ตอนที่ 118 หลิวหรูเยียนผู้หญิงที่ทำงานได้เหมือนผู้ชาย
“รอด้วย…”
ผางเหว่ยขับรถแมคลาเรนพี1สีแดงของเขาไปใจกลางเมืองพร้อมกับเย่เทียน
ระหว่างทางเขาก็ต้องกลั้นเสียงหัวเราะจนเกือบช้ำใน
เขาไม่คิดมาก่อนว่าคุณเย่ที่เขาต้องทำตามคำสั่งจะนอบน้อมต่อหน้าพี่สะใภ้อย่างเซียวหรงแบบนี้
พอได้ฟังสิ่งที่พวกเขาพูดเมื่อครู่ คุณเย่กลับไม่เคยนอนบนเตียงเดียวกับพี่สะใภ้ด้วยซ้ำ คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ลูกผู้ชายต้องทำต่อหน้าพี่สะใภ้ที่คู่หนุ่มสาวชอบทำเลย
เย่เทียนมองอย่างโกรธเคืองเที่เขากลั้นเสียงหัวเราะไว้จนทำให้หน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเลือดหมู “อยากหัวเราะก็หัวเราะไปเลย”
ผางเหว่ยที่ได้รับคำอนุญาตจากเย่เทียนแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า...พี่ชาย เย็นนี้ฉันได้รู้อะไรเยอะเลย พี่สะใภ้เหนือกว่าพี่ชายฉันอีกนะเนี่ย ขอชื่มชมเธอจากใจเลย”
“ว่าไงนะ?”
“บ้าเอ๊ย ปากกาวัว”
เย่เทียนยอมรับมุมมองของผางเหว่ยในใจ
เย็นนี้ที่เซียวหรงออกมาสู้กับเขามีเสน่ห์จริงๆ
แต่ว่าแตงแข็งนั้นไม่หวาน เขาคงต้องเปลี่ยนวิธีการอยู่ร่วมกันซะก่อน
อย่างแรกเลย ผู้หญิงของเขาแม้ว่าจะเป็นแค่ภรรยาในนามแต่ก็ไม่มีเหตุผลต้องทำงานให้พวกปรสิตเพื่อหารายได้เท่าค่าขนม เขาจึงบอกให้ผางเหว่ยขับไปที่บริษัทต้าเฟิง “เงียบได้แล้ว ไปหาหลิวหรูเยียน”
ผางเหว่ยพบว่าตัวเองหัวเราะเยอะไปหน่อย เขากลัวว่าเย่เทียนจะโกรธจึงรีบกระแอมในลำคอและเหยียบคันเร่งไปที่บริษัทต้าเฟิงด้วยความเร็วสูงสุด...
แม้ว่านี่จะเป็นเวลาสองทุ่มแล้วแต่อาคารสำนักงานใหญ่ต้าเฟิงก็ยังสว่างไสวอยู่ พนักงานหลายคนทำงานล่วงเวลา เย่เทียนก็รู้สึกทรมาณจากก้นบึ้งของหัวใจเมื่อเห็นหญิงแกร่งอย่างหลิวหรูเยียนทำงานล่วงเวลา
ผางเหว่ยจอดรถมองเย่เทียนด้วยสีหน้าเศร้าใจ เขารู้ว่าเย่เทียนต้อลำบากใจกับหลิวหรูเยียนที่ทำงานล่วงเวลาทุกคืน “พี่ชาย ประธานหลิวอยู่ในสามอันดับแรกของแวดวงธุรกิจไห่จิง ผู้จัดการชายหลายคนเทียบกับเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ
มีคำกล่าวในห้างสรรพสินค้าว่าบริษัทไหนที่หลิวหรูเยียนสนใจ บริษัทนั้นจะอยู่รอดไม่พ้นคืน
นอกจากนี้ยังมีคำกล่าวอีกว่าถ้าหลิวหรูเยียนช่วยบริษัทไหน บริษัทนั้นจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นจึงมีคำกล่าวในบริษัทเฮดฮันเตอร์ว่าถ้าบริษัทเฮดฮันเตอร์ไหนแย่งหลิวหณูเยียนไปจากบริษัทต้าเฟิงได้ บริษัทนั้นย่อมได้ครองอุตสาหกรรมเฮดฮันเตอร์
จินตนาการได้เลยว่าหลิวหรูเยียนมีอำนาจแค่ไหนในแวดวงธุรกิจไห่จิง
สำหรับสิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้คือพนักงานจำนวนมากของบริษัทต้าเฟิงเลือกที่จะอยู่ทำงานล่วงเวลา นอกจากนี้การทำงานล่วงเวลานี้ยังได้เงินล่วงเวลาจากประธานหลิวด้วย
ตามจริงแล้วบริษัทต้าเฟิงก็เหมือนกับบริษัทอื่นๆที่เวลาเลิกงานปกติคือ18.00น. แต่ถ้าพนักงานเลือกทำงานล่วงเวลา เงินเดือนระหว่าง18.00-20.00น.จะเพิ่มเป็นสองเท่า เงินเดือนระหว่าง18.00-22.00น.จะเพิ่มเป็นสามเท่าและเงินเดือนระหว่าง22.00-24.00น.จะเพิ่มเป็นสี่เท่า
แน่นอนถ้าลูกจ้างป่วยเพราะทำงานล่วงเวลาก็จะถูกหักเงินเดือนครึ่งหนึ่งหรือไม่ก็โดนไล่ออก
ประธานหลิวสนับสนุนการประเมินประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาพร่างกาย ในบริษัทต้าเฟงิจะไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชังเปิดประตูหลังเพื่อตำแหน่งแต่อย่างใด พนักงานทุกคนจะได้เลื่อนตำแหน่งตามความสามารถของตัวเอง
ด้วยการคัดกรองอย่างเข้มงวดของประธานหลิว พนักงานทุกคนในบริษัทต้าเฟิงจึงล้วนแต่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและมีสุขภาพทดีถ้วยหน้า
บอกตามตรงว่าผู้บริหารระดับสูงหลายคนในบริษัทเหล่าฉินก็เคยเป็นลูกน้องประธานหลิวมาก่อน
แม้ชนชั้นสูงเหล่านั้นเคยอยู่ในบริษัทต้าเฟิงมาก่อน แต่ก็เป็นได้แค่คนระดับกลางถึงระดับล่างเท่านั้น ดังนั้น บริษัทต้าเฟิงจึงยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในไห่จิงและเติบโตมาเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าในตลาด 6,000 ล้าน...”
ผางเหว่ยยิ่งคิดก็ยิ่งอิจฉาเย่เทียนที่มีประธานมีความสามารถอย่างหลิวหรูเยียน
เย่เทียนตั้งใจฟังที่ผางเหว่ยพูดแต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับการตัดสินใจและการดำเนินงานของ หลิวหรูเยียน
เนื่องจากส่งบริษัทต้าเฟิงให้หลิวหรูเยียนดูแลแล้ว เธอย่อมสามารถทำได้ทุกอย่างตามที่เธอต้องการ
ตรงกันข้าม เขาไม่เห็นด้วยที่ผางเหว่ยที่เรียกหลิวหรูเยียนหรือประธานหลิว “หรูเยียนเป็นผู้หญิงของฉัน!”
ผางเหว่ยชะงักไปสองวินาทีและคิดถึงความหายของคำพูดเย่เทียน จากนั้นเขาจึงเปลี่ยนคำพูดของเขาอย่างรวดเร็ว “ใช่ใช่ใช่ ฉันผิดเองพี่ชาย น้องชายไม่มีความรู้เอง ฉันต้องเรียกว่าพี่สะใภ้หรูเยียน”
หลังจากนั้นผางเหว่ยก็กดลิฟต์ไปที่ชั้น36ซึ่งเป็นชั้นบนสุดและเป็นห้องทำงานของประธานหลิว
ในขณะนี้เองก็มีเสียงตะโกนด้วยความโกรธอยู่ในห้องประธาน
เย่เทียนหยุดผางเหว่ยไม่ให้เข้าห้อง
“หลิวหรูเยียน แกมันลูกสาวอกตัญญู เป็นความสูยเสียที่เอาแกมาเลี้ยง ถึงฉันจะให้หุ้นแกไป25%แต่อย่าลืมว่าที่บริษัทต้าเฟิงยังเป็นของสกุลสวีที่ก่อตั้งโดยฉันสวีเทียนจื้อ ถ้ามีการตัดสินใจเรื่องสำคัญแล้วไม่บอกฉันล่วงหน้าและได้รับความยินยอมจากฉัน ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะทำลายญาติและแก้ไขหุ้นส่วนใหม่ แล้วเธออย่าคิดว่าจะได้เงินจากฉันไปสักหยวน”
“พ่อ...ไม่สิ ต้องเป็นประธานสวีมากกว่า ประธานสวีคุณควรรู้ว่าตอนนี้คุณอยู่ในสถานะกึ่งเกษียณแล้ว หลายสิ่งในตลาดกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีการตัดสินใจเรื่องสำคัญมากเกินไปจนไม่สามารถบอกคุณก่อนดำเนินการได้
และไม่กี่ปีที่ผ่านมาประธานสวีผลักดันฉันให้ดำรงตำแหน่งประธานไม่ใช่เพราะความสามารถทางธุรกิจของฉันที่ทำเงินให้ผู้ถือหุ้นได้มากเหรอ?
เพราะฉันทำเงินได้มากกว่าการตอนที่ประธานสวีดำรงตำแหน่ง คุณเลยมาหาเรื่องแข่งกับฉันเหรอ?
ถ้าประธานสวีอยากแก้ไขส่วนแบ่งและทำลายญาติก็ทำเลย
ตราบใดที่ฉันหลิวหรูเยียนยังมีลมหายใจ ที่เรียกทรัพย์ก็ไม่เคยขาด
ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของประธานสวีไม่มีอำนาจในต้าเฟิงอีกต่อไปแล้ว ผู้ถือหุ้น51%ที่อยู่เบื่องหลังคือเย่เทียน ดังนั้นตั้งแต่วันที่เย่เทียนซื้อหุ้น51%ของบริษัทต้าเฟิง บริษัทต้าเฟิงก็เปลี่ยนเป็นของสกุลเย่แล้ว…”
“แกว่าอะไรนะ? ปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะถึงได้กล้าพูดกับฉันแบบนี้ เชื่อไหมว่า...”
“ไม่เชื่อ คุณอยากทำอะไรก็ทำไปเลย”
“เธอ เธอ... เธอมันลูกสาวอกตัญญู”
“เอาละ ฉันยังมีสัญญาที่ยังต้องเซ็นอีก อาขุย ส่งประธานสวีออกไป”
“แค่กแค่ก…”
เมื่อเย่เทียนได้ยินเสียงไอ เขาก็ปรบมือให้หลิวหรูเยียนผู้ซึ่งเข้มงวดกับพ่อเธอ
แปะแปะแปะ!
คิดไม่ถึงว่าหลิวหรูเยียนจะเป็นลูกสาวนอกสมรสของสวีเทียนจื้อที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทต้าเฟิงแถมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกก็ไม่ค่อยดีนัก
“ไอ้สารเลวตัวไหนที่แอบฟังอยู่ข้างนอก?”
สวีเทียนจื้อผู้ก่อตั้งบริษัทต้าเฟิงไม่คิดว่าจะมีคนที่สี่ได้ยินการสนทนาของพวกเขา เขาขมวดคิ้วและเคาะไม้เท้าพร้อมสั่งให้เย่เทียนกับผางเหว่ยออกไป