัมให้ละลายไปภายใต้เนื้อหนังของเขา

อดัมได้คุกเข่าลงกับพื้นทันที เขาได้กำไหล่ของตัวเองด้วยความเจ็บปวดเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงร้องออกมาอีก แน่นอนว่า อัลดิช ที่เห็นสิ่งนี้ เขาได้สั่นศีรษะทันที ทว่า นักเรียนของเดอะเฟรมคนอื่น ๆ ที่มองเห็น พวกเขามองดูด้วยความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นเพียงแค่ขยะไร้ความสามารถกล้าดียังไงมาพูดแทรกขณะที่ฉันกำลังพูด ขอย้ำอีกครั้ง พวกแกจะสามารถคุยกับฉันได้ก็ต่อเมื่อฉันอนุญาติเท่านั้น ดังนั้นให้คนงี่เง่าคนนี้เป็นบทเรียนสำหรับพวกแกทุกคน”เจ้าหน้าที่เฟลทเชอร์ได้กล่าวออกมา“แต่ทว่าวันนี้พอดีฉันเป็นคนใจกว้าง ดังนั้นฉันจะตอบคำถามของเขา”

“เฟรมของพวกแกทุกคนอยู่ในพื้นที่จัดเก็บภายในอารีน่าแห่งนี้ พวกแกสามารถสวมมันและเริ่มการประเมินได้”

“แต่…พวกเราจะใช้มันได้ยังไง?”อดัมได้กล่าวพูด แม้แต่ อัลดิช ก็ยังอยากจะบอกให้เขาหุบปากไปซักครั้งเลย

คราวนี้ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำร้ายอดัมอีก เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกเบื่อหน่ายและกล่าวออกมา “เรียนรู้ด้วยตัวเองไปซะ อย่างน้อยก็แสดงให้ฉันเห็นว่าเศษขยะอย่างพวกแกพอจะสามารถทำอะไรได้บ้าง”

ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่เฟล็ทเชอร์ จึงได้หันหลังกลับและเดินกลับไปที่แผงควบคุม เขาได้กดปุ่มโฮโลแกรมอีก 2-3 ปุ่ม ทำให้ กระดานฉายภาพขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยรายชื่อนักเรียน โดยรายชื่อข้างต้นก็มีตัวกำหนดตั้งแต่ 1-4

จากนั้น เจ้าหน้าที่เฟล็ทเชอร์ก็ชี้ไปที่กระดาน “มองหารายชื่อของพวกแกและไปยังเลขสนามข้างเคียงซะ! โดยอารีน่าแห่งนี้จะสแกนร่างกายของพวกแกอย่างต่อเนื่องเพื่อตัดสินว่าพวกแกสามารถต่อสู้ต่อไปได้หรือไม่”

“เมื่อพวกแกคนใดถูกน็อกหรือไม่สามารถสู้ต่อไปได้ วงกลมสีเขียวนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดงและพวกแกก็จะถูกโดรนขับไล่ออกไป!”

“เกี่ยวกับว่าพวกแกจะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน อันนี้ก็อยู่ที่ความสามารถของพวกแกและกลยุทธ์ที่พวกแกใช้ โดยทั้งหมดนี้จะคำนวณออกมาเป็นคะแนน เพื่อกำหนดคลาสเรียนของพวกแกทุกคน! โดยกระดานนี้จะเป็นตัวคำนวณทุกอย่างให้เอง และ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 90 นาที การต่อสู้ก็จะหยุดลงและกระดานคะแนนก็จะสิ้นสุด!”

“เอาล่ะ รีบขยับร่างกายกันได้แล้วเจ้าพวกหนอนแมลง!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด