ตอนที่แล้วตอนที่ 118 หลิวหรูเยียนผู้หญิงที่ทำงานได้เหมือนผู้ชาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 120 ไม่ถึงแสนล้าน

ตอนที่ 119 ที่แท้เขาคือเย่เทียน


กำลังโหลดไฟล์

“สารเลวตัวไหนมันเรียกฉัน?”

ผางเหว่ยหันไปมองเย่เทียนที่เป็นคนรับรองให้เขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขากัดฟันเปิดประตูเข้าไปหลังจากชายคนนั้นพูดจบ

โดยไม่รอให้คนด้านในเชิญพวกเขาเข้าไปก่อน เขาก็เปิดประตูให้เย่เทียนเดินเข้าไป

เมื่อหลิวหรูเยียนที่กำลังอารมณ์ไม่ดีเห็นเย่เทียนกับผางเหว่ยมาหาเธอที่บริษัท ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอจึงสงบลงและแสดงรอยยิ้มอันมีเสน่ห์โดยไม่สนใจพ่อเธอที่อยู่ด้วยแม้แต่น้อย เธอลุกจากเก้าอี้ให้เย่เทียนนั่งด้วยความสมัครใจ “ไม่นั่งเหรอ?”

เย่เทียนเดินไปหาหลิวหรูเยียนอย่างเป็นธรรมชาติ เขาเอาร่างกายทรงเสน่ห์ของเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนแล้วกอดเธอนั่งตักบนเก้าอี้

เธอเอื้อมมือออกไปจัดผมที่กระจัดกระจายบนหน้าหลังจากทำงานมาทั้งวันโดยไม่สนใจอาการตกตะลึงของคนอื่นๆ

ผมของหลิวหรูเยียนเป็นสีดำเงาเรียบร้อยเหมือนกับผมของคณบดีหญิงในโรงเรียนสมัยก่อน แม้ว่าจะให้ความรู้สึกแข็งแกร่งแต่ก็ยังขาดความนุ่มนวลของผู้หญิง

เย่เทียนจึงแกะที่รัดตรงผมออกแล้วปล่อยให้ผมยาวสีดำเงาของเธอตกลงมา เขาเอามือไปลูบผมของเธออย่างเบามือจนแก้มของเธอค่อยๆเป็นสีแดงอ่อนๆ “เหนื่อยมากไหมนั่งพักก่อนเถอะ ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าบริษัทมีเงินไม่พอมาบอกฉัน”

หลิวหรูเยียนเผชิญหน้ากับเย่เทียนที่อายุน้อยกว่าเธออย่างน้อยแปดปี นี่เป็นการแสดงออกของหลิวหรูเยียนที่หาดูได้ยากมา เธอโอบแขนรอบคอเย่เทียนต่อหน้าคนอื่นและเอนหน้าซบไหล่เขา “อืม”

เรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ผางเหว่ยที่ติดต่อกับประธานหลิวอยู่หลายครั้งก็ยังต้องตะลึง แม้แต่พ่ออย่างสวีเทียนจื้อที่เป็นคนเลี้ยงเธอมาและอาขุยที่เป็นบอดี้การด์ให้สวีเทียนจื้อมาหลายปีเมื่อเห็นฉากนี้ก็ยังลืมว่าจะพูดอะไรต่อ

บรรยากาศแสนหวานของสองคนนี้หวานยิ่งกว่าซีรีย์ที่โรยด้วยน้ำตาลของรายการทีวีช่องต่างๆ

ยิ่งกว่านั้นคือหลิวหรูเยียนที่อยู่ในธุรกิจไห่จิงมานานกว่าสิบปีชอบผู้ชายที่อ่อนกว่า?

สมัยก่อนมีข่าวลือว่าเธอรังเกียจผู้ชายมากจนและไม่สนใจผู้ชายคนไหนเลย บ้างก็ว่าเธอเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกัน

คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นผู้ใหญ่มีเสน่ห์และไม่ได้เป็นตามข่าวลือที่ว่านั่นด้วย ไอ้พวกที่บอกว่าเธอชอบไม้ป่าเดียวกันต้องมีปัญหาด้านสายตาแน่ๆ

ถ้าผางเหว่ยไม่เห็นภาพในตอนนี้ เขาคงยกนิ้วให้พี่เย่เทียนของเขาไปแล้ว

พี่ชายของฉันสุดยอดจริงๆ

เขาใช้วิธีไหนควบคุมหม่าป่าตัวเมียอย่างหลิวหรูเยียนได้กันนะ

เก่งเกินไปแล้ว

คำชมของพี่ชายเขาพูดได้แค่ประโยคเดียว

โครตสุด

หลายปีที่ผ่านมาสวีเทียนจื้อไม่รู้ว่าเขาแนะนำครอบครัวชนชั้นสูงทั้งด้านการเมืองและด้านธุรกิจให้หลิวหรูเยียนที่เป็นลูกนอกสมรสไปมากเท่าไหร่ เธอไม่ได้ปฏิเสธโดยตรงแต่เธอจะบอกว่าไม่ว่างเพราะยุ่งอยู่กับบริษัทหรือไม่ก็หาสิ่งล่อตาล่อใจมาให้เขาแทน

ไม่ว่าชายหนุ่มพวกนั้นมีแนวโน้มจะชอบเธอมากแค่ไหนหลิวหรูเยียนก็มักจะดูถูกคนพวกนั้นเสมอ ไม่ว่าเธอต้องการอะไรเธอก็จะสู้เพื่อมันเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งผู้ชายหรือครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังพวกนั้น

ต่อมาได้มีข่าวลือว่าเธอเป็นผู้หญิงที่รักร่วมเพศจึงทำให้เหล่าลูกของนักกการเมืองและนักธุรกิจต่างพากันหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าหาเธอเหมือนแมลงวันหัวขาดอีก

หลังทำงานหนักมาสองปีหลิวหรูเยียนก็ได้พบหนุ่มหน้าขาวทรงพลังเหรอ?

เธอโสดมานานเกินไปเลยทำให้สมองเธอต้องการคนหล่อมาปลุกเร้าใช่ไหม?

ผู้ชายคนนี้อย่างกับคนนิสัยหมา ยังดีที่ยังใส่เสื้อผ้าอยู่...

ไม่ว่าสวีเทียนจื้อพยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใครหรือเป็นนายน้อยจากตระกูลไหน

แต่เขาจำได้เป็นว่าคนอ้วนที่ติดตามหนุ่มหน้าขาวคนนี้เป็นลูกชายคนที่สามของตระกูลผาง

ตอนที่เขากำลังดื่มชาพูดคุยกับเฒ่าผาง เฒ่าผางยังคงชมลูกชายคนที่สามของเขาซึ่งอ้วนจนกลายเป็นลูกบอล ในตอนนั้นสวีเทียนจื้อต่างอิจฉาเพื่อนเก่าทุกคนที่มีลูกชายสืบทอดมรดกของตระกูล

ซึ่งต่างกับเขาที่หลังจากอายุหกสิบปีถึงได้รู้ว่าเขามีลูกสาวนอกสมรสอยู่ต่างประเทศ

ในตอนนั้นหลิวหรูเยียนได้รู้ว่าแม่ของเธอเป็นแค่เจ้าหญิงในคลับเท่านั้น

โชคดีที่หลิวหรูเยียนมีความสามารถในการแข่งขันสูง ไม่ว่าแม่แท้ๆของเธอจะแย่แค่ไหนแต่เธอมีความพยายามตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เธอชอบอ่านหนังสือและอ่อนไหวต่อเรื่องเงินเป็นพิเศษและเธอเรียนจบปริญญาโทด้วยการเรียนข้ามชั้น

จากนั้นเธอก็เข้ามาในบริษัทต้าเฟิงและใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีเธอก็ได้ขึ้นมารับตำแหน่งประธานบริษัท

น่าเสียดายที่ความสำเร็จเป็นของหลิวหรูเยียนและการสูญเสียก็เป็นของหลิวหรูเยียนเช่นกัน

บริษัทต้าเฟิงในปัจจุบันถูกครอบครองโดยลูกสาวนอกสมรสอย่างหลิวหรูเยียน

แม้ว่าสวีเทียนจื้อจะเป็นผู้ก่อตั้งและถือหุ้น20%ของบริษัทต้าเฟิง แต่ถ้าเทียบกับ25%ที่เขามอบให้หลิวหรูเยียนในอดีตมันเทียบได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ

ยิ่งไปกว่านั้นการโยกย้ายบุคลากรและการตัดสินใจเกี่ยวกับบริษัททั้งหมดทำโดยหลิวหรูเยียนคนเดียว ไม่มีใครไปถามผู้ก่อตั้งและประธานคนเก่าแม้แต่น้อย

ในช่วงสองวันที่ผ่านมาเขายังได้ยินมาว่าหลิวหรูเยียนได้ดำเนินโครงการใหญ่เพื่อสร้างศูนย์กีฬาสาธารณะ 20 เฮกตาร์ในเขตพัฒนาภาคเหนือ เขารีบมาที่บริษัทในชั่วข้ามคืนเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาติดตามผลของบริษัท

แต่ใครจะรู้ว่าหลิวหรูเยียนไม่ให้เขาเข้าไปยุ่งกับโครงการนั้นและยังขอให้เขาวางมือและหยุดยุ่งกับกิจการของบริษัท

แถมเขายังถูกเยาะเย้ยเขาโดยบอกว่าเขาไม่สามารถเก็บหุ้น51%ของบริษัทต้าเฟิงไว้ได้และถูกชายลึกลับเบื้องหลังซื้อไป ทำให้บริษัทต้าเฟิงในปัจจุบันถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเย่แทนที่จะเป็นสวี

เมื่อสวีเทียนจื้อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็หงุดหงิดมาก หัวมังกรที่อยู่ในมือของเขาแทงพรมใต้เท้าเขาอีกครั้งจนส่งเสียง'ตึง'

หลังจากนั้นเขาได้ไม้ค้ำชี้ไปที่เย่เทียนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับหลิวหรูเยียนในอ้อมแขนและถามผางเหว่ยที่กำลังตกตะลึงอยู่ “ลูกคนที่สามของตระกูลผาง นายพาไอ้หนุ่มหน้าขาวมาที่บริษัทต้าเฟิงของฉันทำไม?”

จากนั้นเขาก็หันไปตำหนิเย่เทียนซึ่งมีหลิวหรูเยียนนั่งตักอยู่ “แล้วแกเป็นใคร รีบปล่อยหลิวหรูเยียนได้แล้ว ที่นี่คือห้องประธานบริษัทต้าเฟิง ถ้าพนักงานบังเอิญเข้ามาเห็นจะทำยังไง?”

เย่เทียนรู้สึกได้ว่าร่างกายของหลิวหรูเยียนแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธของสวีเทียนจื้อ เขาจึงปลอบหลิวหรูเยียนโดยใช้เสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “ไม่ต้องกลัว เธอมีฉันอยู่ด้วย!” จากนั้นเขาก็หันไปตอบสวีเทียนจื้อ “สกุลของฉันคือเย่ ชื่อของฉันคือเทียน!”

“ใครคือเย่เทียน?” เย่เทียน? ชื่อนี้มันคุ้นๆนะ นี่เป็นชื่อของคนที่อยู่เบื้อหลังในการซื้อหุ้น51%ของบริษัทต้าเฟิงไม่ใช่เหรอ?

ในเวลานี้สวีเทียนจื้อมองเย่เทียนเป็นดั่งมังกรที่เห็นหัวไม่เห็นหาง นี่คือผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมบริษัทต้าเฟิงอย่างแท้จริง