ตอนที่ 19 ลอบโจมตียามวิกาล
ตอนที่ 19 ลอบโจมตียามวิกาล
ทั้งสองฝ่ายออกจากบ้านของเต๊งหงวน และออกจากเมืองมาพร้อมกัน
ลิโป้เหลือบมองไปยังเฉิงชง จากนั้นได้มองไปที่ทหารม้าร้อยคนของหม่าอี้
“ในสนามรบ ข้า ลิโป้เฟิ่งเซียนไม่เคยแพ้”
“ทหารที่เก่งกาจเหล่านี้ ไม่นานมันจะมีชื่อของข้าบนธง!”
เมื่อพูดจบ ลิโป้ได้นำทหารม้าสองพันคนออกไปยังทางใต้ของเขตเจี่ยซิว
เฉิงชงไม่ได้คิดจริงจังกับเรื่องนี้ ขณะมองไปยังแผ่นหลังของลิโป้ เขาได้เผยรอยยิ้มมากขึ้นเรื่อย ๆ
นักรบอันดับหนึ่งของโลกนี้ช่างไร้เดียงสาและน่ารักเสียจริง!
เตียวเลี้ยวที่อยู่ด้านหลังเฉิงชงกระซิบเบา ๆ
“นายท่าน เมื่อไหร่กันที่ท่านสนใจอาวุธ?”
เฉิงชงยิ้ม “ใครบอกว่าข้าสนใจง้าวกรีดนภา?”
เตียวเลี้ยวชะงัก จากนั้นดวงตาของเขาได้เผยความสว่างขึ้น
“เป็นไปได้หรือไม่ว่านายท่านคิดจะสยบเสือร้ายอย่างลิโป้?”
เฉิงชงพยักหน้าเบา ๆ
เขาเป็นคนที่อยากจะเมามายโดยไม่ต้องดื่ม
ง้าวกรีดนภาไม่ว่าจะดีอย่างไร สุดท้ายก็แค่สิ่งของ
แม่ทัพอย่างลิโป้คือสิ่งมีชีวิตที่มีค่ากว่าหลายเท่า
หากสามารถสยบเสือร้ายตัวนี้ได้ เขาก็จะมีอาวุธข้างกายที่ไม่มีใครเทียบได้อยู่ในมือ!
แม้ว่าลิโป้จะชอบสังหารบิดาของตน เขาก็ไม่สนใจ
ตราบใดที่เขามีกำลังมากพอจะขัดขวาง ลิโป้ก็จะซื่อสัตย์และไม่โต้แย้ง!
“อย่างไรก็ตาม เวิ่นหยวน(เตียวเลี้ยว) ท่านทราบข่าวของโกซุ่นบ้างหรือยัง?”
เฉิงชงเอ่ยถาม
การมาจินหยางครั้งนี้เพื่อปราบกบฏโพกผ้าเหลืองก็เป็นเรื่องหนึ่ง
เรื่องที่สำคัญกว่าคือการมาหาโกซุ่น
ความสามารถในการฝึกทหารของโกซุ่นนั้นเหนือกว่าแม่ทัพไร้เทียมทานอย่างลิโป้
ก่อนหน้านี้เต๊งหงวนชวนเขาไปที่บ้านและพูดคุยกันเรื่องกลยุทธ์ทั้งคืน
เฉิงชงจึงไม่มีเวลาไปตามหาโกซุ่นเลย
เตียวเลี้ยวยิ้ม “นายท่านไม่ต้องกังวล! โกซุ่นยังคงเป็นนายกองของทัพเต๊งหงวน เขาไม่หนีไปไหนหรอก!”
“หลังจากนายท่านปราบกบฏโพกผ้าเหลืองสำเร็จ ข้าจะส่งหนังสือไปยังท่านเต๊งหงวนเพื่อขอตัวโกซุ่น!”
“ในตอนนั้นที่นายท่านประสบความสำเร็จ ท่านเต๊งหงวนย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน!”
เฉิงชงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
......
ผิงเถา
บนที่ราบไร้ขอบเขต
ค่ายของกบฏโพกผ้าเหลืองตั้งยาวสุดลูกหูลูกตา
ธงโบกสะบัดไปตามสายลม
ภายในกระโจม ฉิวช่วยและกั๋วไท่กำลังร่ำสุรากันอย่างเพลิดเพลิน
*ฉิวช่วยและกั๋วไท่เป็นหนึ่งในชื่อยศของแม่ทัพโพกผ้าเหลือง ทั้งสองนี้ไม่ใช่ชื่อคนนะครับระวังสับสน
“ฉิวช่วย พวกเราอยู่ใกล้เขตจินหยางมากแล้วตอนนี้!”
“ข้าแนะนำให้ส่งพี่น้องออกลาดตระเวน และตรวจตราให้แน่นหนา!”
“เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกโจมตียามวิกาล!”
ชายร่างสูงราวกับหอคอยเหล็กกล่าวอย่างลุ่มลึก
เขามีผิวคล้ำและดูซื่อสัตย์ ดวงตาของเขามีแสงที่ฉายแววว่าฉลาดส่องออกมา
“จิวฉอง เจ้าคิดมากเกินไป!”
กั๋วไท่หัวเราะด้วยใบหน้ารังเกียจ เขาแทบไม่สนใจคำเตือนของจิวฉองเลย
“กองทัพผ้าเหลืองของพวกเราโจมตีชนะมาตลอดทาง พวกทหารเหล่านั้นแทบไม่กล้าจะเงยหน้ามองด้วยซ้ำ!”
“เป็นเวลาหลายวันแล้วที่เจ้าได้เห็นการกระทำของพวกมันไม่ใช่หรือ? พวกมันทำได้แค่หดหัวอยู่ในกระดองเท่านั้น!”
“ข้าจะบอกให้ หากพวกเราไม่ไปโจมตีด้วยตัวเอง เช่นนั้นพวกมันก็ไม่กล้าออกมาแตะต้องพวกเราหรอก!”
จิวฉองขมวดคิ้วและต้องการจะชักชวนอีกครั้ง
แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการจะฟังและสะบัดมือกลับ
“มันดึกแล้ว ข้าต้องการพักผ่อน!”
“เจ้าก็กลับไปพักผ่อนได้แล้ว!”
จิวฉองทำสิ่งใดไม่ถูก เขาแอบถอนหายใจและหันหลังจากไป
แม้ว่ากั๋วไท่จะไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ทราบว่าเหตุใดตัวเองถึงรู้สึกตื่นตระหนกอยู่เสมอ
มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ดูเหมือนว่าสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น
หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาได้เรียกทหารโพกผ้าเหลืองมาส่วนหนึ่ง
“พวกเจ้าไปเสริมกำลังเขากวางรอบค่ายเถอะ”
“หากมีศัตรูแอบเข้ามาในค่าย พวกเจ้าก็จงส่งสัญญาณเตือน มันอาจจะช่วยพวกเราได้บ้าง!”
หลังจากจัดการสิ่งนี้ จิวฉองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย
“ฮืม? เสียงอะไรกัน?”
ลมหายใจถัดมา มันทำให้ใบหน้าของจิวฉองเปลี่ยนไปทันที
เขาได้ยินเสียงอึกทึกดังขึ้นเรื่อย ๆ
นี่มันเสียงของกีบม้า!
มีทหารม้า!
และมีไม่มากเท่าไหร่นัก!
“ศัตรูโจมตี!”
จิวฉองชักดาบออกมาพร้อมตะโกนเสียงดัง
เสียงเตือนของเขาดังไปทั่วค่าย
กองทัพโพกผ้าเหลืองตกอยู่ในความโกลาหลทันที
จิวฉองรวบรวมคนที่มีสติอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“ตามข้ามาปกป้องค่ายอย่างสุดกำลัง!”
ทหารโพกผ้าเหลืองหลายร้อยคนรีบวิ่งไปยังหน้าค่ายอย่างรวดเร็ว
พวกเขาเห็นทหารม้าสีดำในรูปทรงกรวยแหลมกำลังวิ่งมาที่ค่าย
เสียงกีบเท้าย่ำพื้นดังจนแทบจะบดขยี้หัวใจ!
ด้วยความที่เป็นแม่ทัพคนแรก เขานำทัพบุกเข้ามาอย่างกล้าหาญ ในมือถือทวนเหล็กซึ่งกำลังเปล่งประกายอันเย็นเยียบ!