ตอนที่ 16 มุ่งหน้าสู่จินหยาง
ตอนที่ 16 มุ่งหน้าสู่จินหยาง
บนลานฝึกฝน
เชลยโพกผ้าเหลืองสามพันคนกำลังฝึกฝนกันอย่างเข้มงวด
ทุกคนยืนอยู่บนตำแหน่งของตน และเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำตามคำสั่งของธง
จังหวะของพวกเขาน่าตื่นตาและมีเสียงสะท้อนตลอดเวลา
รัศมีแห่งการสังหารพุ่งขึ้นราวกับมัจฉาตัวใหญ่จะเข้ากลืนกินโลก!
บางทีตอนที่พวกเขาเป็นกบฏโพกผ้าเหลือง พวกเขาอาจจะเป็นเพียงกลุ่มคนธรรมดา
แต่ยามนี้พวกเขาคือพยัคฆ์และหมาป่าที่พร้อมจะบดขยี้ศัตรู!
“ดีมาก”
เฉิงชงพยักหน้าเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ
เตียวเลี้ยวเหลือบมองเฉิงชง เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าว
“นายท่าน ข้ามีเรื่องจะรายงาน ข้าไม่ทราบว่าควรจะพูดหรือไม่”
เฉิงชงพยักหน้า
“เวิ่นหยวน พวกเราเป็นคนกันเอง มีสิ่งใดก็จงว่ามาโดยตรง”
เมื่อได้รับอนุญาต เตียวเลี้ยวจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
“นายท่าน! ในความคิดของข้า ทั้งความแรง ความเร็ว และประสาทสัมผัสของเหล่าทหารยังไม่น่าพึงพอใจเท่าไหร่นัก มันยังมีจุดที่ต้องพัฒนาขึ้นอีก”
“พลังต่อสู้ของพวกเขาขึ้นอยู่แค่กับค่ายกลนี้”
“บางทีหากนายท่านฝึกฝนพวกเขาเพิ่ม ประสิทธิภาพอาจจะน่าสะพรึงยิ่งขึ้นไปอีก”
เฉิงชงหรี่ตาลง
คำพูดของเตียวเลี้ยวทำให้เขานึกขึ้นได้
ถูกต้อง เป็นเพราะค่ายกลเกล็ดปลาขั้นเทพเจ้า มันจึงทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นประดุจใช้เวทมนตร์
ความสามารถทั่วไปของพวกเขายังธรรมดา
การจะตีเหล็กให้ดีต้องตีหลายครั้ง หากพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นด้วยตัวเองและอยู่ในค่ายกลเกล็ดปลา มันจะทำให้พลังของค่ายกลน่าสะพรึงยิ่งขึ้นไปอีก!
เขาและกุยแกเคยเพิกเฉยสิ่งนี้มาก่อน
เพราะพวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านฝึกกำลังทหาร
ดวงตาของเตียวเลี้ยวยังคงมีประกายไฟ
“ตามมุมมองของเวิ่นหยวน พวกเราควรจะปรับแผนการฝึกของพวกเขาอย่างไร?”
เฉิงชงเอ่ยถาม
เตียวเลี้ยวส่ายหัว
“ตามจริงแล้วนายท่าน ข้าศึกษาการฝึกฝนเกี่ยวกับทหารม้าเท่านั้น ไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับทหารราบมากนัก”
“แต่ข้าก็ไม่คิดว่ามันไร้ซึ่งหนทาง”
“ข้าสามารถแนะนำคนให้นายท่านได้!”
เฉิงชงเริ่มสงสัย
“ใครกัน?”
“โกซุ่น ชื่อรองโกป๋อผิง!”
เตียวเลี้ยวตอบอย่างไม่ลังเล
“เขาเป็นสหายของข้าเป็นคนจากปิ้งโจว ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของจินหยาง”
“เขาต่างจากข้า เพราะเขาศึกษาเกี่ยวกับการฝึกทหารราบและมีทฤษฎีต่าง ๆ เป็นของตัวเอง กล่าวได้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะชั้นยอดด้านการฝึกทหารราบ!”
“อย่างไรก็ตาม เขาไม่ค่อยมีความสุขและได้ใช้ความสามารถเลย”
“หากนายท่านเชื่อใจ ข้าจะเขียนหนังสือเชิญให้เขามาเข้าร่วมกับนายท่าน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเฉิงชงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
โกซุ่น!
เขาเองก็มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์สามก๊ก
บางทีค่าพลังการต่อสู้ของเขาอาจไม่ได้สูงนักเมื่อเทียบกับเตียวเลี้ยวและกวนอู
แต่ในแง่ของการฝึกทหารนั้นไม่ใช่!
ค่ายซุ่มโจมตีที่เขาฝึกฝนแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์สามก๊ก
หากสู้รบโดยไม่กลัวตาย ทุกการต่อสู้ภายในค่ายกลของเขาจะมีสิทธิได้ชัยชนะมากขึ้น!
ถ้าโกซุ่นมาอยู่กับเขาได้จริง
และจับคู่กับค่ายกลอันไร้เทียมทานของเขาสำเร็จ
นั่นจะเป็นการสร้างกองทัพที่น่าสะพรึงและเขย่าโลกทั้งใบได้แน่นอน!
หลังจากนั้นเฉิงชงจึงหันศีรษะโดยทันที
ดวงตาของเขาเปล่งประกายขณะมองเตียวเลี้ยว
“เวิ่นหยวน ท่านช่วยเขียนหนังสือชักชวนเขาให้ที!”
“ไม่... ไม่จำเป็นต้องเขียน เขาอยู่ในเขตจินหยางใช่หรือไม่?”
“ข้าจะไปด้วยตัวเอง!”
เตียวเลี้ยวและกุยแกต่างพากันประหลาดใจ
และประทับใจอยู่พักหนึ่ง
คนที่จริงใจจะให้เกียรติผู้อื่นอย่างเฉิงชงนั้นหาได้ยาก!
กุยแกพยักหน้าเล็กน้อย
“การตัดสินใจของนายท่านข้าเห็นด้วย”
“ตอนนี้การจลาจลของกบฏโพกผ้าเหลืองในเขตเยี่ยนเหมินสงบลงแล้ว แต่ในเขตอื่นของปิ้งโจวยังมีอยู่”
“ไม่กี่วันก่อน ผู้ว่าราชการของปิ้งโจวได้ส่งเอกสารเรียกทหารจากทั่วประเทศให้มาช่วยเหลืออำเภอจินหยาง”
“นายท่านกำลังไปยังจินหยาง นอกจากจะได้พูดคุยกับโกซุ่นแล้ว เขายังสามารถปราบศัตรูสร้างบุญคุณให้จินหยางอีก!”
“หากได้รับรางวัลจากเต๊งหงวน เช่นนั้นในอนาคตนายท่านก็อาจจะได้รับความสนใจจากตระกูลใหญ่มากขึ้น ทุกอย่างที่ทำนั้นย่อมส่งผลต่ออนาคต”
เตียวเลี้ยวยังคงกระหายสงคราม
สายตาของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งนักสู้
“นายท่าน ข้ายังมีทหารม้าร้อยคนอยู่ภายใต้คำสั่ง ตอนนี้ข้าไม่อาจทนได้อีกแล้ว คมดาบของข้ารอดื่มเลือดพวกมันจนสั่นสะท้าน!”
“หากท่านไปยังลกเอี๋ยงเพื่อจับโจร เช่นนั้นโปรดพาข้าไปด้วย!”
“พวกเราจะขอเป็นคมมีดสังหารในมือของท่าน!”
เมื่อเห็นลูกน้องของตนต่างก็สนับสนุน
เฉิงชงจึงไม่คิดจะลังเลอีก
“กระจายคำสั่งของข้า จุดไฟให้กองทัพและมุ่งหน้าสู่จินหยาง!”
คำสั่งถูกกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ตามปกติ กุยแกยังคงอยู่ในจงหลิง
ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวเกลือกลั่น หรือการขุดแร่เหล็ก เขาต้องจัดการอย่างละเอียด
เจี้ยงเฟิงนำทหารหนึ่งพันนายรับผิดชอบและดูแลความสงบเรียบร้อยในเมือง
เฉิงชงทำหน้าที่เป็นแม่ทัพหลัก และให้เตียวเลี้ยวเป็นแม่ทัพรอง เขานำทหารม้าหนึ่งร้อยคนและทหารราบสองพันคนมุ่งหน้าสู่อำเภอจินหยาง