ชีวิตของสาวน้อยในโลกออนไลน์ ตอนที่12: ความรักของแม่
ตอนที่12: ความรักของแม่
เมื่อเข้ามาในบ้าน อเล็กก็เห็นแม่ของเธอกำลังดูทีวีโชว์อยู่ในห้องนั่งเล่น มีเด็กๆกำลังเล่นอยู่ข้างๆ
“กลับมาแล้วค่ะ” เธอทักทายอย่างเอื่อยๆ เริ่มขี้เกียจขึ้นไปในห้อง
ไอรีนหันกลับมามองว่าใครมา แล้วเธอก็เห็นอเล็ก เธอกำลังจะตอบกลับแต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้เสียก่อน “เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าเที่ยงนี้ลูกมีเรียนหรอกหรือ?”
“ไม่ใช่ตอนนี้แม่ ตอนนี้หนูต้องการพักสักหน่อย” อเล็กขี้เกียจตอบ เธอเดินขึ้นไปชั้นบน
เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับอย่างอ่อนแอของลูกสาว ไอรีนเป็นกังวลมากแต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ “เกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวของลูกนะ” ไอรีนพึมพำขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวต่อหน้าเด็กๆ
ฝาแฝดไม่เข้าใจที่แม่พูด
เมื่อสังเกตเห็นความสับสนบนใบหน้าของแฝด ไอรีนไม่ได้อธิบายอะไรอีก เธอหันไปอุ้มแซนดร้าที่กำลังร้องไห้ขึ้นมาในอ้อมกอด แล้วร้องเพลงกล่อมเพื่อหวังจะให้ลูกน้อยหลับเร็วขึ้น แล้วเธอจะได้ขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของเธอ
…
ผ่านไปไม่กี่นาที ในที่สุดแซนดร้าก็หลับแล้วหลังจากที่ร้องเพลงกล่อมสุดโปรดไปสองเพลงและให้น้ำนมไป
เธอเดินไปที่เด็กๆทั้งสามที่กำลังเล่นกันอยู่หน้าทีวี
“แอ๊กซ์ เอล ดูแลน้องเซเรนกับน้องแซนดร้าให้แม่แปปนึงนะ โอเคไหม? แม่ขอขึ้นไปดูพี่สาวเจ้าปัญหาของลูกก่อน” ไอรีนค่อยๆพูดกับเด็กแฝดเพื่อให้เด็กๆเข้าใจเธอ
ฝาแฝดเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย “โอเคค~~~”
“ชู่ววว เงียบๆหน่อย แซนดร้ากำลังหลับอยู่”
เธอวางทารกลงบนเปล
“โอเค..~~~” ฝาแฝดประสานเสียงอีกรอบ แต่ครั้งนี้ลดเสียงลง
แฝดหันกลับไปเล่นกับเซรีนอีกครั้ง
เมื่อเห็นเด็กๆกำลังยุ่งกันอยู่ ไอรีนก็สามารถเดินไปดูอเล็กได้แล้ว “จริงๆแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับลูกกันแน่?” ไอรีนพึมพำด้วยความกังวลขณะที่กำลังเดินไปยังห้องของอเล็ก
…
ตอนที่อเล็กเข้าไปในห้องของเธอ เธอก็กระโดดขึ้นไปบนเตียงทันที
ผ่านไปสองสามนาทีแล้วตั้งแต่ที่เธอเข้ามา สิ่งเดียวที่เธอทำในตอนนี้คือการนอนแผ่อยู่บนเตียงและเหม่อมองเพดานอย่างเลื่อนลอย
ความเงียบสงบในห้องโดนทำบายเมื่อเธอได้ยินเสียงแม่เคาะประตูห้อง
“แม่คงกังวล ฉันคงดูน่าสงสารมากตอนมาถึงบ้าน” อเล็กพึมพำ
อเล็กไม่ได้ขานรับแม่ที่เรียกเธออยู่นอกห้อง เธอยังคงมองไปยังเพดานโล่งๆ หลังจากผ่านไปสักพัก แม่ของเธอก็หยุดเคาะและเดินลงไปชั้นล่าง
อเล็กลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปปลดล็อกประตู มันไม่จำเป็นที่ต้องล็อกห้องต่อแล้วเพราะแม่คงเดินลงไปเอากุญแจ เธอรู้สึกขี้เกียจกลับไปที่เตียงหลังจากเปิดล็อกประตู
