ตอนที่แล้วบทที่ 23 ผมสามารถรักษาได้แต่ศาสตราจารย์หูรักษาไม่ได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 25 ไม่ว่าฝีมือด้านศิลปะการต่อสู้สูงแค่ไหน มันก็ต้องกลัวมีดทำครัว!

บทที่ 24 เขานี่ช่างกล้าต่อกรกับเจ้าพ่อแกรี่จริงๆ!


บทที่ 24 เขานี่ช่างกล้าต่อกรกับเจ้าพ่อแกรี่จริงๆ!

“ในเมื่อตระกูลของนายมีตำราทางการแพทย์อันทรงพลัง ทำไมคุณถึงไม่มอบให้กับศาสตราจารย์หู และทำให้เขามีส่วนร่วมกับมนุษยชาติมากขึ้นล่ะ?” นักศึกษาหลิวฉินหยางที่กำลังเรียนรู้มองเห็นถึงความปรารถนาของศาสตราจารย์หูเกี่ยวกับตำราทางการการแพทย์ที่ตระกูลของจ้าวซือมี เขาขยับแว่นตาและกล่าวออกมา

เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่รายรอบและแม้แต่อาจารย์ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย ทุกคนคิดว่า ตำราทางการแพทย์ที่อยู่ในมือของจ้าวซือสามารถใช้ได้เฉพาะกับคนอย่างศาสตราจารย์หูเท่านั้น

แม้ว่าศาสตราจารย์หูจะไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาของเขาไหวระริก และไม่ได้คิดที่จะห้ามปรามหลิวฉินหยาง คุณค่าของตำราทางการแพทย์ของบรรพบุรุษของจ้าวซือนั้นไม่ใช่น้อยๆ เลย แม้ว่าจะถูกส่งมอบให้กับทางมหาวิทยาลัยหรือประเทศก็ตาม ยังคงถือได้ว่าเป็นความเที่ยงธรรม

เมื่อเห็นดังนั้นจ้าวซือจึงกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ผมก็อยากทำเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ตำราทางการแพทย์เล่มนั้นจริงๆ แล้วเหลือหน้ากระดาษเพียงไม่กี่หน้า และหน้าที่เหลือก็ถูกเผาอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อตอนที่ผมยังเด็กครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างก็มองหน้ากันอย่างตกตะลึง

“แล้วคุณยังจำเนื้อหาของหน้าที่เหลือเหล่านั้นได้หรือไม่?” ศาสตราจารย์หูกังวลเกี่ยวกับเรื่องกำไรและขาดทุนส่วนตัว

จ้าวซือพยักหน้า "ตอนที่พ่อของผมยังเด็ก ท่านอยากจะให้ผมจำให้ขึ้นใจ ดังนั้นผมจึงไม่เคยลืมมันเลย”

อันที่จริงจ้าวซือไม่ได้มีตำราทางการแพทย์ใดๆ เขามีเพียงความรู้เกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของหมอหลวงเจียงก็เพียงเท่านั้น

“ก็ดี” หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ศาสตราจารย์หูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาให้ความสำคัญกับจ้าวซือมากยิ่งขึ้น อันที่จริง ศาสตราจารย์หูไม่ได้ตั้งใจที่จะบังคับให้จ้าวซือต้องมอบตำราทางการแพทย์หรือเนื้อหาในหนังสือที่มีหน้าไม่ครบถ้วนนั้น หากแต่เขาต้องการที่จะรับจ้าวซือเอาไว้เป็นศิษย์แทน

เมื่อการบรรยายสาธารณะสิ้นสุดลง ฮันไป่เสวี่ยก็เรียกให้จ้าวซืออยู่ต่อก่อนและปล่อยให้เขาพูดคุยกันต่อหน้าของศาสตราจารย์หูและซุนฝาง

เมื่อเห็นเช่นนั้นนักศึกษาคนอื่นๆ ต่างก็แสดงท่าทีอิจฉา

“ฉันไม่ได้เคยคิดเลยว่าเขาจะโชคดีขนาดนี้ ครอบครัวของเขามีตำราทางการแพทย์ และตอนนี้ศาสตราจารย์หูก็เริ่มชอบเขาแล้วด้วย บางทีเขาอาจจะที่โปรดปรานของท่านซุนฝางเสียด้วยซ้ำ!”

"ถ้าเป็นฉันบ้างก็คงจะดีนะ เฮ้อ"

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกเขารู้ว่าจ้าวซืออาศัยตำราการแพทย์ของบรรพบุรุษ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถูกดูหมิ่น โดยคิดว่านั่นไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจ้าวซือ

ในหมู่พวกเขา คนที่ไม่พอใจจ้าวซือมากที่สุดก็คือหลิวฉินหยาง นักเรียนตัวท๊อปของห้อง เขากัดฟัน ใจเขาร้อนรุ่มด้วยความอิจฉา ในแง่ของเกรดเฉลี่ย เขาเป็นคนที่เรียนดีที่สุดในห้อง คนที่ควรจะได้เข้าพบเป็นการส่วนตัวกับศาสตราจารย์หูควรจะเป็นเขามากกว่า!

เป็นผลให้หลังจากที่จ้าวซือกลับมาแล้ว หลิวฉินหยางก็ตรงไปที่ประตู "จ้าวซือนายอย่าเพิ่งเหลิงไปนะ ถ้านายรู้ข้อจำกัดของตัวนายเอง นายก็ควรจะรู้ว่านายไม่ได้คู่ควรกับศาสตราจารย์หูเลย!"

เมื่อมองดูท่าทางที่หงุดหงิดและโกรธเคืองของหลิวฉินหยางก็รู้สึกว่าเขาออกจะน่าสมเพช จ้าวซือไม่ได้คิดที่จะสนใจเขาและเดินผ่านเขาไปพร้อมกับบางสิ่งบางอย่างในมือ

“ฮ่าๆ เมื่อผลการสอบรายเดือนออก ศาสตราจารย์หูก็จะเข้าใจว่านายมันแค่ขยะ ส่วนฉันหลิวฉินหยาง ฉันเป็นคนที่ควรค่าแก่การฟูมฟักอย่างแท้จริง” เมื่อเห็นว่าจ้าวซือไม่สนใจเขาดวงตาของหลิวฉิงหยางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่เขาคำรามอยู่ทางด้านหลัง

“หนวกหูน่า” จ้าวซือรีบเดินออกจากประตูโรงเรียนและเพื่อไปส่งอาหารต่อเขาไม่ได้มีเจตนาอะไรที่จะจงใจทำตัวให้เป็นคนโปรดของศาสตราจารย์หูหรือซุนฝาง

ในทางกลับกันหลิวฉินหยางและคนอื่นๆ ต่างก็พากันงุนงง ซึ่งทั้งน่าสงสารและน่าขำเสียจริงๆ

จ้าวซือมาที่ร้านซี่โครงและกำลังจะเข้าไปในร้านอาหารเพื่อไปรับอาหารแต่เมื่อเขาเห็นพนักงานส่งอาหารหัวล้านที่กำลังเดินเข้ามาหาเขา ซึ่งดูเหมือนว่าจะรอเขามาสักพักแล้ว

“มารับอาหารงั้นเหรอ?” พนักงานส่งอาหารหัวล้านมองมาที่จ้าวซือด้วยความรังเกียจและไม่พอใจอย่างที่สุด เขาเอียงศีรษะและดูเหมือนว่าเขาไม่ได้มาด้วยเจตนาดี

จ้าวซือกล่าวว่า "ใช่"

“แกชื่ออะไร?” คนหัวล้านเริ่มกระดิกเท้า ท่าทางของเขาก็ดูยโสมากยิ่งขึ้น เขาเตี้ยกว่าจ้าวซือ และมีกล้ามเนื้อไขมันจำนวนมากบนร่างกายและที่แขนของเขามีรอยสักด้วย

จ้าวซือขมวดคิ้ว “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันจะไปรับอาหาร”

"ก็ฉันกำลังถามแกอยู่นี่ไงว่าแกชื่ออะไร!" คนหัวล้านคำรามและชี้ไปที่จ้าวซือ "มีอะไรงั้นเหรอ? แกไม่เคยได้ยินชื่อเจ้าพ่อแกรี่เหรอ? นี่แกไม่เห็นข้อความที่ฉันส่งไปในกลุ่มเลยเหรอ?"

แววตาของจ้าวซือหม่นลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาเปิดโทรศัพท์และเปิดดูบันทึกในไลน์

ไม่นาน เขาก็พบบันทึกที่ชายหัวโล้นกล่าวถึง เขาเรียกตัวเองว่าเจ้าพ่อแกรี่ และเป็นคนที่ประกาศที่จะรับออเดอร์เพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้ามีใครกล้ารับออเดอร์คนๆ นั้นเขาจะอัดให้เละ!

“ช่างเป็นคนที่ดักดานอะไรเช่นนี้!”

จ้าวซืออ่านต่อ ในเวลาเดียวกันเขารู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย เขาเป็นพนักงานส่งอาหารมาได้ระยะหนึ่งแล้วแต่เขาก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเจ้าพ่อแกรี่มาก่อน

เขายังเห็นด้วยว่าหลังจากที่เจ้าพ่อแกรี่ประกาศเช่นนั้น ก็มีคนรีบออกมาแสดงความไม่พอใจในทันที ทำไมพวกเขาจะต้องยอมให้เจ้าพ่อแกรี่คนนี้ผูกขาดออเดอร์อยู่คนเดียว?

ท้ายที่สุด หลังจากที่ผ่านไปสองสามชั่วโมง บรรดาผู้ที่แสดงความไม่พอใจก็ได้ส่งคลิปวิดีโอออกไปพร้อมๆ กัน ในวิดีโอเหล่านั้นพวกเขาทั้งหมดถูกบังคับให้ร้องขอความเมตตาซึ่งบ่งชี้ว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะไม่ขัดขืนเจ้าพ่อแกรี่อีกต่อไป

สภาพของคนที่น่าสังเวชที่สุดคนหนึ่งก็คือเขามีเลือดออกตั้งแต่หัวจรดเท้า และเห็นเศษขวดเบียร์ที่แตกอยู่ข้างๆ มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ทันใดนั้นมีคนมาเปิดเผยที่มาของเจ้าแกรี่ จริงๆ แล้วคนๆ นี้เคยเป็นกรรมกรมาก่อน เขาฆ่าและปล้นคน ว่ากันว่ามีบันทึกว่าเขาเคยฆ่าผู้หญิงคนหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่มีหลักฐานใดๆ

หลังจากที่ดูคลิปทั้งหมดนั้นแล้ว จ้าวซือก็มองไปที่เจ้าพ่อแกรี่ด้วยสีหน้าที่มัวหม่น

เมื่อคนรอบข้างเห็นว่าเป็นเจ้าพ่อแกรี่คนพาลคนนี้ คนที่ได้รู้เรื่องนี้ก็จะรีบถอยห่างไปให้ไกล หลายคนโมโหแต่ไม่กล้าที่จะพูดอะไร คนที่ไม่รู้เรื่องก็ได้แต่มองดูไกลๆ พวกเขากำลังจินตนาการถึงการต่อสู้กันระหว่างพนักงานส่งอาหารสองคนนี้ เพราะไม่ว่าพวกเขาจะมองอย่างไรก็ดูเหมือนว่าคนหัวโล้นคนนั้นจะได้เปรียบกว่า

นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าพ่อแกรี่ก็มีรูปลักษณ์ที่โหดเหี้ยมและแข็งแรงกว่าและท่าทางเป็นคนที่ผ่านโลกมามาก แต่ในทางกลับกันจ้าวซือนั้นเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นทางวิชาการ และเขายังเด็ก

“นี่ เจ้าพ่อแกรี่ไม่ใช่เหรอ? ใครนะช่างกล้ามาทำให้เขาโกรธ?” พนักงานสองคนที่บังเอิญเดินผ่านมาอดไม่ได้ที่จะหยุดดู

หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “เขายังดูเด็กมากเลยนะ แน่นอนว่าลูกวัวแรกเกิดคงจะไม่กลัวเสือ แต่น่าเสียดายที่เขาไปกวนอารมณ์เจ้าพ่อแกรี่เข้า เขาคงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะตายยังไง!”

ในตอนนี้เมื่อเจ้าพ่อแกรี่เห็นการจ้องมองของจ้าวซือเขาก็ยิ่งโกรธจัด ใบหน้าของเขาแดงก่ำ “นี่แกหมายความว่ายังไง? แกต้องการที่จะสู้กับเจ้าพ่อแกรี่จริงๆ ใช่ไหม?”

เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่ไกลๆ หวาดกลัวจนร้องไห้จ้า เธอกอดแม่ของเธอเอาไว้และร้องไห้สะอึกสะอื้น

คนที่เดินตามท้องถนนถึงกับต้องกลั้นหายใจพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะชี้ไม่ชี้มือ

ในทางกลับกันจ้าวซือกลับไม่ได้กลัวเขาเลยแม้แต่น้อยนอกเสียจากใบหน้าที่มัวหม่นลง

นี่มันเรื่องตลกอะไรกันเนี่ย? เขาก็เป็นแค่นักเลงหัวไม้อาชญากรปฏิรูป จะเอาคนแบบนี้ไปเปรียบเทียบกับคนที่น่าเกรงขามอย่างโอหยางเฟิงพิษตะวันตกได้อย่างไรกัน? หรือเขาจะสามารถเทียบได้กับเสือยิ้มอย่างหยุนตุ้นที่ฆ่าคนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าได้งั้นเหรอ?

จากมุมมองของจ้าวซือแล้ว ท่าทางของเจ้าพ่อแกรี่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับแมวตัวน้อยขี้โมโหที่กำลังขู่ฟ่อๆ ซึ่งอย่างหลังก็ดูน่ารักกว่ามาก

“บัดซบ นี่แกรนหาที่ตายสินะ!” เจ้าพ่อแกรี่ก็มีอารมณ์รุนแรงเช่นกัน ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่กลายเป็นกรรมกร เขาหยิบขวดเบียร์ขึ้นมาจากโต๊ะกลางแจ้งแล้วเหวี่ยงเข้าใส่จ้าวซือ

หลายคนหลับตา กลัวว่าจะเห็นภาพที่จ้าวซือหัวแตกจนเลือดออก

บางคนหยิบโทรศัพท์ออกมาโดยพิจารณาอยู่ว่าควรจะโทรหาตำรวจหรือโทรเรียกรถพยาบาลก่อนดี

ร่างของจ้าวซือกะพริบ และเมื่อเขาใช้นิ้วมือขวาสองนิ้วของเขาแอบแตะที่ตัวของเจ้าพ่อแกรี่ก็ทำให้เขารู้สึกขยับตัวได้ยาก

หัตถ์ฝังเข็มทานตะวัน!

จ้าวซือผู้ชำนาญในหัตถ์ฝังเข็มทานตะวันไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะแบบเดียวกันกับของไป่จางถัง ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถใช้มันได้ แต่พลังก็จะค่อนข้างอ่อน แต่ทว่ามันก็มากเกินพอที่จะจัดการกับเศษสวะอย่างเจ้าพ่อแกรี่!

เจ้าพ่อแกรี่ถือขวดเบียร์ค้างและมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เขาต่อสู้มาก็มากในช่วงที่เขาทำงานเป็นกรรมกร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้

“แกนี่ชอบใช้ขวดเบียร์ตีคนงั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นแกก็ลองดูสักหน่อยสิ!”

จ้าวซือคว้าข้อมือของเจ้าพ่อแกรี่และเหวี่ยงไปข้างหน้าอย่างแรง ขวดเบียร์กระแทกเข้ากับหัวล้านของเจ้าพ่อแกรี่อย่างไร้ความปราณีและแตกออกอย่างแรง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด