ตอนที่แล้วSTBI : ตอนที่ 29 แปลกประหลาด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTBI : ตอนที่ 31 ปาฏิหาริย์ฟื้นคืนจิตวิญญาณ

STBI : ตอนที่ 30 ตะเกียงทองเหลือง


ห้องกัปตัน.

ไป๋ตงหลิน และ หวางลู่เฟย ได้ใช้ที่นี่เป็นศูนย์บัญชาการชั่วคราว

พวกเขาได้นั่งอยู่ตรงกลางของพื้นที่ตรวจสอบ และ สามารถเข้าสนับสนุนได้ตลอดเวลาหากพบเจอสถานการณ์ผิดปกติ

หลิวต้าฟู่ ได้นั่งไขว่ห้างบนพื้น และ หลับตาแน่น มือของเขาในเวลานี้ได้กำแน่นไม่ยอมปล่อย และ กำลังหมุนเวียนแก่นแท้พลังในร่างกายอย่างรวดเร็ว

แผ่นยันต์ที่แกะสลักมาจากไพลินบนหน้าอกของเขา มันได้ปล่อยแสงสีฟ้าสดใสออกมา

หลิวต้าฟู่ ได้ใช้เทคนิคลับเฉพาะ ในหอการค้ามีเพียงบรรดาไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เรียนรู้เทคนิคลับเหล่านี้

สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ฝึกยากแต่ยังไม่เป็นที่นิยมอีกด้วย เพราะมันเป็นเทคนิคส่งเสริม

แก่นของเทคนิคนี้คือยันต์ไพลินตรงหน้าอกของหลิวต้าฟู่ มันได้เชื่อมต่อกับทะเลปราณของเขา ไม่เพียงเท่านี้มันยังสามารถส่งกระแสจิตไปสนับสนุนยันต์ที่เหลือกว่าอีก 200 ชิ้นที่ เหล่านักพรตเต๋าได้รับแจกจ่ายไป

เหล่านักพรตเต๋าที่สวมยันต์ย่อย การกระทำทุกหย่อมหญ้าของพวกเขา ทุกสิ่งที่เห็นและได้ยิน จะถูกส่งผ่านไปยังจิตใจของ หลิวต้าฟู่ และ พวกเขาก็ยังสามารถสื่อสารกันได้

การมองหาร่างจริงของปีศาจนั้นเป็นการกระทำที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง ทันทีที่คุณพบมันบางทีคุณอาจจะถูกฆ่าตายภายในไม่กี่วินาที และ นี่เป็นที่มาถึงความสำคัญของเทคนิคนี้

ไป๋ตงหลิน ได้นั่งอยู่ด้านข้างและเฝ้าดู หลิวต้าฟู่ แสดงเทคนิคลับ ด้วย เทคนิคลับที่แปลกประหลาดนี้ทำให้เขาดูกระตือรือร้นมาก นี่ไม่ใช่ว่ามันคือต้นแบบของอินเทอร์เน็ตหรอกเหรอ?

ทุกคนสามารถสื่อสารกับ หลิวต้าฟู่ ได้ ทำให้มันเป็นแนวคิดการพูดคุยที่สะดวกสบายเป็นอย่างมาก

ที่ห้องเก็บสัมภาระด้านล่าง

เหล่านักพรตเต๋านับ 10 คน ได้เข้าไปข้างในและใช้สายตามองอย่างระแวดระวัง พร้อมกับไม่ปล่อยสิ่งของใด ๆ ให้หลุดรอดสายตาไปได้ พวกเขาได้ใช้ประสาทสัมผัสเพื่อตรวจสอบทุกสิ่งรอบตัว

เหล่านักพรตเต๋าที่ปลุกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาขึ้นมาได้ เมื่อเข้าไปถึงช่วงเริ่มต้นของดินแดนทารกในครรภ์หยวน พวกเขาจะมีประสาทสัมผัสที่ไวต่อพลังงานฟ้าดิน รวมถึง สัมผัสที่ไวต่อวิกฤติ

ภายในห้องเก็บสัมภาระที่นี่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ หลังจากกลุ่มนักพรตเต๋าเดินเข้ามา พวกเขาก็มองหาไปยังพื้นที่โดยรอบ และ เข้าใกล้ตำแหน่งที่วางกล่องทองแดงลึกลับ

นักพรตเต๋ากลุ่มนึง ได้เหล่สายตาเหลือบไปเห็นกล่องทองแดง ที่ตั้งอยู่ในที่โล่งอย่างโดดเดี่ยว

เกือบจะในทันที พวกเขาได้ใช้ตาเปล่าตัดสินว่านี่เป็นร่างหลักของปีศาจอย่างแน่นอน และ จิตสำนึกของเขา ได้กระตุ้นให้พวกเขาปลดปล่อยพลังปราณออกมา

ในเวลานี้ กล่องทองแดง ได้เปล่งแสงระยิบระยับ ลวดลายบนกล่องของมันได้บิดเบี้ยวและดิ้นไปมาราวกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิต

จากนั้นควันสีเทาก็ถูกปลดปล่อยออกมาจาก กล่องทองแดง

ตราบใดที่คุณไม่ได้ตาบอด ก็ย่อมรู้ว่านี่คือร่างหลักของปีศาจ ทันทีที่พวกเขาเห็นกล่องนั้น หลิวต้าฟู่ ในห้องกัปตันก็ลืมตาตื่นขึ้นแล้วพูดว่า :

“พบแล้ว! ในห้องสัมภาระด้านล่างเรือ!”

หวังลู่เฟย ได้ฉายประกายสีทองไปทั่วร่างหลังจากที่เห็น เขาได้กลายเป็นลำแสงหายไปอย่างรวดเร็ว ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เขาต้องต่อสู้กับสิ่งแปลกประหลาดนี้ และ ยังไม่สามารถจัดการมาได้

ในเวลานี้ นักพรตเต๋ากว่า 200 คนที่ได้รับเสียงสัญญาณพวกเขาทั้งหมดก็รีบมุ่งหน้าไปที่ห้องเก็บสัมภาระที่อยู่ด้านล่างในทันที แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าสถานที่แห่งนั้นอันตราย แต่ถ้าขืนพวกเขานั่งรอก็คงหลีกหนีไม่พ้นความตายอยู่ดี

มันคงจะดีกว่าหากรวบรวมความแข็งแกร่งของทุกคนเข้าด้วยกัน และ ต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อตัดสินทุกสิ่ง แน่นอนว่า เหล่าผู้บ่มเพาะพลังที่ฝึกมาจนถึงดินแดนครรรภ์ในหยวน พวกเขาย่อมไม่ใช่คนโง่ อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถประเมินสถานการณ์ได้ชัดเจนมาก

ไป๋ตงหลิน เองก็ลุกขึ้นและเตรียมจะไปมองดู ปีศาจตัวนี้ ระหว่างวัน เขากำหมัดแน่นมาโดยตลอดเพื่อที่จะจัดการมัน

“พี่ไป๋ โปรดรอก่อน!”

หลิวต้าฟู่ ได้คว้ามือ ไป๋ตงหลิน และบอกให้อีกฝ่ายรอ เห็นได้ชัดว่า เขามีความสามารถในการประเมินสถานการณ์ที่ค่อนข้างสูง มันคงจะดีกว่าหากพวกเขารอดูสถานการณ์ก่อนดีกว่าที่จะไปเสี่ยงในแนวหน้า

“พวกเรามาสังเกตุความผิดปกติของปีศาจตัวนี้กันก่อน เพื่อดูว่าเราจะพบจุดอ่อนของมันหรือไม่ บางทีมันอาจจะอันตรายกว่าที่เราคิดเอาไว้!”

หลิวต้าฟู่ ถือว่า ไป๋ตงหลิน เป็นไพ่ใบสุดท้ายในการลงมือ เมื่อเทียบกับเหล่านักพรตเต๋าเหล่านั้นแล้ว ไป๋ตงหลิน มีความสำคัญมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่ว่าเขาเลือดเย็นและต้องการสละชีวิตของใครบางคนเป็นหนูทดลอง แต่เขาต้องการเก็บไพ่ใบสุดท้ายเอาไว้

ทั้งนี้ก็เพื่อโอกาสที่จะฆ่าปีศาจตัวนี้

สิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือการค้นหารายละเอียดของปีศาจและมองหาจุดอ่อนของมัน

ไป๋ตงหลิน เองก็หยุดเดิน หลิวต้าฟู่ พูดถูก แม้ว่าเขาจะเป็นอมตะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถจัดการกับปีศาจตัวนี้ได้ พลังการโจมตีของเขาไม่ได้รุนแรงเท่ากับความสามารถในการช่วยชีวิตของเขา

หลิวต้าฟู่ ได้ยกมือขึ้นข้างนึง และ ส่งยันต์แผ่นนึงไปที่ ไป๋ตงหลิน เพื่อทำให้เขามองเห็นภาพโดยรวมผ่านยันต์แม่อันนี้

เมื่อ หวังลู่เฟย ไปถึงห้องเก็บสัมภาระ นักพรตเต๋านับ 10 คน ก็ได้ล้อมรอบกล่องทองแดงเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว หมอกสีเทาเหล่านี้ ไม่ได้เริ่มโจมตีก่อน ซึ่งเหล่านักพรตเต๋าก็เช่นเดียวกัน

ความรู้สึกอันหนักแน่นกำลังเตือนพวกเขาอยู่ตลอดเวลา หากลงมือโดยไม่สนใจอะไร เกรงว่าพวกเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

หวังลู่เฟยได้มองไปที่ กล่องทองแดง ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาตระหนักดีถึงความน่าสะพรึงกลัวของปีศาจตัวนี้ แต่เนื่องจากเขาพบมันแล้ว เขาย่อมไม่ปล่อยมันไปโดยธรรมชาติ

ในเวลานี้เองเขาได้นำตะเกียงทองเหลืองออกมาอย่างเร่งรีบ และ วางตรงหน้าของเขา

ไส้ตะเกียงภายในที่ทำจากวัสดุที่ไม่เป็นที่รู้จัก ได้บิดตัวและปลดปล่อยเปลวไฟสีน้ำเงินขนาดเท่าเม็ดถั่วออกมา

หลังลู่เฟย ได้ถ่ายเทพลังปราณของเขาลงไปในตะเกียงทองเหลือง จนทำให้เปลวไฟสีน้ำเงินของมันลุกไหม้อย่างดุเดือด

ในขณะนี้ เขาได้ถือตะเกียงเดินเข้าไปหา กล่องทองแดงทีละขั้น เมื่อเขาเข้าใกล้ ควันสีเทาก็กลิ้งไปมาอย่างดุเดือด

เมื่อทุกคนเห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอย หมอกสีเทาที่วนเวียนอยู่โดยรอบ มันได้บินตรงไปทาง หวังลู่เฟย โดยไม่ลังเล

ผิวของ หวังลู่เฟย ค่อนข้างสงบ ในตะเกียงทองเหลือง เปลวไฟสีน้ำเงิน ได้ถูกปลดปล่อยออกมาในรูปลักษณ์ของมังกรและพุ่งเข้าไปพันร่างของเงาสีเทาเอาไว้

เห็นฉากนี้ ดวงตาของ หวังลู่เฟย ได้เป็นประกาย เขามองเห็น มังกรเพลิงที่กำลังรัดร่างของหมอกสีเทาเอาไว้ ทำให้มันไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้

“รีบโจมตีร่างหลักของเจ้าปีศาจนี่เร็วเข้า!”

หวังลู่เฟย ได้ตะโกนออกมา เขาต้องรักษาความเสถียรของพลังตะเกียงทองเหลืองเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

เหล่านักพรตเต๋าที่อยู่โดยรอบเมื่อได้ยินพวกเขาก็ระงับความหวาดกลัวในใจ และ เรียก อาวุธวิเศษต่าง ๆออกมาโจมตีใส่ กล่องทองแดง จากระยะไกล

ทันใดนั้น ทั่วห้องเก็บสัมภาระ ก็สว่างไสวไปทั่ว การโจมตีนับไม่ถ้วน ได้ตกลงบนกล่องทองแดง จนผลที่ตามมาได้ทำลายสินค้าโดยรอบไปทั้งหมด แม้ว่า ภายในห้องเก็บสัมภาระ จะถูกวางข่ายอาคมป้องกัน แต่ก็น่าเสียดายที่แกนพลังของเรือฉางเหลียนได้ถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้นหลังจากถูกระดมการโจมตี สภาพภายในห้องก็กลายเป็นเละเทะอย่างมาก

ควันสีเทาได้สลายหายไป และ กล่องทองแดงได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทว่าในเวลานี้ มันได้ส่องแสงสีดำไปทั่วร่างกาย และ ยิ่งมายิ่งรุนแรงมากขึ้น

มองเห็นฉากนี้ ผิวของทุกคนได้เปลี่ยนไป ความแข็งแกร่งของ กล่องทองแดงค่อนข้างเหนือจินตนาการ แม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังดินแดนกำเนิดสวรรค์ ก็ยังไม่มีร่างกายที่ทนทานขนาดนี้

แม้ว่าการโจมตีของพวกเขาจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับกล่องทองแดงได้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะรู้สึกโกรธ ทำให้ มันปลดปล่อยหมอกสีเทาที่หนาแน่นออกมาอีกครั้ง

เหล่านักพรตเต๋าจำนวนมากได้ล่าถอยในทันที พวกเขาไม่มี ตะเกียงทองเหลือง คอยป้องกัน แต่ทว่า หมอกสีเทานั้นรวดเร็วมาก เพียงพริบตาเดียว มันก็พรากชีวิตนักพรตเต๋าเหล่านี้ไปหลาย 10 คนในพริบตา

สีหน้าของ หวังลู่เฟย ได้กลายเป็นซีดเซียว พลังปราณในร่างของเขากำลังจะเหือดแห้ง และ ความเสถียรของตะเกียงทองเหลืองก็เริ่มลดลง หากสิ่งนี้มอดดับไป เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ดังนั้นเขาจะต้องทนไว้ให้ได้นานที่สุด

ทารกในครรภ์ของเขา ได้ปลดปล่อยพลังแสงสีทองออกมา สิ่งนี้ได้ห่อหุ้มไปทั่วร่างกายของเขา จากนั้นเขาก็กระอักโลหิตออกมา 3 ครั้ง โลหิตคำโต ได้ถูกพ่นลงไปบนตะเกียงทองเหลือง

ฟุ่บ!

ตะเกียงทองเหลือง ได้บังเกิดการแยกตัวอย่างกระทันหัน มันได้ถูกแบ่งออกเป็นสองซีก!

บูม! ทันใดนั้น เปลวไฟสีน้ำเงินจาง ๆ ก็กลายเป็นรุนแรงมากกว่าเดิม 10 เท่า มังกรเพลิงที่ดูเหมือนจะยังมีชีวิตได้ร่ายรำไปทั่วและพุ่งเข้าไปหา หมอกสีเทา ที่ปรากฏออกมา

หมอกสีเทาไม่ได้ไล่ตาม เหล่านักพรตเต๋าที่หวาดกลัวเหล่านี้ กลับกัน มันกำลังเผชิญหน้ากับมังกรเพลิงอย่างดุเดือด

ดวงตาของ หวังลู่เฟย เริ่มพร่ามัว แขนที่ถือตะเกียงทองเหลืองของเขาสั่นเล็กน้อย เขาไม่สามารถกระตุ้นพลังในร่างกายของเขาได้อีกต่อไป และ ตะเกียงทองเหลืองก็ใกล้มาถึงขีดจำกัดแล้วด้วย

หากร่างหลักของปีศาจอย่าง กล่องทองแดง ยังไม่ถูกทำลาย เห็นทีว่าเขาก็คงจะไม่รอดไปจากสถานที่แห่งนี้

และสถานการณ์ก็คงสิ้นสุดด้วยความล้มเหลวเป็นแน่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด