ตอนที่แล้วSTBI : ตอนที่ 30 ตะเกียงทองเหลือง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTBI : ตอนที่ 32 หนึ่งดัชนีทลายสวรรค์

STBI : ตอนที่ 31 ปาฏิหาริย์ฟื้นคืนจิตวิญญาณ


ไป๋ตงหลิน ในห้องกัปตันได้ลืมตาขึ้นและเตรียมจะลุกไปที่ห้องเก็บสัมภาระ

“พี่ไป๋…”

หลิวต้าฟู่ กล่าวพูดด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว เขารู้สึกลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง เพราะเขาใช้พลังปราณในร่างกายเพื่อรักษาสภาพของยันต์พลังมากเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้

ส่วนพลังของเจ้าปีศาจนั่นก็เหนือเกินกว่าจินตนาการ แม้ว่าเขาจะรู้ว่า ไป๋ตงหลิน แข็งแกร่งมาก แต่เกรงว่า…

ไป๋ตงหลิน รู้ว่าอีกฝ่ายกังวลเรื่องอะไร อันที่จริง เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถกำจัดเจ้าปีศาจนี่ได้หรือไม่ แต่ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่มีทางตายอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงยิ้มและกล่าวออกมา :

“ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านพยายามจะบอก แต่ในเวลานี้มันต้องมีใครสักคนลุกขึ้นมาต่อต้านมิใช่หรือ ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ตายเด็ดขาด!”

หลิวต้าฟู่ รู้สึกว่าอีกฝ่ายต้องการปลอบโยนตัวเองเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้โน้มน้าวอะไร เพราะก็อย่างที่ ไป๋ตงหลิน พูด ในเวลานี้จะต้องมีใครสักคนลุกขึ้นมาต่อต้าน

ในสถานการณ์สิ้นหวังเช่นนี้ หากจะมีใครสักคนที่จะลุกขึ้นมาแก้ไขปัญหาได้ ก็คงจะมีแต่ ไป๋ตงหลิน เท่านั้น

หลิวต้าฟู่ ได้หยิบยันต์สีม่วงออกมาจากแหวนมิติอย่างไม่ลังเลและยื่นให้กับ ไป๋ตงหลิน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย

“นี่คือยันต์ช่วยชีวิตที่ท่านอาจารย์มอบให้ข้า มันสามารถป้องกันการโจมตีได้ทุกรูปแบบ และ มีพลังมากพอจะต้านทานการโจมตี 5 ครั้งของนักพรตเต๋าดินแดนสร้างร่างจิตวิญญาณ!”

การแสดงออกของ ไป๋ตงหลิน ได้เปลี่ยนไป ยันต์ นี้มีค่ามาก แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการมัน แต่เขาก็สามารถขายมันเป็นเงินได้ เพราะตอนนี้เขาค่อนข้างยากจน!

อีกอย่าง ถ้าเขาปฏิเสธ มันก็คงทำให้ หลิวต้าฟู่ รู้สึกไม่สบายใจ เพื่อที่เขาจะได้ทำหน้าที่ต่อ เขาได้รับยันต์มาด้วยความเต็มใจ

“พี่ใหญ่ไป๋!”

ในเวลานี้ จื่อเสี่ยวหลิง ผู้ซึ่งเป็นมาสคอตการกินมาตลอดทั้งวันก็ได้พูดขึ้น

“นี่คือยันต์ที่ท่านพ่อของข้ามอบให้ ข้าให้ท่านไว้ใช้ป้องกันตัว!”

เขามองไปที่ ยันต์ทั้ง 5 ที่ จื่อเสี่ยวหลิง มอบให้กับเขา พวกมันทั้งหมดเหมือนกับของ หลิวต้าฟู่ ใช่แล้ว มันคือยันต์หยกสีม่วง

การแสดงออกของ หลิวต้าฟู่ ได้กลายเป็นนิ่งชะงัก ดวงตาของเขาไม่อาจหยุดกระตุกได้

แต่เขาก็เข้าใจ สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างวิกฤต ดังนั้นพวกเขาไม่อาจตระหนี่สิ่งใดได้

กระทั่งเขายังสงสัยว่าหากปล่อยสถานการณ์แบบนี้ต่อไป เกรงว่าผู้คนบนเรือคงจะตายกันหมด? หากมีสิ่งใดที่พอจะช่วยเหลือในการกำจัดเจ้าปีศาจตัวนี้ได้ พวกเขาก็ไม่ควรลังเลที่จะเก็บมันไว้

การต่อสู้ที่ด้านล่างกำลังดุเดือด ไป๋ตงหลิน ไม่ลังเลที่จะรีบไป หลังจากรับเอายันต์มาแล้ว เขาก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว

การเคลื่อนไหวของ ไป๋ตงหลิน รวดเร็วมาก ในระยะเวลาการหายใจไม่กี่ครั้ง เขาก็มาถึงสนามรบในห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่

ในเวลานี้ หวังลู่เฟย ได้คุกเข่าลงข้างนึง มังกรเพลิงสีน้ำเงิน ได้กระพริบอย่างจาง ๆ และ กำลังจะมอดดับลง

ไป๋ตงหลิน ได้เพิกเฉยต่อสิ่งนี้ เขาได้จ้องไปที่ กล่องทองแดง ทันทีตั้งแต่เข้ามา ตราบใดที่สิ่งนี้ถูกทำลาย ทุกอย่างก็จะจบลง

ดังนั้น เขาจึงได้หมุนเวียนเทคนิคหมัดเจ็ดหนองน้ำอย่างรุนแรง จนทำให้กลิ่นอายพลังโดยรอบได้ถูกดูดเข้าไปในร่างกายอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้ร่างกายของเขาได้ปูดปูนจนมีส่วนสูงร่วม 2 เมตร

จากนั้นรัศมีโดยรอบร่างกายของเขาก็คายควันสีขาวที่มีอุณหภูมิสูงออกมา สิ่งนี้มาจากการไหลเวียนโลหิตที่เดือดพล่านในร่างกายของเขา

บูม!

เขาได้ปลดปล่อยหมัดออกไปที่ข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ฟุ่บ!

พลังการโจมตีของ ไป๋ตงหลิน ได้กระแทกใส่ กล่องทองแดงลึกลับ ขึ้นไปบนอากาศโดยตรง จากนั้นร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของ กล่องทองแดงลึกลับ และ เตะมันออกไป

เปรี้ยง! ปั้ง! ปั้ง!

ร่างของ ไป๋ตงหลิน ได้ระดมการโจมตีใส่ กล่องทองแดงลึกลับ อย่างต่อเนื่อง เสียงกระทบกระทั่งได้ดังขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

พละกำลังมหาศาลที่มีน้ำหนักมากกว่า 100,000 จิน ได้ถูกปลดปล่อยออกอย่างต่อเนื่อง

เขาได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเขา จนทำให้ร่างกายของเขาเริ่มปรากฏการฉีกขาดจากการฝืนบีบอัดพลังที่น่าสะพรึงกลัวจำนวนมากทว่าไม่นานเขาก็ฟื้นคืนสภาพอาการบาดเจ็บในทันที

โลหิตจำนวนมากได้สาดกระเซ็นไปทั่ว อีกทั้งยังแฝงไปด้วยอุณหภูมิที่สูง ทั่วร่างของเขาในเวลานี้ ห่อหุ้มไปด้วยหมอกโลหิตอันหนาแน่นจนแทบจะมองไม่เห็นร่างกายที่แท้จริงของเขา

ควันสีเทาที่ยังคงพัวพันกับ มังกรเพลิงสีน้ำเงิน ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง มันได้พยายามดิ้นรนและพยายามบีบคัดคอของมังกรเพลิงในทันที ในระหว่างนี้ หวังลู่เฟย ก็กระอักโลหิตออกมาเต็มปากและล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับหมดสติ

หลังจากที่หมอกสีเทาสามารถจัดการมังกรเพลิงได้เสร็จ มันก็รีบหันกลับไปหา ไป๋ตงหลิน แต่ ไป๋ตงหลิน ได้เพิกเฉยต่อการเคลื่อนไหวของหมอกสีเทา และ โจมตีกล่องทองแดงลึกลับโดยตรง

ควันสีเทาได้เข้าปกคลุมร่างของ ไป๋ตงหลิน มันพยายามพุ่งเข้าสู่จิตใจของเขา

แต่การโจมตีของ หมอกสีเทา ไม่ได้ราบรื่นมากนัก เหตุผลก็เพราะ พลังของ ไป๋ตงหลิน แข็งแกร่งเกินไป ภายในร่างกายของเขา เต็มไปด้วยพลังหยางบริสุทธิ์ และ มันได้พยายามยับยั้งการโจมตีของหมอกสีเทา

เพียงแต่หมอกสีเทาไม่ได้ยอมแพ้ มันยังคงพยายามอัดพลังเข้าไปเพิ่มและต้องการรุกล้ำจิตวิญญาณของ ไป๋ตงหลิน ให้ได้

จิตวิญญาณของ ไป๋ตงหลิน ได้ถูกโจมตี ความเจ็บปวดอันโดดเด่น ทำให้ ไป๋ตงหลิน ผู้ที่มีความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ไม่สามารถควบคุมร่างกายของเขาได้ จากนั้นการโจมตีของเขาก็หยุดลง

ทั่วร่างของไป๋ตงหลิน ได้หยุดลงในเวลานี้ ร่างกายของเขาได้ยืนนิ่งจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่เด่นชัดและทั่วร่างที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อยที่เกิดจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น ควันสีแดงยังคงโอบล้อมร่างกายของเขาอย่างไม่รู้จบ

หลังจากที่ ควันสีเทา ทำลายจิตวิญญาณของ ไป๋ตงหลิน ได้แล้ว มันก็ออกมาจากร่างกายของเขา

ผ่านไปไม่นาน จิตวิญญาณของ ไป๋ตงหลิน ก็ฟื้นฟูกลับมา เขาได้ปล่อยให้ หมอกสีเทา ทำลายจิตวิญญาณของเขา เพราะในที่สุดเขาก็มีโอกาสที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับ จิตวิญญาณของเขา

จากนั้น เขาก็มองไปที่ กล่องทองแดง ที่ไม่ได้รับความเสียหาย สิ่งนี้ทำให้ ไป๋ตงหลิน ขมวดคิ้วแน่น ดูเหมือนว่า กล่องทองแดงนี้จะผิดปกติ เขาใช้พละกำลังอย่างเต็มที่แล้ว แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม

ดังนั้น เขาจึงได้ตัดสินใจใช้แผนสำรอง นั่นก็คือการช่วยชีวิตผู้คนบนเรือให้ได้มากที่สุด

วิธีการนั้นง่ายมาก!

ไป๋ตงหลิน ได้โพล่งออกมา เขาได้เข้าใกล้กล่องทองแดงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว คล้ายกับนักฟุตบอลที่ต้องการเตะบอลอย่างรุนแรง

ทันใดนั้น กล่องทองแดง ก็ถูกเตะทะลุชั้นเรือขึ้นไปหลายชั้นโดยตรง

หมอกสีเทาที่ลอยอยู่บนฟ้าพลันหยุดนิ่ง ราวกับว่ามันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ไป๋ตงหลิน ผู้ซึ่งถูกทำลายจิตวิญญาณไปแล้ว จะยังไม่เป็นอะไร

สิ่งนี้ทำให้มันโกรธจัด และ แทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณของ ไป๋ตงหลิน ในทันที มันพยายามที่จะกลืนกินจิตวิญญาณของเขาโดยตรง

และ เมื่อ หมอกสีเทาออกไป ไป๋ตงหลิน ก็ฟืนคืนชีพกลับมาอีกครั้ง เขาไม่ได้สนใจหมอกสีเทาเลย และ เป็นอีกครั้ง ที่เขาเตะกล่องทองแดงลึกลับไปทั่วทั้งเรือจนกระทั่งมันตกลงไปบนพื้นผิวน้ำ

หมอกสีเทารู้สึกตกตะลึงอย่างสมบูรณ์

มนุษย์คนนี้เป็นใครกันแน่?

เหตุใดถึงมีพลังหยางมากมายอยู่ภายในร่างกาย ทุกครั้งที่ตนเองกลืนกินจิตวิญญาณของอีกฝ่าย จิตวิญญาณของอีกฝ่าย ก็จะฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง?

ในขณะนี้ ไป๋ตงหลิน ได้กระโดดลงจากเรือฉางเหลียน และ พยายามจัดการกล่องทองแดงอีกครั้ง หมอกสีเทา เองก็ไล่ตามไป และ ต้องการกลืนจิตวิญญาณของ ไป๋ตงหลิน อีกรอบ

จากนั้น ไป๋ตงหลิน ก็ฟื้นคืนชีพกลับมาโดยถือกล่องทองแดงลึกลับพร้อมกับว่ายน้ำหนีจากเรือฉางเหลียน

นี่คือแผนสำรองของเขา ในเมื่อเขาไม่สามารถหนีหรือฆ่ามันได้ งั้นก็ใช้ร่างกายที่เป็นอมตะของเขาลากมันไปกับเขาด้วย

หมอกสีเทานี้ สามารถเคลื่อนไหวไปยังพื้นที่โดยรอบ กล่องทองแดงนี้เท่านั้น อีกทั้งมันยังมีระยะทางที่จำกัด ไป๋ตงหลิน ได้ตัดสินใจที่จะพากล่องทองแดงนี้ไปยังสถานที่ห่างไกล และ จมมันลงใต้ก้นแม่น้ำเพื่อที่จะไม่ให้มันได้มีโอกาสทำร้ายผู้คนได้อีก

หมอกสีเทา สามารถคาดเดาความคิดของ ไป๋ตงหลิน ได้ มันได้พยายามโจมตี จิตวิญญาณ ของ ไป๋ตงหลิน อย่างต่อเนื่อง และ ต้องการทำให้ ไป๋ตงหลิน ตกตายด้วยความเจ็บปวด

อย่างไรก็ตาม การโจมตีของหมอกสีเทาก็เริ่มอ่อนแอลง มันได้สูญเสียพลังไปกับการต่อกรกับมังกรเพลิงจำนวนมาก อีกทั้งยังโดนพลังหยางกดทับจนทำให้การโจมตีเริ่มลดลงมากยิ่งขึ้น

ดวงตาของ ไป๋ตงหลิน ได้เป็นประกายหลังจากเห็นสิ่งนี้ ความเร็วของเขานั้นเร็วมาก เขาได้ว่ายน้ำและพุ่งตรงไปอย่างต่อเนื่องในระยะทางหลายสิบลี้

ในช่วงเวลานี้เขาได้ตกตายไปแล้วหลายสิบครั้ง

จนในที่สุด ความเร็วในการกลืนกินของหมอกสีเทาก็ไม่ได้เร็วไปกว่าการฟื้นฟูของเขา ‘การพลิกฟื้นที่แข็งแกร่ง’

จิตวิญญาณของ ไป๋ตงหลิน ได้รับการส่งเสริมพลังขึ้นโดยตรง

อันที่จริง การเสริมความแข็งแกร่งอันนี้ก็เหมือนกับการเสริมพลังทางร่างกาย

ก่อนหน้านี้ เขาไม่สามารถส่งเสริมพลังให้กับจิตวิญญาณของเขาได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะส่งเสริมพลังให้กับจิตวิญญาณอย่างไร ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแต่ทำให้ร่างกายของตนเองแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

แต่ตอนนี้ เขากลับประสบความสำเร็จในการส่งเสริมพลังให้กับจิตวิญญาณ โดยการปล่อยให้ จิตวิญญาณของเขาถูกโจมตีตั้งแต่แรก และ คอยพัฒนาจิตวิญญาณให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ไป๋ตงหลิน ไม่ได้สนใจหมอกสีเทา เขาได้ดำดิ่งลงไปในส่วนลึกของแม่น้ำพร้อมกับกล่องทองแดงในมือของเขา เขาไม่ต้องการให้ กล่องทองแดงนี้ เห็นแสงเดือนแสงตะวันอีกครั้ง

แม่น้ำนูไม่เพียงแต่มีระยะทางที่ยาวและกว้างขวางมากเท่านั้น มันยังมีความลึกมากอีกด้วย หลังดำน้ำมาเกือบ 10,000 เมตร เขาก็มาถึงก้นบึ้งของแม่น้ำนู ที่นี่ มีแรงดันน้ำที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถบดขยี้เหล็กได้อย่างง่ายดาย

กระดูกของ ไป๋ตงหลิน ได้สั่นเลิกลั่ก กล้ามเนื้อของเขาได้ฉีกขาด และ อวัยวะภายในก็ได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่ ‘การพลิกฟื้นที่แข็งแกร่ง’ ของเขาได้ทำงานอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขาสามารถปรับปรุงความแข็งแกร่งของร่างกายไปได้ในตัว

ทว่าแรงดันใต้น้ำของแม่น้ำนูนี้ก็ค่อนข้างรุนแรงอย่างแท้จริง

ไป๋ตงหลิน ได้เคลื่อนตัวไปตามก้นแม่น้ำโดยถือกล่องทองแดงเอาไว้ และ ทันใดนั้นเขาก็พบว่าอุณหภูมิใต้น้ำโดยรอบนั้นบังเกิดความผิดปกติเล็กน้อย

เขาได้มองไปรอบ ๆ ก็พบว่ามีแสงสลัวส่องอยู่ไม่ไกลจากที่นี่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด