ตอนที่แล้วบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 15 บาดแผลที่ไม่มีวันถูกลืมเลือน ( Wounds that will never be forgotten ) (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 17 ภายใต้พระพิโรธของพระองค์ (Under Wrath of God)

บทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 16 หมาป่าและหนังสือเชื้อเพลิง ( Wild Wolf and Fuel Book )


หมาป่าและไฟป่า

( Wild Wolf and Fuel Book )

กุมภาพันธ์ก่อนการรุกรานทูเดีย ศักราชแห่งอองโทราลที่ 3625

อาริกาเซียตะวันออกเฉียงเหนือ เขตตอนใต้ของอาณานิคมที่ 6 รัฐแคนน่าน (Cannan) เมืองออลบาโก (Albago)

ลมหนาวยังคงพัดผ่านเมืองบทโลกใหม่ หิมะที่ตกลงมาอย่างช้าๆ เปลี่ยนป่าไม้สีเขียวให้กลายเป็นขาวบริสุทธิ์ แม้กระทั่งพื้นดิน หากมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยสีขาวเต็มไปหมด เมืองแคนน่านตั้งอยู่ตอนใต้ของอาณานิคมอาริกาเซีย เป็นพื้นที่ยากต่อการติดต่อกับโลกภายนอก แต่สินค้าแถบนี้นั้นมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ ทำให้มีผู้ตั้งถิ่นฐานย้ายเข้ามาแสวงหาโชคลา�

ขบวนรถม้าเคลื่่อนตัวอย่างไม่เร่งรีบเป็นแถวยาวตามถนนดินที่ปกคลุมไปด้วยสีขาว โดยที่มีทหารรับจ้างและนักผจญภัยติดตามคอยคุมกันขบวนรถแห่งนี้ แต่ช่างน่าแปลก เพราะผู้คุมกันมิได้มีเพียงแค่่พวกรับจ้าง แต่มีกลุ่มทหารประจำการอยู่ด้วยแม้อาจจะแยกได้ยากเพราะพวกเขาไม่ได้มีเครื่องแบบประจำแบบทหารลีโอเนีย แต่ออร่าทหารผ่านศึกทำให้หลายคนรู้สึกได้เช่นกัน

ผ่านเส้นทางที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ตรงหน้าของพวกเขาคือเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ใจกลางป่า ด้านหลังของเมืองเป็นแม่นํ้าขนาดใหญ่แต่เชื่อมต่อออกไปทะเล แต่ตอนนี้กลายเป็นนํ้าแข็งส่วนมากทำให้การเดินโรงลำบากอย่างมาก นั้นคงเป็นเหตุผลที่เรือหลายลำไม่ออกจากท่าเรือ จอดนิ่งสนิทไม่ขยับไปไหน ขบวนรถม้าเดินทางมาหยุดตรงหน้าทางเข้าเมืองก่อนจะมียามประจำเมืองตรวจสอบขบวนรถม้านี้

“มาจากที่ใด…  ” ยามประจำเมืองกล่าว

“รัฐโฟลิโอ” เสียงชายหนุ่มอมนุษย์ครึ่งสัตว์ตอบกลับสั้นๆ

“โอ้! พวกเจ้ามาไกลจริงๆ เชิญ… เชิญเลย เดี๋ยวพวกเจ้าหนาวตายข้าคงโดนลงโทษเป็นแน่ ฮ่าๆ” ยามประจำเมืองหลีกทางให้ขบวนรถม้าเข้าเมืองอย่างง่ายดาย ความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องตรวจพวกเขาก็สามารถเข้าเมืองได้อยู่แล้ว เพราะรัฐแคนน่านไม่เคยสนใจเรื่องการตรวจจริงจังเหมือนรัฐอื่นๆอาริกาเซีย

เมื่อเข้ามาในเมืองสินค้าก็ถูกยกลงจากขบวนรถม้าแยกย้ายไปทำธุระของตนภายในเมือง ยกเว้นรถม้าของชายหนุ่มพร้อมทหารประจำการที่ยังคงเดินหน้าเข้าลึกไปในเมืองอีก พวกเขาจอดหน้าบ้านไม้ขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ก่อนที่จะลงจากรถม้า ชายหนุ่มที่มีหูและหางสุนัขสีนํ้าตาล ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือ บูลล์ ซึ่งอยู่ในเครื่องแบบกันหนาวเขามองไปรอบๆอย่างกังวล ควันที่จะออกจากปากของเขาแสดงให้เห็นถึงอากาศที่หนาวอย่างมาก ชายหนุ่มเดินไปข้างหลังรถม้าเพื่อรับคนข้างใน ก่อนจะรับมือของหญิงสาวที่จะลงจากรถม้า เขากล่าว

“ไม่เป็นไรแน่นะครับคุณไวท์

จิ้งจอกสาวยิ้มออกมาเบาๆก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะลงจากรถม้าพร้อมชายชราอีกคนที่ออกตามมาข้างหลังเธอ

“ให้เจ้าเป็นสารถี พวกข้าต่างหากที่ควรเป็นห่วง อุปกรณ์เวทที่ช่วยให้กันหนาวก็ใช้ได้แค่ข้างในตัวรถม้าเท่านั้น” ชายชรากล่าวด้วยความเป็นห่วงและนํ้าเสียงที่หวังดี เขาคือลุงสมชายประธานของสมาพันธ์การค้า แน่นอนว่าชายชราเป็นห่วงร่างกายของบูลล์อย่างมาก

“ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ แต่คุณเฟลิเซียอยากให้ติดต่อคนในเมืองแห่งนี้ครับตั้งแต่พวกเขาเริ่มออกเดินทางไปลีโอเนียแล้วครับ แต่ว่าทำไมจดหมายของคุณลาสถึงได้เยอะขนาดนั้นล่ะครับและ

จดหมายของคุณลาสสำคัญถึงขนาดไหนกันแน่ครับ?

บูลล์จ้องมองกระเป๋าที่เต็บไปด้วยกระดาษและจดหมายมากมาย เขาก็อยากจะรู้ว่าแผนของพี่ชาย- ของคุณลาสคืออะไรกันแน่ แล้วเหตุใดถึงส่งจดหมายเยอะแยะขนาดนั้นทำไมไม่ส่งทีละฉบับ จะเขียนอะไรเยอะแยะขนาดนั้น บูลล์พยายามนึดภาพข้อความในจดหมายและกระดาษในกระเป๋าที่เยอะเป็นกองภูเขา แต่ยิ่งคิดก็มีแต่ความมืดมิด

“จะเข้าไปคุยข้างในก็ได้นะ หรือนายจะไปทำธุระของเฟลิเซียก่อนแล้วค่อยมาก็ได้เช่นเดียวกัน ยังไงพวกเราก็มีเวลาอีกมาก” ไวท์ชี้นิ้วไปยังบ้านไม้ เธอคงไม่อยากพูดเรื่องสำคัญในที่สถาณะ

“งั้นผมขอตัวทำธุระของคุณหนูเฟลิเซียก่อนแล้วผมจะกลับมาคุยต่อ ต้องขอโทษจริงๆด้วยนะครับ เช่นนั้น… ผมคงต้องขอตัวก่อนครับ” บูลล์ก้มหัวให้ทั้งสองก่อนจะแยกตัวพร้อมทหารประจำการซึ่งเป็นทหารในหมู่ของเขา

ต่างจากไวท์ บูลล์และทหารเดินทางด้วยเท้าออกนอกตัวเมืองเข้าป่าไปทางตอนเหนือ กลุ่มของบูลล์เคลื่อนเข้าลึกไปในป่าสีขาว ตามเส้นทางเล็กๆที่ยากจะมองเห็น อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามายังรัฐแคนน่าหลายคนก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมองขบวนรถของพวกเขา แต่ก็ไม่ได้มีจิตสังหารแต่อย่างไร นั้นทำให้ทหารรับจ้าง นักผจญภัย และหมู่ของบูลล์ไม่ได้สนใจมากนัก

…อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ระวังตัวตลอดเวลา มือจับอาวุธปืนอย่างมั่นคง บูลล์เดินออกห่างจากเมืองมาได้ไกลอย่างมาก จากป่าไม้ปกติกลายเป็นป่าถึบ จนกระทั่งมือขวาของบูลล์ยกขึ้นทำให้ทหารที่ตามมาหยุดตาม ปืนคาบศิลาถูกยึดขึ้นพร้อมยิง บูลล์ต่างจากมนุษย์ทั่วไป เขาสามารถฟังเสียงได้ไกลกว่าหลายเท่า นั้นทำให้เขาได้ยินเสียงที่เคลื่อนตัสล้อมรอบกลุ่มของพวกเขา

“พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างไร!” บูลล์ตะโกนไปข้างหน้า

ไม่นานก็มีบางอย่างโผล่ขึ้นจากหิมะสีขาวมา เป็นมนุษย์พร้อมอาวุธในมือที่ล้อมกลุ่มของบูลล์เอาไว้รอบด้าน ทั้งสองกลุ่มเล็งปืนเข้าหากันพร้อมที่จะยิงสังหารเพื่อความอยู่รอดของตน จนกระทั่งเสียงของชายฉกรรจ์ดังขึ้นจากด้านหลังของกลุ่มบุคคลที่ล้อมบูลล์อยู่

“เจ้าเป็นทหารและถูกพวกข้าล้อม มีเหตุใดกันที่จะปล่อยเจ้าไป?”

บูลล์ตรวจสอบชายตรงหน้าด้วยความกลัวและกังวล เสียงชายผู้นั้นเป็นของครึ่งมนุษย์หมาป่า เขามีร่างกายและความสูงที่กว่ามนุษย์ปกติหลายเท่า สร้างความวิตกกังวลตึงเครียดให้กับบูลล์อย่างมาก

“ผมนำสารจากแสงตะวันออกมาให้ครับ” บูลล์ชะงักก่อนจะหยิบจดหมายขึ้นมาแล้วยืนให้ชายข้าได้เห็นดูและกล่าว

“รวมไปถึงจดหมายจากคุณหนูในตระกูลสกาเล็ต…” ได้ยินเช่นนั้นมนุษย์ครึ่งหมาป่าก็สั่งให้คนของตัวเองลดอาวุธลง ซึ่งบูลล์ก็ทำตามเช่นเดียวกัน อย่างน้อยก็ในตอนนี้เท่านั้น ยังไงก็ไม่มีใครไว้ใจคนแปลกหน้าที่เล็งอาวุธใส่หรอกนะ

“ข้าล่ะตกใจจริงๆ ที่เจ้าหญืงแห่งตระกูลใหญ่จะมีคนในกองทัพเยอะขนาดนี้” เขากล่าวออกมาเบาๆ และก่อนพูดเชิญบูลล์ไปที่พักของพวกเขา “ตามพวกข้ามาเสีย”

บูลล์เดินตามกลุ่มคนปริศนา ก่อนจะถึงที่หมายชายหนุ่มก็ได้เห็นผู้คนมากมายที่อยู่ในแค้มป์ที่มั่นของเป้าหมายของเขา มีทั้งเด็กและคนแก่ ทั้งหญิงทั้งชาย พวกเขามีมากพอที่ตั้งหมู่บ้านขนาดกลาง กลุ่มของบูลล์ที่เดินเข้ามาให้เขตแค้มป์ก็ถูกสายตาจ้องมองด้วยความสนอกสนใจ อาจจะเป็นเพราะพวกกลุ่มของพวกเขาเป็นทหารก็เป็นไปได้ ก่อนที่พวกเขาจะถูกผ่านมายังที่พักที่ใหญ่ที่สุดในแค้มป์ป่าแห่งนี้ เข้าไปข้างในที่พัก มีแค้มป์ไฟและคนหลายคนล้อมรอบอยู่ ที่คนในที่พักหันมามองผู้มาใหม่ด้วยความสนใจ จนกระทั่คนงชายครึ่งหมาป่าที่พาบูลล์มากล่าว

“พวกเขาอ้างว่าเป็นพันธมิตรแสงตะวันออก และได้นำจดหมายจากคุณหนูสกาเล็ตมาให้ขอรับหัวหน้าฝูง

บูลล์มองผู้ที่คาดว่าคือหัวหน้าฝูง ชายวัยชราอมุนษย์ครึ่งหมาป่า ชายชรามีร่างกายที่เต็มไปด้วยแผล มีแผลที่ตาลากยาวลงมาถึงแก้ม มันไม่ได้ดูน่าเกลียดแต่กลัยสร้างความดุดันและแข็งแรงบนใบหน้าของชายชรา สายตาอันแหลมคมจ้องมองบูลล์เหมือนมองทะลุร่างกายของเขาได้ แค่ต้องคุยกับชายผู้นี้บูลล์ก็ไม่กล้าจะที่มองหน้าตรงๆแล้ว แต่ก่อนที่จะสติแตกไปมากกว่านี้ บูลล์ก็รีบพูดทันที

“ผะ ผมนำสารของแสงตะวันออกและจดหมายสำคัญจากคุณหนูเฟลิเซียมาให้ ผู้นำกองกำลังแบ่งแยกไคโยตี ระ ริชาร์ด ไคโร(Richard Cairo) ครับ” หากเป็นไปได้บูลล์อยากจะรีบกลับไปหาไวท์ให้เร็วที่สุด บูลล์ยืนจดหมายให้คนรับใช้ของชายชราแต่ชายหนุ่มก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะเสียงของชายชรากับอ่อนล้ามากกว่าก้าวร้าว

ชายชราผู้มีนามว่า ริชาร์ด ไคโร ผู้นำกองโจรไคโยตี กองกำลังแบ่งแยกที่เป็นกลุ่มคนนอกกฎหมาย พวกเขาออกปล้นกองขบวนสินค้าไปทั่วชายแดนอาณานิคมตตั้งแต่เหนือจนใต้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นโจรที่ยิ่งใหญ่ หรือสามารถต่อกรกับทหารประจำการได้ แต่พวกเขาก็ทำความเสียหายให้กับพ่อค้าอย่างมาก ริชาร์ดรับจดหมายก่อนจะกล่าวให้บูลล์นั่งก่อน “เจ้าคงเดินทางมาไกล เชิญนั่งพักเสียก่อน” สายตาอันแหลมคมไล่อ่านตัวหนังสืออย่างเงียบขรึมอย่างไม่เร่งรีบ ริชาร์ดใช้เวลาอ่านไม่นานก่อนจะโยนจดหมายเข้ากองไฟเผาทิ้งจนไม่เหลืออะไร และเปิดบทสนทนากับชายหนุ่มหูสุนัข

“แล้วสารของแสงตะวันออกคือ?” ริชาร์ดกล่าวถามด้วยความสงสัย

“เส้นทางหลบหนีที่ปลอดภัยที่สุด ไม่ได้ห่วงเรื่องที่จะถูกจับอย่างแน่นอน” บูลล์ตอบกลับด้วยความรวดเร็ว

“หึ เช่นนั้นข้าจะยอมช่วยพวกเจ้า พวกข้ากองกำลังไคโยตีจะเข้าร่วมแผนการของพวกเจ้า พวกเจ้าก็ใช่ย่อยรู้รายชื่อคนของข้าในเรือนจำแห่งนั้นครบทุกคนจริงๆ” ริชาร์ดชะงักและกล่าวถามชายหนุ่ม “ว่าแต่นามของเจ้าคือ เพื่อในอนาคตพวกเราจะได้เจอกันอีก”

“บูลล์ แมรี่แลนด์…”

……

.

.

.

.

.

.

หลังจากที่บูลล์แยกตัวออกไปทำธุระของตน ไวท์และลุงสมชายก็ได้เดินมาหยุดตรงหน้าประตูไม้ ไม่รีรอไวท์เคาะประตูเรียกทันที

ก๊อกๆ เสียงเคาะประตู เป็นสัญญาณเรียกผู้ที่อยู่ข้างในบ้านไม้ แต่ที่แทนที่จะได้ยินเสียงตอบกลับ กลายเป็นเสียงกรีดร้องของหญิงสาวและเสียงสิ่งออกที่กระทบกับพื้นไม้ดังไปออกมาถึงหน้าประตู ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก เผยให้เห็นถึงผู้หญิงคนหนึ่ง เธอส่วมแว่นตากลมอันหนาทึบ ทรงผมที่ยับเยินเหมือนคนพึ่งตื่นนอน เธอโผล่เพียงแค่ส่วนใบหน้าเท่านั้น แต่ด้วยความสูงจนต้องจิ้งจอกสาวต้องหันคอไปพูด

โมนิก้า หากเจ้าจะเขียนหนังสือจนมิได้หลับมิได้นอน ข้าหยุดงดให้เงินทองเจ้าเสีย” ไวท์กอดอกกล่าวหลังเห็นใบหน้าที่ซีดขาวของหญิงสาว ก่อนที่ใบหน้านั้นจะขาวยิ่งกว่าเดิม โมนิก้าแทบจะก้มลงไปกับพื้นไม้ทันทีหลังที่เจ้าตัวได้ยินว่าเงินของเธอจะถูกลดลง ประตูถูกเปิดกว้างจิ้งจอกสาวมองโมนิก้าที่ตอนนี้อยู่ในระดับสายตาของเธอด้วยความเอ็นดู

โมนิก้ามีผมสีเขียวเข้ม ใบหน้าที่อดหลับอดนอนของเธอถูกปิดทับด้วยแว่นสายตากลมอันใหญ่ เธอส่วมใส่ชุดขนสัตว์ที่หนากว่าคนทั่วไป แต่ที่ทำให้เธอตัวสูงคงเป็นส่วนร่างของเธอที่ยาวเป็นเหมือนร่างกายของสัตว์เลื้อยคลาน โมนิก้าเป็นเผ่าพันธุ์ลาเมีย อมนุษย์ประเภทสัตว์เลื้อยคลานจำพวกงู(Serpent) นั้นอาจจะเป็นที่เธอส่วมชุดกันหนาวมากกว่าปกติ

“ไวท์ กับ สมชายรึ” ทันทีที่ไวท์และลุงวมชายก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน เสียงของหญิงชราก็ดังขึ้น

“ขออภัยที่มารบกวนท่านหญิงฟรีเดอริเกะ ข้าหวังว่าโมนิก้าคงจะไม่ได้ทำตัวแย่นะคะ”

“โมนิก้าเธออาจจะเป็นโหมงานหนักไปหน่อย แต่เธอก็มิได้ล่วงเกินอะไรข้าแต่อย่างไร จงอย่าได้กังวลเลย” ฟรีเดอริเกะชะงัก “เชิญนั่งก่อนสิ เจ้าก็ด้วยสมชายข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเดินทางมาเยียมข้าหรอกน่ะ โมนิก้าฝากนำชาร้อนๆด้วยนะ”

ทั้งสามนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ในห้องรับรองเสร็จชายแก่ก็กล่าวออกมาเบาๆ “ฮ่าๆ ท่านยังคงเดาทางข้าออกเสมอเลย” ก่อนที่หยิบชุดกระดาษเอกสารให้หญิงชราตรงหน้า

“ข้าอยากให้ท่านได้อ่านมัน แล้วท่านจะรู้ว่าข้าและตาแก่ต้องการสิ่งใดกัน” ไวท์กล่าวตอบหลังเห็นสีหน้าที่งุนงงของฟรีเดอริเกะที่รับกระดาษเอกสารที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือ แต่หญิงชราคงหาได้รู้ไหมว่าสิ่งที่เธอถืออยู่นั้นจะกลายเป็นสิ่งที่ประวัติศาสตร์แห่งอองโทราลได้บันทึกไว้ว่ามันคือ

ก้าวแรกของแนวคิดและอุดมการณ์ที่เป็นเสมือน

แสงแห่งความหวังและเชื้อเพลิงแห่งความวุ่นวาย

ฟรีเดอริเกะหยิบแว่นขึ้นมาส่วมใส่ก่อนจะไล่อ่านเอกสารและจดหมายดังกล่าว สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คงไม่พ้นลายมือที่แย่จนเธออยากจะตีมือคนเขียนเอกสาร อย่างไรก็ตามเธอก็สามารถอ่านมันได้ปกติเช่นกัน ที่น่าแปลกใจก็คงเป็นเพราะเนื้อหาหลักๆบนกระดาษมากมายเหล่านี้เขียนโดยนายทหาร ดักลาส แมรี่แลนด์ ผู้โด่งดัง แม้ว่าเจ้าตัวที่กำลังรบในดินแดนอัลชลาฟไวส์อันห่างไกลจะไม่รู้ก็ตาม สายตาจับจ้องไปยังตัวหนังสือ ใบหน้าของหญิงชราเปลี่ยนไปทุกครั้งที่หน้ากระดาษถูกเปลี่ยนโดยมือของเธอเอง ทุกครั้งที่ฟรีเดอริเกะอ่านเจอคําศัพท์แปลกๆ ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ ก็จะมีสีหน้าที่งุนงงอยากจะถามไถ่สองทั้งสองคนผ่านใบหน้าของเธอ แต่ก็ไม่ได้ถามออกไปตรงๆ

สิ่งที่ลาสได้ลงเขียนลงมาใยกระดาษเหล่านี้คือ ข้อมูลความรู้ในโลกเดิมของเขา ลาสเลือกที่จะเขียนบทความโดยที่อิงจากประวัติศาสตร์ แนวคิดจาก นักปรัชญาต่างๆ ตั้งแต่สมัยแรงเริ่มจนไปถึงยุคสมัยใหม่ที่ลาสอาศัยอยู่ โดยที่พยายามไม่กล่าวถึงโลกสมัยใหม่มากนัก หลักๆแล้วคือลาสเขียนถึง คตินิยมทางการเมืองและระบอบการปกครอง สิทธิของปัจเจกบุคคล แม้ว่าหลายอย่างที่ลาสจะเขียนมาจะไม่สมบูรณ์แบบเพราะตอนนี้ชายหนุ่มไม่ได้มีเวลาเขียนและปรับปรุ่งสิ่งที่ประวัติศาสตร์ของเขาทำพลาดเอาไว้ แต่ทุกอย่างในกระดาษเหล่านี้นั้นคือสิ่งที่ใหม่ยิ่งกว่า นักปรัชญาผู้ใดบนอองโทราลจะเขียนออกมาได้ในยุคนี้

ใช้เวลาอ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงฟรีเดอริเกะก็หยุดอ่านทันที ถึงแม้ว่ายังจะเหลืออีกครึ่งหนึ่งก็ตาม ทั้งสองที่นั่งดื่มนํ้าชาอยู่ตรงข้ามรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่จริงจังของหญิงชราก็หันมาสนใจเธอ ใบหน้าของฟรีเดอริเกะนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก กลิ่นอายที่สามารถรู้สึกได้ถึงความเครียดและความจริงจังมิได้ล้อเล่น ก่อนจะเธอจะกล่าวด้วยเสียงที่มั่นคง

“อยากให้ข้าติดต่อลูกเขยที่แบร์นฮาร์ท เพื่อให้ตีพิมพ์เจ้าสิ่งนี้ออกมาเป็นหนังสือใช่หรือไม่?”

“เป็นอย่างที่ท่านหญิงว่า” สิ้นเสียงไวส์ก็ชะงักก่อนจะหันไปหาโมนิก้าที่อ่อนแรงและกล่าว

“แต่อย่างไรก็ตามเจ้าสิ่งนี้ยังคงต้องแก้ไขอีก… โมนิก้าเจ้าเป็นความหวังของข้าช่วยเรื่องนี้หน่อยนะ”

ไม่รี่รอให้หญิงครึ่งงูได้กล่าวต่อต้าน ฟรีเดอริเกะกล่าวเสริม “ช่วยหน่อยนะโมนิก้า” โมนิก้าอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆหลังได้ยิน ถูกตัดความหวังที่เธอจะได้นอนพัก โมนิก้าจำใจต้องทำงานเพิ่มในช่วงหน้าหนาวอีก


กลับมาทวีปเดิมซักหน่อย เดี๋ยวหลายคนลืมน้องจิ้งจอกสาว ตั้งแต่ไวส์แยกกับลาสก็แถบไม่มีบทเลย แฮะๆ

ปล.ขออภัยที่ออกตอนใหม่ช้าลงเจ้าค่ะ พอดีร่างกายหลังฉีดเข็ม 4 พร้อมอุบัติเหตุทำให้รู้สึกต้องพักบ่อยกว่าเดิม จะพยายามมาCleanอีก2ตอนหน้าให้เสร็จเร็วที่สุดนะเจ้าค่ะ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด