ตอนที่แล้วบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 5 สามัคคีผ่านคำพูดและตัวหนังสือ (Unity through words and letters)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 7 การลุกฮือในป้อมคอร์ด (Fort Cord Revolt)

บทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 6 มาแล้วนั่นไงล่ะ ท่านนายพล (Here comes the General)


มาแล้วนั่นไงล่ะ ท่านนายพล!  

(Here comes the General)

คลื่นทะเลซัดเข้าชายฝั่ง พร้อมกับสายลมที่รุนแรงถูกพัดขึ้นมาบนเนินเขาที่ห่างจากท้องมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอองโทราล นอกจากเสียงลมและเสียงคลื่นทะเลแล้ว เสียงดังจากกลุ่มคนจำนวนมากบนเนินเขาสูงชันก็สามารถได้ยินไปทั่วบริเวณเช่นกัน

บนเนินเขานั้นมีสิ่งก่อสร้างชั่วคราวถูกจัดตั้งเป็นที่พักชั่วคราว ต้นไม้ใหญ่ถูกโค้งล้มลงและแปรรูปไปเป็นสิ่งอำนวยความสะดวก สร้างเป็นที่พักและกำแพงป้องกัน เต็นท์สนามสีขาวถูกตั้งขึ้นมาจำนวนมาก

แคมป์ไฟที่ถูกจุดเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ผู้ใช้ ทำอาหารเพื่อแจกจ่ายกันเอง นอกจากนั้นไฟยังใช้ในการในการหล่อของใช้ที่ทำจากตะกั่วผสมเหล็ก เพื่อไปใช้ทำลูกปืนคาบศิลา และผู้ที่กำลังทำงานอยู่ข้างในนี้ก็คือทหารอาสาเอคริสเปีย และชาวอาณานิคมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเพศใดวัยใดต่างสามารถพบเห็นได้ภายในค่ายชั่วคราวแห่งนี้

ภายในค่ายกองกำลัง หญิงสาวอมนุษย์ ครึ่งมนุษย์ที่คล้ายกิ้งก่าแต่มีเขา คล้ายกับสิ่งมีชีวิตอันตรายอย่างมังกร หางที่ยาวสีขาว และเขาสีดำที่โดดเด่น คิริลลอฟนา เฟิ่ง หญิงผู้สาวเผ่าหลง(Lung) เธอและครอบครัวมา จากตระกูลที่ย้ายจากถิ่นเดิมซึ่งอยู่ในทวีปยูตร้ามายังดินแดนที่ไม่มีใครรู้จักอย่างอาริกาเซีย เพื่อหาโอกาสที่ตระกูลของเธอไม่สามารถหาได้เพราะชนชั้นภายในเผ่าพันธุ์คือสิ่งที่ทำให้ตระกูลของเธอต้องหนีออกห่างจากบ้านเกิด หนีออกห่างจากระบบชนชั้น…

เธอใฝ่ฝันตามหนังสือที่โด่งดังอย่าง ระฆังเสรีภาพ ที่เป็นเหมือนกับแรงบันดาลใจที่สร้างไฟในจิตใจของหญิงสาวครึ่งมังกร อาริกาเซียให้โอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่… ชีวิตที่เธอจะสามารถเลือกเส้นทางได้ด้วยตัวเอง นั้นจึงเป็นเหตุผลที่เธอยื่นอยู่ในค่ายแห่งนี้ ในฐานะผู้นำกลุ่มคนที่อาสาสู้กับลีโอเนีย ทหารอาสาเอคริสเปีย

“คิริล!” หญิงสาวหันไปหาเสียงเรียก ก่อนจะเจอกับผู้ชายที่หญิงสาวคุ้นเคย มนุษย์ชายหนุ่มผู้อยู่ในการศึกที่กรีน โมตาลีจนไปถึงเมืองอากริปปินา ผู้ซึ่งสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่ไม่มีทางที่เธอจะลืมได้หลง

“คุณเฮอร์นันโร?” นามของชายตรงหน้าเธอคือ กามิโล เฮอร์นันโร ผู้บัญชาการกองกำลังแบ่งแยก

“อย่าห่างเหินกันเลยคิริล… ว่าแต่ว่า เธอพอจะรู้หรือไหมว่า ทำไมเราต้องมารอใกล้ชายแดนอาณานิคมโฟลิกันด้วย หรือพวกเราจะเข้าปะทะกับกองกำลังหลักของลีโอเนียที่อยู่ในบอสตันหรือ? เช่นนั้นฉันก็ควรที่จะไปแจ้งจ่าฝูงของฉันนะ” กามิโลกล่าวด้วยความสงสัย จริงอยู่ที่เขาสู้กับลีโอเนีย แต่ก็ไม่หมายความว่าเขาจะอยู่ใต้กองกำลังอาสาแห่งนี้

ทหารอาสามากกว่า 4000 คน แยกครึ่งออกเป็นสองกำลังแต่ ซึ่งตั้งที่พักอยู่ใกล้ชายแดนอาณานิคมโฟลิ ห่างจากเมืองหลวงอาณานิคมโฟลิอย่างบอสตันไม่เพียงกี่วัน แน่นอนว่าพวกลีโอเนียรู้ว่ากองกำลังอาสาพวกเขาได้ใกล้เมืองบอสตันนานแล้ว หากแต่กองกำลังเอคริสเปียไม่ได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้รัฐโฟลิโอแม้แต่น้อย

กองกำลังเอคริสเปียนิ่งเฉยนานนับสัปดาห์ ไม่มีท่าที่ว่าจะเคลื่อนไหว ไม่มีทางทีคุกคามเมืองบอสตัน…

“จะทำยังไงให้อาสาชนชั้นล่าง ที่ไม่แม้แต่จะอาบนํ้า… ไม่แม้แต่จะเคยฝึกให้เป็นทหารจริงๆ ให้ตั้งแถวสู้กับข้าศึกที่เป็นทหารระดับเจ้าโลก จะมีใครกันที่มีประสบการณ์ในสงครามมาก่อน  ” เธอชะงัก “ไม่! ไม่มี”

“ฉันรู้จักคนหนึ่ง! เขาเป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง ถึงแม้ว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไรบ้าง แต่เขาเป็นคนที่อยู่ในสงครามอาณานิคม-ชนพื้นเมือง กองทหารอาสาบอสตัน เขาน่าจะช่วยนำพวกเราได้” กามิโลกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่ตื่นเต้น

“นั้นก็อยู่ในแผน-”

ไม่ทันได้กล่าวเพิ่มเติมอะไรต่อ เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น เสียงนั้นมาจากทหารอาสาชาวเอคริสเปีย มันได้เรียกความสนใจของทุกคน ไปรวมกันอยู่ที่ผู้ตะโกน

เรือรบจำนวนมาก ข้าเห็นเรือรบ เรือรบของพวกลีโอเนีย!  

ไม่รีรอ คิริลและกามิโลพวกเขามองไปยังนํ้าทะเลที่กว้างใหญ่ พร้อมกับเสียงวิ่งของผู้คนรีบตามคำร้องเรียกของชายผู้กล่าว ไม่นานนักพวกเขาก็เห็นเรือรบจำนวนมาก ธงของลีโอเนียที่เสากระโดงโบกสะบัดตามสายลมจากท้องทะเล จนทำให้หลายคนเริ่มที่จะวิตกกังวลและตื่นกลัว

เรือเกลเลียนจำนวน 6 ลำ ถอนสมอจากทวีปโลกเก่า เข้าใกล้จุดที่กองกำลังอาสาเอครีสเปียตั้งค่ายกันอยู่อย่างช้าๆ

“อย่าได้ตกใจ! พวกเขาไม่ใช่ลีโอ” คิริลตะโกนให้ทุกคนได้ยิน ซึ่งเป็นผล ชาวเอคริสเปียเริ่มหยุดสติแตก ไม่ได้หนีออกจากค่ายไปไหน แม้ว่าจะมีคนส่วนมากยังคงสงสัยในกองเรือที่ใกล้เข้ามา

กลุ่มของคิริลหยิบจับอาวุธของตนและเข้าประจำตำแหน่ง ยื่นตั้งแถวรอรับคำสั่งของหญิงสาว ด้วยวินัยที่เป็นระเบียบที่สุดในค่ายของชาวบ้านติดอาวุธ ในกลุ่มทหารอาสาเอคริสเปียมีแค่กำลังของคิริลเท่านั้นที่ดูโดดเด่นเฉกเช่นทหารมากกว่าชาวบ้านติดอาวุธ คิริลไม่รอช้ารีบกล่าวสั่งให้ลงไปรอรับกลุ่มคนปริศนาที่อยู่บนเรือ

ก่อนที่หญิงสาวครึ่งมังกรจะเดินลงเนินเขาไปรอที่ชายหาดเพื่อรับผู้ที่เธอเคารพ ชายผู้เป็นอดีตหัวหน้าเธอ กัปตันจอห์น นักเดินเรือผู้ซึ่งตอนนี้เป็นทำหน้าที่เป็นผู้นำกองกำลังอาสาจำนวนหนึ่ง เขาเดินมาเข้ามาหาหญิงสาวครึ่งมังกรและเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“คิริล… เจ้ามีเรื่องยังไม่ได้บอกอีกหรือ?” เขาชะงัก “ไหนเจ้าบอกว่าเป็นเรือของสมาพันธ์การค้า เหตุใดมันเป็นเรือรบติดธงลีโอเนีย?” เขารู้เพียงแค่เรือของพวกพ่อค้าที่จะนำอาวุธปืนใหญ่มากให้ ไม่ใช่เรือรบของลีโอ…

คิริลยกยิ้มขึ้นหลังได้ยินคำพูดของเขา ก่อนจะกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่เชิดชูยกย่อง

“ผู้แทนอาณานิคมชั่วคราว ซึ่งนำกำลังทหารอาริกาเซียจำนวน 2000 กว่าเดินทางไปยังดินแดนเจ้าอาณานิคมเพื่อสู้ศึกสงคราม พวกเขาได้กลับจากสงครามแล้ว!” สิ้นเสียงคำตอยของเธอ ทุกคนก็เริ่มที่จะจดจำกลุ่มบุคคลที่เขาพวกได้หลงลืมไปนานหลายเดือน หรืออาจจะเกือบเป็นปีไปแล้วก็ได้

ผู้แทน? แล้วผู้ใดกันที่มีอำนาจเหนือตระกูลสกาเล็ตแห่งโฟลิโอ ผู้แทนที่สามารถเดินทางออกนอกอาริกาเซียได้นอกจาก ใครที่มีอำนาจด้านทหารในอาณานิคม เหมือนกับว่าพวกเขาพึ่งจะหวนระลึกได้ เพราะนอกจากนายพลจากลีโอเนีย ก็ไม่มีใครอื่นนอกเสียจาก… วีรบุรุษแห่งยูทิก้า!

เรือเกลเลียนจอดนิ่งอยู่ห่างชายฝั่งไม่ไกลมากนัก เรือเล็กถูกนำลงมาและขนย้ายอาวุธปืน และกำลังคนในชุดเครื่องแบบทหารอาณานิคมสีนํ้าเขียวเข้มที่ลีโอเนียเป็นคนทำ ธงสีขาวรูปงูที่รัดต้นสน เรือเล็กจำนวนมากเข้าเทียบชายหาด โดยมีกำลังเอคริสเปียตั้งแถวยื่นรออยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหวไปไหน

กองกำลังจำนวนมากพากันลากเรือเล็กเข้าฝั่ง ก่อนจะเริ่มตั้งแถวหน้ากระดานเผชิญหน้ากับผู้ที่ยื่นรออยู่ ก่อนที่พวกเขาจะเห็นอมนุษย์ที่แปลกตาเดินมาพร้อมกับชายร่างใหญ่ผิวสี

ทั้งสองเดินมาอยู่หน้าแถวของกองกำลังในเครื่องแบบสีเขียว ก่อนที่เรือลำสุดท้ายจะเข้าฝั่ง พร้อมกับร่างเล็ก ใบหน้าที่เหมือนหญิงสาวผมยาวถูกมัดเป็นหางม้า เส้นผมขี้เถ้าอ่อนที่หาไม่ยาก นัยน์ตาสีฟ้าอมเขียว ก่อนที่จะมีหญิงสาวอีกคนลงจากเรือพร้อมกับสาวใช้ ผมบลอนด์ทองชุดเดรสยาวลูกไม้สีขาว ใบหน้างามที่หลายคนคุ้นเคย

คิริลก้าวเท้าเดินด้วยความมั่นใจ เธอเดินมาอยู่ตรงหน้าทั้งสอง ก่อนที่จะก้มหัวทำความเคารพทั้งสอง

“คุณแมริแลนด์ คุณหนูสกาเล็ต ยินดีต้อนรับกลับสู่อาริกาเซียค่ะ”

“ท่านหญิงแอร์นาคงใช้งานเจ้าเป็นว่าเล่นเลยสินะ” เฟลิเซียยกพัดบรรดาศักดิ์อันโปรดขึ้นปิดปากของเธอ คิริลลูกน้องใต้อำนาจของคุณหญิงแอร์นา หากเป็นเรื่องข่าวกรองก็คงไม่พ้นท่านหญิงแห่งบ้านจวิน

“ท่านหญิงแอร์นา ทำทุกอย่างเพื่อการต่อต้านลีโอเนีย พวกเรายอมแลกชีวิตเพื่อเป้าหมายของท่านหญิงเสมอ เราดีใจที่พวกท่านไม่เป็นอะไร…” คิริลกล่าวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าหลังเห็นว่าผู้ก่อตั้งสำคัญทั้งสองท่านยังคงปลอดภัย

โดยอย่างยิ่งหากคุณหนูเฟลิเซียเป็นอะไรไปแล้วละก็ เสาหลักของกลุ่มต่อต้านก็อาจจะพังทลายลงมาก็เป็นไปได้

“ช่างเรื่องส่วนตัวไว้ก่อน” ลาสขัดการสทนาของทั้งคู่ “ฉันต้องการคุยกับผู้นำกองกำลังอาสาเอคริสเปียทุกคน เรามีเรื่องตอนทำอีกมาก” สิ้นเสียงลาสก็สั่งให้กองกำลังอาณานิคมเคลื่อนตัวขนย้ายอาวุธไปยังค่ายของอาสาสมัครเอคริสเปียทันที

ชาวเอคริสเปียสังเกตกองทหารที่เคลื่อนตัวเข้าที่ตั้งค่ายชั่วคราวอย่างเป็นระเบียบ ใบหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่มากมาย จะหญิงหรือชาย จะมนุษย์หรืออมนุษย์ ผู้ติดตามตั้งแต่ศึกยูทิก้า จวบจนถึงศึกที่โฟลิก แม้ว่าจะมีจำนวนที่น้อยลงแต่ก็เต็มไปด้วยความสามารถ บุคลากรเหล่านี้ล้วนแล้วเป็นผู้ชาญศึก ไม่แปลกที่พวกเขาจะชื่นชมชาวอาณานิคมด้วยกันเอง

ไม่ช้าทุกสายตาจับจ้องมายังชายในเครื่องแบบกางเกงขาสั้นเสื้อคลุมหนา หมวดไทรคอร์นอันเป็นเอกลักษณ์ หากผู้ใดที่ไม่รู้จักมาก่อนก็คงคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวเหมือนเด็กผู้ชายก็ไม่ผิด ลาสเดินเข้าไปกระโจมสีขาว แม้ว่ามันจะเป็นพื้นที่สำหรับการประชุมสำคัญ แต่ก็มีคนแอบมายื่นฟังสิ่งที่กลุ่มผู้นำกำลังคุยกันได้อย่างแปลกตา

“ใครคือผู้นำกองกำลังอาสาเมืองเอคริสเปีย?” ทันทีที่ดักลาสเข้ามายังกระโจมผู้บัญชาการ เขาก็ได้ถามขึ้นมาก่อนจะใช้สายตามองซ้ายมองขวา

ภายในกระโจมต่างมองไปยังผู้หญิงคนเดียวในกระโจม ด้วยความเงียบพร้อมกับสายตาของทุกคนมองมายังเธอ จนทำให้ตัวเจ้ารู้สึกได้ว่าพวกเขากำลังหมายถึงตัวเธอเอง

“อ๊ะ! เราหรือ!” เธอชี้มาที่ตัวเองพร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

“เจ้าเป็นผู้กองทหารอาสากรีนโมตาลีมิใช่หรือไง? ในกระโจมแห่งนี้ก็มีเพียงแค่เจ้าและพวกแบ่งแยกที่มียศถาบรรดาศักดิ์ในกองทัพ พวกข้าเป็นเพียงแค่คนใหญ่ในหมู่บ้านเล็กๆ ไม่ใช่ผู้ที่ถูกฝึกเช่นเจ้าเสียนี่กระไร” ชายร่างอ้วนผู้เป็นช่างปืนกล่าวขึ้น หลังจากที่เขาได้นำคนของเขาสู้กับลีโอเนีย ช่างปืนผู้นี้ก็มิยอมกลับไปทำงานของตน แต่เป็นผู้นำกองกำลังนำร้อยคนแทน

“เฮ้อ… ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่มีผู้นำจริงๆจังๆก็เถอะ” เธอชะงัก “เช่นนั้น เราขอแนะนำตัวเอง ไฮดี้ เวลลิงตัน ผู้นำกองกำลังกรีนโมตาลี” ไฮดี้ก้มหัวแนะนำตัวเอง

“ยินดีที่ได้ร่วมงาน คุณเวลลิงตัน งั้นนั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า” ลาสกล่าวขึ้น ก่อนที่ดักซ์ เผ่าซองทูอาผู้ตกตํ่าจะก้าวเท้าเข้ามาข้างในก่อนจะวางแผนที่บนโต๊ะ แผนที่ของเมืองบอสตันและจุดยุทธศาสตร์สำคัญ

“ท่านผู้แทน… ท่านจะให้เข้าประจันหน้ากองกำลังลีโอนเนียในบอสตัน เช่นนั้นหรือ” กามิโล กล่าวขึ้นด้วยนํ้าเสียงที่ไม่มั่นใจ “กามิโล ผู้บัญชาการกองกำลังแบ่งแยกไคโยตี” หาเป็นการลอบโจมตี พวกเขามีโอกาสชนะที่มากกว่าสู้กันแบบตาต่อตา และเพื่อก็คงเป็นห่วงเพื่อนของเขาในเมืองบอสตัน

“ผมขออนุญาตกล่าวแย้ง” เขาหวังเพียงแค่ผู้แทนตรงหน้าจะเป็นคนที่ไม่เอาตัวเองเป็นหลักก็พอ ดักลาสพยักหน้าให้กามิโลได้กล่าวแย้ง

“การสู้กับลีโอเนีย แม้ว่าจำนวนเราจะมากกว่า 3/2 แต่พวกลีโอเนียก็ยังเป็นทหารฝีมือดีที่เป็นเจ้าโลก หากเป็นไปได้เราควรหากำลังพลเพิ่ม” กามิโลไม่ได้กลัวลีโอ หากแต่เขาชอบชัยชนะที่คาดการได้มากกว่า

ดักลาสนิ่งอยู่ขณะหนึ่งก่อนที่เขาจะกล่าวออกมา สร้างความตกใจให้กับทุกคนในกระโจมบัญชาการ

" เราขาดแคลนอาวุธ เราขาดแคลนการฝึกฝน เราขาดแคลนยุทธวิธี แต่พวกคุณรู้อะไรไหม ภายในบอสตัน

ไม่ได้มีเพียงแค่ลีโอที่อยู่ภายในเมืองบอสตันแค่พวกเดียวเสียหน่อย

“ผมต้องการเปลี่ยนสายบัญชาการ ฝึกพื้นฐานให้ชาวอาสาชาวเอคริสเปีย ภายในเวลา 1 สัปดาห์ก่อนเข้าล้อมเมืองบอสตัน พวกคุณพร้อมจะรับหน้าที่ในการบัญชาการกองกำลังหรือไหม” ลาสเอ่ยถามคนในกระโจม

“ค่ะ! หากเป็นคำสั่งจากท่านผู้แทนอาณานิคม” ไฮดี้พูดขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว ทุกคนพยักหน้าเป็นลักษณะเดียวกัน พวกเขาพร้อมที่จะฝึกกับทหารที่ผ่านศึกมาแล้ว

“มีใครต้องการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างหรือไม่ หากไม่มีผมจะขอแต่งตั้งผู้บัญชาการขึ้นมาใหม่สองคน” ลาสหันไปหาไฮดี้ กามิโลก่อนจะมาลงที่หญิงสาวอมนุษย์

“คิริลลอฟนา เฟิ่ง ผู้บัญชาการกองพลอาสาเอคริสเปีย” ลาสชะงัก “ไฮดี้ เวลลิงตัน รองบัญชาการกองพลอาสาเอคริสเปีย” สิ้นเสียงคิริลและบางคนถึงกลับก็มีสีหน้าที่ตื่นตระหนก

“ช้าก่อน! เหตุใดคิริลถึงได้มีเป็นผู้บัญชาการกัน” ช่างปืนกล่าวขัด เขามีปฏิกิริยาต่อการแต่งตั้งของลาสอย่างมาก

“อย่าได้เข้าใจผิด” ลาสอธิบายตอบช่างปืน “ในที่แห่งนี้ พวกท่านอาจจะมองผู้หญิงผู้นี้ ไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะเป็นผู้บัญชา ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องจริง… แต่คนที่ผมต้องการไม่ใช่คนเก่งในเรื่องการศึกหรือความสามารถในการยิงปืนแต่อย่างใด แต่เป็นคนที่สามารถคิดนอกกรอบ สามารถทำงานตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง คิริลลอฟเป็นคนที่คุณหญิงแอร์นาผู้เป็นคลังข้อมูลของพวกเราแนะนำมา” ภายในกระโจมนั้นสงบลงทันทีเมื่อดักลาสตอบคำถามของช่างปืน

“หากไม่มีอะไรแล้ว พวกเรามาวางแผนกันต่อเถอะครับ…” ดักลาสหยิบไม้ยาวจากดักซ์ ผู้เป็นคนยื่นมาให้เขา

ต่อจากนี้ พวกเขาจะต้องเตรียมแผนสำหรับการสู้กับกองกำลังลีโอเนียที่บอสตัน สิ่งสำคัญนั้นคือเวลายิ่งปล่อยเมืองบอสตันไว้ในมือของพวกลีโอเนียนานเท่าไร พวกเขาจะไม่พ้นความพ่ายแพ้ ในตอนนี้กำลังของทหารประจำการบนอาริกาเซียนั้นมีเพียงแค่ 1 กรมเท่านั้น

หากพวกเขาสามารถทำลายกองกำลังนั้นได้ ก็เท่ากับว่าจะไม่มีทหารลีโอเนียในอาริกาเซียอีกต่อไป กำลังเสริมของลีโอเนียก็จะไม่สามารถเข้าถึงท่าเรือเมืองบอสตันได้ พวกเขาก็จะสามารถยื่นเวลาการรุกรานของลีโอเนียไปนานขึ้น และนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของพวกเรา


0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด