ตอนที่แล้วบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 7 การลุกฮือในป้อมคอร์ด (Fort Cord Revolt)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 9 กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง (Reunion)

บทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 8 การปลดปล่อยเมืองบอสตัน (The Liberation of Boston)


การปลดปล่อยเมืองบอสตัน

(The Liberation of Boston)

“นานแค่ไหนแล้วนะ ที่พวกเราไม่ได้มาอยู่ยังบอสตันพร้อมหน้าพร้อมตากัน…” ลาสพูดขึ้นโดยที่บูลล์อยู่ข้างกายเขา

ทั้งสองยื่นจ้องมองเมืองท่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนอาริกาเซีย พวกเขายื่นอยู่ห่างจากจุดเริ่มต้นของหลายๆอย่างบนอาริกาเซีย กองกำลังผสมจากที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐโฟลิโอหรือกองกำลังอาสาเมืองบอสตัน กองกำลังอาสาเอคริสเปีย และกองกำลังผสมอาริกาเซียที่นำโดยดักลาส รวมกันแล้วมากกว่า 7000 คน ล้อมรอบเมืองท่าบอสตันจากทุกทิศทางไม่ให้กองกำลังลีโอเนียได้หนีไปไหนได้

แต่หากพวกลีโอจะถอนกำลังหนี… ก็คงต้องออกจากไปจากเมืองโดยทางทะเลเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น…

“คิดว่าผมจะนับเวลาตั้งแต่คุณออกจากอาริกาเซียงั้นเหรอครับ?” บูลล์กล่าวตอบด้วยนํ้าเสียงติดตลก แน่นอนว่าลาสก็หัวเราะในลำคอจากคำพูดของบูลล์เล็กน้อยก่อนจะกล่าวเปลี่ยนเรื่อง

“เอาเป็นว่าเรามาสนใจกับเป้าหมายของเราดีกว่า” ลาสหันไปด้านหลัง กระโจมสีขาวที่ถูกตั้งอย่างเร่งรีบ ข้างในมีโต๊ะประชุมและนายทหารชั้นสูงจำนวนมาก ทั้งผู้บัญชาการเอคริสเปีย คิริล รองผู้บัญชาการไฮดี้ และ กามิโล

ดักลาสและบูลล์เดินเข้าไปในกระโจม สายตาของทุกคนจ้องมายังตัวเขาเพื่อรอคำสั่ง

“คิดว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไร” ลาสหันไปถามซองทูอาผู้ตกตํ่าคนสนิทของเขา

“จะยึดครองทุกส่วนของเมืองสำเร็จได้ ก็คงเสียเวลาไปครึ่งเดือน แย่สุดอาจจะเป็นครึ่งปีก็เป็นไปได้เช่นกัน” ดักซ์กล่าวความเป็นจริง การป้องกันที่เน้นหนาของชาวลีโอเนียนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ไม่พอแค่นั้นทหารลีโอยังเป็นทหารฝีมือดีที่ยากจะสู้ โดยอย่างยิ่งหากพวกลีโอเป็นฝั่งป้องกันแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่

“นานเกินไป… กำลังเสริมพวกลีโอจะตามทัน แบบนั้นพวกเราคงทำไม่ได้” ลาสชะงัก “นำปืนใหญ่ออกจากป้อมแล้วไปตั้งที่เนินเขาตรงนี้ และ ตรงนี้” ลาสหยิบของเล่นที่เขาซื้อมาในสหจักรวรรดิมาวางไว้บนจุดที่เป็นเนินเขาใกล้เมืองบอสตัน ปืนใหญ่ของเล่นเล็งไปยังกองเรือพวกลีโอ ไม่ได้เล็งไปที่แนวป้องกันจากที่หน่วยสำรวจตรวจสอบหาข้อมูลมาให้

“ทำไมเราไม่ใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มแนวป้อมกันในเมือง” ไฮดี้เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย หากใช้ปืนใหญ่ของพวกลีโอเนียยิงไปที่แนวป้องกัน ก็จะช่วยการปลดปล่อยเมืองบอสตันเป็นเรื่องง่ายทันที แต่เธอก็ถูกกล่าวแย้งทันทีที่พูดออกมา

“สิ่งสำคัญของเรา ไม่ใช่การทำลายเมืองบอสตันเสียหน่อย” คิริลกล่าวแย้งรองผู้บัญชาการของเธอ ซึ่งดักลาสก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคิริล

“อย่างที่คุณคิริลกล่าวมา นี่คือข้อเสียเปรียบของพวกเราอย่างแท้จริง แต่ว่า..” ลาสหันไปหาชายผิวสีร่างใหญ่ที่ยืนยิ้มเหมือนรู้ว่าลาสกำลังจะคิดอะไร

“อัมลัก กองกำลังจู่โจมโดยการฝึกของลีโอ พวกนายทำได้ใช่ไหม?” กองกำลังจู่โจมถูกฝึกของโดยลีโอเนีย หาพวกลีโอมารู้ที่หลังว่าการฝึกของพวกเขาถูกนำมาใช้กับตัวเอง มีหวังคงถูกห้ามให้มีการศึกษากับชาวอาณานิคมต่อไปอีกเป็นแน่

“หึ! การสำเร็จวิชาที่ยากเย็นเช่นนั้น พวกข้าก็อยากจะลองวิชาที่ได้ร่ำเรียนเสียโดยเร็ว”

“งั้นก็ไปได้แล้ว! ทุกท่าน ภายในหนึ่งสัปดาห์… ภายในหนึ่งสัปดาห์เมืองบอสตันต้องถูกปลดปล่อยจากพวกลีโอเนีย! หากเราสามารถปลดปล่อยเมืองบอสตันได้ พวกเราจะมีโอกาสได้ตั้งตัวรับมือกับพายุที่ใกล้เข้ามา เพราะงั้นแล้วพวกเราต้องชนะ เวลาคือสิ่งสำคัญทุกท่านอย่าได้ลืม!” ดักลาสพูดสั่งทุกคน ก่อนที่ตัวเขาจะเดินออกมาจากกระโจม พร้อมกับทุกคนที่แยกย้ายออกไปทำหน้าที่ส่วนของตัวเอง

ดักลาสยืนมองเมืองท่าบอสตันสลับสับเปลี่ยนกับกองกำลังอาริกาเซียที่เริ่มเคลื่อนตัวเข้าใกล้เมืองหลวงอาณานิคมย่างช้าๆ

ใบหน้าของลาสนั้นนิ่งเฉย แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวล เขาเกลียดชังการทหารและสงคราม แต่ตอนนี้เขากับเป็นผู้บัญชาการทหารและทำสงคราม มันน่าขันใช่มั้ยล่ะ สิ่งมที่ลาสกลัวคือการสูญเสียจำนวนมากของชาวเมือง อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องปลดปล่อยบอสตันออกจากพวกสหจักรวรรดิให้ได้เสียก่อน

ไม่ช้ากองกำลังผสมของอาริกาเซียก็เข้าจู่โจมเมืองบอสตัน

เสียงปืนดังกึกก้องเป็นสัญญาณการต่อสู้ของทั้งสองโลก

เมืองบอสตัน วันแรกของการเข้าจู่โจม

ทหารลีโอเนียตั้งกำลังอยู่ปลายเมือง พวกเขาได้ทำการยิงใส่กองกำลังกบฏในเครื่องแบบสีเขียว กองกำลังที่เข้าโจมตีไม่ได้ตั้งแถวเข้าจู่โจม หากแต่แยกออกเป็นกลุ่มเล็ก ช่างน่าแปลกที่การบุกทะลวงของกองกำลังอาริกาเซียจะนำโดยทหารเบาแทนทหารเท้า แต่ไม้ช้าพวกเขาก็ความแปลกใจเมื่อกำลังที่บุกเข้ามานั้นเข้าใกล้แนวป้องกันของหน้าเมืองด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

นำโดยอัมลัก ไม่มีนามสกุล ชายผิวสีก้มนอนหลบอยู่หลังต้นไม้ห่างแนวยิงไม่ไกล เขาตะโกนสั่งเสียงดังลั่น

“จุดไฟ!” ทหารอาริกาเซียในเครื่องแบบสีเขียวหยิบหินเวทมนตร์สีส้มเข้มขึ้นมาจากกระเป๋าผ้า ก่อนจะนำขัดกับเชือกที่ติดกับลูกเหล็กกลมขนาดฝ่ามือ แม้เสียงของอัมลักจะดังจนทหารลีโอได้ยินชัด แต่พวกลีโอก็ไม่รู้ว่าอัมลักพูดถึงเรื่องอะไร อย่างไรก็ตามกองกำลังลีโอเนียก็ไม่คิดจะลดแนวป้องกันตัวเองลง และทำการยิงเพื่อยับยั้งไม่ให้พวกกบฏได้ลุกขึ้นมา

กองกำลังของอัมลักนิ่งเฉยอยู่เป็นนาที พวกเขารอจนกระทั่งเสียงสั่งการของชายผู้นำของพวกเขาดังขึ้นอยู่ครั้ง เสียงของอัมลักดังจนที่ว่ามันสามารถได้ยินแทนที่เสียงปืนคาบศิลาของลีโอ

“จู่โจม!!” กองกำลังอัมลักกระโจนออกจากที่กำบัง หนึ่งคนนำหน้าเป็นโล่ อีกคนที่อยู่ข้างหลังโยนลูกเหล็กสุดแรงเกิด ทุกอย่างที่ถูกฝึกมาแสดงผลได้เห็น แม้ว่าจะถูกยิงโดยลีโอก็ตาม เมื่อโยนออกไปแล้วพวกเขาก็กระโดดลงไปนอนกับพื้นดิน

ทุกอย่างเป็นไปตามเวลาที่วางเอาไว้ ร่างกายของกำลังอัมลักที่กระทบกับพื้น พร้อมกับเสียงดังเสียยิ่งกว่าปืนเล็กจะทำได้ แสงไฟที่ส่องสว่างไปชั่วขณะ แรงอัดจากดินปืนภายในลูกเหล็กถูกปลดปล่อย กว่าที่กองกำลังป้องกันในที่กำบังจะรู้ตัวว่ามันคือระเบิดมือ พวกเขาก็ถูกแรงดันและความร้อนของมันสังหารไปเสียแล้ว

ที่กำบังที่ทำจากไม้และกระสอบฟางถูกระเบิดออกเปิดเส้นทางให้กองกำลังอาริกาเซียที่หลบแรงระเบิดได้วิ่งเข้าแทนที่แนวป้องกันของลีโอในเมืองบอสตัน การต่อสู้ภายในเมืองเต็มไปด้วยความตาย ทหารลีโอแม้ว่าจะมีการฝึกในการสู้รบภายในเมือง แต่หากเป็นประสบการณ์อักลักผู้รอดชีวิตในเมืองโฟลิกนั้นเหนือกว่าอย่างมาก

กองกำลังอาริกาเซียทะลวงแนวป้องกันเปิดทางให้ กองกำลังหลักได้เดินเข้ามาแทนที่ กองกำลังของอัมลัก ไม่นานแนวหน้าของลีโอก็ถอนออกไปอยู่ใจกลางเมืองแทน เสียงปืนยังคงได้ยินตั้งแต่ยามเช้าจนถึงกลางคืนที่มืดมิด

เมืองบอสตัน วันที่สองของการจู่โจม

ทหารลีโอเนียได้ถอนออกจากเขตนอกของเมืองบอสตันกลับมาแนวป้องกันในเมืองแทน เป็นครั้งแรกของชาวลีโอที่ถูกตีกลับในการต่อสู้ในระยะเวลาที่สั้นเช่นนั้น มันทำให้ทหารลีโอเนียตื่นตกใจอลหม่าน

อย่างไรก็ตาม กองกำลังลีโอเนียก็สามารถยื้อการโจมตีภายในเมืองไปทั้งวันที่สองของการจู่โจม พวกเขาสามารถหยุดการรุกคืบของกองทัพกบฏได้อย่างสาหัส มีจำนวนผู้เสียชีวิตในฝั่งลีโอจำนวนมาก แม้ว่าพวกเขาจะเป็นฝั่งป้องกันก็ตาม

เมืองบอสตัน วันที่สามของการจู่โจม

ตึกบ้านเรือนที่ถูกเปลี่ยนเป็นป้อมขนาดเล็ก ถูกไฟเผาโดยฝีมือของชาวเมือง ถนนคนเดินกลางเมืองบอสตันเต็มไปด้วยกลิ่นของความตาย ไม่ใช่ฝีมือของกองกำลังอาริกาเซีย หากแต่เป็นชาวเมืองบอสตันที่ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านในส่วนกลางของเมือง จนไปถึงท่าเรือแนวหลังของเมือง

“จงขับไล่พวกลีโอ จงเข้าร่วมการต่อสู้ ถึงเวลาที่พวกเราจะได้ล้างแค้น แด่ผู้สิ้นชีพในการสังหารหมู่ชาวเรา!” ชาวเมืองเปล่งเสียงเรียกร้องให้ทุกคนช่วยกัน

กลุ่มต่อต้านหัวรุนแรงที่ซ่อนตัวมานานลุกขึ้นมาสู้กับกองกำลังลีโอเนียอย่างเปิดเผย บนถนนทางเดินกลายเป็นการต่อสู้ขนาดย่อมๆ ตลาดถูกเปลี่ยนไปเป็นสนามรบ บ้านอาคารขนาดใหญ่กลายเป็นปราการ จำนวนคนตายสูงขึ้นทุกชั่วโมง ชาวเมืองถูกทหารลีโอสังหารโดยไม่เลือกหน้าเพราะกลัวว่าจะเป็นกลุ่มต่อต้าน ทำให้ไม่มีคนกล้าออกจากบ้านของตัวเอง

ในขณะเดียวกันนั้น หากทหารลีโอเนียพยายามเข้าบ้านเพื่อหลบกระสุนของกลุ่มกบฏพวกเขาก็จะถูกเจ้าของบ้านที่มีปืนยิงใส่ทันที

กองกำลังลีโอเนียต้องเจอกับการต่อสู้จากทั่วทั้งเมือง ไม่เพียงแค่แนวป้องกันที่ทหารอาริกาเซียพยายามตียึดจุดอย่างช้าๆ ที่พวกเขากำลังพ่ายแพ้ให้กับพวกกบฏ แต่ก็ถูกอาวุธปืนที่ถูกซ่อนเอาไว้ของชาวเมืองบอสตันยิงใส่จากข้างหลัง พวกชาวเมืองหลบซ่อนตามตรอกซอยของเมือง สังหารทหารลีโอเนียที่ไม่อยู่เป็นกลุ่มใหญ่

จนทำให้ตอนนี้ชาวลีโอเนียที่อยู่ในบอสตันไม่สามารถที่จะเชื่อใจชาวเมืองได้แล้ว พวกเขาต้องเลือกที่จะสู้และยืนหยัดจนกว่ากำลังเสริมจะมา หรือจะถอนออกจากเมืองบอสตัน

เมืองบอสตัน วันที่สี่ของการจู่โจม

ความอัปยศของกองกำลังสหจักรวรรดิลีโอเนีย

จำนวนคำเสียหายฝั่งลีโอเนียนั้นมีมาก จนไม่สามารถที่จะป้องกันตัวเมืองเขตในได้ ผู้การแห่งลีโอเนียได้แต่สั่งกองกำลังทั้งหมดกลับไปยังท่าเรือ ก่อนจะสั่งอพยพถอนกำลังออกจากเมือง ลาสที่เห็นโอกาสก็รีบปรับเปลี่ยนจากการรุกเข้าเมืองด้วยความระมัดระวังไปเป็นการควบคุมพื้นที่เมืองให้ได้มากที่สุด

