ตอนที่แล้วบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 6 มาแล้วนั่นไงล่ะ ท่านนายพล (Here comes the General)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 8 การปลดปล่อยเมืองบอสตัน (The Liberation of Boston)

บทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 7 การลุกฮือในป้อมคอร์ด (Fort Cord Revolt)


การลุกฮือในป้อมคอร์ด

(Fort Cord Revolt)

เมืองบอสตัน

อาคารศาลากลาง บัดนี้ถูกปรับเปลี่ยนไปเป็นศูนย์บัญชาการหลักของกองกำลังประจำอาริกาเซีย ภายในห้องเต็มไปด้วยทหารลีโอชั้นสูงหลายคน ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด โต๊ะไม้ยาวตั้งอยู่กลางห้อง บนโต๊ะคือแผนที่เมืองบอสตัน โดยมีรายละเอียดแผนการป้องกันเมืองบอสตันถูกร่างภาพเอาไว้

ความวุ่นวายในอาริกาเซียนั้นมีมากเสียจนน่ากังวล อาณานิคมเอเคริสเปียก่อกบฏอย่างเห็นได้ชัด แต่สภาสูงกลับไม่คิดว่าเป็นการก่อกบฏ ทำเอาเหล่าผู้บัญชาการกองกำลังประจำอาริกาเซียได้แต่กุมหัวขมับ

คนของพวกเขาสิ้นชีพไปเป็นร้อยโดยฝีมือของพวกตํ่าช้าที่ควบคุมไม่ได้ สภาสูงยังคงเรียกพวกมันว่าทำการจลาจลเฉยๆได้อยู่อีกหรือ? นั้นคือความคิดเห็นของเหล่าผู้บัญชาการในอาริกาเซีย พวกเขาต้องเตรียมตัวรับมือกับประชากรชาวอาณานิคมที่กล้าลุกฮือในช่วงหลังสงครามทูเดีย

ไม่มีใครคาดคิดว่าชนชั้นที่ตํ่าที่สุดในสหจักรวรรดิอย่างชาวอาณานิคม หากชาวอาณานิคมไม่ใช่ผู้เก่งกล้าก็คงเป็นคนบ้าเท่านั้นที่กล้าสังหารทหารลีโอเนียได้อย่างไม่เกรงกลัว

นายทหารชนชั้นสูงต่างคิดว่าดินแดนแห่งนี้เหมาะสำหรับการพักผ่อน ออกตัวห่างจากทวีปที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องมาทำงานกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพียงเพราะพวกชาวอาณานิคมติดอาวุธอยู่ใกล้ๆเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่

“ผู้การครับ!” ชายหนุ่มในเครื่องแบบสีแดงเวนิส เขาวิ่งเข้ามาในห้องด้วยความเร่งรีบ เสียงที่หอบแฮกแสดงความเหนื่อยของตัวเขาได้ชัดเจน “พวกเราได้ขนข้อมูลจากพวกพ่อค้านักเดินเรือบางส่วน ขบวนเรือขนส่งที่จะถูกส่งมาก่อนกำลังเสริมที่หายไปเกือบสัปดาห์ ถูกพบอีกฝั่งรัฐโฟลิโอครับ!”

“ช่างเรื่องเรือขนส่งไปก่อน… ขอบคุณมาก ไปพักได้” ผู้การชายวัยกลางคน เครื่องแบบแบบทหารเรือสีขาว เขามีอำนาจสูงสุดในกองกำลังประจำอาริกาเซีย สืบเนื่องจากการก่อวินาศกรรมในเมืองบอสตัน

หลังจากที่เขาสั่งให้นายทหารไปพัก เขาก็หันมาพูดต่อเหล่านายกองที่ยศรองจากเขา “กำลังเสริมจากสภาสูงอีกนานแค่ไหนที่พวกเขาจะมาถึงอาณานิคมเขต 6”

“คาดว่าอีกครึ่งเดือน แต่พวกเราคงหวังให้สภาสูงส่งเรือและกองกำลังหลักมายังอาริกาเซียไม่ได้” ผู้ช่วยผู้การกล่าวขึ้นแต่ก็มีขุนนางชาวลีโอเนียผู้อยู่ในเครื่องแบบทหารกล่าวขัด

“ไม่จำเป็นต้องมีกองกำลังหลัก พวกเราก็สามารถจัดการกับการจลาจลครั้งนี้ได้” เขาชะงัก “พวกชาวบ้านที่กล้าตั้งตัวเป็นกบฏ พวกมันตั้งค่ายอยู่ไม่ไกลจากฐานที่มั่นของพวกเรา ทำไมเราไม่ออกสู้กับพวกกบฏเพื่อแสดงให้รู้ว่า ผู้ใดที่เป็นเจ้าของดินแดนแห่งนี้!”

ภายในห้องกลายเป็นความไม่สงบทันทีเมื่อขุนนางกล่าวจบ การทิ้งเมืองไร้การป้องกันนั้นเป็นเรื่องที่ผิดหลักการของกองทัพลีโอเนียอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็สามารถต่อสู้และทำให้กองกำลังกบฏแตกทัพได้เช่นกัน

ขณะที่ผู้การกำลังยื่นฟังความคิดเห็นของเหล่าผู้บัญชาการเพื่อหาแผนการที่มั่นคง นายทหารผู้แจ้งข่าวคนเดินจากที่ไปพักก็พุ่งตัวผลักประตูไม้เสียงดัง จนทุกคนต้องหันมามองชายผู้มาใหม่

“พลทหาร! อย่าได้ขัด-”

" มีการยิงกันในป้อมปราการคอร์ด!

พวกอาสาเมืองบอสตันทำการกบฏภายในป้อมคอร์ด!

“กองทหารรักษาการณ์ในป้อมปราการมัวทำอะไรอยู่! ไม่สิ!” ผู้การลีโอเนียชะงัก “สั่งให้กองกำลังที่อยู่ใกล้กับป้อมคอร์ด จัดการพวกคนทรยศโดยด่วน! อย่าให้พวกมันได้ยึดป้อมคอร์ดได้ แต่ถ้าพวกกบฏได้ป้อมไปแล้วก็ยึดกลับคืนมาให้จงได้!” เขากล่าวสั่งด้วยความรวดเร็ว

ป้อมคอร์ด หนึ่งในป้อมปราการที่ถูกปรับเปลี่ยนให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นป้อมชายฝั่ง ค่ายทหาร และป้อมปราการสำหรับป้องกันเมืองบอสตัน ภายในป้อมหากตกไปอยู่ในมือของกบฏอาริกาเซีย พวกเขาจะสูญเสียจุดยุทธศาสตร์สำคัญไป

ผู้การแห่งลีโอเนียได้แต่กลุมหัวด้วยความเครียด เขาได้หลงลืมไปป้อมปราการสำคัญไปได้เช่นไร ชายผู้นำกองกำลังประจำการอาริกาเซียได้แต่โทษตัวเอง

“…พวกเราทำผิดพลาดไปครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะการที่ไม่ได้ยุบกองกำลังอาสาบอสตันทิ้ง…”

“ท่านผู้การครับ!” วิ่งเข้ามาในห้องประชุม เครื่องแบบสีแดงเวนิสเคลือบทองเหลือง นายทหารผู้มีม้าส่วนตัว คาดว่าเขาจะเป็นหน่วยม้าเร็วเข้ามาแจ้งข่าว

“ยังจะมีเรื่องอะไรอีก!” ผู้การตวาดใส่ผู้น้อยด้วยความเกรี้ยวกราด “หากเป็นเรื่องไร้สาระ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับป้อมคอร์ดก็อย่าได้มาสร้างเรื่อง ไม่เช่นนั้นเราจะสั่งลงโทษ!”

“ระ เรื่องสำคัญ สำคัญแน่นอนครับ!” เขาหยุดชะงักก่อนจะยื่นจดหมายให้กับผู้การลีโอและกล่าว “พวกกบฏเคลื่อนตัวเข้าแนวป้องกัน คาดว่าพวกเขาจะเข้าโจมตีรอบทิศของเมืองบอสตันครับ!”

“องค์จักรพรรดิคุ้มครอง…”

……

.

.

.

.

.

.

ป้อมปราการคอร์ด

ป้อมรูปทรงดาวห้าแฉกตั้งอยู่เด่นชัดสามารถมองได้ไม่ว่าจะบนผืนทะเลหรือพื้นดินบนทวีป เสียงปืนและควันไฟลอยขึ้นสูง เสียงร้องเสียงความตาย ความเจ็บปวดและความโกรธ

ปืนคาบศิลาส่งเสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ทุกครั้งที่เสียงดังขึ้นจะต้องมีร่างของผู้ที่ไร้ชีวิตเพิ่มขึ้นตลอด สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความวุ่นวายเสียจนกองกำลังรักษาการณ์ที่ประจำการอยู่ไม่สามารถที่จะตอบสนองได้ทันท่วงที

ทหารอาสาบอสตันบุกพังคลังอาวุธ ผู้ปกป้องถูกลอบสังหารโดยที่ไม่รู้ตัว ก่อนที่กองกำลังรักษาการณ์จะรู้ตัว พวกเขาก็เห็นอาวุธเล็งมาที่พวกเขาพร้อมกับเสียงปืนและแสงไฟ พริบตาเดียวเท่านั้นที่กองกำลังรักษาการณ์ เดินตรวจตราเช่นเฉกเช่นวันปกติของพวกเขาจะต้องเจอกับการกบฏจากข้างหลัง

“พวกแกหักหลังสหจักรวรรดิพวกแกทุกคนจะต้องถูกแคว้นคอ!” ทหารลีโอกล่าวขึ้นด้วยความแค้น เขาบรรจุดินปืนและลูกปืนเสร็จและเล็งไปยังทหารอาสาบอสตันที่พยายามวิ่งเข้ามาหาตัวเขา ทหารลีโอกดไกปืนยิงลูกกลมจากปืนคาบศิลาสังหารทหารอาสาสิ้นใจทันที

“ฮ่า ไอ้พวกกบฏ-” ไม่ทันได้กล่าว ลูกปืนจากฝั่งทหารอาสาก็พุ่งตรงทะลุคอหอยจนเขาล้มลงและพยายามจับบาดแผลที่คอของเขา เลือกที่ไหลออกมาไม่หยุด ภาพจากดวงตากลายเป็นสีแดงเต็มไปเลือด สิ่งสุดท้ายเห็นก่อนทุกอย่างจะดับลงก็คงไม่พ้น ชายหนุ่มอมนุษย์ครึ่งสุนัขที่ทหารพวกเขาเห็นทุกวันทุกเดือน

บูลล์ เด็กหนุ่มที่พวกเขาเป็นคนสั่งสอน ผู้ที่ไต่เต้าจากอาสาสมัครชนพื้นเมือง มาเป็นผู้นำกองกำลังอาสาบอสตันแทนที ผู้บัญชาการคนเดิม

“ทุกคน! อย่าให้พวกลีโอได้ทำลายอาวุธในป้อมเด็ดคาด รีบยึดส่วนกำแพงให้ได้ก่อน!” บูลล์ตะโกนสั่งทหารอาสาคนอื่นๆ

“ผู้กอง! ท่านแน่ใจแล้วหรือ ว่ามีกองกำลังอาริกาเซียอยู่ใกล้บอสตัน” ทหารอาสาบอสตันกล่าวขึ้นขณะที่เขายิงปืนสังหารฝั่งตรงข้ามโดยไม่เกรงกลัว

“แน่ใจที่สุด!” บูลล์ตอบกลับ

ภายในป้อมทหารอาสาบอสตันเข้ายึดและจับกุมกองกำลังรักษาการณ์อย่างง่ายดาย ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ธงสีขาวรูปงูรัดต้นไม้ของกองกำลังอาสาแห่งเมืองบอสตันก็ถูกชูขึ้นแทนที่ธงสิงโตของลีโอเนีย ไม่รอช้าบูลล์สั่งให้ทหารอาสาเข้าประจำตำแหน่งบนป้อมปราการทันที

คลังอาวุธถูกเปิดออก ดินปืน ลูกปืน ถูกขนย้ายออกมาไว้กลางป้อมปราการ ชายหนุ่มขึ้นมาอยู่ข้างบนของป้อมพร้อมกับใช้กล้องส่องไปยังเมืองบอสตัน สายตาจับจ้องไปยังเมือง รอให้เห็นธงของลีโอที่เตรียมตัวมายังป้อมปราการแห่งนี้เพื่อยึดป้อมคืน ทหารอาสาคนหนึ่งเดินมาหาบูลล์และกล่าว

“ผู้กอง กองกำลังอาสาพวกเรามีจำนวน 400 คน ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย เสียชีวิตระหว่างการต่อสู้จำนวน 13 ราย อาวุธในคลังพร้อมสำหรับกองกำลังมากกว่าพันคน และสิ่งสำคัญที่สุด…” เขาชะงัก “ปืนใหญ่จำนวนติดป้อมขนาดเล็ก 36 กระบอก ปืนใหญ่ที่ใช้สำหรับสู้รบจำนวน 12 กระบอก และปืนใหญ่ที่แปลกตาอีก 2 กระบอก พวกลีโอคงไม่ยอมที่จะยกปืนหายากเช่นนี้ให้พวกเราอย่างแน่นอนครับ”

“คุณเคยยิงปืนใหญ่ หรือเคยเห็นมันใช้งานไหม?” บูลล์หันไปหาชายข้างๆ เขาส่ายหน้าปฏิเสธ ในอาณานิคมแค่ปืนคาบศิลาก็หาได้ยากแล้ว

“ส่วนมากแล้วผู้ที่ร่ำรวยจะหาเส้นทางลักลอบทำอาวุธปืนคาบชุดเสียมากกว่าครับ”

“งั้นพวกเราก็คงเป็นคนรวยที่สุดในอาริกาเซียแล้ว!” บูลล์กล่าวขึ้นสร้างเสียงหัวเราะให้กับทหารอาสาบอสตันอย่างมาก ก่อนที่เขาจะกล่าวสั่งอีกครั้ง “ประจำปืนใหญ่เตรียมบรรจุกระสุน ไม่จำเป็นต้องเร่งบรรจุ พวกเราต้องฝึกใช้อาวุธตัวนี้ให้เป็นเสียก่อน”

ใบหน้าของกองกำลังอาสาบอสตัน เต็มไปด้วยความมั่นใจ ขวัญกำลังใจของชาวอาริกาเซียนั้นมีสูงอย่างมาก มันได้สร้างคำถามให้เชลยศึกในป้อมได้แต่สงสัย ว่าเหตุใดพวกเขาถึงได้กล้าที่จะลุกฮือต่อต้านสหจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ได้กัน?

“พวกมันออกจากเมืองมาแล้ว!” บูลล์ที่ใช้กล้องส่องทางไกลเห็นธงสิงโตทองที่โบกสะบัดตามสายลมจากท้องทะเล

ทหารอาสาเข้าประจำตำแหน่งป้องกัน อาวุธในมือถูกหยิบขึ้นมาพิงบนกำแพงสูงและเล็งไปยังจุดสังหาร ในขณะที่อีกกลุ่มบรรจุลูกปืนใหญ่ อย่างช้าๆ

เนื่องจากว่าพวกเขาไม่มีประสบการณ์มากเหมือนกับพวกลีโอเนีย พวกเขาถึงต้องทำการบรรจุด้วยความระมัดระวัง ไม้สกรูใช้ทำความสะอาดเศษผ้าดินปืนที่อาจจะค้างอยู่ในลำกล้องปืน ขนแกะติดไม้จุ่มลงถังน้ำทำความสะอาดเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่าจะไม่มีสิ่งตกข้างภายใน ก่อนที่ดินปืนที่ถูกมัดเอาไว้จะยัดเข้าปืนใหญ่จากลำกล้อง ดันด้วยแท่งเหล็กให้สุด ลูกเหล็กกลมถูกใส่เข้าไปในปากกระบอกปืนใหญ่ ก่อนกระทุ้นด้วยแท่งเหล็กอีกครั้ง ตัดจุดถูกเสียบลงในส่วนที่ดินปืนอยู่

มีเพียงแค่เสียงลมหายใจของคนข้างๆและเสียงกลองศึกของข้าศึกที่เดินทัพมายังป้อม ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง กองกำลังลีโอเนียก็เปลี่ยนตำแหน่งจัดทัพเตรียมเข้ายึดป้อม โดยเร็วมีเพียงแต่บันได ผู้กองลีโอเนียไม่คิดว่าจะสามารถเข้ายึดป้อมคอร์ดได้อย่างแน่นอน แต่เขาเองก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของคนที่ยศสูงกว่าไม่ได้ แปลงขบวนทัพเสร็จ ผู้บัญชาการลีโอก็สั่งเข้าตียึดป้อมคอร์ดทันที

“ยิง!!” ทุกคนที่อยู่ใกล้ปืนใหญ่ป้อม อุดหูของตนเอง ทหารอาสาที่ถือลินสต็อกจุดไฟและทำการจุดชนวน

เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นเหมือนฟ้าร้องในยามเช้า มันดังจนหลายคนต้องสดุงด้วยความกลัวไม่ว่าจะอยู่ฝั่งใดก็ตาม เขม่าควันสีขาวลอยฟุ้ง ผู้ประจำปืนใหญ่บนป้อมมีสีหน้าที่ตื่นตกใจ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ใช้ปืนใหญ่ แต่ในขณะที่พวกตื่นตกใจ กองกำลังลีโอเนียก็รับรู้แล้วปืนใหญ่ในป้อมไม่ได้ถูกทำลายก็ปรากฏใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

ลูกปืนใหญ่พุ่งตรงไปที่แถวแนวทหารลีโอ ลูกเหล็กกรมสร้างความเสียหายต่อการตั้งทัพแบบแถวอย่างมหาศาล จนผู้บัญชาการต้องรีบปรับเปลี่ยนแผนและพยายามขึ้นไปยึดกำแพงป้อมให้ได้

“กองกำลังอาสาแห่งบอสตัน! เตรียมตัว! เล็ง!” บูลล์ไม่รอให้พวกลีโอได้ตั้งตัวเขาสั่งกองกำลังอาสาทันที ชาวโฟลิ ผู้อาศัยในเมืองบอสตัน ทหารอาสาแห่งอาริกาเซีย เล็งปืนไปยังกลุ่มทหารลีโอ รอให้เห็นในตาสีขาวของพวกเขาจากข้างบน ลูกเหล็กลมบรรจุเสร็จสิ้น

ทุกคนล้วนรับรู้ในการยิงระลอกที่สอง

มันคือเสียงของปืนใหญ่ที่มุ่งสู่อนาคต

“ยิง!” สิ้นเสียงคำสั่ง ปืนคาบศิลาก็ปลดปล่อยกระสุนสังหารผู้บุกรุก ปืนใหญ่ยิงไปยังทหารลีโอ แม้ว่าจะไม่ได้โดนจำนวนที่มากแต่ก็สังหารได้อย่างแน่นอน

การต่อสู้ในครั้งนี้คือหายนะของกองกำลังลีโอเนีย หากพวกเขาเลือกที่จะไม่บุกยึดป้อมคอร์ดคืนจากกองกำลังอาสาบอสตัน พวกเขาก็จะมีกำลังพลที่พร้อมสู้รบได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกสังหารข้างเดียวโดยปืนของพวกเขาเอง

เพียงครึ่งวัน กองกำลังลีโอก็ถอนออกจากป้อมคอร์น สูญเสียไปร้อยกว่าคน ในจขณะที่กองกำลังอาสาบอสตันเสียไปเพียงไม่กี่คน เป็นชัยชนะอีกครั้งของชาวอาณานิคมอาริกาเซีย คนเจ็บถูกพามารักษาภายในป้อมคอร์ดไม่ว่าจะเป็นข้าศึกหรือไม่ก็ตาม

ทหารอาสาบอสตัน เป็นชัยชนะอีกครั้งที่จะนำชื่อเสียงมาให้พวกเขา หลายคนได้หยุดพักหายใจได้ไม่นาน เสียงเรียกจากผู้ตรวจการก็เรียกให้ทุกคนจับอาวุธของตนขึ้นมาแนบชิดตัวอีกครั้ง

“มีกองกำลังใกล้เข้ามา!” หากแต่ผู้นำของกองกำลังอาสาบูลล์ไม่ได้มีท่าทีที่ตกใจแต่อย่างใด เขาเดินไปยังประตูป้อมและพูดกับทหารผู้ดูแลประตู

“เปิดประตูให้พวกเขาเข้ามา นั้นเป็นกองกำลังของพวกเรา” ใบหน้าของชายนายทหารอาสามีสีหน้าที่ตกใจ ก่อนจะรีบไปเปิดประตูไม้ใหญ่ออก

เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นดิน สร้างคลื่นเสียงที่สั่นไปทั่ว มันมาจากขบวนกองกำลังที่เดิน มันมาจากขบวนกองกำลังที่เดินเข้ามาที่ป้อมคอร์ดด้วยความน่าเกรงขาม ใบหน้าที่ชายคุ้นเคยสนิทสนม เดินอยู่หน้าขบวนกองทหารในเครื่องแบบสีเขียว บูลล์และหัวหน้าชุดยิงเดินออกไปต้อนรับผู้มาใหม่ด้วยความยินดี ใบหน้าของทุกคนที่เห็นกองกำลังผู้มาใหม่เต็มไปด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แม้ว่าจะมีทหารอาสาบอสตันหลายคนยังคงสงสัยกับกองกำลังปริศนา

แต่สำหรับผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันกับชายหน้าขบวน พวกเขารู้จักเป็นอย่างดี

ชายผู้มีใบหน้าราวกับหญิงสาว เดินมาหยุดตรงหน้าของชายหนุ่มครึ่งสุนัข ใบหน้าของบูลล์นั้นเต็มไปด้วยความยินดี การพบเจอกันใหม่ กลับมารวมกันอีกครั้ง แม้ว่าจะมีน้อยลงก็ตาม

“คุณดักลาส…” บูลล์กล่าวขึ้น นํ้าเสียงเต็มไปด้วยความโล่งอก

“ไม่อยู่เกือบปี พอกลับมา นายก็กลายเป็นวีรบุรุษไปแล้ว น่าเสียดายจริงๆ ที่ฉันไม่ได้อยู่ดูการพัฒนาของน้องชายอันเป็นที่รักตัวเอง”


เอ๋!? … ทำไมรู้สึกว่ากองกำลังอาสาอยู่ที่อยู่กับลาสตั้งแต่บทเริ่มต้นจนถึงตอนนี้ จะคล้ายกับพวก old guard ไปซะแล้ว?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด