ตอนที่แล้วบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 9 เรารู้น้อยแค่ไหน (How little we know)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 11 ขุนนางกับนักการเมือง (Nobles and Politician)

บทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 10 อัญมณีที่มีชีวิตแห่งท้องทะเล (A living jewels of the sea)


อัญมณีที่มีชีวิตแห่งท้องทะเล 

( A living jewels of the sea )

เมืองท่าเบอร์เกนเป็นเมืองขนาดใหญ่ติดกับมหาสมุทรอาจิเต้ หากไม่ได้เข้ามาในตัวเมืองก็จะไม่ได้เห็นเส้นทางสายนํ้าที่ไหลผ่านตัวเมืองเกือบทุกจุดทุกเส้นทาง เป็นแนวยาวล้อมรอบเขตบ้านเรือนที่อยู่อาศัยจนออกไปไปยังทะเล ในอดีตชาวเบอร์เกนหรือราชอาณาจักรเบอร์เกนเก่านั้นเป็นผู้ก่อสร้างคลองขนาดใหญ่เปลี่ยนเส้นทางแม่น้ำสายสำคัญทั้งหมดที่ไหลลงสู่ทะเล ครองขณาดใหญ่ที่ถูกสร้างมานั้นกลายเป็นช่องทางคมนาคมวิ่งพาดผ่านเมืองเดินทางสัญจรไปมา และเป็นปราการป้องกันเมืองที่ยอดเยี่ยมไปในตัว

ศาลากลาง อาคารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเบอร์เกนเป็นที่ตั้งสำหรับหน่วยงานราชการรวมไปถึงสถานที่สำหรับบ้านพักของขุนนางศักดินา ตัวอาคารสูงสามชั้นสีขาวสถาปัตยกรรมคล้ายกับเรอเนซองส์ชั้นล่างมีเฉลียงและท่าเทียบล้อมรอบอาคารช่วยในการขนส่งและเดินทางด้วยเรือง่ายมากขึ้น บางจุดเปิดให้นํ้าสามารถเข้าไปข้างในตัวอาคารเหมือนประตูนํ้าทางเข้าอีกแบบ ศาลากลางตั้งแยกจากเขตบ้านเรือนโดยมีคลองขนาดใหญ่ที่สามารถเดินเรือขนาดเล็กไปมาได้อย่างสะดวกและคล่องตัว

ช่องทางคมนาคมหลักของเมือง หรือครองขนาดใหญ่ของเบอร์เกน มีเรือวิ่งมากมายทั้งเรือส่วนตัวและเรือโดยสาร  โดยมีวิวของบ้านเมืองติดกับนํ้าสองข้างทางเป็นส่วนประกอบ เรือเล็กหรือเรือพายเป็นที่นิยมและสะดวกสบายในการเดินทางในเมืองแห่งนี้ หากมองไปที่ใดก็จะเจอกับเรือที่วิ่งส่งสินค้าและบริการลำเลียงผู้คนเต็มไปหมด

ลาสที่ยืนชื่นชมบรรยากาศที่คล้ายกับเมืองเวนิสในโลกเดิมของเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึง ช่วงเวลาที่ได้ไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุดงานของเขา ไม่นานลาสก็ต้องกุมขมับปวดหัวกับการที่ไม่มีสะพานข้ามไปยังอีกฝั่ง เมื่อไม่มีทางเลือกการจ่ายเงินคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อะ ไม่ใช่ว่าลาสไม่อยากเสียเงินอันน้อยนิดหรอกนะ แค่เงินเพนนีจากนายของเขาไม่ได้มีมากขณาดนั้น

คงได้หวังว่าเงินที่มีอยู่ตอนนี้จะพอใช้จ่ายค่าอาหาร

“เฮ้อ~ พอนึกสภาพตัวเองต้องไปสนามรบแล้วยังได้เงินแค่พอกิน ใครมันจะไปอยากอยู่ต่อกัน” ลาสส่ายหัวพร้อมบ่่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะมองหาเรือขนโดยสารที่จะพาข้ามไปศาลากลาง

ใช้เวลาเดินหาเรือโดยสารไม่กี่นาที ชายหนุ่มก็เดินมายังท่าเรือเล็กๆที่มีเรือพายหรือเรือแจวลำเล็กจอดเทียบท่าอยู่หลายลำ ซึ่งเรือเหล่านี้เหมือนกับเรือกอนโดลาในเวนิส ที่เคยเห็นในโลกเก่า เรือกอนโดลาทั่วไปจุคนได้ 5-6 คน เรือทำมาจากไม้สนหรือไม้โอ๊ค  เรือบางลำบนมีเสาเพื่อทำหลังคากันแดด ที่หัวเรือจะมีโลหะสีแดงขัดกับสีดำของตัวเรืออย่างสวยงาม หากลาสจำไม่ผิดเหมือนอดีตมันเป็นเรือขนส่งสินค้าก่อนจะกลายเป็นเรือสำหรับนักท่องเที่ยว?

ลาสจ้องมองหาเจ้าของเรือกอนโดลาแห่งท่าเทียบ แน่นอนว่าคนที่อยู่ใกล้ๆนั้นก็มีหลายคน แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าคนไหนเป็นชาวเมืองหรือผู้ให้บริการกันแน่ สงสัยต้องเข้าไปทักไถ่ถามด้วยตัวเอง

“ขอโทษนะครับ! ไม่ทราบว่าพอจะมีเรือข้ามไปอาคารตรงนั้นไหมครับ?”

“ทางนี้เลยพ่อหนุ่ม” ชายอมนุษย์ผู้เหมือนสัตว์จำพวกเต่าโบกมือขนาดใหญ่เรียกหลังได้ยินเสียงของลาส และที่ทำให้ชายหนุ่มหน้าหญิงดีใจยิ่งกว่าเจอคนพายเรือก็คือการที่มีคนเห็นว่าเขาเป็นผู้ชาย ถึงแม้จริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่ถูกคนทั่วไปมองว่าสมหญิงก็ตาม ไม่รีรอลาสรีบเดินเข้าไปหาเจ้าของเรือด้วยความรวดเร็ว จนเกือบลื่นล้ม

“ใจเย็นหน่อยพ่อหนุ่มจะรีบร้อนไปทำกระไรเล่า? ข้ามไปประเดี๋ยวก็ถึงเอง”

“พอดีต้องไปรายงานตัวนะครับ ผมเลยอาจจะดูรีบร้อนไปหน่อย” ลาสชะงักเล็กน้อยก่อนจะถาม “ว่าแต่ว่าราคาข้ามไปเท่าไรหรือครับ? พอดีผมพึ่งเพิ่งมาเมืองนี้ครั้งแรก”

“แค่ 100 เพนนี เมื่อก่อนเก็บถูกกว่านี้เชียวน่ะขอบอก แต่เพราะช่วงสงครามราคาข้าวก็เพิ่มค่าแรงก็เพิ่มเช่นเดียวกัน” ชายอมนุษย์กล่าว

โชคยังเข้าข้าง ราคาข้ามไประหว่างท่าเทียบเรือเล็กแห่งนี้และศาลากลางนั้นแค่ 100 เพนนี ซึ่งแปลงค่าเป็นเงินในโลกเก่าอย่างดอลลาร์ได้ 1 ดอลลาร์ เป็นราคาที่ค่อนข้างไม่แพงและไม่ถูกจนเกินไปในช่วงเวลาสงครามขณะนี้ ชายหนุ่มหยิบเหรียญทองแดง 2 เหรียญ ที่มีหน้าเป็นรูปตราตระกูลปัจจุบันของราชวงศ์ลีโอเนียซึ่งเป็นรูปหัวของกวางแฟลโลว์ และหลังเป็นค่าเงินของเหรียญเป็นเลข 50 จ่ายให้กับชาวเมืองที่จะพาไปยังอาคารกลางนํ้า เสร็จสรรพก็เดินลงเรือกอนโดลาของมนุษย์เต่า แต่เจ้าของเรือกลับไม่ยอมลงมาพายให้กับลาส สร้างความสงสัยและสับสนให้กับเขาอย่างมาก

“เอลล่ายอดรัก ได้เวลาเริ่มงานแล้ว” มนุษย์เต่าเจ้าของเรือกล่าว ก่อนจะค่อยๆลงเรือ ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็มีคนโผล่ขึ้นมาจากนํ้าขึ้นมาเกาะเรือกอนโดลา จนลาสต้องยกกระเป๋ามาบังนํ้าที่กระเด็นก่อนจะค่อยๆลดกระเป๋าลงจากใบหน้า เผยให้เห็นหญิงงามผมสีดำ หากไม่เห็นหางปลาขณาดใหญ่คงคิดว่าเป็นมนุษย์ทั่วไปที่ว่ายน้ำอยู่แน่นอน ‘ นางเงือกตัวเป็นๆ ล่ะ!’ ลาสคิดในใจ ผู้หญิงที่โผล่มานั้นเป็นอมนุษย์ที่เรียกได้ว่าเป็นตำนานในนิยายปรัมปราหรือความเชื่อใต้ทะเลก็ว่าได้

เจ้าของเรือยื่นเชือกยาวให้หญิงผู้เป็นภรรยาของเขา เธอจับเชือกลากเรือกอนโดลาออกจากท่าอย่างช้าๆ ส่วนสามีของเธอก็ดันเรือออกจากท่าด้วยไม้พาย แม้ว่าลาสอยากจะมีคำถามว่าทำไมไม่ใช้แต่ไม้พายแจวเรือแทนการให้ภรรยาลากเรือออก แต่ลาสก็ไม่ได้เอ่ยออกมาตรงๆ

เรือกอนโดและเรือขณาดเล็กที่สามารถเดินเรือผ่านได้ ต่างใช้เส้นทางครองขณาดใหญ่แห่งนี้ สัญจรไปมาอย่างคึกคักพลุกพล่านเรียกได้ว่าเป็นเมืองท่าที่มีชีวิตชีวาอย่างมาก แม้ว่าจะใช้เวลาเดินทางได้เร็วกว่านี้ แต่ด้วยเคยชินของลาสเลยขอให้เจ้าของเรือเดินเรือรอบๆสักหน่อย ในหัวของลาสนั้นเต็มไปด้วยความคิดมากมาย ไม่ว่าจะเรื่องผู้แทนอาณานิคมหรือว่าจะเรื่องแผนคบคิดของสกาเล็ต จะเรื่องไหนก็มีแต่จะทำให้ปวดหัว ดาวดวงนี้ โลกที่ชื่ออองโทราล เต็มไปด้วยสงคราม ต่างกับยุค ‘ สันติภาพอันยาวนาน[1] ’ ที่ลาสเคยใช้ชีวิตอยู่ ถึงแม้อดีตลาสจะต่อสู้กับอำนาจนิยมที่ฝังลึกในประเทศมาตลอด แต่ก็ไม่เคยใช้ชีวิตที่ต่อสู้ด้วยชีวิตเช่นนี้มากก่อน การที่ได้นั่งเรือชมบ้านชมเมืองเหมือนวันลาพักเที่ยวเป็นเสมือนของขวัญดีๆนี่เอง อย่างน้อย ถึงจะเป็นช่วงเวลาเล็กๆก็ตาม…

   ฮึบ! เสียงร้องในลำคอของเจ้าของเรือโดยสารที่ลาสนั่งมาโยนเชือกผูกกับท่อนไม้ ก่อนจะดึงเชือกนำตัวเรือกอนโดเข้าเทียบท่า เมื่อเรือโดยสารจอดสนิดลาสก็ขึ้นท่าเรือศาลากลางทันที ก่อนจะกล่าวขอบคุณและกล่าวลาเจ้าของเรือและภรรยาของเขาที่เดินเรือมาส่ง ก่อนจะเดินไปยังทางเข้าอาคารสูง ตัวอาคารนั้นมีคนเข้าออกไปมา แต่ส่วนมากจะเป็นขุนนางหรือข้าราชการ มากกว่าพลเรือนทั่วไป

ขณะที่ยืนสาดส่องมองตรวจไปรอบด้านสังเกตทุกอย่างเท่าที่จะมองเห็นอยู่ ข้าราชการลีโอเนียและทหารเรือก็ได้ทักชายหนุ่มที่ยืนอยู่นิ่งๆให้ออกจากจิตไร้สำนึกของตัวเอง ทั้งสองเห็นชายหนุ่มเหมือนกับคนหลงทางจึงได้เข้าไปทัก

“ไม่ทราบว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือเปล่าครับ?” ชายวัยกลางที่เป็นข้าราชการลีโอกล่าว

“อ๊ะ! ผมมาพบขุนนางที่ชื่อ โรซาลินด์ แคมเดน พอจะพาไปหาเธอได้ไหม?” ลาสที่ดึงสติได้ตอบกลับ

แต่ดูเหมือนว่าข้าราชการคนนี้จะไม่แน่ใจ เขาจึงหันไปหาชายอีกคนที่ส่วมเครืองแบบทหารเรือลีโอเนียที่เหมือนว่าจะเป็นสหายกัน ขณะที่กำลังทั้งสองกำลังกระซิบถามกันอยู่กัน ก็ได้มีหญิงเผ่าฮาร์พีซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นข้าราชการลีโอเนียเดินออกมาจากทางเข้าของอาคารศาลากลาง เธอเอ่ยด้วยเสียงตกใจทันทีที่เธอเห็นใบหน้าของลาส “ท่านผู้แทน!” ก่อนที่เธอจะรีบยกปีกขึ้นมาทำความเคารพอย่างรีบร้อน จนชายอีกสองคนต้องรีบทำความเคารพตามเพื่อความปลอดภัยของตนทั้งสอง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะเป็นใครก็ตาม

" ไม่คิดว่าท่านจะเดินทางมาเร็วแบบนี้ เดี๋ยวฉันจะรีบติดต่อคุณหญิงโรซาลินด์ ยังไงก็เชิญเข้าไปรอข้างในก่อนได้เลยนะคะ ” สิ้นเสียงเธอก็เดินนำลาสเข้าไปในศาลากลางทันที

เมื่อเข้าไปข้างในก็จะเป็นห้องโถงตรงกลางมีบันไดขึ้นไปชั้นบนแบ่งเป็นสองฝั่ง ด้านขว้าและซ้ายเป็นทางเชื่อมไปอีกห้อง ศาลากลางเต็มไปด้วยความวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้มันก็เป็นช่วงเวลาทำงานของพวกเขาเหล่านี้ จะไม่ให้วุ่นวายได้ยังไงกัน ลาสตามหญิงฮาร์พีไปยังโถงทางเดินอีกห้องหนึ่ง ในคราวแรกลาสก็มีข้อสงสัย เพราะปกติแล้วห้องของผู้บัญชาการหรือแขกคนสำคัญจะอยู่ชั้นบนของตัวอาคาร แต่ทำไมหญิงข้างหน้าของเขาถึงได้พาไปตรงข้ามกับสิ่งที่เขาคิดในหัวกัน?

ไม่ช้าทั้งสองก็เข้าไปยังห้องขนาดกลางไม่ได้เล็กไม่ได้ใหญ่จนเกินไป ฮาร์พีผู้นำทางกล่าวกับลาสให้รอภายในห้องรับแขกแห่งนี้ ก่อนที่เธอจะรีบแยกตัวไปติดต่อหาขุนนางที่ชื่อโรซาลินด์

หลังจากที่คนนำทางแยกตัวไปแล้ว ชายหนุ่มก็หันมาสนใจห้องรับแขกแทน ลาสใช้สายตามองไปรอบๆตัวห้อง สังเกตวัฒนธรรมเมืองเบอร์เกนไปในตัว แต่ก่อนจะได้ตรวจสอบห้อง เขาก็เห็นโต๊ะอยู่ริมช่องนํ้า ไม่รอเจ้าของห้องทำงานแห่งนี้จะมาถึง

ลาสเดินไปยังโต๊ัะไม้ใกล้ๆก่อนจะวางกระเป๋าหนังของตนลง และเริ่มเดินไปทั่วทั้งห้อง ด้านซ้ายของห้องทำงานหรือห้องรับแขก มีบางอย่างที่เหมือนกับสระนํ้าขณาดเล็ก แต่หากมองดูดีๆมันมีทางเข้าออกคล้ายด้านนอกของอาคารเหมือนให้เรือพายขณาดเล็กเข้ามาได้ และข้างสระนํ้าก็เป็นที่ลาสได้วางกระเป๋าของตนไว้บนโต๊ะไม้ข้างๆสระ

ไม่นานก็หมดความสนใจ และเพิกเฉยจากช่องทางนํ้าแล้วหันไปข้างหลังแทน ซึ่งเป็นด้านขวาของห้อง ระหว่างมุมห้องมีโต๊ะทำงานอยู่ 2 โต๊ะ โดยมีตู้หนังสือติดกับผนังห้อง พร้อมเครื่องประดับต่างๆ และมีกรอบไม้ขณาดใหญ่เป็นภาพวาดศิลปะสมัยก่อน คาดว่าจะคล้ายกับสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ในรูปนั้นเป็นครอบครัวขุนนาง ลาสไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร อย่างไรก็ตามก็มีเสียงผู้หญิงขัดการสำรวจของลาสดังออกมาจากด้านหลัง

“นั่นคือตระกูลเบอร์กันเบอร์เกน สมัยที่ยังเป็นเอกราชก่อนจะถูกผนวกเป็นสหจักรวรรดิ รุ่นสุดท้ายที่มีบรรดาศักดิ์เป็นกษัตริย์”

ชายหนุ่มหันกลับไปทางเสียงด้วยความรวดเร็วเหมือนถูกจับได้ เสียงนั้นมาจากหญิงสาวที่โผล่จากใต้สระนํ้า เธอมีสีผมเขียวอ่อน และดวงตาสีม่วงชมพู และมีบางอย่างที่คล้ายกับภรรยาของมนุษย์เต่าเจ้าของเรือ อย่างเช่นหางปลาที่ขึ้นมาจากนํ้าเล็กน้อย แม้ว่าหญิงสาวโผล่เพียงแค่ส่วนหัวเท่านั้น

“ต้องขอโทษที่เสียมารยาทด้วยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณคือ?” ลาสเดินเข้าไปหาหญิงในนํ้าก่อนจะเอ่ยถาม เชาไม่แน่ใจว่ามนุษย์เงือก

เธอค่อยๆดันร่างกายขึ้นมาจากนํ้าให้ลาสได้เห็นทั้งร่างกาย เธอส่วมชุดคล้ายกะลาสีเรือของลีโอเนียแต่มีเพียงแค่ปกแบบกะลาสีเท่านั้น ชุดของเธอเรียกได้ว่าเหมือนกับชุดว่ายน้ำเสียมากกว่า และแน่นอนว่าเธอสวยจนทำให้ลาสถึงกับประหม่าเล็กน้อยหลังเธอขึ้นมาเกาะกับพื้น ก่อนที่หญิงสาวจะชี้นิ้วไปหาตัวเองและแนะนำตัวให้ลาสได้รู้จัก

“เราคือ โรซาลินด์ แคมเดน ว่าที่นายหญิงแห่งตระกูลอันสูงศักดิ์ ผู้บัญชาการกองทหารรักษาการณ์แห่งเบอร์เกน” เธอกล่าวด้วยความภาคภูมิใจและนํ้าเสียงจองหอง

“ผะ ผมชื่อ ดักลาส แมรี่แลนด์ ผู้แทนอาณานิคมอาริกาเซียชั่วคราว ยินดีที่ได้รู้จักครับ” อารมณ์ของลาสแทบจะปรับตัวไมทันหลังโรซาลินด์แนะนำตัวด้วยสไตล์ขุนนางลีโอที่ลาสไม่ค่อยชอบเท่าไร

“หืมๆ เราว่าคุณผู้แทนคงไม่ได้มาแค่แนะนำตัวเปล่าอย่างเดียวใช่หรือไหม?”

“ครับ เนื่องด้วยภาวะสงครามระหว่างทูเดีย- ไม่สิตอนนี้คงเป็นระหว่างมหาอำนาจแฟแลงซ์ไปแล้ว… มันทำให้กฎหมายการเข้าดินแดนสจักรวรรดิต้องถูกระงับ จากที่ตัวผมไม่ได้เกิดในลีโอเนียจำเป็นต้องมีเอกสารรับรองถึงแม้ว่าจะเป็นบุคคลสำคัญจากต่างแดนก็ตาม…” ลาสเน้นตรงคำว่าบุคคลสำคัญให้ขุนนางสาวได้ยินก่อนพูดกล่าวต่อ “และถ้าเป็นไปได้ช่วยแนะนำสถานที่พักของผมด้วยจะได้ไหมครับ  ”

โรซาลินด์พยักหน้ายอมรับก่อนจะปีกขึ้นมาจากสระนํ้าและนั่งบนพื้นแต่หันหางปลาลงไปในสระ ก่อนที่เธอจะขอให้ลาสช่วยหยิบผ้าบนโต๊ะทำงาน ซึ่งลาสก็เดินไปหยิบมาให้เธอด้วยความยินดี ไม่ช้าหลังจากที่เธอเช็ดนํ้าออกจากร่างกายเล็กน้อย

“ขอยอมรับว่าคุณทำการบ้านมาดีพอสมควร คุณแมรี่แลนด์” เธอหยุดชะงักเล็กน้อย “เราจะแนะนำสถานที่พักของทหารจากอาณานิคมให้ แต่คุณจะต้องอยู่แยกกับผู้บัญชาการทหารอาณานิคมคนอื่นๆ พันเอกกายรายงานว่าคุณมีความรู้พร้อมที่จะเข้าสภาขุนนางก่อนจะไปปฏิบัติหน้าที่แนวรบทูเดีย”

แต่ก่อนที่ลาสจะได้ถามเหตุผลที่ต้องแยกกับ ' สหายอาณานิคม ' โรซาลินด์ก็เปลี่ยนเรื่องทันที

" อ่าใช่แล้ว! หากคุณแมรี่แลนด์สนใจอยากลองศึกษาเรียนรู้ก็สามารถติดต่อกองทัพบกได้เลย หรือจะไปสอนพวกนายทหารชั้นสัญญาบัตรที่ไม่รู้จักสงครามจริงๆก็ได้นะ ถึงแม้คุณแมรี่แลนด์ในสายตาของเราจะดูไม่เหมือนกับทหารนักรบ แต่เป็นคนที่มีอารยะ ผู้มีความรู้ความสามารถ

แต่เราก็ไม่คิดว่าชาวอาณานิคมจะมีความรู้เหมือนคุณแมรี่แลนด์ทุกคนหรอกนะ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

[1] สันติภาพอันยาวนาน (Long Peace) คือช่วงเวลาสันติภาพทางประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในปี ค.ศ 1945 จนถึงปัจจุบัน หมายความว่าไม่มีสงครามขณาดใหญ่ยาวนานจวบจนปัจจุบัน ( แม้ว่าจะมีสงครามแต่ก็ไม่ใช่สงครามที่รุนแรงแต่อย่างไร อย่างเช่น สงครามอาร์เมเนีย-อาเซอร์ไบจาน ในปี 2020 )

( บ้านเมืองเบอร์เกนจะคล้ายๆแบบนี้ {pic:The Longest Johns} )

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด