ตอนที่แล้วบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 10 อัญมณีที่มีชีวิตแห่งท้องทะเล (A living jewels of the sea)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 12 การรุกรานทูเดีย (Invasion of Tudia)

บทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 11 ขุนนางกับนักการเมือง (Nobles and Politician)


ขุนนางกับนักการเมือง

( Noble and Politician ) 

โรซาลินด์ แคมเดน สุภาพสตรีขุนนางผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงมาร์เชอเนส เธอเกิดในตระกูลชั้นสูงหนึ่งในตระกูลที่สำคัญเคยได้รับความไว้วางใจทางการทหารให้รักษาราชอาณาจักรเบอร์เกนในอดีต ตระกูลแคมเดนถือว่าเป็นหนึ่งในตระกูลขุนนางเก่าที่อยู่นานจวบจนกระทั่งปัจจุบัน โรซาลินด์นั้นเป็นมนุษย์เงือก (Mermaid) เหมือนกับแม่ของเธอซึ่งเป็นขุนนางเดิมของเบอร์เกน ส่วนพ่อของโรซาลินด์เป็นมนุษย์ปกติที่มีตำแหน่งชั้นสูงในราชนาวีลีโอเนีย

โรซาลินด์เติบโตมากับการฝึกสอนแบบขุนนางเดิมที่ทำตามประเพณีของเบอร์เกน แต่เธอกลับชอบเอียงไปทางพ่อของเธอในราชนาวีลีโอเนียมากกว่าวิธีของขุนนางเก่าในตระกูลหลัก แต่ถึงแม้ว่าโรซาลินด์จะเอียงไปอยู่ฝั่งราชราวีซึ่งนอบน้อมเคารพทุกคนที่ทำหน้าที่ให้สหจักรวรรดิ แต่เธอก็ใช้ชีวิตด้วยความคิดที่หยิ่งยโสและความภาคภูมิใจในแบบขุนนางเก่ามาโดยตลอด นั้นอาจเป็นเหตุผลที่ในสายตาของโรซาลินด์จะยังมองประชากรชั้น 2 (ชาวอาณานิคม) ตํ่ากว่าตัวเอง

หลังจากที่ลาสได้ยินสิ่งที่โรซาลินด์กล่าวมา ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ถึงแม้ว่าลาสจะไม่ใช่ชาวอาณานิคมที่แท้จริง แต่ตัวเขาก็สานสัมพันธ์กับดินแดนอาริกาเซียอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะมันคือสถานที่หรือดินแดนแห่งแรกที่ลาสได้เข้ามาสู่โลกอันวุ่นวายแห่งนี้ และเป็นบ้านหลังที่สอง อ๊ะ แต่เอาจริงๆก็ยังไม่มีที่ดินเป็นหรือบ้านเป็นของตัวเองเลย ก็นะมันพึ่งผ่านไปไม่ถึงปีก็กลายมาเป็นผู้แทนชั่วคราวไปเสียแล้ว อย่างไรก็ตาม ในโลกเก่านั้นการเหยียดก็ยังสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ในประเทศหรือนอกประเทศของลาส แม้ว่ามันจะน้อยลงกว่าอดีตอย่างมากก็ตาม

ลาสไม่ได้สามารถตอบโต้ด้วยอารมณ์กับขุนนางหญิงตรงหน้า เพราะมันไม่ได้แค่ทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของเขา แต่มันรวมไปถึงอนาคตของแผนการที่ลาสและเฟลิเซียได้วางเอาไว้ด้วย อย่างไรก็ตามลาสก็ไม่อาจยอมให้เธอเหยียดผู้คนไปทั่วเช่นเดียวกัน

“หากชาวอาณานิคมไม่ได้มีความรู้จริง นั้นก็คงเป็นเพราะไม่มีสถานศึกษาที่เหมือนลีโอเนีย คุณโรซาลินด์ไม่ควรพูดเพียงแค่ตัวบุคคล แต่ต้องรวมไปถึงรากฐานที่ส่งผลต่อทุกสิ่ง” ลาสชะงัก “ชาวอาณานิคมในชนชั้นกลางและชนชั้นล่างส่วนมากไม่ได้มีการศึกษาเหมือนตระกูลใหญ่ๆที่เป็นตัวแทนผู้ปกครองอาณานิคม และการศึกษาของชนชั้นสูงในอาณานิคมก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพอย่างดินแดนแม่ผู้ปกครองชาวเรา…”

ชาวอาณานิคมก็ไม่ต่างกับชาวลีโอเพราะท้ายที่สุด

ชาวอาณานิคมก็มาจากลีโอเนียอยู่ดี

“นั่นมัน…” โรซาลินด์หยุดชะงักหลังได้ยินวิ่งที่ชายตรงหน้ากล่าว เธอถึงกับพูดอะไรไม่ออก

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เห็นด้วยแต่อย่างไร คำพูดของลาสนั้นถือว่าเป็นเรื่องจริงไม่ได้แต่งขึ้นแต่อย่างไร ไม่ว่าจะการศึกษาในสหจักรวรรดิโรซาลินด์ที่มีการศึกษานั้นรู้ดีอยู่แล้ว แต่เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องที่ว่าจริงๆผู้คนที่ส่งไปยังอาริกาเซียนั้นก็มาจากทั่วดินแดนลีโอทั้งนั้น

“เราจะ… เก็บไว้คิดดูอีกที” เธอเอ่ยกล่าวเบาๆ ก่อนจะยื่นเอกสารรับรองให้ผู้แทนแห่งอาริกาเซีย

เอกสารรับรองนั้นไม่ได้มีอะไรมากนอกจาก รายมือของเงือกสาวเพื่อรับรองให้ชายหนุ่มสามารถอยู่ภายใต้กฎหมายของลีโอเนียได้ ลาสที่ใช้สายตามองอ่านก็หมดความสนใจเพราะขุนนางเผ่าเงือกกำลังจะกลับลงไปในสระว่ายน้ำ และถามลาส “เราอยากจะคุยกับคุณแมรี่แลนด์อยู่สักหน่อยจะได้ไหม?” นางเงือกในนํ้ามองลาสด้วยสายตาและนํ้าเสียงที่ช่วนให้หลงเสน่ห์เธอ แน่นอนว่าลาสก็โดนเต็มๆ ใครจะไม่อยากคุยกับสาวงามกัน? อย่างไรก็ตามเรื่องที่คุยก็คงไม่พ้นหน้าที่ของทหารอยู่ดี

ชายหนุ่มพยักหน้าตกลง ก่อนจะหยิบเก้าอี้มานั่งข้างๆริมสระ และเก็บเอกสารเข้าในกระเป๋าหนัง

“หลังจากนี้คงต้องเหนื่อยหน่อยนะ! องค์จักรพรรดิและขุนนางผู้สนับสนุนอยากให้พวกเราจบศึกให้เร็วที่สุด แต่ขุนนางในสภาสูงหลายคนอยากได้การพักรบ(1)หรือสงบศึกไปได้ยิ่งดี อ๊ะ! ไม่ต้องหวงว่าเราจะลากคุณแมรี่แลนด์มายุ่งกับปัญหาในสหจักรวรรดิหรอก เพราะเราไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด แถมช่วงนี้สภาสูงค่อนข้างเหลวไหลไร้ความสามารถ” ขุนนางสาวกล่าว พร้อมถอนหายใจด้วยความสิ้นหวังกับขุนนางในสภาสูง

“ถึงคุณโรซาลินด์จะไม่พูด ผมไม่มีอำนาจอะไรเข้าไปยุ่งกับภายในลีโอเนียนะครับ”

“แล้วไม่สนใจที่มีอำนาจในสภาหรือ?” โรซาลินด์กล่าวพูดสั้น ๆ พร้อมเท้าคางจับจองไปยังใบหน้างามของชายหนุ่ม

สิ้นเสียงคำถามของนางเงือก ภายในห้องก็เกิดเดดแอร์ที่เงียบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สิ่งที่โรซาลินด์พูดมานั้นเป็นเหมือนกับการทิ้งระเบิดลงบทสนทนาอย่างรุนแรง แน่นอนว่ามันค่อนข้างอันตรายอย่างมาก หากลาสเลือกตอบโดยไม่คิด อย่างไรก็ตามลาสไม่ได้อยู่ในโลกเดิมที่ต้องระวังทุกย่างก้าว

เพราะความเชื่อหมั่นของเขาสามารถถูกทำลายได้ ไม่ว่าจะการกระทำหรือการพูดจาล้วนต้องคำนึงนึกคิดตลอดเวลา และยิ่งเหมือนกับการสนทนาระหว่างผู้สนับสนุนระดับสูงอย่างตอนนี้ ก็มีโอกาสที่เขาจะโดนแบล็กเมล์ก็เป็นได้ แต่ในโลกที่ล้าหลังแบบนี้แน่นอนว่ามันไปได้ยาก หรืออาจเป็นแค่ความกังวลเท่ากันนั้น

แล้วจะทำอย่างไรกันล่ะ ถ้าจะกันไว้ดีกว่าแก้ คำตอบนั้นเรียบง่ายมากๆเพียงแค่ ‘ ตอบที่เหมือนไม่ตอบ ’

“ผมบอกคุณเมื่อโอกาสมาถึง แต่ตอนนี้ ผมเป็นผู้แทนของอาณานิคม และผู้นำกองกำลังนอกอาณานิคมชั่วคราว หน้าที่ของผมคือทำให้เจ้าอาณานิคมพอใจกับการรบสงครามเพื่อลีโอเนียของชาวอาริกาเซียและรัฐในอารักขาต่าง ๆ” ลาสตอบพร้อมพยายามไม่ทำสีหน้าให้ดูนิ่งที่สุด

“คุณแมรี่แลนด์ไม่เหมาะกับการเป็นทหารจริงๆ” หลังจากที่ได้ยินลาสพูด โรซาลินด์ก็ยิ้มและหัวเราะออกมาสั้น ๆ

“เฮ้อ… ถ้าเป็นไปได้หลังสงครามระหว่างทูเดียจบลง ผมอยากจะทำหน้าที่บริหารมากกว่าสู้ในสนามรบนะครับ” ชายหนุ่มนั่งพิงเก้าอี้ก่อนจะถอนหายใจด้วยความเหนื่อย ‘ ใครจะอยากไปเสี่ยงตายกัน? ฉันไม่ใช่พวกบ้าที่รักสงครามและการรบสักหน่อย ’ ลาสคิดในใจ

“อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเรื่องของอนาคต เพราะว่าตอนนี้คงจะเป็นไปไม่ได้…  ”  ลาสที่ยินก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่โรซาลินด์ที่รู้ว่าชายหนุ่มจะถามอะไร เธอก็เอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว

“เราคิดว่ากองกำลังอาณานิคมจะถูกส่งไปแนวหน้าทันทีเมื่อแผนการของราชนาวีผ่านมติในที่ประชุม และเพื่อที่จะทำให้แผนการเสร็จสิ้นสัมฤทธิผล เราจะแนะนำสหายในราชนาวีแห่งลีโอเนียให้” มาร์เชอเนสแห่งแคมเดนกล่าวเป็นเลศนัยแฝงไปด้วยความซ่อนเร้น “แต่เราบอกแผนการให้กับคุณแมรี่แลนด์ตอนนี้ไม่ได้ เราหวังว่าคุณแมรี่แลนด์จะเข้าใจ เพื่อนำชัยมาให้ในยุทธการในภายภาคหน้าเราจำเป็นต้องเก็บเอาไว้ก่อน”

ลาสมีคำถามมากมายหลังรับฟังสิ่งที่ขุนนางหญิงเผ่าเงือกพูด แต่หัวข้อสำคัญนั้นก็ไม่อาจพ้นเรื่องศึก แม้ว่าตอนนี้ลาสจะเป็นผู้นำกองกำลังนอกอาณานิคมชั่วคราวก็จริง

แต่อำนาจบังคับการก็ไม่ได้เป็นของลาสอยู่ดี เมื่อคิดเช่นนั้นชายหนุ่มก็เร่งกำลังสมอง พยายามหาวิธีการที่จะทำให้ชาวอาณานิคมหรืออนาคตชาวอาริกาเซียสูญเสียน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากย้อนศึกษาดูในอดีตโลกเก่าที่ลาสเคยศึกษามา กองกำลังอินเดียที่ถูกส่งไปสู้ที่แอฟริกาเหนือหรือออสเตรเลียในยุทธการที่ชานักคาแล ล้วนวิบัติเหมือนกันทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะมี

ถ้าแผนการอย่างที่คุณหญิงแคมเดนกล่าวมาเกิดขึ้นจริง ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดคือการที่ชาวอาณานิคมจะถูกส่งไปเป็นโล่เนื้อคอยรับกระสุนให้ชาวลีโอ อย่างไรก็ตามนั้นมันก็เป็นเพียงแค่ความคิดเพียงชั่วครู่ของลาสในขณะนี้ หากใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นไม่ ท้ายที่สุดลาสก็ต้องเก็บคำถามและความคิดเอาไว้ในใจไม่ได้พูดคุยกับโรซาลินด์เรื่องแนวหน้าที่ทูเดียหรือแผนการของราชนาวีต่อ

เมื่อไม่เห็นว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม โรซาลินด์เปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาไปเป็นการเรื่องทั่วๆไปในลีโอเนียแทน ขุนนางสาวให้คำแนะนำลาสในเรื่องกฎหมาย สังคม และบ้านเกิดของเธอ รวมไปถึงความรู้พื้นฐานสำหรับการใช้ชีวิตร่วมกับชาวลีโอในภูมิภาคต่าง ๆ อีกด้วย โรซาลินด์ถือว่าใจดีอย่างมากผิดกับที่ลาสเคยคิดไว้ ยากมากนักที่จะเห็นขุนนางชั้นสูงของลีโอจะให้คำแนะนำที่ดี โดยที่ไม่เหยียด

ดินแดนลีโอเนียรวบรวมเผ่าพันธุ์หลากหลายสายพันธุ์ มนุษย์และอมนุษย์ใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดินแห่งนี้ นั้นจึงเป็นเหตุผลที่สหจักรวรรดิเต็มไปด้วยความหลากหลาย สังคม วัฒนธรรม ประเพณี แตกต่างตามภูมิประเทศ

กลางดินแดนหรือส่วนของเมืองหลวงคือพื้นราบลุ่มดินเหมาะสมสำหรับการเกษตรกรรมมีแม่นํ้าหลายเชื่อมต่อกับเมืองหลวง ประชากรส่วนใหญ่เป็นมนุษย์/ครึ่งสัตว์ ตอนเหนือเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำผสมที่ราบสูงหุบเขากว้างยาว เนินเขาเต็มทั่วดินแดน ประชากรน้อยที่สุดในสหจักรวรรดิ เผ่าพันธุ์ที่ปกครองเป็นอมนุษย์ครึ่งสัตว์ประเภทสัตว์เมืองหนาว ตะวันตกเป็นเทือกเขาและเนินเขาสูง เป็นที่อยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ คนแคระและฮาร์พีกลุ่มน้อย ทางตะวันออกหรือที่ลาสอยู่ในคณะนี้ แน่นอนว่าเป็นทิศที่ติดกับมหาสมุทรอาจิเต้ มีมนุษย์/ครึ่งสัตว์ประเภททะเล เห็นได้ชัดก็คือเผ่าพันธุ์นางเงือกที่กำลังพูดคุยกับลาสอยู่ในตอนนี้ และสุดท้ายคือตอนใต้ที่ราบลุ่มผสมชายฝั่งทะเล ตอนใต้มีช่องแคบทะเลอัล-กาเนดแมร์เคซี (Al-Ganedmerkezi) คั่นระหว่างราชอาณาจักรทูเดีย แต่ก็มีดินแดนติบกับทูเดียทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นเขตข้อพิพาทและสนามรบณตอนนี้

“ในช่วงเวลาสงครามแบบนี้นอกจากทูเดียและแฟแลงซ์ที่เป็นศัตรู เราจะไม่มีปัญหากับเพื่อนบ้านแน่หรือครับ” ชายหนุ่มนั้นกล่าวด้วยความรู้สึกประหม่า เนื่องจากชายหนุ่มยังไม่เคยรู้จักอาณาจักรอื่น ๆภายในอัลชลาฟไวส์ นอกจากผู้ปกครองอย่างลีโอเนีย ลาสก็รู้จักเพียงแค่ศัตรูข้าศึกของเธอเท่านั้น

“พรมแดนลีโอติดกับอาณาจักรทูเดีย แน่นอนว่าคุณคงรู้อยู่แล้ว นอกจากนั้นจะเป็น แอนริเวอร์(Anriver) และ ราชอาณาจักรมิโนวา (Grand Kingdom of Minova)” โรซาลินด์หยุดชะงัก ก่อนจะทำท่าคิดอะไรสักอย่างก่อนที่เธอจะตอบลาสต่อ “แอนริเวอร์เป็นดินแดนของพวกเอลฟ์และเป็นเขตของสถาบันการศึกษาแห่งฟาโรร่า คุณแมรี่แลนด์รู้เรื่องของสถาบันแห่งนี้ใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้วครับ พันเอกกายเคยพูดเรื่องฟาโรร่าให้ผมได้ฟังแล้ว แสดงว่าสถาบันการศึกษาแห่งฟาโรร่ามีบุคคลสำคัญของมหาอำนาจอาศัยและศึกษาอยู่ เพราะอย่างนั้นเลยไม่ต้องห่วงอะไรใช่ไหมครับ?”

โรซาลินด์พยักหน้าขึ้นลงหลังได้ยินก่อนจะตอบคำถามชายหนุ่มต่อ

“เราไม่สามารถบอกอะไรเกี่ยวกับแอนริเวอร์มากนัก เพราะเราก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับฟาโรร่า แต่ก็เป็นอย่างที่คุณแมรี่แลนด์กล่าวมา และเราขอแนะนำอย่าได้เป็นศัตรูกับชาวเอลฟ์เด็ดคาด…”

“สุดท้ายคือราชอาณาจักรมิโนวาที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีตล่ะนะ… ในตอนนี้ก็เป็นแค่พวกบ้านนอกล้าหลังที่ยังคงวุ่นวายกับสงครามภายในนานมากกว่าร้อยปีได้แล้วกระมัง” ขุนนางแห่งลีโอกล่าวดูถูกอาณาจักรเพื่อนบ้าน

เมื่อลาสรู้ว่าลีโอเนียไม่มีปัญหากับเพื่อนบ้านนอกจากทูเดียหรือผู้สนับสนุนทูเดียอย่างแฟแลงซ์ ก็สร้างความสงสัยกับสถานการณ์ในทวีปแห่งนี้อย่างมาก จักรวรรดิและอาณาจักร ศาสนาและการค้า ทุกอย่างมันเละเทะวุ่นวาย

อย่างมาก สิ่งสำคัญที่ทำให้สหจักรวรรดิแข็งแกร่งคืออะไรกันแน่? เศรษฐกิจ การทหาร ระบบการปกครอง สังคม วัฒนธรรม ภูมิศาสตร์ ทุกอย่างนั้นเต็มไปด้วยความน่าสนใจ ตัวของลาสอยากจะรู้ อยากจะศึกษา เรื่องราวที่วุ่นวายในต่างโลกแห่งนี้เหลือเกิน

ชายหนุ่มคิดในใจ ‘ เจ้าอาณานิคมที่เหนื่อยกับสงคราม ปัญหาภายในที่กำลังจะเกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นแบบที่เฟลิเซียคิดไว้จริงๆ ’  หากจะเริ่มเปลี่ยนแปลง ‘บ้าน’ หลังใหม่ เขาก็ต้องเริ่มต้นหลังจากนี้ เลิกลังเลที่จะเป็นผู้ทำลายความสงบสุข แล้วตั้งใจทำเพื่อเสียงร้องความต้องการของผู้คนจริงๆ และเมื่อความจริงถูกเปิดเผย เมื่อโอกาสที่ความยุติธรรมจะหวนสู่ผู้คน

โลกใบนี้กำลังจะกลับด้าน เมื่อถึงเวลาของมัน

บทสนทนาระหว่างขุนนางและอดีตนักการเมืองนั้นยังคงอยู่ยาวไปอีกหลายชั่วโมง จนกว่าลาสจะรู้ตัวก็คือตอนที่โรซาลินด์ถูกตามตัวไปทำธุระแล้ว เมื่อได้เอกสารสำคัญ ลาสก็แยกกับนางเงือกไปสมทบเฟลิเซียเพื่อพาเธอไปเดินเที่ยวภายในเมืองเบอร์เกน ก่อนที่พายุสงครามจะพัดใส่ ลาสและโรซาลินด์ที่พูดคุยกันก็ได้กลายเป็นเพื่อนในต่างแดนคนแรกๆที่มีตำแหน่งในกองเรือที่ยิ่งใหญ่แห่งแดนเหนือ แม้ว่าชายหนุ่มและหญิงสาวจะพบกันครั้งแรกก็ตาม

ทั้งสองจะกลายเป็นบุคคลสำคัญที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่องในอนาคต หาใช่ปัจจุบันไม่ ในขณะที่ลาสอยู่ที่เมืองเบอร์เกนพร้อมเฟลิเซียและเซอร์กาย ที่แนวรบทูเดียกองกำลังลีโอเนียก็รุกตียึดหัวเมืองสำคัญด้วยความดุดัน

ไฟของสงครามที่รุกรามมานานใกล้จะมอดดับลง ชาวอัลชลาฟไวส์ตะออกที่เหนื่อยล้ากับสงครามขณาดใหญ่ บทสรุปของ สงครามลีโอ-ทูเดีย จะเป็นสงครามที่รุ่งโรจน์ของชาวลีโอเนีย หรือเป็นแค่ทางผ่านไปสู่ความวุ่นวายโกลาหลอันไม่จบสิ้นกันแน่?

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด