ตอนที่ 88 ใครแสดงกับใคร
ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงรายการใครคือนักร้องของสถานีโทรทัศน์เซี่ยงไฮ้ขึ้นมาอยู่อันดับ 1 ในรายการค้นหาของเว่ยป๋อ
รายการค้นหามากที่สุดอันดับหนึ่ง: เทพดนตรีเฟยเฉิงถูกฆ่าด้วยเสียงแหลมE10โดยนักร้องไร้ชื่อจนต้องออกจารายการใครคือนักร้อง
รายการค้นหามากที่สุดอันดับสอง: เฟยเฉิงถูกทางรายการไล่ออกหลังจากเขาได้รับบาดเจ็บในระหว่างซ้อมในรายการใครคือนักร้อง
รายการค้นหามากที่สุดอันดับสาม: นั่งรอรายการใครคือนักร้องในคืนนี้
20.00 น.
ด้านนอกสถานีโทรทัศน์เต็มไปด้วยนักข่าวบันเทิงจากสำนักงานข่าวใหญ่ พวกเขาจับทีมงานของสถานีโทรทัศน์เซี่ยงไฮ้มาสัมภาษณ์และพยายามขุดข่าวจากปากเจ้าหน้าทีมงาน
ในห้องโถงที่ใหญ่ที่สุดของสถานีโทรทัศน์ การซ้อมรอบสุดท้ายและการเตรียมตัวสำหรับงานคืนนี้ดำเนินไปตามปกติ
ผู้อำนวยการที่เดิมทีต่อว่าผู้ช่วยด้วยสีหน้าขึ้นเลือด แต่พอรับสายที่โทรเข้ามาใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที
เขาเดินไปมาหาเย่เทียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มโดยไม่สนใจสีหน้าตกใจของคนรอบข้าง เขาโค้งคำนับเย่เทียนพร้อมดึงนามบัตรออกจากสูทด้วยมือสั่นเทาและยื่นนามบัตรให้ด้วยท่าทีเคร่งครึม
“คุณเย่รู้จักคนมากมายจริงๆ ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ด้วยการยื่นข้อเสนอให้จางเทียนหวังโดยการให้ค่าตอบแทนสูงกว่าราคาตลาดถึงสามเท่า เกรงว่ารายการใครคือนักร้องคงต้องลำบากมาก ผมขอขอบคุณจริงๆ”
ผู้อำนวยการกล่าวขอบคุณด้วยใจจริง เขาจับมือนักต้มตุ๋นไม่ยอมปล่อย
เขากลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นคนบาปตลอดชีวิตถ้าปล่อยมือจากมหาเทพที่ทำตัวติดดินคนนี้
จางเทียนหวังเป็นคนสืบทอดตำแหน่งเทพดนตรีคนใหม่ คืนนี้เขาสัญญาว่าจะเป็นที่ปรึกษารายการให้
ผู้อำนวยการตกใจที่สามารถเชิญจางเทียนหวังมาได้ นี่มันน่าตกใจยิ่งกว่าคำสั่งฆ่าผู้อำนวยการซะอีก
ต้องบอกก่อนว่าจางเทียนหวังไม่เคยเข้าร่วมรายการวาไรตี้ไหนมาก่อน แต่เขายอมมาเป็นที่ปรึกษาให้รายการใครคือนักร้อง
ต่อให้คุกเข่าก็ต้องกอดต้นขามหาเทพเย่เทียนไว้ให้แน่น
ใครกันที่สามารถให้บริษัทย่อยจ่ายเงิน 500 ล้านได้ง่ายๆและจ่ายเงินสูงลิ่วเพื่อแย่งตัวหยางจิ่นลี่จากโรงงานห่าน?
เจียงเซิ่งเฟิงแห่งเอ็มเพอร์เรอร์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ได้พูดไว้ว่า
คุณเย่เป็นคนที่ชอบทำตัวติดดินและไม่ชอบเป็นที่รู้จัก
ดังนั้นต้องปิดเรื่องตัวตนของเขาเอาไว้ถ้าสเขามีความสุข
ถ้ามหาเทพคนนี้ไม่มีความสุขขึ้นมา สถานีโทรทัศน์ของพวกเขาคงไม่ได้ไปต่อ
ขณะที่นักต้มตุ๋นให้กำลังใจตัวเองเขาก็ถูกผู้อำนวยจับมืออย่างกระตือรือร้น เขาพยายามแกะมือออกหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ เมื่อเขาโดนแบบนี้จึงทำให้เขางงไปหมด
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนผู้กำกับไปเสพยาหรือหัวกระแทกประตูมารึเปล่า
คุณเย่?
ใครคือคุณเย่?
วันนี้ปลอมตัวมาเป็นขาใหญ่ที่ไหนเข้าเนี่ย?
ด้วยประสบการณ์หลายปีในธุรกิจหลอกลวง เขาจึงได้กลิ่นเงินลอยมาจากผู้อำนวยการและเขาสามารถทำเงินจากชายคนนี้ได้
ถ้าคืนนี้ถูกจับได้ว่าเป็นที่ปรึกษาตัวปลอม เงิน 200,000 ที่ได้ก่อนหน้านี้เขาจะไม่คายมันออกมาแน่นอน
ยังไงเงินแค่นี้ขนหน้าแข้งผู้อำนวยการก็ไม่ล่วงอยู่แล้ว แต่ว่า...
ถ้าอยากได้เงินฉันไม่มีให้ แต่ถ้าชีวิตฉันมีหนึ่ง
“ผู้อำนวยการ เหลืออีก 15 นาทีก่อนจะถ่ายรายการ คุณจะจับมือฉันอีกนานไหม?”
นักต้มตุ๋นเหลือบมองผู้สมรู้ร่วมคิดซึ่งทำหน้าที่ผู้ช่วยที่อยู่ข้างหลังเขา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีอารมณ์แปรปรวนหรือเปลี่ยนสีหน้าเขาจึงอดชื่นชมไม่ได้
ดูเหมือนผู้อำนวยที่เป็นเทพแห่งความมั่งคั่งจะถูกเมินข้ามไป คงต้องไปถามผู้ช่วยเรื่องที่ปรึกษาตัวจริงสักหน่อยแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าเขาถูกลักพาตัวและถูกหลอกมาหลายปีแล้ว และในที่สุดก็พบวิธีหาเงินที่สามารถใช้จุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาได้
ผู้อำนวยการเห็นว่านักต้มตุ๋นรู้สึกรำคาญจนหน้าเปลี่ยนสี เขาจึงยอมปล่อยมือที่กุมแน่นออก “เอาล่ะเอาล่ะ คุณเย่เองก็ต้องเตรียมตัวในรอบสุดท้ายด้วย งั้นผมไม่ขอรบกวนคุณแล้ว หลังถ่ายรายการจบผมอยากชวนคุณไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อเพื่อเป็นการสานต่อมิตรภาพของเรา และจะได้เป็นการเลี้ยงฉลองให้แขกสุดพิเศษด้วย”
หลังส่งคำเชิญแล้วผู้อำนวยการก็ไม่เปิดโอกาสให้นักต้มตุ๋นปฏิเสธ เขารีบเดินจากไปแล้วทิ้งนักต้มตุ๋นที่กำลังสับสนไว้ตรงนั้น
นักต้มตุ๋นที่อยู่ในวงการหลอกลวงมานานแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนปล้นแล้วไม่อาจปฎิเสธไม่ได้
เมื่อเหลือบดูเวลาเขาก็เรียกเย่เทียนที่อยู่ข้างหลังให้เข้ามาใกล้ๆ เขาถามยืนยันอีกครั้งด้วยเสียงกระซิบ “คนที่ฉันปลอมตัวอยู่เขาจะไม่มาจริงๆใช่ไหม?”
เย่เทียนไม่ได้โกรธเมื่อได้ยินนักต้มตุ๋นถามแต่เขากลับยิ้มแทน
เขาเป็นคนตลกมากเลยนะเนี่ย
ความสามารถในการแสดงก็ไม่ธรรมดา แค่ไม่กี่วิก็เข้าบทแสดงแล้ว
ขอดูหน่อยเถอะว่าจะแสดงไปได้ถึงเมื่อไหร่
ตอนนี้เจียงเซิ่งเฟิงแก้ปัญหาเรื่องที่ปรึกษาของรายการเรียบร้อยแล้ว
ตราบใดที่การแสดงของนักต้มตุ๋นทำให้เขามีความสุขได้เขาก็จะไม่เข้าไปยุ่ง
ตอนนี้เย่เทียนพร้อมแล้ว ต่อไปเขาก็แค่รอสนุกกับการถ่ายคืนนี้ เขาตบไหล่นักต้มตุ๋นแล้วให้ความมั่นใจ “ไม่ต้องห่วง นายทำหน้าที่ของตัวเองไปได้เลย แล้วก็ฉันอยากเชิญนายไปที่บริษัทของฉัน…”
“ตกลง หลังถ่ายรายการจบคืนนี้ฉันจะไปกับนาย”
นักต้มตุ๋นนึกถึงคำเชิญร่วมงานเลี้ยงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของผู้อำนวยการ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้ปฎิเสธ
คงเป็นเรื่องดีกว่าที่ไปหาผลประโยชน์มากกว่านี้ที่บริษัทผู้ช่วย
20.30 น.
รายการใครคือนักร้องออกอากาศออนไลน์และออฟไลน์ในเวลาเดียวกัน
ทั้งสื่อและผู้ชมต่างรีบเปิดดูกันอย่างล้นหลามจนเกือบทำให้เซิฟเวอร์เว็บไซต์ของเซี่ยงไฮ้ค้าง
โดยเฉพาะเทพดนตรีที่เป็นหนึ่งในสี่ราชาแห่งวงการวาไรตี้ที่ไม่เคยเข้าร่วมรายการวาไรตี้ใดๆแต่มาปรากฏตัวในตำแหน่งที่ปรึกษาของรายการใครคือนักร้อง นั่นจึงทำให้เซิร์ฟเวอร์เว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์เต็มไปด้วยคนดูจำนวนมาก
เหล่าบรรดาแฟนคลับต่างรีบเข้ามาดูด้วยความตื่นเต้น พวกเขาถ่ายหน้าจอของรายการแล้วโพสต์ไปในกลุ่มเพื่อนด้วยมือสั่นเทา
“ใครบอกว่ารายการใครคือนักร้องขาดที่ปรึกษาอย่างเฟยเฉิง นี่เป็นการตบหน้าชัดๆ...”
“นี่มันยิ่งกว่าโดนตบหน้าซะอีก หน้าคงบวมหมดแล้วมั่งนั่น...”
“รายการใครคือนักร้องสุดยอดจริงๆถึงขนาดเชิญจางเทียนหวังมาได้…”
“อย่าพูดอีกเลย ไม่งั้นมันจะอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต...”
“พ่อแม่ฉันถามว่าทำไมถึงคุกเข่าดู แต่ต่อมาพวกเขาก็คุกเข่าลงมาด้วย...”
“รีบเข้าไปดูรายการใครคือนักร้องเร็ว...”
“เทพดนตรี…”
รายการใครคือนักร้องออกอากาศแค่ 3 นาทีก็ขึ้นครองรายการค้นหามากที่สุด 3 อันดับแรกทันที
ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์และรองผู้อำนวยการต่างตาบอดด้วยเรตติ้งในคืนนี้ พวกเขาวางงานทั้งหมดลงแล้วไปรอถ่ายใครคือนักร้องให้จบเพื่อที่พวกเขาจะได้ไปงานเลี้ยงฉลองของมหาเทพเย่เทียนที่เชิญจางเทียนหวังมาได้ ด้วยประสบการณ์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมสื่อมานาน พวกเขารู้สึกได้ว่าคืนนี้คงได้การสนับสนุนหลายร้อยล้านจากสปอนเซอร์แน่
ผู้นำทั้งสองของสถานีโทรทัศน์เซี่ยงไฮ้ดีใจมากเมื่อเห็นนักต้มตุ๋นหันมาสบตาพวกเขา
นักต้มตุ๋นรู้ดีว่ายิ่งเวทีใหญ่แค่ไหน เขาก็ต้องแสดงให้ดียิ่งขึ้น
ไม่ว่าหน้าเขาจะเป็นเทพดนตรีเฟยเฉิงหรือเทพดนตรีอย่างสี่ราชาของวงการวาไรตี้ เขาก็ต้องแสดงให้สมกับเป็นมืออาชีพ
หลังจากผู้เข้าแข่งขันได้รับคำติชม พวกเขาก็แสดงท่าทางไม่ย่อท้อออกมา
แต่นักต้มตุ๋นคิดว่าตัวเองยังไม่เป็นที่สะดุดตาพอ เขาจึงแสดงความคิดเห็นอย่างกระตือรือร้นและถอดรองเท้าหนังที่เต็มไปด้วยกลิ่นเปรี้ยวออกมา เขาเอารองเท้าไปเคาะระหว่างที่ปรึกษาทั้งสองซึ่งทำให้กลื่นรองเท้าไปกระแทกหน้าหลี่ต้าไห่จังๆ
เขาพูดสำเนียงเซี่ยงไฮ้ที่ไม่ได้มาตรฐานและถือรองเท้าชี้ไปทางหลี่ต้าไห่ หลี่ต้าไห่แทบไม่รู้สึกตัวเพราะเขาจะเป็นลมจากกลิ่นเปรี้ยวของรองเท้านักต้มตุ๋นอยู่แล้ว แน่นอนว่านี่เป็นการหยามโดยไม่ต้องใช้คำหยาบสักคำ
“ผู้เข้าแข่งขันหญิงคนนี้ร้องได้เพราะมาก ปกติแล้วคนบ้านนอกจะมีแต่พวกโหวกเหวกโวยวาย ตามที่เธอก่อนหน้านี้เธอฝึกกับครูสอนร้องเพลงตั้งแต่เด็ก ในความเห็นของฉันเธอสามารถเดินบนเส้นทางดนตรีที่เธอชอบได้และนั่นเป็นเส้นทางชีวิตของคนที่มีความสามารถ”
“ฉัน...ฉันจะทำให้ดีที่สุด” หลี่ต้าไห่เป็นนักร้องที่ได้รับการยกย่องทั้งในและต่างประเทศ เขาจะเคยโดนหยามแบบนี้ที่ไหน?
ตั้งแต่เขามาเป็นที่ปรึกษาประจำรายการใครคือนักร้อง วันนี้เขาไม่ใช่แค่แปลกใจกับเสียงของผู้ช่วยเท่านั้นแต่ยังต้องตกใจกับที่ปรึกษาไร้ชื่อที่ถอดรองเท้าออกมาเคาะต่อหน้าคนดูหลายสิบล้านคนที่กำลังดูการออกอากาศออนไลน์และออฟไลน์อยู่ แล้วจากนี้ไปในรายการใครคือนักร้องเขาจะเอาหน้าไปไว้ไหน?
เกรงว่าหลังจากคืนนี้ไปคงไม่มีรายการหรือกลุ่มถ่ายหนังที่ไหนมาเชิญเขาแล้ว
หลี่ต้าไห่โกรธจัด เขาถอดไมโครโฟนบนที่นั่งที่ปรึกษาแล้วฟาดใส่นักต้มตุ๋นซ้ำๆ
ใครจะรู้ว่านักต้มตุ๋นชินกับฉากนี้แล้วเขาจึงหลบได้ทัน ไมโครโฟนสีดำจึงฟาดไปโดนไหล่ของเย่เทียนแทน
ผู้กำกับรายการเห็นที่ปรึกษาสองคนโวยวายใส่กัน เขาจึงรีบโทรหาผู้อำนวยการเพื่อถามว่าควรหยุดถ่ายรายการคืนนี้ดีไหม อย่างน้อยก่อนที่สถานการณ์จะคลี่คลายก็ควรหยุดออกอากาศเว็บไซต์รายใหญ่ซะก่อน
แต่คำสั่งที่เขาได้รับกลับมาไม่ใช่การหยุด ตีเหล็กก็ต้องตีตอนร้อน ดังนั้นผู้อำนวยการจึงต้องการให้รายการออกอากาศต่อไป
ผู้กำกับโบกมือให้ช่างภาพถ่ายหน้าของทั้งสองคนที่กำลังตบตีกันโดยไม่นึกถึงสถานะของที่ปรึกษา
โดยเฉพาะรอยบวมรูปรองเท้าบนหน้าผากของหลี่ต้าไห่ แต่นักตุ้มตุ๋นก็หลบไมโครโฟนที่กำลังจะตีหน้าเขาได้อย่างรวดเร็ว
สุดท้ายเย่เทียนที่นั่งดูอย่างสบายใจก็โดนแทน ช่างภาพที่มีตาเฉียบคมรีบถ่ายภาพตอนที่เย่เทียนถูไหล่ด้วยความเจ็บปวด
วันนี้เย่เทียนกลายเป็นคนดังเหมือนถังระเบิดเดินได้ไปแล้ว และตอนนี้เขาทำได้แค่ป้องกันตัวเท่านั้น
เนื่องจากการแสดงอันยอดเยี่ยมระหว่างที่ปรึกษา อัตราการดูจึงทะลุระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีของสถานีโทรทัศน์เซี่ยงไฮ้และจำนวนผู้ดูออนไลน์และออฟไลน์ก็เกิน 200 ล้านในไม่กี่นาที
“เซี่ยงไฮ้TVทะยานขึ้นฟ้าไปแล้ว...”
“รายการใครคือนักร้องทำลายขีดจำกัดได้แล้ว...”
“คนที่อยู่ข้างหลังที่ปรึกษาที่ถือรองเท้าเป็นผู้ช่วยของเขาเหรอ? อ๊าาาหล่อจังเลย ฉันขอคุกเข่าในพี่ชายเปิดตัวโดยเร็ว...”
“ใครไม่ดูรายการใครคือนักร้องคืนนี้ สมองต้องโดนลาเตะมาแน่...”
ห้าสาวที่อยูในวิลล่าB1ของอ่าวอิมพีเรียลเริ่มน้ำตาไหลเมื่อเห็นเย่เทียนถูกหลี่ต้าไห่ตีด้วยไมโครโฟน
แน่นอว่าผางเหว่ยที่ถูกผันเป็นมัมมี่อยู่ในในโรงพยาบาลไม่ได้ร้องไห้แต่เลือกที่จะซุ่มยิงแทน
เขากัดฟันจ้องหลี่ต้าไห่บนหน้าจอแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างรวดเร็ว เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดเพื่อยกเลิกความร่วมมือกับบริษัทหลี่ต้าไห่
คนที่ทำร้ายพี่เย่ต้องไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป
ความนิยมรายการใครคือนักร้องมีจนถึงตอนถ่ายรายการจบ...
00.00 น.
[ติ๊ง! ประสบความสำเร็จในการเป็นที่ปรึกษาลึกลับและมีส่วนร่วมในการถ่ายรายการทั้งหมด ได้รับเงินรางวัล 50,000 ล้าน]
“รับ!”
เย่เทียนได้รับรางวัล 50,000 ล้านทันที
เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากเข้าร่วมรายการใครคือนักร้องคืนนี้ ทรัพย์สินของเขาจะมีมูลค่าหลายแสนล้านแต่ใครจะไปคิดว่าจะน้อยกว่านี้ 150 ล้าน
ดูเหมือนจำเป็นต้องลงชื่อเข้าใช้ครั้งเพื่อให้มีเงินถึงจำนวนที่จะอัพเกรดระบบได้
[เวลาในการลงชื่อเข้าใช้อีกครั้งคือ 76 ชั่วโมง]
เมื่อเย่เทียนเห็นเวลาลงชื่อเข้าใช้อีกครั้งเขาก็โล่งใจ
เดิมทีเขาต้องการอัพเกรดระบบเพื่อดูว่ามีสมบัติล้ำค่าหรือบัตรประสบการณ์อะไรรอเขาอยู่ ไม่ว่ามันจะแย่แค่ไหนแต่ยังไงเขาก็ได้เงินเพิ่ม
ก่อนหน้านี้มี 35,000 ล้านยังไม่ได้ใช้และตอนนี้ก็เพิ่มมาอีก 50,000 ล้าน
ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเขาคงต้องหาวิธีอื่นเพื่อใช้เงินหาความสุขซะแล้ว
“ฉันไปเอาเงินก่อนนะแล้วค่อยไปเจอกันที่ประตูหลัง เดี๋ยวฉันโอนเงินให้นายครึ่งล้าน” หลังนักต้มตุ๋นพูดจบเขาก็ไปแผนกบัญชีของสถานีโทรทัศน์เพื่อเอาเงินที่เหลืออีก 800,000...