ตอนที่แล้วบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 4 การตอบโต้ของผู้จงรักภักดีในการประชุมสภานิติบัญญาญัติจประจำจังหวัด (The Loyalist Action in Provincial Legislative Assembly)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 6 มาแล้วนั่นไงล่ะ ท่านนายพล (Here comes the General)

บทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 5 สามัคคีผ่านคำพูดและตัวหนังสือ (Unity through words and letters)


สามัคคีผ่านตัวหนังสือและคำพูด

(Unity through letters and words)

พระราชวังอัลลาส นครลอนดาเนีย

ห้องโถงใหญ่ หนึ่งในห้องโถงมากมายของพระราชวังอัลลาส ที่ประชุมของเหล่าข้าราชสำนัก พื้นที่ของข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิดองค์พระจักรพรรดิ ข้าราชบริพารของราชสำนักไม่ได้มีเพียงแค่ขุนนาง พวกเขาคือกลุ่มคนที่มีความทะเยอทะยานสูง ผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมจนจักรพรรดิได้แต่งตั้งเข้ามาช่วยงานในราชสำนัก ไม่ว่าจะเป็นขุนนางที่ปราดเปรื่อง จอมเวทที่ยิ่งใหญ่ นายพลจนไปถึงทหารคนสนิทที่สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน

ข้าราชสำนักจึงเป็นผู้ที่มีอำนาจอย่างมาก แม้ว่าบางคนไม่ได้มีตระกูลใหญ่ก็ตาม

ภายในห้องเป็นการประชุมมีเก้าอี้จำนวนมาก ในส่วนกลางของห้องถูกปล่อยให้โล่งเพื่อให้ ข้าราชสำนักได้แจ้งข่าวสาร อภิปรายเนื้อหารายงานสำคัญ และเป็นพื้นที่สำหรับการประชุมกันภายในราชสำนักของสหจักรวรรดิลีโอเนีย อย่างไรก็ตามอำนาจของพระราชสำนักก็มิได้แข็งกร้าวเฉกเช่นอดีตกาล

ตรงกลางของมีชายอมนุษย์ผู้มีลักษณะร่างกายแบบเดียวกับหมาป่าแดนเหนือ สายตาจากข้าราชสำนักต่างมองมายังที่เขา

“เคานต์คาร์ลอสที่เคารพ…” เขาทำความเคารพก่อนจะกล่าว “อย่างที่ทุกท่านทราบกัน อาณานิคมเขตที่ 6 หรือ อาณานิคมอาริกาเซียได้มีการสังหารทหารประจำการ”

“กรมทหารเท้าที่ 4 วาเดน จากกองพันที่ 10 พันโท นำโดยซามูเอล ดิ พัตแคร์น ได้รับคำสั่งโดยนาวาเอก ฟรานโก ซีเรียล คาดว่าได้รับคำสั่งต่อมาอีกที่จากสภาสูง…” เขาชะงัก “ให้เข้ายึดเมืองกรีน โมตาลี ออกจากเดินจากอากริปปินาก่อนรุ่นสาง และไปถึงเมืองกรีนโมตาลีโดยโดยสวัสดิภาพจนกระทั่ง… ชาวอาณานิคมจำนวนมากเข้าหยุดปฏิบัติหน้าที่ของกรมทหารเท้าที่ 4 และทำการยิงสังหารทหารจากกรมทหารเท้าที่ 4 จนลุกลามกลายเป็นการปะทะกันระหว่างสองกลุ่ม มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในฝั่งของชาวอาณานิคม ส่วนกรมทหารเท้าที่ 4 สูบเสียทั้งหมด…”

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!?  กบฏ! พวกมันคือก่อการกบฏ! พวกอาณานิคมกล้าต่อต้านคำสั่งของพวกเราคือกบฏ” หนึ่งในข้าราชสำนักหญิงตะโกนกล่าวขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด ตามมาด้วยเสียงพูดคุยกันในห้องโถงซึ่งเต็มไปด้วยความถามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ว่าเหตุใดทหารที่ถูกฝึกมาอย่างดีถึงถูกชาวบ้านที่เป็นเพียงชาวอาณานิคมตีจนแตกพ่ายได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

“อย่างที่ทุกท่านทราบ แม้ว่าเรื่องภายในนั้นสำคัญกว่าเรื่องภายนอกก็จริง แต่ว่า…” เขาหยุดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะชูกระดาษขึ้นมา

“จากอุปกรณ์เวทมนตร์ฝั่งอาริกาเซียถูกส่งตรงมาจากพวกอาณานิคม! กลุ่มผู้นำเขตปกครองน้อยใหญ่ในอาณานิคมรวมตัวกันยื่นเรื่อง ยุติความบาดหมางเพื่อสันติระหว่างสองดินแดน และอ้างว่าจะดูแลดินแดนที่ก่อปัญหา'ความเข้าใจผิด' คิ! พวกเขายังเขียนมาอย่างทางการอีกด้วย…” หมาป่าหนุ่มเกือบหลุดหัวเราะออกมา

แต่เพื่อไม่ให้เสียหน้าเขายังคงเก็บอาการเอาไว้ มีเพียงรอยยิ้มที่มุมปากของเขาเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้

“อะแฮ่ม!  สารของกลุ่มผู้นำอาณานิคมนี่ต้องการส่งไปหาองค์พระจักรพรรดิโดยตรงครับ ในฐานะที่ผมดูแลอาณานิคมในพระองค์บนโดสสเลเลน แต่ผมไม่มีอำนาจในการกล่าวพูดแต่อย่างใด แม้ว่าพวกท่านจะรู้และเกลียด แต่หากสภาสูงได้รับรู้ว่า มีสารจากเขตที่6ถูกส่งมายังราชสำนัก พวกเขาจะรีบลดอำนาจพวกเราทันที!” ข้าราชสำนักเผ่าหมาป่ากล่าวเสร็จก็ยืนรอคำตอบของชายอาวุโสผู้มีอำนาจพอที่จะโน้มนาวจักรพรรดิได้อย่าง เคานต์คาร์ลอส เป็นผู้เลือกที่จะตอบกลับหรือไม่

“พวกเจ้าอย่าได้หลงลืม… ว่าอาณานิคมอาริกาเซียได้เข้าร่วมสู้รบในสงครามระหว่างทูเดีย” เคานต์คาร์ลอสกล่าวขึ้นด้วยนํ้าเสียงที่ชราภาพ

“ท่านเคานต์ครับ เราต้องการเสียงของพวกสภาสูง หากเรายังคงต้องการเลือกราชวงค์ใหม่โดยเร็ววัน นี้เป็นถือเป็นโอกาสอันดี ที่พวกเราจะได้สภาสูงช่วยแก้ปัญหาราชวงศ์นะครับ!” ขุนนางลีโอผู้เป็นข้าราชสำนักกล่าวขึ้นมา

ขุนนางผู้นี้ยังคงต้องการแก้ปัญหาภายในให้โดยเร็ว โดยใช้ปัญหานอกลีโอเนีย เป็นตัวช่วย เหมือนกับที่ใช้อาณานิคมเขตอื่นเป็นตัวช่วยเปิดสงครามลีโอเนียและทูเดีย หลายคนในที่นั่งของตนภายในห้องโถงต่างพากันคิดเห็นด้วยตามกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมไปถึงเคานต์คาร์ลเช่นกัน

เคานต์ชรามองสำรวจคนในที่ประชุมอยู่ขณะหนึ่ง สายตาของเขายังคงลังเลที่จะเชื่อมั่นในเสียงของข้าราชสำนัก แต่เมื่อคิดไตร่ตรองดูดีๆแล้ว อย่างน้อย “สภาสูงยังดีกว่าจอมพลโรแลนด์…” เคานต์ชรากล่าวออกมาเบาๆโดยที่ไม่มีใครได้ยิน

“พระองค์… พระองค์ไม่สามารถให้คำตอบแก่พลเมืองอันห่างไกลลีโอเนียได้” เคานต์คาร์ลอสชะงักก่อนจะลุกขึ้นยืน โดยมีผู้ช่วยพยุงไม่ให้เขาล้มลง

“ เป็นเรื่องแน่นอนว่าข้อมูลที่ว่าพวกอาณานิคมส่งมาเช่นนี้ ไม่ควรที่จะหลุดออกไปนอกราชสำนักของเราได้… การออกราชโองการโดยตรง ให้สภาสูงได้รับรู้ว่าเราสนับสนุนการปราบปรามกบฏในอาริกาเซีย นำผู้ทรยศเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากผู้ใดไม่มีส่วนรู้เห็นกับการก่อกบฏ ด้วยความอ่อนโยนและความเมตตาจากองค์จักรพรรดิ พวกเขาจะถูกพระราชทานอภัยโทษ

แต่หากผู้ที่ยืนกรานในพระราชกฤษฎีกา จะต้องถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป็นชุด

……

.

.

.

.

.

.

รัฐโจเซ อาณานิคมอาริกาเซีย

เสียงพูดคุยสนทนากันในสภาชั่วคราวเมืองโร๊ด เหล่าผู้แทนผู้มีอำนาจกำลังหารือกับสถานการณ์ที่ไม่ใช่เพียงแค่ในอาณานิคมเอคริสเปีย หากแต่เป็นทั่วทั้งดินแดนอาริกาเซีย เวลานั้นได้ผ่านไปหลายสัปดาห์แล้ว นานจนไม่รู้ว่าคำตอบจากพระราชสำนักนั้นจะเป็นเช่นไรกันแน่

จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาห้อง เดินมายังโต๊ะของประธานในที่ประชุมอย่างดรูว์ แมคคอลและยื่นจดหมายให้กับเขา

“ท่านประธาน… สารจากราชสำนัก…” เสียงกระซิบของผู้ส่งสารก่อนที่เขาจะยื่นเปิดให้ประธานแมคคอลได้อ่านมัน

เหล่าผู้แทนจากรัฐอาณานิคมนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าบางคนจะยังคงกล่าวอภิปรายเรียกร้องให้ผู้แทนบางคนหันมาช่วยเหลืออาณานิคมที่กำลังเดือดร้อนจากสหจักรวรรดิลีโอเนีย ประธานในที่ประชุมหันมาหาเหล่าผู้แทนในที่ประชุมด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก และเริ่มกล่าวข้อความข้างในจดหมาย

“คำประกาศ สารจากราชสำนัก!” ประธานในที่ประชุมพูดขึ้นเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน

ภายในห้องประชุมเงียบลงเพื่อฟังคำประกาศของราชสำนักด้วยความรวดเร็ว ผู้ที่ยื่นอยู่ก็กลับไปประจำตำแหน่งของตนเองและรอให้ดรูว์ แมคคอลได้อ่านคำตอบของราชสำนักอย่างมีความหวัง แต่ความหวังนั้นก็คงได้แตกสลาย

“ อาณานิคมเขตที่ 6 ทั้ง 11 อาณานิคม ได้หลงลืมความจงรักภักดี อันซึ่งเป็นหนี้ติดตัว ภายใต้เจ้าของที่แท้จริง และได้ทำการก่อการจลาจล ก่อการร้ายต่อข้าราชการ ทำลายทรัพย์สินของสหจักรวรรดิ คิดค้นทรยศต่อองค์พระจักรพรรดิและสภาสูงสุดของสหจักรวรรดิลีโอเนียและเตรียมที่จะก่อกบฏ…

ทางราชสำนักได้มีการลงมติฉุกเฉิน และประกาศพระราชกฤษฎีกา แด่เจ้าหน้าที่ของสหจักรวรรดิทุกคนจำเป็นต้องปราบปราม การก่อกบฏและยุติความวุ่นวายในเขตที่ 6 ชาวอาณานิคมผู้ทรยศจะต้องเข้าสู่กระบวนการการประหารชีวิตด้วยการยิงเป็นชุด ไม่ว่าจะอายุหรือเพศใดก็ตาม…

ด้วยความเมตตาจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เฮนรีที่ 1 ”

สิ้นเสียง เหมือนกับแรงดันระเบิดอัดไปยังจิตใจของผู้แทนหลายคน โดยอย่างยิ่ง… กลุ่มผู้ที่เสนอยื่นเรื่องให้กับราชสำนักโดยไม่ผ่านสภาสูงของลีโอเนีย วาเลเรียน นำมือขึ้นมาปิดบริเวณปากของเขา ใบหน้าที่ดูเคร่งเครียดเหมือนแผนไม่เป็นอย่างที่หวัง

“… 3 สัปดาห์ ที่ราชสำนักไม่ตอบ พวกเขา… พวกมันเตรียมกำลังทหารมายังอาณานิคมพวกเรา” เป็นครั้งแรกที่วาเลเรียนพูดขึ้นด้วยนํ้าเสียงที่สั่นกลัว

“วาเลเรียน! ท่านอย่าได้กล่าวว่าถึงสหจักรวรรดิ พวกเขาไม่มีทางส่งกำลังทหารมาปราบปรามพวกเราอย่างแน่นอน!” ผู้แทนเอ็ดเวิร์ดยังคงมีความหวังกับลีโอเนียอยู่ เขาไม่เชื่อว่าราชสำนักจะประกาศประหารพวกเขาทุกคนอย่างสุดใจ

“พวกเขามาแน่” เสียงจากหญิงสาวในที่ประชุมกล่าวขึ้น หางแมวที่ส่ายไปมาไม่ใช่ใครที่ใดนอกจากเทลลามาซีร์ ในมือของเธอถือลูกแก้วสีฟ้าสว่างที่หาได้ยากในอาริกาเซีย อุปกรณ์สื่อสารเวทมนตร์

เธอเดินมายังกลางห้องประชุม เปลี่ยนความสนใจของทุกคนมายังตัวเธอเอง ไม่ช้าความสงสัยในสิ่งที่เธอถืออยู่ก็ถูกปลดออก

[ ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ยินดีที่ได้รู้จัก เราคือเฟลิเซีย สกาเล็ต ] เป็นอีกครั้งที่ทุกคนในห้องเงียบฟังเสียงจากอีกฝั่งของลูกแก้วเวทมนตร์

[ เราเชื่อว่าท่านคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับหลายๆอย่าง หากแต่เมื่อท่านได้รับสารจากพวกลีโอเนียแล้ว ท่านก็จงรู้ไว้เถิดว่า ตอนนี้กองกำลังลีโอเนียกำลังเดินทางมายังอาริกาเซียจำนวน 2000 พันกว่าคน พวกเขาจะมาลงที่เมืองบอสตันก่อนจะรวมกับกองกำลังประจำการของอาณานิคมก็ประมาณ 4000 นาย ซึ่งตอนนี้กองกำลังที่กล่าวมานั้นได้เดินมาก่อนที่การประชุมของพวกท่านได้ยื่นเรื่องต่อราชสำนักหนักนานแล้ว ]

“ท่านกำลังจะบอกว่าพวกลีโอมันต้องการจะควบคุมพวกเรามาก่อนเหตุการณ์ที่กรีนโมตาลีงั้นหรือ!?” เชื้อเพลิงคำพูดถูกเติมเข้ามาในที่ประชุมที่ใกล้จะร้อนระอุ โดยกลุ่มผู้ต่อต้านลีโอเนียจากผู้แทนรัฐเบอร์เกน

ผู้แทนบางคนเริ่มแตกตื่น ความวิตกกังวลเกิดขึ้นภายในห้องประชุม ความวุ่นวายจนเกินกว่าจะความคุมทุกคนเริ่มกลัวกองกำลังที่ใกล้จะมาถึงอาริกาเซียในไม่ช้า ไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องทำเช่นไร ยอมให้ลีโอเนียจับพวกเขาไปยิงหรือ? แล้วใครมันจะไปอยากตายกัน

“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ผมคงต้องขอตัวก่อนกลับดินแดนของผมเพื่อประชุมกับผู้นำทหารอาสาในเอคริสเปีย เพื่อวางแผนป้องกันการบุกรุกของลีโอเนีย” ผู้แทนเอคริสเปียมานเนสกล่าวขึ้นและเตรียมเก็บข้าวของกลับบ้านเกิดของเขา โดยไม่ลืมหันไปกล่าวกับวาเลเรียนด้วยคำพูดที่ดัดแปลงมาจากการอภิปราย

“ท่านควรเปลี่ยนเป็น การโจมตีที่เกิดขึ้นในอาณานิคมน้องสาวล้วนแล้วเป็นการโจมตีพวกเราทุกคน”

แต่ทว่าก็มีเสียงจากผู้แทนหญิงรัฐอาณานิคมแคนน่านกล่าวขัดขึ้นมา

“พวกเราต้องร่วมมือกัน! หากท่านป้องกันเพียงแค่อาณานิคมของตัวเองก็มีแต่จะสูญเสียมิตรสหายไปอย่างสูญเปล่า! หากเราจะปกป้องดินแดนของตัวจากการสังหารของลีโอเนีย พวกเราจะต้อง จัดตั้งพันธมิตรระหว่าง 11 อาณานิคม โดยเริ่มต้นโดยการสนับสนุนกองกำลังอาสาในเอคริสเปียที่” เธอชะงัก “หากไม่ ทหารอาสาที่อยู่ในเอคริสเปียมากมายเหล่านั้นจะสลายตัว และเราจะหมดโอกาสในการตั้งตัว!”

“นี่มันไม่ต่างกับการแยกตัวออกจากลีโอเนียเลยมิใช่หรือไง!” เฟรดดี้จากชาร์ลสกล่าวด้วยความลุกลี้ลุกลน

[ อาริกาเซียได้หลุดออกจากการเป็นอาณานิคมของสหจักรวรรดิไปตั้งแต่ที่พวกท่านถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ… ]

“แล้วคุณหนูแห่งตระกูลสกาเล็ต ผู้ที่เมืองและบ้านของตัวเองอยู่ภายใต้การปกครองโดยตรงจากสภาสูง มีความเห็นที่จะช่วยให้พวกเรารอดพ้นจากวิกฤตการณ์เช่นนี้อย่างไรกัน!? คุณหนูจะทำอะไรได้ในเมื่อคุณหนูไม่ได้เป็นผู้นำตระกูลสกาเล็ตผู้มีอำนาจในเมืองหลวงของอาณานิคมด้วยซํ่า!” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยขึ้นด้วยความดูถูก “ท่านกับกองทัพอันใด?”

ไม่มีเสียงจากลูกแก้วนานสองถึงสามนาที จนกระทั่งเสียงจากอีกฝั่งดังขึ้น ไม่ใช่เสียงของคุณหนูแห่งตระกูลสกาเล็ต แต่เป็นเสียงของผู้ชาย

กองทัพอาริกาเซีย และ อาสาจากทั่วดินแดนทั้งในลีโอเนียและสหายอาณานิคม

[ เราและผู้แทนอาณานิคมชั่วคราว ดักลาส แมริแลนด์ กำลังเดินทางกลับอาริกาเซียพร้อมกับกองกำลังอาสาที่เข้าร่วมสงครามลีโอ-ทูเดีย แม้ว่าจะสูญเสียไปมาก แต่ก็มีผู้ที่ต้องการอาสาสมัครมาช่วยพวกเรา ] เฟลิเซียกล่าวหลังจากที่ลาสตอบกลับเอ็ดเวิร์ด

“พวกท่าน… จะไม่ถูกทหารเรือจับเอาหรือ?” วาเลเรียนกล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วง ช่างน่าแปลกที่ผู้ที่เป็นถึงหัวกลุ่มจงรักภักดีกลับเป็นห่วงพวกที่ต้องการขับไล่ลีโอเนียออกจากทวีปอาริกาเซีย

[ พวกท่านคิดว่าเราไม่เตรียมอุบายหรือไงกัน? ] เสียงจากลูกแก้วชะงัก [ อ๊ะ… ดูเหมือนว่า ผู้แทนดักลาส ต้องการที่จะกล่าวกับพวกท่าน… ]

[ …ขอบคุณทุกท่านที่มารับฟังสิ่งที่ผมจะพูด … เรากำลังก้าวอยู่บนเส้นทางแห่งความตาย ผมรู้ว่าคงอยากจะกล่าวถึง 'สันติ สันติภาพ' หากแต่มันจะไม่มีความสงบสุขในขณะที่สงครามได้เริ่มขึ้นแล้วจริงๆ! ลมพายุที่พัดมาจากมหาจักรวรรดิแห้งท้องทะเลดังกึกก้องไปทั่วคลื่นทะเลหู

ชาวเอคริสเปียซึ่งผมก็ได้มารับรู้ที่หลังว่าพวกเขา… พี่น้องของเรา… ได้อยู่ในสนามรบไปก่อนหน้าแล้ว แล้วเหตุอันใดที่พวกเราถึงได้ยืนนิ่งเฉย… ชีวิตเป็นอันเป็นที่รักอันหาไม่ได้หรือสันติภาพที่หอมหวาน โดยการแลกกับราคาแสนแพง ของการถูกโซ่ตรวนเพื่อเป็นทาสต่อไป?

ทางเลือกของพวกคุณไม่ได้มีแค่ร้องขออ้อนวอนต่อพระเจ้าเพื่อความอยู่รอด จากกรงเล็บของราชสีห์แดนเหนือ แต่มันคือการที่คุณลุกขึ้นมาสู้เพื่อบางสิ่งบนโลกที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่สู้เพื่อแห่งความอยู้รอด ไม่ใช่สู้เพื่อผลประโยชน์ แต่เราต้องสู้เพื่ออนาคต อนาคตที่เราเป็นคนเลือก ไม่ใช่อนาคตจากมือของผู้อื่น แต่เป็นมือของพวกเราเอง! ]

อีกฟากของรัฐโจเซ ในเรือขนส่งที่เต็มไปด้วยคนของกลุ่มต่อต้าน ลาสนั่งกล่าวคำปราศรัยอยู่หลังลูกแก้วสื่อสารของเฟลิเซีย ทุกคำพูดของเขาถูกจดลงกระดาษบันทึกโดยผู้ช่วยคนสำคัญของเขา ซองทูอาผู้ตกตํ่า ลาสรู้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดไปนั้นอาจจะทำให้อาริกาเซียกลายเป็นกบฏเต็มตัว แต่อย่างน้อยเขาก็เชื่อว่าสิ่งที่กล่าวไปนั้นก็สามารถดึงสิ่งที่ติดโซ่ใจของผู้นำรัฐอาณานิคมหลายคนได้อย่างแน่นอน

เสียงคลื่นทะเลที่ยังคงกระทบกับตัวเรือ อีกไม่นานก็จะถึงทวีปอันเป็นบ้านหลังที่สองของชายผู้มาจากต่างโลกต่างช่วงเวลา อีกไม่นานเข็มเวลาของการเปลี่ยนก็จะเร่งไปข้างหน้าอีกครั้ง จุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นบนดาวที่ชื่ออองโทราลแห่งนี้


0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด