ตอนที่ 87 เทพดนตรีชิ่งหนี
หลี่ต้าไห่เบิกตากว้าง ตอนแรกเขายังรู้สึกดูถูกอยู่แต่พอเห็นรอยร้าวบนแก้วตรงหน้า เขาก็พูดอะไรไม่ออก
ซ่งชิวหรานที่อยู่ด้านข้างก็เปิดปากสองสามครั้ง แต่น่าเสียดายที่เขาพูดออกมาไม่เป็นคำ
แม้แต่เทพดนตรีอย่างเฟยเฉิงก็ยังสับสน คุณเย่ที่ร้องเสียงแหลมสูงได้แบบนี้เกรงว่าถ้าเข้าร่วมรายการใครคือนักร้องด้วยผู้เข้าแข่งขันทุกคนคงเทียบไม่ติด
เขาที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพดนตรี ยังต้องลงจากบัลลังก์เพื่อยกให้เย่เทียน...
โดยเฉพาะรูปลักษณ์ของเย่เทียนที่หล่อกว่าเขาและยังมีทรัพย์สินที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้อีก...
เฮ้อ!
คนเป็นมักถูกเทียบกับคนตาย สิ่งต่างๆล้วนมีข้อดีข้อเสียไม่เหมือนกัน
หลังจากการแข่งวันนี้จบคงได้เวลาออกจากงานใครคือนักร้องแล้ว
เขาตัดสินใจคืนเงิน 100 ล้านที่เขาเรียกเก็บเป็นค่าสอนร้องเพลงโหยวฉินสี่ยวเหยาและสาวๆอีกสี่คน
เฟยเฉิงค่อยๆสงบสติลง เขาต้องการสร้างเพลงที่สามารถติด 10 อันดับเพลงฮิตของเอเชีย ไม่อย่างนั้นเขาที่ได้รับชื่อเทพดนตรีคงทำให้เหล่าแฟนคลับผิดหวัง
เฟยเฉิงเลิกคิดเรื่องต่างๆแล้วเดินไปหาเย่ทียน เขาเป็นเหมือนลูกแกะหลงทางที่เจอพระเจ้าชี้นำเส้นทางนักร้องให้ “ขอบคุณคุณเย่ คุณทำให้ฉันรู้จักข้อบกพร่องของตัวเอง ตั้งแต่วันนี้ไปฉันจะตั้งใจทำผลงานจนกว่าเหล่าแฟนคลับจะจำเพลงใหม่ของฉันได้”
เย่เทียนอึ้ง ทีมงานรายการใช้เวลาหลายเดือนถึงจะเชิญนักร้องเฟยเฉิงมาเป็นที่ปรึกษาได้ แต่ตอนนี้นักร้องเฟยเฉิงที่เชิญมากำลังจะหนีไป?
จะมาออกอะไรตอนนี้
มันจะไม่กระทบต่อการถ่ายรายการใช่ไหม?
ถ้าถ่ายรายการไม่เสร็จภารกิจก็จะล้มเหลว สาเหตุหลักที่เขามาก็เพราะภารกิจจากระบบลงชื่อเข้าใช้
ตอนนี้ทางรายการกำลังจะเสนอค่าตัวเพิ่มขึ้นสามเท่าเพื่อยื้อให้เฟยเฉิงเป็นที่ปรึกษาของรายการต่อ แต่ไม่รู้ว่าเฟยเฉิงจะตกลงด้วยไหม
โดยไม่ต้องรอให้เย่เทียนหยุดเฟยเฉิง ผู้อำนวยการที่กระวนกระวายจนเหงื่อแตกรีบวิ่งไปรั้งเขาไว้ “เดี๋ยวก่อนอาจารย์เฟย...”
หลังจากผู้ดูแลติดต่อสถานีโทรทัศน์เรียบร้อยทุกอย่างจึงกลับมาเป็นปกติ
เขาใช้คำพูดมากมายเกลี้ยกล่อมให้หลี่ต้าไห่และซ่งชิวหรานเป็นที่ปรึกษาต่อและตอบแทนพวกเขาด้วยราคาที่สูงลิ่ว
หลังจากรู้สึกตัวทั้งคู่ก็รีบปั้นหน้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วเดินตามผู้กำกับไป พวกเขามองเย่เทียนที่เป็นผู้ช่วยที่ปรึกษาด้วยแววตามืดมน
หลังสงบสติอารมณ์ เย่เทียนก็โทรไปหาเจียงเซิ่งเฟิงและให้เขาใช้ทรัพยากรทั้งหมดเพื่อหาที่ปรึกษาอีกคนที่มีสถานะไม่ต่ำกว่าเฟยเฉิง
ยิ่งเร็วยิ่งดี
สุดท้ายแล้ว ตราบใดที่มีเงินก็สามารถทำได้ทุกอย่าง!
หลังจากเจียงเซิ่งเฟิงรับสายเย่เทียน เขาก็เริ่มหาที่ปรึกษาให้ทันที
นักต้มตุ๋นเย่เทียนเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้ผิดพลาดไปมาก เขาจึงดึงความสนใจของทุกคนกลับมาหาเขา “เป็นผู้ช่วยของฉันเองที่ผิด หวังว่าทุกคนจะไม่เอาความกับคนรู้น้อยอย่างเขา หลังการวันนี้ถ่ายจบลงฉันจะเลือกต้นกล้าดีๆสักคนมาฝึก ฉันจะไม่บอกว่าตัวเองร้องได้ดีกว่าผู้ช่วย แต่อย่างน้อยฉันสามารถวางรากฐานสำหรับการร้องเพลงในอนาคตให้พวกคุณได้...”
หลังจากนักต้มตุ๋นพูดจบ หน้าของผู้เข้าแข่งขันทุกคนก็เริ่มผ่อนคลาย
พวกเขาเกือบลืมไปแล้วว่าเย่เทียนเป็นแค่ผู้ช่วยของที่ปรึกษาที่ผ่านทางมา
ผู้ช่วยที่มีความรู้นิดเดียวยังเก่งจนร้องเสียงE10ได้ แล้วที่ปรึกษาไร้ชื่อคนนี้จะเก่งขนาดไหน?
การถ่ายรายการกำลังจะเริ่ม พวกเขาต้องใช้ทักษะร้องเพลงของเด็กอมมือเพื่อให้ได้โอกาสเป็นลูกศิษย์ ถ้าได้เป็นศิษย์แล้วพวกเขายังต้องกลัวว่าตัวเองจะไม่ดังอีกเหรอ?
ด้วยเหตุนี้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจึงถือว่าผู้ช่วยเย่เทียนเป็นคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาบนเส้นทางนักร้อง พวกเขาหวังว่าสักวันหนึ่งจะแซงหน้าเย่เทียนได้
แม้จะใช้คำโกหกเป็นแสงสว่างนำทางแต่พวกเขาก็พอใจกับมัน
“อาจารย์เย่ช่วยฟังผมร้องท่อนคอรัสของเพลงนี้หน่อยได้ไหมครับ...”
“ไม่ต้องห่วงนะครับอาจารย์เย่ ผมจะร้องเพลงออกมาจากใจ”
“อาจารย์เย่…”
“อาจารย์เย่…”
เย่เทียนมองนักต้มตุ๋นที่พลิกสถานการณ์ได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ เขารู้สึกชื่นชมนักต้มตุ๋นที่สามารถทำให้ผู้เข้าแข่งขันกลับมาเป็นปกติได้
นักต้มตุ๋นดูชีทเพลงที่อยู่บนมือ
โน๊ตเพลงพวกนี้เขาไม่รู้จักเลยสักนิด
รับเงินจากคนอื่นก็ต้องขจัดภัยให้ ด้วยเงินที่ได้มารอบหลังอีก 800,000 ดังนั้นเขาจะแสดงอย่างเต็มที่
ต้องรู้ว่าในธุรกิจการฉ้อโกง ถ้าเย่เทียนบอกว่าเป็นที่สองก็จะไม่มีใครกล้าบอกว่าตัวเองเป็นที่หนึ่ง
หลังจากขยิบตาให้ 'คู่หู' ที่หลบไปอยู่มุมห้องเพื่อสูบบุหรี่ นักต้มตุ๋นก็เอาชีทเพลงมาตำนิผู้เข้าแข่งขัน
“นักร้องตัวจริงจะมีชีทเพลงไว้ทำไม มันต้องร้องออกมาจากใจสิไม่ใช่ไปร้องเพลงตามชีทเพลง ตอนผู้ช่วยฉันร้องเขาดูชีทหรือเปล่า ถ้าอยากใช้เพลงสร้างความประทับใจให้ที่ปรึกษากับแฟนคลับ คุณต้องใส่อารมณ์ร่วมด้วย ถ้าไม่ใส่อารมณ์ร่วมกับเพลงแล้วฉันจะสอนอะไรได้อีก?”
“พวกเรารู้แล้วว่าต้องทำยังไง ฉันจะกลับไปฝึกเดี๋ยวนี้ ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของอาจารย์เย่แล้ว...”
“ขอบคุณอาจารย์เย่สำหรับคำแนะนำ เราจะไม่ทำให้คุณและแฟนคลับผิดหวังในการถ่ายคืนนี้...”
“ใช่แล้วอาจารย์เย่ หวังว่าในอนาคตคุณจะให้คำแนะนำเพิ่มอีก...”
“ขอบคุณอาจารย์เย่...”
“ขอบคุณอาจารย์เย่..”
เย่เทียนเยาะเย้ยผู้เข้าแข่งขันที่โดนหลอกจนหัวหมุนพวกนั้น ขนาดโดนหลอกอยู่ยังไม่รู้ตัวอีก นี่มันน่าขำจริงๆ
หลังจากความวุ่นวายจบลง เขาก็เริ่มดำเนินการเรื่องต่อไป
ไม่รู้ว่าคนโง่พวกนี้มาจากไหน โชคดีที่วันนี้เขามาด้วยเพราะการถ่ายรายการคืนนี้น่าสนใจจริงๆ มันสนุกยิ่งกว่าใช้เงิน 100 ล้านซะอีก
เย่เทียนดับบุหรี่แล้วเดินไปหานักต้มตุ๋น เขาต้องการพูดกับนักต้มตุ๋นว่าหลังการถ่ายรายการใครคือนักร้องวันนี้ในฐานะที่ปรึกษาปลอมจบ ก็เลิกแสดงแล้วแยกไปได้แล้ว
ถ้ามีคนเปิดโปงว่าเขาเป็นนักต้มตุ๋นได้ เกรงว่าคงได้ไปกินข้าวแดงในคุกตลอดชีวิตแน่
“อาจารย์เย่เทียน หลังจากคืนนี้ถ่ายรายการเสร็จทำไมคุณไม่...” น่าเสียดายที่เย่เทียนถูกนักต้มตุ๋นขัดจังหวะก่อนที่จะพูดจบ
“พี่ชาย ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงกล้าเสี่ยงแอบเข้าไปในสถานีโทรทัศน์เพื่อทำข้อตกลง กลายเป็นว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่คนโง่แต่ยังมีเงินกับแกะอ้วนจำนวนมากมารออยู่หน้าประตูเพื่อให้เราหลอก ในที่สุดฉันก็เข้าใจคำว่าไม่ใช่ฝนที่ตก แต่เป็นทองที่ตกลงมา...”
นักต้มตุ๋นยังสวยเหมือนทุกวันนี้ตั้งแต่เขายังเป็นเด็กและ ไม่ว่าเขาจะไปไหนเขาก็หลอกคนได้คนสองคนจากนั้นก็หายตัวไป เขาต้องใช้ชีวิตแบบอับอายและไม่เคยได้รับความชื่นชมจากคนมากมายแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ชื่นชมเขาเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงอยู่กับนักร้องรุ่นเยาว์
ด้วยเหตุนี้...เขาจึงความสุขจนตัวลอยไปแล้ว
โดยเฉพาะผู้ช่วยที่ร่วมงานกับเขาในการแสดงนี้ เขาบอกว่าวันนี้ที่ปรึกษาตัวจริงอย่างเย่เทียนจะไม่มาถ่ายรายการใครคือนักร้องแน่นอน ดังนั้นเขาจะไม่เอาเงิน 800,000 จากรายการได้ไง?
สุดท้ายเขาจะเหลือเงิน 500,000 หลังจากแบ่งกับพรรคพวก แม้ว่าเงิน 500,000 จะทำให้เขาสุขสบายไxสองสามปีแต่ในโลกนี้ไม่มีใครคิดว่าเขามีเงินมากไป
จากสถานการณ์ปัจจุบันตราบใดที่ให้เงินผู้ช่วยนักต้มตุ๋นมากพอ เพื่อนร่วมงานคนนี้ก็ยังหลอกผู้เข้าแข่งขันต่อได้ ในเมื่อทำเงินเพิ่มขึ้นได้แล้วทำไมจะไม่ทำล่ะ?
“อาจารย์ฟังฉันก่อน การหลอกคนอื่นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาว สิ่งที่ฉันจะพูดคือเมื่อคุณจบการถ่ายใครคือนักร้องคืนนี้ คุณสามารถไปเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทของฉันได้โดยตรง ฉันจะทำให้คุณประทับใจกับเงินเดือนอย่างแน่นอน...” และนี่เป็นครั้งที่สองที่เย่เทียนถูกขัดก่อนจะพูดจบ เขาถูกขัดอีกครั้งหลังเชิญนักต้มตุ๋นมาเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
เดิมทีเย่เทียนต้องการให้นักต้มตุ๋นหยุดหลังการถ่ายของวันนี้ ด้วยฝีปากที่เขาฝึกมาหลายปีเพื่อไว้คุยกับคนและผี ความสามารถนี้มันมากพอที่จะจัดให้เขาเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ในบริษัทย่อย
ตราบใดที่สินค้าบริษัทย่อยผ่านด่านศุลกากร นักต้มตุ๋นย่อมได้บินขึ้นฟ้า
และที่สำคัญคือวันไหนถ้าเขาเบื่อๆจะได้ไปหาอะไรคุยกัน
แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะไม่สนใจตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ในบริษัทย่อยที่เย่เทียนให้และยังกล่อมเย่เทียนเข้าให้เข้าสู่เส้นทางแห่งการหลอกลวง
“เวรเอ้ย นายบ้าไปแล้วจริงๆ ถึงกับเปิดบริษัทหลอกลวงเลยเหรอเนี่ย วันนี้ถือว่าฉันได้มาเปิดหูเปิดตาแล้ว ฉันบังเอิญไปเห็นข่าวบันเทิงบอกว่านักแสดงและนักร้องพวกนี้ทำเงินได้เยอะ ตอนนั้นฉันมีไม่เชื่อแต่ตอนนี้ฉันเข้าใจดีแล้ว ดูสิว่านายทำเงินได้มากแค่ไหนกับการหลอกพวกนักร้อง? แถมสถานีโทรทัศน์ยังทำเงินและมีเส้นสายได้ด้วยไม่ใช่เหรอ? แค่นายร่วมทีมกับฉันและทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาจนจบรายการ ค่าตอบแทนยังแบ่งกันเท่าเดิมเราสองสามารถทำเงินเพิ่มได้ ขอแค่นายรับประกันว่าที่ปรึกษาเย่เทียนตัวจริงจะไม่ปรากฎตัว”
เย่เทียนมองนักต้มตุ๋นที่กำลังหลอกเขาอยู่และส่ายหัวด้วยความขบขัน เขาขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจคนบ้าที่แกล้งหลับ เขาเดินออกจากห้องไปติดต่อเจียงเซิ่งเฟิงเพื่อดูว่าเขาสามารถหาคนมาแทนเฟยเฉิงในการถ่ายรายการได้หรือไม่