บทที่ 23 ผมสามารถรักษาได้แต่ศาสตราจารย์หูรักษาไม่ได้
บทที่ 23 ผมสามารถรักษาได้แต่ศาสตราจารย์หูรักษาไม่ได้
“ประการแรก โรคที่น่าจะรักษาได้แต่กลับรักษาไม่ได้” คำพูดของจ้าวซือช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
เมื่อได้ยินดังนั้น ศาสตราจารย์หูก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า เนื่องจากการประชุมของบรรดาผู้เชี่ยวชาญและศาสตราจารย์ได้สรุปว่าอาการป่วยนี้ไม่อาจที่จะรักษาให้หายได้ จะเป็นไปได้หรือว่าจ้าวซือที่เป็นแค่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 จะรู้อะไรมากกว่าพวกเขา?
ผู้ถือหุ้นซุนฝางเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ออกจะน่าขัน ถ้าอาการป่วยของเขาสามารถที่จะรักษาได้ดังที่ฮวงเฟิงกล่าว เขาก็ยินดีที่จะจ่ายเงินเท่าใดก็ได้ แต่โชคไม่ดีนักที่หลายปีที่ผ่านมานี้เขายังไม่เห็นวี่แววที่จะรักษาหายได้เลย
“ไร้สาระ!” ท่ามกลางคณาจารย์ทั้งหลายที่กำลังฟังการบรรยาย อาจารย์ท่านหนึ่งที่พอจะเข้าใจเกี่ยวกับอาการป่วยนี้ก็กล่าวอย่างผิดหวังว่า “เธอนี่ช่างไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำเลยนะ!”
บรรดานักศึกษาต่างก็ยิ่งพากันส่งเสียงเซ็งแซ่ เพราะว่าสิ่งที่จ้าวซือกล่าวนั้นไม่ได้อยู่บนพื้นฐานที่แท้จริงเลย
“นี่เป็นปัญหาแรกที่คุณค้นพบงั้นหรือ?” ศาสตราจารย์หูไม่ได้สนใจฟังและให้จ้าวซือพูดต่อ
จ้าวซือส่ายหน้า "ไม่ครับ นี่ไม่ใช่ปัญหา"
“เอาล่ะ งั้นว่ามาสิ” ศาสตราจารย์หูโกรธจนต้องหัวเราะออกมา หลายปีที่ผ่านมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับคนที่หยิ่งผยอง นักศึกษาที่มั่นใจว่าตัวเองถูกต้องเช่นนี้ ความประทับใจของเขาที่มีต่อจ้าวซือ... ได้ลดลงจาก 80 คะแนน เหลือน้อยกว่า 60 คะแนน
“คำถามแรกก็คือ การใช้การฝังเข็มรักษาโรคนี้ไม่ได้มีข้อผิดพลาดแต่อย่างใด แต่จุดฝังเข็มและจังหวะเวลาของศาสตราจารย์หูนั้นผิดพลาดไปครับ” จ้าวซือกล่าวอย่างใจเย็น
ศาสตราจารย์หูส่ายหน้าอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร นักศึกษาตัวท๊อปคนหนึ่งของห้องก็ลุกขึ้นยืน “จ้าวซือพอได้แล้ว อย่าทำให้ห้องของเราต้องอับอายมากไปกว่านี้เลย อาการป่วยของท่านซุนฝาง ก็คือร่างกายของเขาบวมและริมฝีปากของเขาก็ซีดจนเป็นสีม่วง ใครก็ตามที่ได้ศึกษาแนวทางการรักษาแบบ TCM ก็จะรู้ว่านี่เป็นสัญญาณของหยินและหยาง ศาสตราจารย์หูได้เลือกที่จะทำการฝังเข็มตอนเที่ยงก็เพื่อกระตุ้นจุดฝังเข็มหยางบนร่างกายของเขา มันไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใดเลย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ศาสตราจารย์หูก็พยักหน้าด้วยความโล่งใจ ทฤษฎี TCM ของนักศึกษาคนนี้แน่นปึ้กมากจริงๆ
เหล่านักศึกษาพากันหัวเราะออกมาเสียงดัง คิดว่าการอวดรู้ของจ้าวซือต้องล้มเหลวไม่เป็นท่าและถูกตบหน้าแทน
แต่ทว่าจ้าวซือก็ได้กล่าวว่า "ถูกต้องแล้ว คนที่ศึกษาแนวทางการรักษาแบบ TCMจะรู้เรื่องนี้ดี แต่น่าเสียดายที่พวกเขารู้เพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น แต่พวกเขายังไม่รู้เรื่องที่สอง เมื่อมองดูอย่างผิวเผินดูเหมือนว่าอาการของท่านซุนฝางนั้น หยินเฟื่องฟู ส่วนหยางนั้นเสื่อมถอย แต่ว่าหยินคือหยิน โดยแก่นแท้แล้วหยางต้องรุ่งเรืองและหยินต้องเฟื่องฟูเสมอกัน!"
ฝูงชนอยู่ในความโกลาหล
นักศึกษาตัวท๊อปไม่คิดที่จะโต้เถียงกับจ้าวซืออีกต่อไป เขาเพียงแค่โบกมือให้ผู้เข้าฟังบรรยายราวกับว่าจะบอกว่าเขาไม่มีทางที่จะอภิปรายเรื่องวิชาการกับคนงี่เง่าที่มั่นใจว่าตัวเองถูกได้
แต่ทว่าศาสตราจารย์หูกลับนึกอะไรบางอย่างได้ "นักศึกษาคนนี้ พูดต่อสิว่าทำไมคุณถึงมีความคิดเห็นเช่นนี้?"
เมื่อเห็นดังนั้นจ้าวซือจึงพูดอย่างช้าๆ ว่า “ก่อนอื่นผมาอยากจะถามท่านซุนฝางหน่อยว่า ในตอนกลางคืนท่านรู้สึกร้อนในท้องหรือไม่ และในครึ่งคืนหลังท่านรู้สึกหนาวสะท้านเป็นพิเศษบ้างหรือไม่?”
“เธอรู้ได้อย่างไร?” ซุนฝางตะลึงงัน สิ่งที่จ้าวซือพูดเหมือนกับอาการที่เขาเป็นทุกประการ
ฝูงชนเกิดโกลาหลขึ้นอีกครั้ง
“บัดซบ นี่มันเรื่องจริงเหรอ? ชักจะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
“เขาสามารถคาดเดาอาการของผู้ป่วยได้อย่างนั้นหรือ? นี่เขาไปร่ำเรียนที่ไหนมา?”
นักศึกษาทุกคนต่างพากันตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา
นักศึกษาตัวท๊อปที่คิดว่าเขาได้ทำให้จ้าวซือเสียหน้าก็มีอาการตกใจและมีสีหน้าสับสน
จ้าวซือกล่าวต่อว่า “จริงๆ แล้ว ท่านแข็งแรงมากนะ แต่เมื่อท่านรู้สึกว่าหนาวสะท้านเป็นพิเศษ ท่านก็ไร้เรี่ยวแรง ผมพูดถูกไหม?
ซุยฝางมีท่าทางเขินอาย “น้องชาย เธอพูดถูกแล้ว อย่าพูดอีกเลย!”
เมื่อมองไปที่ศาสตราจารย์หูอีกครั้ง เขาก็ยืนอึ้งเหมือนกับรูปปั้นหินอยู่ตรงนั้น เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจจนงับปากไม่ได้ ถ้าเขาไม่ได้คลุกคลีกับซุนฝางในระยะสองสามปีที่ผ่านมานี้ หูเหยียนก็คงจะคิดว่าจ่าวซือติดสินบนอีกฝ่ายและพวกเขารวมหัวกันเพื่อที่จะหลอกเขา
“ส่วนคำถามที่สอง...”
ในขณะที่ศาสตราจารย์หูยังคงตกตะลึง จ้าวซือก็ได้ถามคำถามที่สอง
หลังจากได้ยินสิ่งที่จ้าวซือพูด ศาสตราจารย์หูก็ต้องรู้สึกตื่นเต้นมากจนเสียงสั่น "มันเป็นเช่นนั้นแหละ! มันเป็นเช่นนั้น ฉันคิดว่าฉันได้ค้นพบปัญหานั้นแล้วและสามารถช่วยท่านซุนจัดการมันได้อีกขั้น แต่ฉันไม่เคยคิดว่าฉันคิดผิดไปตั้งแต่แรก!”
ทั้งสี่คนตกใจ!
“พระเจ้า นี่ศาสตราจารย์หูยอมรับเขายังงั้นเหรอ?”
“ไอ้บ้า นี่หมายความว่าทุกคำที่เขาพูดนั้นถูกต้องแล้วใช่ไหม?”
“หลิวฉินหยางนั่นคงจะคิดว่าตัวเองถูกสินะ! ฉันไม่เคยคิดเลยว่านักนักศึกษาตัวท๊อปจะมีวันนี้ได้!”
“นักศึกษาคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ…”
อาจารย์และนักศึกษาทุกคน ประกอบกับการที่ศาสตราจารย์หูได้ยอมรับสิ่งที่จ้าวซือพูดได้พลิกโฉมภาพลักษณ์ของจ้าวซือไปอย่างสิ้นเชิง
สำหรับนักศึกษาอัจฉริยะที่สงสัยในตัวจ้าวซือ ในตอนนี้ใบหน้าของเขาได้กลายเป็นสีเขียวและสีขาว เขาคิดว่าเขาจะสามารถหารูที่จะเจาะเข้าไปได้ แต่คนที่ต้องอับอายจริงๆ ก็คือเขานั่นเอง!
สำหรับฮันไป่เสวี่ยเธออ้าปากค้างมานานแล้ว และมุมมองของเธอที่มีต่อจ้าวซือก็ได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง
“นักศึกษาคนนี้ เธอชื่อว่าอะไร?” ศาสตราจารย์หูถามอย่างเคร่งขรึม ในตอนนี้เขาไม่ได้ถือว่าจ้าวซือเป็นน้องใหม่อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นคนที่มีคุณสมบัติที่จะหารือกับเขาหรือแม้แต่จะให้แนะนำแก่เขาได้
“จ้าวซือครับ” น้ำเสียงของจ้าวซือไม่ได้อ่อนน้อมถ่อมตนหรือเอาแต่ใจ แต่สำหรับคนอื่นมันมีความหมายที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้บางคนอาจจะคิดว่าเขาแค่แกล้งทำเป็นอวดฉลาด แต่ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้แล้วว่าจ้าวซือเจ๋งจริงๆ!
ผู้ถือหุ้นซุนฝางไม่อาจที่จะอดทนอีกต่อไป เขาหยิบนามบัตรที่สวยงามออกมาแล้วพูดว่า "จ้าวซือ อันที่จริงตอนแรกฉันคิดว่าเธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระ ได้โปรดให้ฉันได้มีโอกาสขอโทษเธอด้วย นี่คือ นามบัตรของฉัน"
จ้าวซือพยักหน้าอย่างเงียบๆ และรับนามบัตรนั้นมา
แววตาของนักศึกษาที่อยู่โดยรอบต่างพากันอิจฉา เพราะเขาคือหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของมหาวิทยาลัย การได้รับนามบัตรจากซุนฝางก็ไม่ต่างจากการได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ และจ้าวซือคนที่ได้รับทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่นักศึกษาใหม่ที่เพิ่งเรียนเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง!
ในตอนนี้ศาสตราจารย์หูแทบจะอดใจรอฟังทฤษฎีต่อมาของจ้าวซือไม่ได้ “นักศึกษาจ้าวซือ คุณบอกว่ามีข้อผิดพลาดทั้งหมดสามข้อ แล้วคุณยังบอกว่ามีสูตรยาสองส่วนที่สามารถปรับปรุงได้ ได้โปรดบอกฉันมาเร็วเข้า!”
แววตาของฮันไป่เสวี่ยเผยให้เห็นความประหลาดใจอีกครั้ง เป็นเวลานานมากแล้วที่เธอไม่ได้เห็นศาสตราจารย์หูกระหายหาความรู้!
และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยจ้าวซืออีกครั้ง ฮันไป่เสวี่ยเองก็มีความอยากรู้อยากเห็นอย่างมากเกี่ยวกับและเธอก็รู้สึกว่าถูกเขาดึงดูดทีละนิดๆ
เมื่อจ้าวซือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดของเขาจบแล้ว ศาสตราจารย์หูก็ถอดแว่นออกแล้วเช็ดน้ำตาอย่างตื่นเต้น “หลายปีแล้วสินะ ฉันศึกษาเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเท่ากับนักศึกษาปีหนึ่งอย่างคุณเลย!”
“ศาสตราจารย์ ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้หรอก เต๋ามีหลายประเภทและมีความเชี่ยวชาญต่างกัน ผมเพียงแค่เคยอ่านเกี่ยวกับโรคนี้ในตำราทางการแพทย์ของบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาก็เพียงเท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ผมทราบเรื่องนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลายคนรวมทั้งศาสตราจารย์หูก็ต้องถอนหายใจ หากเป็นเช่นนั้น... จ้าวซือนี้ช่างน่ากลัวเสียจริงๆ!