ตอนที่ 12 ความเสียหายจากสงครามที่น่าทึ่ง เตียวเลี้ยวตัดสินใจ
ตอนที่ 12 ความเสียหายจากสงครามที่น่าทึ่ง เตียวเลี้ยวตัดสินใจ
การแสดงออกของเตียวเลี้ยวนั้นจริงใจอย่างมาก
เมื่อมาถึง เขาก็เอ่ยถามทุกอย่างชัดเจน
กองทัพของเฉิงชงมาโดยไม่ได้รับคำสั่งจากราชสำนัก และไม่มีใครมอบหมายทั้งสิ้น
ทุกอย่างเขาทำมันด้วยตัวเอง!
เพื่อต้องการจะปกป้องผู้อื่น เขาต้องรีบเดินทางหลายสิบลี้เพื่อมาให้ทันสนามรบ
สิ่งนี้มันเรียกว่าอะไร?
มันเรียกว่าความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ มันเป็นความชอบธรรมอย่างแท้จริง!
ในขณะนี้ ความปลาบปลื้มและนับถือของเตียวเลี้ยวที่มีต่อเฉิงชงมาถึงจุดสูงสุดแล้ว
เฉิงชงค่อนข้างประหลาดใจ
เขายังไม่มีเวลาไปหาเตียวเลี้ยว
แต่เตียวเลี้ยวกลับเดินมาหาเองถึงที่!
นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการสร้างความสัมพันธ์ และตีสนิท
“เหตุใดเวิ่นหยวน (เตียวเวิ่นหยวนชื่อรองเตียวเลี้ยว) ต้องเกรงใจถึงเพียงนี้!”
“มันเป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องปกป้องบ้านเมืองและความสงบสุขของผู้คน!”
“ยิ่งไปกว่านั้น จงหลิงและหม่าอี้อยู่ห่างกันเพียงไม่กี่สิบลี้ การดูแลและช่วยเหลือซึ่งกันและกันย่อมไม่มีสิ่งใดต้องขอบคุณ!”
เฉิงชงรีบก้าวไปข้างหน้าและพยุงเตียวเลี้ยวขึ้น
เตียวเลี้ยวมองไปยังเฉิงชงพร้อมเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ไม่ทราบว่าผู้มีพระคุณนั้นชื่อว่าอะไร?”
เฉิงชงหัวเราะเบา ๆ
“เฉิงชง ชื่อรองอู๋ฮวย!”
“พวกเราอายุไล่เลี่ยกัน อย่าเรียกว่าผู้มีพระคุณเลย”
“แค่เรียกข้าว่าอู๋ฮวยก็พอ!”
เตียวเลี้ยวสะบัดมือ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“หามิได้”
“หนึ่งก็คือหนึ่ง สองก็คือสอง ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตชาวบ้านหม่าอี้ บุญคุณล้นฟ้า ข้าไม่อาจทำลายกฎข้อนี้ลงได้!”
เฉิงชงยิ้มอย่างขมขื่น
เตียวเลี้ยวไม่ยอมปล่อยวางเรื่องนี้จริง ๆ
มีการกล่าวในบันทึกประวัติศาสตร์ว่าเตียวเลี้ยวนั้นให้ความสำคัญกับความเมตตาและความชอบธรรม ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นเจี้ยงเฟิงได้นำทหารจงหลิงที่คุ้มกันเชลยจำนวนมากของกบฏโพกผ้าเหลืองมา
เขาดูมีความสุขและตื่นเต้นอย่างมาก
“นายท่าน!”
“เราชนะศึกอีกแล้ว!”
“พี่น้องของเราได้รับบาดเจ็บแค่หลักหน่วยเท่านั้น แต่พวกกบฏโพกผ้าเหลืองตายไปกว่าเจ็ดถึงแปดร้อย!”
“เรายังจับเชลบที่แข็งแรงได้ถึงหนึ่งพันคน!”
“ข้าได้บอกทางเลือกของนายท่านต่อเหล่าเชลยแล้ว และพวกเขายินดีที่จะสวามิภักดิ์กับนายท่าน!”
เตียวเลี้ยวเองก็ยืนฟังรายงานการรบอยู่ด้านข้าง
ท่าทีบนใบหน้าของเขาถึงกับเปลี่ยน
มันเป็นความเสียหายจากสงครามจริงหรือ?
ตัวเลขหลักหน่วยต่อเจ็ดถึงแปดร้อย?
พวกเขาป้องกันเมืองจากกบฏผ้าเหลืองมาหลายวัน และสามารถสังหารกบฏผ้าเหลืองได้เจ็ดร้อยกว่าคนเช่นกัน
แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคาที่สาหัส
ทหารรักษาการณ์ของหม่าอี้สูญเสียไปมากกว่าครึ่ง อีกทั้งคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยบาดแผล
แต่กองทัพของเฉิงชงเรียกได้ว่าแทบจะไม่เสียหายเลย!
ดูผ่าน ๆ ทหารจงหลิงเหล่านี้ผอมบางอย่างมาก พวกเขาไม่เหมือนกองทัพที่ต่อสู้ได้ดีนัก
เราไม่ทราบจริง ๆ ว่าเฉิงชงฝึกพวกเขาได้อย่างไร!
ด้วยความมีคุณธรรมของเฉิงชง และทหารที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีเช่นนี้ ไม่นานเขาจะต้องผงาดขึ้นมาแน่นอน!
บางทีเขาอาจจะเป็นผู้จุดชนวนของราชวงศ์ฮั่นก็ได้ แต่ไม่มีใครทราบถึงสิ่งนี้!
ดวงตาของเตียวเลี้ยวกะพริบขณะมองไปยังเฉิงชง
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากติดตามบุรุษตรงหน้า
บางทีนี้อาจจะเป็นโอกาส
ถึงแม้อำเภอหม่าอี้จะเป็นบ้านเกิด แต่มันก็เล็กเกินไปที่จะทำการใหญ่
นายอำเภอเองยังอิจฉาความสามารถของผู้มีพรสวรรค์ และจำกัดเขาอยู่แต่ในเมือง
ครั้งนี้เพื่อที่จะได้ออกไปรบนอกเมือง เขาได้ตัดขาดกับนายอำเภอไปแล้ว และในอนาคตคงเป็นเรื่องยากที่จะมองหน้ากัน
ติดตามเฉิงชงคงเป็นเรื่องที่ดีกว่าจมอยู่ในหม่าอี้แน่นอน!
ในอนาคตเฉิงชงจะต้องโด่งดังไปทั่วปฐพี และชื่อของเตียวเลี้ยวอาจจะโด่งดังตาม!
“ผู้มีพระคุณ...”
เตียวเลี้ยวกัดริมฝีปากด้วยความลังเลเล็กน้อย
ดูเหมือนจะมีบางอย่างอยู่ในใจเขา
การแสดงออกนี้ไม่พ้นสายตาของเฉิงชง
เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะกล่าว
“เวิ่นหยวน ท่านกับข้าพบกันเพราะโชคชะตา หากมีสิ่งใดต้องการจะพูด เช่นนั้นก็อย่าเก็บมันไว้เลย”
เตียวเลี้ยวกัดฟันและรวบรวมความกล้าทั้งหมด
ร่างอันสูงใหญ่คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น
“ผู้มีพระคุณ!”
“ข้าต้องการติดตามผู้มีพระคุณเพื่อทำการใหญ่ให้สำเร็จ!”
เฉิงชงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
เขาเคยคิดที่จะเป็นคนเอ่ยปากขอร้องเอง
แต่นี่เตียวเลี้ยวเป็นคนพูดเอง?
นี่มันความฝันใช่หรือไม่!
เมื่อเห็นเฉิงชงเงียบไป เตียวเลี้ยวถึงกับกังวลเล็กน้อย
“หรือเพราะผู้มีพระคุณยังไม่ไว้ใจเวิ่นหยวนผู้นี้?”
เฉิงชงเรียกสติกลับมาและรีบสะบัดมือ
“เวิ่นหยวนพูดอะไร!”
“ข้าชื่นชมวิทยายุทธ์ของเวิ่นหยวนมาเนิ่นนาน”
“ในเมื่อเวิ่นหยวนเต็มใจที่จะติดตามข้า เช่นนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด!”
“ตราบใดที่ข้าสามารถขึ้นเป็นใหญ่ได้ เช่นนั้นเวิ่นหยวนย่อมได้อยู่ข้างกายและดื่มด่ำความสำเร็จไปด้วยกัน! ข้ารับรองได้ว่าภายในสามปี ท่านจะได้รับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แน่นอน!”
เตียวเลี้ยวพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น
“ข้าเชื่อนายท่าน!”
เฉิงชงมองดูเตียวเลี้ยว ยิ่งมองมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งชื่นชอบเตียวเลี้ยวมากเท่านั้น
ทราบหรือไม่ นอกจากเตียวเลี้ยวจะเป็นแม่ทัพอันดับต้น ๆ เขายังมีพรสวรรค์ที่หาตัวจับยาก!
เขาสามารถบัญชาการกองทัพได้อย่างดีเยี่ยม
นอกจากนั้นเขายังมีความสามารถในการฝึกฝนทหาร
ค่ายกลทรงลิ่มที่เขาเพิ่งได้รับมา มันจะต้องใช้ทหารม้าในการสร้างค่ายกล
ดังนั้นการฝึกทหารม้าจึงจำเป็นเช่นกัน
เมื่อมีเตียวเลี้ยวอยู่ด้วย เขาจะสามารถประหยัดเวลาได้อีกมาก
ในตอนนี้ เฉิงชงมีทั้งกุยแกและเตียวเลี้ยวอยู่ข้างกาย กล่าวได้ว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ดีอย่างยิ่ง!
*หมายเหตุ ในยุคสามก๊กเหมือนแต่ละคนจะมีชื่อรองเป็นของตัวเอง บางครั้งจะเรียกชื่อรองตอนสนทนา แต่ตอนบรรยายมักจะเป็นชื่อหลัก ถ้ามีอะไรสงสัยคอมเม้นถามได้นะครับ