อเล็กได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆของแม่ดังก้องไปทั่วพื้นไม้หลังจากที่เธอกลับไปนอนบนเตียง
แม่คงรู้สึกโกรธเคืองไม่ก็รำคาญเธออยู่ เธอสัมผัสได้ถึงเสียงฝีเท้าที่หนักกว่าปกติ อเล็กซุกตัวลงไปในหมอนและผ้าห่มเตรียมรับความโกรธของแม่
…
กับกุญแจที่อยู่ในมือเธอ ไอรีนเสียบเข้าไปในลูกบิดประตู เมื่อเธอกำลังหมุนกุญแจก็รู้สึกได้ว่าประตูไม่ได้ล็อกแล้ว ไอรีนถอนหายใจ
แทนที่จะรีบตรงเข้าไปหาลูกสาวที่แสดงพฤติกรรมแย่ๆออกมา ไอรีนผลักประตูอย่างนุ่มนวลแล้วค่อยๆเดินเข้าไปในห้อง
เมื่อเห็นลูกสาวห่อตัวอยู่ในผ้าห่ม ไอรีนค่อยๆเดินเข้าไปนั่งข้างๆเธอ
“ลูกโอเคไหม?” ไอรีนกระซิบอย่างนุ่มนวล
…
เมื่อได้ยินเสียงที่อ่อนโยน อบอุ่นและห่วงใยของแม่ อารมณ์ที่ถูกอเล็กกักเก็บเอาไว้ตลอดเวลาก็เริ่มระเบิดออกมา
เธอออกมาจากผ้าห่มทันทีและพุ่งเข้าหาอ้อมกอดอันอบอุ่นของแม่
…
อเล็กพุ่งเข้าสู่อ้อมกอดของเธอแล้วร้องไห้ออกมา และมันทำให้เธอเจ็บปวดเมื่อเห็นลูกของตัวเองเป็นแบบนี้ แต่กระนั้น เธอทำเพียงกอดลูกกลับอย่างเงียบๆ ทำให้ลูกรู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกต้องการเธอ เธอก็จะอยู่เคียงข้างลูกเสมอ
ลูกสาวของเธอแข็งแกร่งขึ้นตลอดทั้งปีมานี้ แต่ถึงยังไง มันก็เร็วมากจนถึงจุดที่การที่ค่อยๆสอนสิ่งต่างๆให้กับเธอนั้นไม่ทันต่อการเติบโตอันรวดเร็วของเธอ ไม่ต้องพูดถึงเด็กๆทั้งสี่คนที่เธอกำลังดูแลอยู่ ส่งผลให้เธอให้ความสนใจกับเด็กๆ แบ่งแยกระหว่างพวกเขาออก
“หนูไม่อยากเปลี่ยนไปอีกแล้ว” อเล็กพูดขึ้นกะทันหันแล้วสำลักน้ำลาย พูดไปสะอื้นไป
อยู่ๆอเล็กก็พูดถึงตัวเธอที่เปลี่ยนไป ไอรีนก็นึกถึงเพียงการประกาศก่อนหน้านี้เท่านั้นที่ทำให้ลูกของเธอเป็นแบบนี้
มันคงมีอะไรบางอย่างที่ต้องทำกับเกมตัวใหม่และบางสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกของเธอเมื่อห้าปีก่อน
“ทุกๆอย่างจะไม่เป็นไร” กอดอเล็กกลับอย่างอ่อนโยน เธอสามารถพูดได้เพียงเท่านี้เพราะเธอไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการจัดการปัญหาแบบนี้
เมื่อตอนที่อเล็กเป็นเด็ก ไอรีนไม่เคยเห็นลูกของเธอร้องไห้ให้กับสถานการณ์ไหนเลย อเล็กเป็นเด็กที่เข้มแข็งมาตั้งแต่เกิด เรียนรู้สิ่งต่างๆด้วยตัวเองไม่พึ่งคนอื่น แก้ปัญหาด้วยตัวเอง
แต่เมื่อเห็นลูกสาวของเธอกำลังร้องไห้เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ หัวใจของเธอเหมือนถูกทุบจนแตกทุกครั้งที่เธอรู้สึกถึงหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นลงบนไหล่ของเธอ
ไม่นึกถึงความแข็งแกร่งที่ลูกสาวมี เธอยังคงเด็กเกินไปที่จะเข้าใจตัวตนของตัวเอง ลูกสาวของเธอคงคิดว่าในตอนนี้คงไม่มีที่ไหนเลยที่เธอจะได้เป็นเด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง
…
อเล็กกับแม่ยังคงกอดกันอยู่ ในที่สุดลมหายใจของเธอก็ค่อยๆช้าลง และอะดรีนาลีนที่เธอสัมผัสถึงก็เริ่มสงบลงในแต่ละครั้งที่แม่กอดเธออย่างอ่อนโยน
เมื่อเธอสงบใจและรวบรวมความคิดได้แล้ว อเล็กตระหนักได้ว่าเธอกลัวที่จะจำตัวเองไม่ได้อีกถ้าหากเธอเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“หนูกลัว”
“กลัวที่จะกลายเป็นคนที่ทุกๆคนไม่ชอบ”
แม่ของเธอบีบไหล่เธอแน่น แล้วดันเธอออกจากอ้อมกอดของตัวเอง “ฟังแม่นะ ไม่ว่าลูกจะเปลี่ยนไปเท่าไหร่ ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไรทั้งในอดีต… ปัจจุบัน… หรือแม้กระทั่งในอนาคต… พ่อของลูกและแม่ก็จะยังรักลูกเสมอ รักโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ นั่นเป็นเพราะลูกจะเป็นลูกสาวที่รักของพวกเราตลอดไป” แม่ของเธอพูดพร้อมกับจ้องไปที่ดวงดาของเธอ
มันกวนใจที่ได้สงบลงของเธอเมื่อครู่ที่แล้ว
วิสัยทัศน์ของเธอถูกปกคลุมไปด้วยม่านน้ำตา เธอเห็นดวงตาที่เปียกน้ำ จมูกและแก้มสีกุหลาบของแม่
ที่ผ่านมา แม่กำลังร้องไห้อย่างเงียบๆขณะปลอบโยนเธอ
“แม่…” ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา แม่ก็โอบกอดเธออีกครั้ง
“ไม่มีอะไรที่ถาวรยกเว้นการเปลี่ยนแปลง สิบห้าปีที่แล้ว เมื่อตอนที่แม่และพ่อของลูกเป็นคนสองคนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง พ่อของลูกเคยเป็นนายพลห้าดาวที่เด็กที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นนายพลที่กระหายเลือด ป่าเถื่อน และดุร้ายบนสนามรบ สนามรบที่เขารัก สหายที่เขาหวงแหน และตำแหน่งที่เขาได้มันมาด้วยความอุตสาหะเขาทิ้งมันทั้งหมดเพื่อครอบครัวของเขา ตอนนี้พ่อของลูกเป็นเพียงครูสอนศิลปะการต่อสู้ธรรมดาๆคนหนึ่ง ส่วนแม่เคยเป็นแพทย์นอกสนาม ดูแลพ่อของลูกและพวกพ้องผู้บาดเจ็บบนสนามรบ แล้วตอนนี้ มองมาที่แม่สิ แม่บ้านธรรมดาๆที่ดูแลลูกๆทั้งห้าคนของเธอ”
“แม่เคยรู้สึกเสียใจที่เปลี่ยนไปไหม?” ฝังหน้าเข้ากับอกของแม่ อเล็กพูดอย่างยากลำบาก
“เสียใจ?”
“พวกเราไม่เคยรู้สึก เรารักในงานของเรา แต่ไม่มีอะไรที่สามารถเทียบเคียงความรักที่เรามีให้ลูกได้ มันมากมายเหนือกว่าทุกๆสิ่งบนโลกใบนี้” แม่ของเธอพูดขณะลูบหัวของเธออย่างอ่อนโยน
“ชีวิตเป็นเพียงการเดินทาง คนเราต้องเปลี่ยนไปในสักวันหนึ่ง ตราบใดที่ลูกยังดีกับตัวเอง ใช้ชีวิตของลูกโดยไม่ต้องกังวล ไม่สำคัญว่าลูกจะเปลี่ยนไปสักกี่ครั้ง ครอบครัวของลูกก็จะอยู่กับลูกเสมอ”
“แม่?”
“หืมมมม?”
เธอมองตรงเข้าไปยังดวงตาของแม่ “หนูอยากจะเห็นโลกใบนั้น” อเล็กขออนุญาต ตอนนี้เธอสงบลงและตัดสินใจได้แล้ว
--------------------
สวัสดีนักอ่านทุกๆคนนะคะ (ฉันมาช้าไปไหมคะ แฮ่) ฉันเป็นนักแปลมือใหม่ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ^__^