การอพยกออกจากเมืองบอสตันของกองกำลังลีโอเป็นไปอย่างยากลำบาก กองหลังถูกแต่งตั้งเพื่อปกป้องการถอนกำลัง พวกเขาต้องสู้จนกว่าทหารลีโอจะย้ายลงเรือไปจนหมด หากนี่คือความอัปยศของพวกเขา ก็ขอให้มันเป็นความอัปยศที่สามารถกลับมาแก้แค้นได้

แต่อย่างไรก็ตาม ปืนใหญ่จากเนินเขาและป้อมคอร์ดก็ทำการระดมยิงใส่กองเรือรบลีโอที่อยู่ในใกล้ท่าเรือ สร้างความเสียหายให้กับกำลังลีโอมากพอๆกับการรุกเข้าตัวเมืองบอสตัน ไฟที่ไหม้ไปทั่วเรือรบลีโอ ควันสีดำลอยฟุ้งไปทั่วท่าเรือ กลิ่นไหม้ของไม้ที่ถูกเผากลบกลิ่นของร่างที่เหม็นเน่าของคนตาย

เรือขนส่งถอนสมอเดินทางหนีจากเมืองบอสตัน กองเรือรบที่มีมากกว่าสิบบัดนี้เหลือเพียงแค่ สี่ห้าลำเท่านั้น ใช้เวลาเพียงแค่ 4 วัน การต่อสู้มาถึงจุดสิ้นสุด ธงสีขาวถูกชูขึ้นโดยนายทหารในเครื่องแบบสีแดงที่ทุกคนรู้จัก เมื่อไม่ได้สามารถหนีทันเพื่อน ก็คงได้แต่ยอมแพ้อย่างเจ็บใจ

“ยึดอาวุธคนที่ยอมแพ้ อย่าลืมช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้งสองฝั่งด้วยนะ!” ดักลาสกล่าวสั่ง พวกชาวเมืองต่างช่วยกันพาผู้บาดเจ็บไปยังสถานรักษา ไม่ว่าจะเป็นชาวลีโอหรือชาวอาริกาเซียก็ถูกให้ความช่วยเหลือ แม้ว่าพวกเขาจะชิงชังกับทหารลีโอที่กดขี่แต่เมื่อศึกจบพวกเขาก็ไม่ได้มีความต้องการสังหารอันเปล่าประโยชน์

ลาสมองเมืองบอสตันด้วยความรู้สึกที่โล่งอก ความเสียหายมีน้อยกว่าที่คิด แต่นอกจากความเสียหายของเมือง สิ่งที่สำคัญก็คือชีวิตที่สูญเสียไปเสียมากกว่า จำนวนผู้สิ้นชีวิตนั้นมีมาก โดยอย่างยิ่งคือกลุ่มต่อต้านชาวเมืองบอสตันที่ลุกฮือจากแนวหลังของลีโอ ต้องขอบคุณชาวเมืองที่ยอมเสียสละช่วยเหลือในการต่อสู้ในครั้งนี้

เพราะหาพวกเขาไม่ยอมลุกขึ้นมาสู้ ลาสก็คงต้องใช้เวลาในการขับไล่ลีโอเนียไปอีกสองวันเป็นแน่…

ลาสยื่นดูกองกำลังผสมที่ช่วยกันขนย้ายผู้บาดเจ็บ ซ่อมแซมจุดสำคัญของเมือง หยุดไฟไหม้และควบคุมเชลยศึกชาวลีโอเนีย ศาลากลางเมืองหรืออาคารผู้นำเขต อาคารสีขาวทรงสถานทูตสไตล์ยุโรป หากจะนึกถึงความทรงจำเก่าๆเกี่ยวกับมันก็คงไม่พ้น ตอนที่เขารายงานตัวกับเซอร์กาย

ลาสเดินตรงไปยังหน้าบันไดทางเข้า ก่อนจะนั่งลงและมองชาวอาณานิคมที่ช่วยเหลือกันอย่างสามัคคี บางครั้งเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองไม่หลงลืมโลกเดิมไปแล้ว เขากำลังจะหลงลืมบ้านเกิดที่แท้จริง โลกใบเดิมของเขากำลังถูกแทนที่ด้วยจุดยืนที่เขากำลังสร้าง

ถอดหมวก และมองขึ้นไปข้างบน ภาพของท้องฟ้าสีคราม โดยมีควันไฟสีเทาลอยขึ้นสูง ไม่รู้สึกได้ว่าเสียงรอบตัวได้หายไปหมด อาจจะเป็นเพราะว่าตัวเขานั้นรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะได้ยินอะไร

‘ ฉันเกลียดสิ่งที่ตัวเองทำอยู่จริงๆ ’ ลาสคิดในใจ เขาอยากจะตะโกน ‘เหนื่อย’ ออกมาให้เสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะตะโกนออกมา ลาสนั่งพักนึกย้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ตั้งแต่มาอยู่บนอองโทราลเขาไม่รู้สึกผิดหวังที่เลือกกระทำเช่นนี้ หากย้อนกลับไปได้ ลาสก็คงเลือกที่จะทำเช่นเดิม

เขารู้ว่าหากสร้างสิ่งที่เรียกว่าการปฏิวัติ มันคือสิ่งที่จะพามาซึ่งความตายแก่ผู้คนจำนวนมาก แต่หากเขาเลือกที่จะอาศัยในสังคมของการอำนาจ มันก็ไม่ต่างกับโลกเดิมที่เขาอยู่เหมือนเดิม…

ลาสที่หลุดเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวอยู่พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงเรียกสติ จากเบื้องหน้า

บอสตันเป็นอริสระ! แด่ชัยชนะ! แด่อาริกาเซีย!

เป็นเสียงตะโกนกล่าวของชาวเมืองและทหารอาสา พวกตะโกนสรรเสริญชัยชนะเหนือลีโอกันอยู่หน้าอาคารผู้นำเขต “เฮ้อ…” ลาสถอนหายใจยกใหญ่ ก่อนจะจับหมวกของตัวเองขึ้นมาสวม และลุกขึ้นยืน ตรงหน้าของเขาเป็นกลุ่มคนที่ร่วมสู้มาตั้งแต่ได้รู้จักกัน เพื่อนมิตรสหาย พี่ชายพี่สาว น้องชายน้องสาว แม้ว่ามันจะไม่ได้นาน แต่ความรู้สึกนั้นแตกต่างอย่างมาก

ต่อให้ลีโอเนียถอนกำลังไปแล้ว แต่การรุกรานก็ยังไม่จบ มีเวลาในการเตรียมตัวไม่นาน กองกำลังลีโอเนียจะต้องยกพลขึ้นบกเป็นแน่ ลาสคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่บูลล์จะเดินเข้ามาหาเขาและเอ่ยถาม

“คุณดักลาสให้ผมส่งสารไปบอกคนที่เหลือไหมครับ? ท่านสมชายกับท่านไวท์น่าจะอยากเจอคุณดักลาสแน่ๆเลยครับ” ชายหนุ่มครึ่งสุนัขกล่าวด้วยรอยยิ้ม จนลาสอดไม่ได้ที่จะลูบหัวของบูลล์

“นั้นสิ เราเองก็ไม่ได้เจอพี่ไวท์มานานมาแล้วด้วย” ลาสชะงัก “แต่ก่อนอื่น… พวกเรายังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะเลย” สิ้นเสียงก็หันไปหาผู้ที่สนิทที่สุดอย่างซองทูอาผู้ตกตํ่า “ดักซ์ดูแลแทนเราหน่อย แล้วอย่าลืมให้ทุกคนพักผ่อนไปก่อน ตอนนี้คงไม่มีการรบไปอีกหลายสัปดาห์ ให้พวกเขาได้พักเสียบ้างเรื่องอื่นค่อยว่ากัน..”


0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด