ตอนที่ 13 ทหารผู้จงรักภักดี การค้นพบของกุยแก
ตอนที่ 13 ทหารผู้จงรักภักดี การค้นพบของกุยแก
ทหารม้าหนึ่งร้อยคนของอำเภอหม่าอี้ยืนมองเหตุการณ์อย่างสงบ
พวกเขามองดูเตียวเลี้ยวคุกเข่าให้เจ้านายคนใหม่
“นายท่าน ขอข้าจัดการเรื่องส่วนตัวสักประเดี๋ยว”
เตียวเลี้ยวกล่าวเบา ๆ
เฉิงชงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
เมื่อได้รับอนุญาตจากเฉิงชง เตียวเลี้ยวจึงลุกขึ้นยืนและหันหลังกลับโดยไม่ลังเล
เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าทหารม้าทั้งหนึ่งร้อยคน เตียวเลี้ยวได้โค้งคำนับและพูดขึ้นเสียงดัง
“พี่น้องทุกคน ไม่มีงานเลี้ยงใดในโลกที่ไม่เลิกรา!”
“วันนี้ข้าได้ลาออกจากการเป็นหัวหน้าทหารของหม่าอี้ และเข้าร่วมกับเจ้านายคนใหม่แล้ว!”
“แผ่นดินนี้กว้างใหญ่ หวังว่าพวกเราคงได้พบกันอีก!”
มันคือคำกล่าวลาของเตียวเลี้ยว
ทหารม้าทั้งหนึ่งร้อยคนเป็นทหารของอำเภอหม่าอี้ ไม่ใช่ทหารส่วนตัวของเขา
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ร่วมกันมาหลายปี แต่เขาก็ไม่มีอำนาจบังคับทหารเหล่านี้ให้มาติดตามได้
ดังนั้นเมื่อเลือกจะติดตามเฉิงชง เขาจึงต้องแยกทางกับทหารเหล่านี้โดยธรรมชาติ!
อย่างไรก็ตาม ทหารม้าทั้งหมดยังไม่ได้จากไปไหน
พวกเขาค่อย ๆ ลงจากหลังม้าทีละคน
จากนั้นได้มองไปยังเตียวเลี้ยวด้วยสายตาที่จริงใจและเคารพ
“พี่จาง! ข้าเป็นทหารของท่านมาทั้งชีวิต ท่านจะแห่งใด ข้าจะขอติดตามไปด้วย!”
“ใช่แล้วพี่จาง พวกเราทุกคนฟังแค่พี่เท่านั้น!”
“พี่จาง เจ้านายของท่านก็คือเจ้านายของข้า!”
เสียงของพวกเขาดังขึ้นทีละคน
แต่ทั้งหมดที่จะสื่อก็คือสิ่งเดียวกัน
พวกเขาไม่ยอมไป!
พวกเขาสาบานว่าจะขอติดตามไปด้วย!
ในเวลานี้ ทหารกว่าหนึ่งร้อยคนได้เลือกทางเลือกเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง!
เตียวเลี้ยวมองกลับด้วยดวงตาที่เริ่มแดงเล็กน้อย
ร่างสูงสี่ศอกของชายผู้สง่างามกำลังสั่นเทา
เฉิงชงมองดูจากระยะไกลด้วยความชื่นชม
เตียวเลี้ยวมีความภักดีและความชอบธรรมที่ไม่มีใครเทียบได้!
เตียวเลี้ยวกัดฟันและหันไปมองเฉิงชง
“นายท่าน เหล่าพี่น้องของข้า... ข้าสงสัยว่าท่านพอจะรับ...”
“พวกเขาก็คือพี่น้องของข้าเช่นกัน!”
เฉิงชงไม่ลังเลใจ
แน่นอนว่าเขาต้องการ!
สำหรับทหาร ความจงรักภักดีสำคัญเสียยิ่งกว่าความสามารถ
ความภักดีของทหารเหล่านี้ไม่มีสิ่งใดต้องสงสัยแม้แต่น้อย
หากฝึกฝนเป็นอย่างดี พวกเขาจะกลายเป็นกำลังหลักของกองทัพได้อย่างแน่นอน
นอกจากนั้น พวกเขาคือทหารม้าหนึ่งร้อยคน!
ค่าฝึกทหารม้านั้นแพงกว่าทหารราบมาก
เฉิงชงตอนนี้ยังขาดแคลนทรัพยากรการเงิน ดังนั้นการจะเริ่มสร้างทหารม้าจึงเป็นเรื่องลำบาก
แม้ว่าหนึ่งร้อยคนจะดูน้อยนิด แต่ก็เพียงพอแล้วในตอนนี้
ตราบใดที่พวกเขาสามารถเรียนรู้ค่ายกลทรงลิ่มสำเร็จ พวกเขาจะกลายเป็นอาวุธสังหารของเฉิงชง!
“ขอบคุณนายท่าน!”
เตียวเลี้ยวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ความจงรักภักดีของเตียวเลี้ยวที่มีต่อเฉิงชงเพิ่มขึ้นอีกระดับโดยที่เขาไม่รู้ตัว
เราจะทำทุกอย่างตามที่นายท่านสั่ง!
......
ด้วยเหตุนี้ ทหารม้าทั้งหนึ่งร้อยคนจึงเข้าร่วมกับกองทัพเฉิงชง
จากนั้นเขาได้เข้าไปยังอำเภอหม่าอี้
ด้วยความดีความชอบในการปราบกบฏโพกผ้าเหลือง เฉิงชงจึงสามารถเบิกข้าวฟ่างได้หลายร้อยถัง
ตอนนี้เขามีกองทัพขนาดย่อมและเสบียงที่เพียงพอจะจัดหากองทัพเพิ่มเป็นเวลาสามเดือน
นายอำเภอของหม่าอี้ซึ่งหวาดกลัวมาเป็นเวลานานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยขัดเฉิงชง
หลังจากพักผ่อนได้ไม่นาน พวกเขาก็ออกเดินทางจากหม่าอี้
เขานำเชลยโพกผ้าเหลืองหนึ่งพันคนและเสบียงกลับมายังอำเภอจงหลิง
แน่นอนว่าระหว่างทาง เฉิงชงไม่ได้นั่งอยู่เฉย ๆ
เขาแจกแจงข้อมูลเกี่ยวกับค่ายกลทรงลิ่มขั้นเทพเจ้าให้เตียวเลี้ยวอย่างละเอียด
ทหารม้าหนึ่งร้อยคนต้องใช้เวลาสองสามวันกว่าจะเชี่ยวชาญพื้นฐานของค่ายกลนี้
หลังจากสัมผัสได้ถึงพลังของค่ายกล เตียวเลี้ยวและทหารม้าทั้งหมดต่างตกตะลึงในตัวของเฉิงชง
ตอนแรกบางคนยังไม่ค่อยพอใจเฉิงชงนัก โดยคิดว่าเตียวเลี้ยวไม่ควรยอมสวามิภักดิ์ต่อผู้อื่นง่าย ๆ
แต่ตอนนี้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้หายไปหมดสิ้น
ระดับความจงรักภักดีของพวกเขาเพิ่มขึ้นจนเท่ากับเตียวเลี้ยว
อย่างไรก็ตามค่ายกลทรงลิ่มนั้นน่าสะพรึงเกินไป
หากไม่ใช่เพราะบุรุษลึกลับอย่างเฉิงชง เช่นนั้นคงไม่มีใครสามารถสร้างค่ายกลอันน่าทึ่งนี้ได้
......
“ดูเหมือนว่านายท่านจะเก็บเกี่ยวได้ดีในครั้งนี้!”
ด้านหน้าอำเภอจงหลิง
กุยแกได้รับข่าวและออกมายืนต้อนรับที่หน้าประตูทางเข้า
เขาเผยรอยยิ้มให้ จากนั้นได้หรี่ตามองไปยังเตียวเลี้ยวที่ยืนอยู่ด้านข้างเฉิงชง
ถึงแม้จะไม่ใช่แม่ทัพที่เก่งกาจ แต่กุยแกก็มีสายตาที่แหลมคม
เห็นได้ชัดว่าเตียวเลี้ยวดูแตกต่างจากทหารคนอื่นอย่างสิ้นเชิง!
เวลานี้เฉิงชงเป็นเจ้านายของเขาแล้ว เขาจึงเคารพการตัดสินใจทุกอย่างของเฉิงชง
แน่นอนว่าเขาย่อมมีความสุขเมื่อเฉิงชงได้แม่ทัพชั้นยอดมาอยู่ข้างกาย
เฉิงชงยิ้มกลับ
“ข้าจะแนะนำให้รู้จักกัน เขาคือเตียวเลี้ยวชื่อรองเตียวเวิ่นหยวนจากหม่าอี้ บุรุษผู้มีความสามารถมากมาย”
“เวิ่นหยวน นี่คือปราชญ์อันดับต้น ๆ ของสถาบันเองฉวน และเป็นที่ปรึกษาคนสนิทคนแรกของข้า”
“พวกท่านทั้งสองทำความรู้จักกันไว้เสีย!”
เตียวเลี้ยวโค้งคำนับ
“ข้าเคยพบพี่เฟิ้งเซียว(ชื่อรองกุยแก)”
กุยแกหัวเราะเบา ๆ “ทหารพันคนนั้นหาง่าย แต่แม่ทัพที่เก่งกาจสักคนนั้นหาได้ยากยิ่ง สมแล้วที่เป็นนายท่าน เมื่อออกไปครั้งนี้ยังสามารถนำแม่ทัพผู้มีพรสวรรค์กลับมาได้ด้วย!”
“โบราณกล่าวว่าหากมีเมฆและปลูกต้นไม้ใหญ่จะสามารถดึงดูดวิหค”
“ดูเหมือนตอนนี้นายท่านจะเป็นต้นไม้ใหญ่ และเวิ่นหยวนจะเป็นวิหคที่บินมาตามบารมีของนายท่าน!”
ทั้งสามหัวเราะดังลั่น
เฉิงชงชี้ไปด้านหลัง “เฟิ้งเซียว การเดินทางไปหม่าอี้ครั้งนี้ ไม่เพียงจะได้เวิ่นหยวนและทหารม้าหนึ่งร้อยคน แต่ข้ายังได้เชลยและเสบียงอาหารกลับมาด้วย”
“ตามกฎแล้วข้าจะยกพวกเขาให้ท่านจัดการ!”
ในประวัติศาสตร์ ความสามารถหลักของกุยแกคือการวางแผนทางการทหารและวิเคราะห์ข่าวกรอง
กลับกัน การบริหารบ้านเมืองของเขาไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่
แต่ตอนนี้มันยังเป็นเพียงอำเภอจงหลิง ดังนั้นจึงไม่มีปัญหามากนัก
“นายท่าน พักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน!”
“ข้ามีบางอย่างที่จะทำให้ท่านประหลาดใจ!”
กุยแกสะบัดมือไม่สนใจเชลยและเสบียงอาหาร
เฉิงชงอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“เฟิ้งเซียว มีเหตุอันใดหรือเปล่า รีบบอกมาดีกว่า!”
กุยแกพยักหน้าตอบและหรี่ตามองพื้นที่รอบ ๆ อย่างระมัดระวัง
จากนั้นเขาได้เดินไปใกล้ ๆ เฉิงชง
เขาพูดเสียงเบาซึ่งได้ยินแค่เฉิงชงและเตียวเลี้ยวเท่านั้น
“นายท่าน ข้าได้ส่งคนออกไปสำรวจรอบ ๆ เขตจงหลิงในตอนที่ท่านไม่อยู่”
“ทางตอนใต้ของเมือง ข้าพบแร่เหล็กจำนวนมาก!”