ตอนที่ 9 ไหนว่าจะแค่แกล้งทำไง?
การปรากฏตัวของเซียวหรงทำให้ห้องส่วนตัวที่ร่าเริงกลายเป็นห้องเงียบในทันที
ฉินเยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อยส่วนผางเหว่ยแสดงดวงตาที่น่าสนใจและยิ้ม “โอ้! นี่ไม่ใช่ประธานเซียวหรงคนสวยของบริษัทเซียวเหรอ? อะไรดลใจให้เธอมาล่ะ??”
เป็นดังคำที่กล่าวเอาไว้ว่า : เมื่อศัตรูมาเจอกันก็มีแต่ความโกรธที่จะเพิ่มมากขึ้น
เซียวหรงยิ้มอย่างดูถูก “ไม่ต้อนรับหรือไง?”
“เปล่าเลยฉันแค่แปลกใจน่ะ มามามาเว้นที่ให้คุณเซียวนั่งหน่อย” ผางเหว่ยทำท่าจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
“ไม่เป็นไร ฉันจะไปแล้ว เย่เทียนออกไปกับฉัน” เซียวหรงยกมือขึ้นแล้วชี้
เย่เทียนค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงและพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่วยสุภาพกับฉันหน่อยสิ เธอควรเปลี่ยนนิสัยหยิ่งของเธอนะ ไม่ว่าจะเป็นกับใครก็ตาม”
เย่เทียนประกบมือเสี่ยวเหยาเบาๆแล้วโบกมือให้เธอไม่ต้องประหม่าพร้อมมองตาไปที่ผางเหว่ยอ “นายมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับผู้หญิงคนนี้เหรอ?”
“เย่เทียน สายตาของคุณเฉียบเหลมมาก ความสัมพันธ์ของฉันกับเธอมีมากกว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ดีแต่เป็นศัตรูตัวฉกาจที่อยากฆ่าจะกันให้ตาย ฉันพูดถูกไหมคุณเซียว” ผางเว่ยไม่ได้ปิดบังและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยังไงซะพวกเราก็ทำอาชีพเดียวกัน”
เย่เทียนพยักหน้าและจิบเบาๆจากแก้วไวน์ “วันนี้ฉันมาที่นี่อย่างกะทันหัน ฉันเลยไม่รู้ว่าพวกคุณมีความสัมพันธ์ไม่ดีถึงขั้นนี้”
“นายหมายความว่ายังไง?”ผางเหว่ยงง
“ฉันเชิญเซียวหรงมาเอง” เย่เทียนตอบ
ผางเหว่ยตะลึงและพูดอย่างระมัดระวังว่า “เซียวหรงเป็นเพื่อนกับนายเหรอ?”
เย่เทียนเงยหน้าขึ้นมองเซียวหรง “เราเป็นเพื่อนกันใช่ไหม?”
“ฮึ่ม”
เซียวหรงยิ้มอย่างเย็นชาโดยเอาแขนของเย่เทียนควงจนชิดกับหน้าอกของเธอ เธอดูเหมือนรังเกียจที่จะตอบคำถามนี้ซึ่งเป็นคำถามที่น่าเบื่อ
ฉินเยี่ยนพูดอย่างราบลื่น “ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนของเย่เทียน ถ้าอย่างนั้นก็มานั่งก่อนสิ”
“จิ้งจอกเยี่ยน นายเองก็มีส่วนร่วมในการทำลายบริษัทฉัน อย่ามาทำเป็นคนดีไปหน่อยเลย!”
เซียวหรงจะไม่รู้จักฉินเยี่ยนได้ยังไง เขากับผางเหว่ยร่วมมือกันจนทำให้บริษัทเซียวเป็นแบบนี้
ฉินเยี่ยนชะงักและยิ้ม “สิ่งที่คุณเซียวพูดค่อนข้างถูก เราอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นมิตรซึ่งมันจะอะไรกับการตีสุนัขในน้ำ? แต่ถ้าคุณจะโทษใครคุณก็ต้องไปโทษคนที่เอาเงินทุนของโครงการคุณไปสิ”
ใบหน้าของเซียวหรงเริ่มไม่ค่อยดีนัก
เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องใหญ่แบบนี้ หวงอิงอยู่ข้างหลังเธอก็ไม่กล้าพูดและเธอก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะพูด
“ขโมยเงินของโครงการ? นี่มันเรื่องอะไร?” เย่เทียนถามอย่างสงสัย
ผางเหว่ยอธิบายว่า “เมื่อไม่นานนี้มีผีปรากฏตัวในบริษัทเซียวแล้วหอบเอาเงินโครการมูลค่า200ล้านหนีไป ทำให้โซ่ทุนของกลุ่มเซียวพัง พอฉันได้ข่าวนี้ฉันก็เลยร่วมมือเหล่าฉินและเพื่อนของเหล่าเฉินใส่ไฟเพิ่มก็เท่านั้นเอง”
“โซ่เงินทุนในบริษัทพัง?” เย่เทียนยิ้มอย่างสนุกสนาน
“แล้วนายมาเกี่ยวอะไรด้วย? นายมันก็แค่คนไร้ประโยชน์ นายคิดว่ากอดผู้หญิงรวยนั่นได้แล้วจะทำให้ฉันขายหน้าได้งั้นเหรอ? ขอบอกเอาไว้เลยนะ ฉันเซียวหรงยอมเป็นหยกที่ถูกทำลายดีกว่าเป็นกระเบื้อง!” เซียวหรงรู้สึกว่าตัวเองโดนกระตุ้นให้โกรธ
ไม่แปลกเลยที่เธอจะเป็นแบบนี้
ในมุมมองของเซียวหรง เย่เทียนรู้ว่าเธอเสียเปรียบในการแข่งขันกับบริษัทผางดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะคุยกับเธอในเวลานี้ ถ้านี่ไม่ใช่การทำให้ขายหน้าแล้วจะเรียกว่าอะไร?
เจ้าเย่เทียนน่าตายคนนี้ถึงกับแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย
น่าขยะแขยงสิ้นดี
เย่เทียนจิบไวน์อย่างสงบและยิ้ม “ดูเหมือนเธอจะเข้าใจผิดอะไรผิดนะ แต่มันก็ไม่สำคัญหรอกเพราะฉันไม่สนใจอยู่แล้ว เดิมทีฉันเรียกให้เธอมาก็เพื่อคุยเรื่องหย่าแต่พอมีเรื่องแบบนี้ขึ้นฉันเลยเปลี่ยนใจแล้ว...”
เดี๋ยวนะ...!
หย่า!?
ฉินเยี่ยน ผางเหว่ยกับพวกคนรวยคนอื่นๆต่างเบิกตากว้าง
บัดซบ!
แค่ประโยคเดียวกลับมีข้อมูลมากมาย!
เย่เทียนเป็นสามีของเซียวหรง!?
พวกเขาแต่งงานกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมพวกเราถึงไม่รู้?
ตอนนี้ผางเหว่ยกลัวจนตัวสั่น
เขาเหมือนมีม้า10,000 ตัววิ่งอยู่ในใจ
สามีของเซียวหรงคือเย่เทียน
และเย่เทียนเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมบริษัทต้าเฟิง!
บริษัทต้าเฟิง บริษัทเซียว ฉันพึ่งโยนหินใส่เท้าตัวเอง! บริษัทผางไม่สามารถรับแรงกดดันจากทั้งสองบริษัทนี้ได้!
“เรื่องนี้ชักน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ พี่เย่เทียนเป็นสามีของเซียวหรงดังนั้นเขาเลยเชิญเซียวหรงมา… เรื่องนี้มันชัดเจนแล้ว เขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อเอาชนะพวกเรา”
ฉินเยี่ยนแตะคางมองที่เย่เทียน
มันน่ากลัวมากที่มีคนอายุน้อยมีอำนาจในเมืองขนาดนี้!
แต่... ความสัมพันธ์ของคนสองคนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก
หรือว่าพวกเขาแค่แกล้งทำกัน?
นี่ก็เป็นไปได้!
พวกเขาอาจเป็นสามีกับภรรยาที่ทะเลาะกันอยู่!
ฉินเยี่ยนเปลี่ยนเป็นโหมดใช้สมองอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง!
เย่เทียนไม่รู้ว่าคนเหล่านี้คิดอะไรอยู่ เขาค่อยๆวางแก้วของเขาลงแล้วพูด “ก็อย่างที่นายเห็นนั่นแหละผางเหว่ย เซียวหรงเป็นภรรยาในนามของฉัน”
“ใช่ครับ” ผางเว่ยถึงกับปาดเหงื่อ เขาพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะผู้ชายคนนี้เขาไม่สามารถยั่วยุได้!
“ในเมื่อภรรยาของฉันกำลังมีปัญหา ในฐานะที่ฉันเป็นสามีฉันคงยืนดูอยู่เฉยๆไม่ได้หรอกจริงไหม?”
“ใช่ครับ”
“เรื่องของโซ่ทุนบริษัทเซียว...”
“ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง!” ก่อนที่เย่เทียนจะพูดจบ ผางเหว่ยก็เป็นผู้นำในการแสดงจุดยืนของเขา “ฉันจะโทรหาประธานธนาคารใหญ่ทั้งห้าแห่งให้ปล่อยกู้ให้บริษัทเซียว”
“เอ่อ...” เย่เทียนตะลึง
ทำไมมันไปเกี่ยวกับประธานธนาคารบริษัททั้งห้าได้?
เดิมทีเขาจะบอกว่าเขาจะให้บริษัทเซียวยืมเงิน100ล้านก่อน พวกเขาจะได้รับมือเรื่องเงินทุนได้
ฉินเยี่ยนพูดทันทีว่าเข้าใจแล้ว ประธานทั้งสองก็หยิบโทรศัพท์ของพวกเขาออกมากดโทรออก
เซียวหรงได้ยินนิ่งอยู่ตรงนั้น
ฉันรู้ว่าฉันเป็นใคร
แต่ฉันกำลังทำอะไรอยู่?
ทำไมจิ้งจอกสองตัวนี้ถึงเคารพต่อคนไร้ประโยชน์อย่างเย่เทียนล่ะ? แค่พูดไม่กี่คำก็ช่วยแล้ว?
เย่เทียนมองไปที่เซียวหรงและพูดอย่าง "ฉันว่าอีกไม่นานเธอจะต้องเข้าใจฉันแน่นอน"
“ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่นายพูดและฉันไม่รู้ว่านายกำลังทำอะไรอยู่แต่ฉันยังมีบางอย่างต้องทำ ขอตัวก่อน!”
เซียวหรงปิดประตูเดินออกไปทันที
ถ้าเธอไม่ไปรับสาย โทรศัพท์ของเธอคงได้ดังจนระเบิดแน่!
เมื่อเธอนำมันออกไป มันเป็นสายจากประธานธนาคารใหญ่ห้าแห่งของไห่จิง ซึ่งทั้งหมดระบุว่าพวกเขาสามารถให้บริษัทเซียวยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำได้ทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? แล้วผู้หญิงอ้วนที่อยู่ข้างๆเย่เทียนล่ะ?”
สวีเหว่ยเหว่ยคงจะงงมากแน่ ๆถ้าเธออยู่ที่นี่
ตอนนี้เซียวหรงสับสนอย่างมากและสมองขอเธอก็ได้ว่างเปล่าไปแล้ว
มาว่ากันต่อที่ห้องส่วนตัว
บรรยากาศในห้องสงบลงมามาก
ผางเหว่ยบีบตัวเย่เทียนด้วยท่าทางเขินอาย “เย่เทียน ฉันไม่รู้จริงๆเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนายกับเซียวหรง ฉัน...ฉันจะยอมรับผิดให้สามแก้ว!”
หลังจากพูดจบเขาดื่มไวน์ไปทันทีสามแก้ว เย่เทียนไม่สามารถหยุดเขาได้เลย
เย่เทียนตบไหล่ผางเหว่ยละยิ้ม “ฉันว่านายต้องโกงเครื่องดื่มแน่เลย!”
ผางเหว่ยยิ้มอย่างเชื่องช้า “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เมื่อจือฉีเห็นแบบนี้เธอก็รีบส่งสัญญาณไปยังดาราหญิงให้ วอร์มอัพ , ร้องเพลง , เต้น
ไม่นาน บรรยากาศในห้องส่วนตัวก็ดีขึ้นและงานเลี้ยงก็จบลงในตอนเช้าตรู่
ทุกคนต่างแยกย้ายกันไป
เย่เทียนเมานิดหน่อย เสี่ยวเหยาก็คอยอยู่ช่วยพยุงเขา
“น่าอายจริงๆ ฉันไม่ได้ดื่มแบบนี้นานแล้ว”
“ไม่เห็นต้องอายเลย ด้วยคำพูดของคุณเย่คำเดียวก็ทำให้ได้เงิน200ล้านแล้ว! พระเจ้า นั่นเงินตั้ง200ล้าน! ต่อให้ฉันมีอีกสิบชีวิตฉันก็คงหาเงินได้ไม่มากขนาดนี้แน่!” ดวงตาของเสี่ยวเหยาเต็มไปด้วยความเคารพ
“แรงงานข้ามชาติทั่วไปต้องใช้เวลา 4000 ปีเพื่อจะหาเงินได้ 100 ล้านนั่นคือตั้งแต่ราชวงศ์เซี่ยจนถึงปัจจุบัน เธอใช้เวลา 1,000 ปีเท่านั้นซึ่งถือว่าเร็วมาก” เย่เทียนพูดติดตลก
ใบหน้าของเสี่ยวเหยาแดงขึ้น “คุณเย่ อย่าหัวเราะฉันเลย”
ทั้งสองคนเดินไปตามถนนเมื่อ พวกเขาผ่านทางแยกและบังเอิญพบกับกลุ่มสุนัขเดิน เซียวเหยาจึงรีบไปซ่อนอยู่หลังเย่เทียนด้วยความตกใจ
ฉากนี้ทำเทียนเพียงแค่ยิ้ม “เสี่ยวเหยา เธออยู่ที่นี่เหรอ?”
เสี่ยวเหยาชี้ไปที่อพาร์ทเม้นในด้านหน้าของเธอ “ต้องตรงไปข้างน้านี้แล้วไปอีกทาง”
“ฉันขอไปนั่งในห้องเธอได้ไหม?”
“อ่า...ได้สิ” เสี่ยวเหยาหน้าแดง
เสี่ยวเหยาอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เล็กๆซึ่งมีพื้นที่แค่ 30 ตารางเมตร ถึงแม้ห้องจะเล็กแต่ก็มีครบทุกอย่างยกเว้นในครัว และมีหน้งสือ “การฝึกฝนตนเองของนักแสดง” อยู่บนเตียง
“บ้านรกหน่อยนะคุณเย่ เชิญนั่งก่อนสิเดี๋ยวฉันไปรินน้ำให้...”
เสี่ยวเหยารีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่างเร่งรีบ
เย่เทียน มองไปที่ห้องนี้ที่แบกความฝันของสาวๆไว้ โปสเตอร์บนผนังไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจื่อฉี
“คุณเย่...” เสียงพูดอย่างเขินอายของเสี่ยวเหยาดังขึ้น
“อืม” เย่เทียนหันหน้าไปและเห็นหญิงสาวสวมผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว
“เธอทำอะไรน่ะ?”
เย่เทียนตื่นตระหนก ตาของเขาเบิกกว้าง
“ฉัน...” เสี่ยวเหยาก้มศีรษะลง แก้มของเธอร้อนผ่าวและกำลังจะถอดผ้า
เย่เทียนถอดเสื้อของเขาออกและนำไปคลุมให้เสี่ยวเหยา “อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันขึ้นมานั่งจริงๆและฉันไม่ได้อยากทำเรื่องอย่างนั้นด้วย”
“โอ้...” เสี่ยวเหยารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
บรรยากาศ...อึมครึม
“เสี่ยวเหยา ในห้องส่วนตัวเมื่อกี้เธอโกหกใช่ไหม?”
“อะ...อะไรเหรอ?” เสี่ยวเหยารู้สึกประหลาดใจ
“ที่จริงแล้ว เธอไม่เคยเลี้ยงหมาแถมเธอยังกลัวหมาด้วย”
เย่เทียนยิ้มและพยักหน้าให้หญิงสาวที่หน้าผาก “ครอบครัวของฉันอยู่ในชนบทและฉันก็เลี้ยงหมา ตั้งแต่ฉันยังเด็กฉันรู้ว่าคนที่เลี้ยงหมาจะไม่กลัวหมา แต่เมื่อกี้พอฉันข้ามถนนกับเธอเธอกลับกลัวพวกมันแล้วไปซ่อนอยู่ข้างหลังฉัน”
เสี่ยวเหยาหน้าแดงหลังเธอถูกรู้ความลับ “ฉันขอโทษ...”
“เธอไม่ต้องขอโทษฉันหรอก ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าเธอสักหน่อย” เย่เทียนเดินไปที่ระเบียงแล้วยืดเอวของเขา “เธอไม่รอที่จะทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อเรียนวิธีเลียนเสียงเห่าของหมา อันที่จริงนี่เป็นการดึงความสนใจของบล็อกเกอร์ใช่ไหมล่ะ?”
หญิงสาวจ้องแผ่นหลังของชายหนุ่ม คำพูดของเขาแทงใจเธอราวกับมีดอันแหลมคม น้ำตาของเธอเริ่มไหลออกมาแล้วเธอก็ร้องไห้ "ใช่ ฉันไม่รู้อะไรเลยนอกจากผิวที่เหม็น ฉันไม่มีการเส้นสาย ไม่มีภูมิหลัง ไม่ได้รับการสนับสนุน ฉันไม่มีเงิน... ฉัน พึ่งได้แต่บล็อกนี้เท่านั้น ฉันอยากหาเงินได้ฉันไม่อยากโดนดูถูกอีกแล้ว ฉันขอโทษนคุรเย่ ฉันไม่ได้อยากโกหกคุณจริงๆ!!"
“ถ้าฉันไม่พูดเกินจริงแล้วทำตัวแข็งเป็นเหมือนไม้หรือหิน ฉันจะได้รับความสนใจหรือเปล่า?”
“จริงๆแล้วฉันกลัวการที่จะถูกลืม”
“โลกยกย่องความเงียบงั้นเหรอ? แล้วทำไมจึงมีหัวข้อให้ฉันอวดแล้วกลายเป็นผู้ให้ความบันเทิงรายใหญ่ได้ล่ะ?”
เสียงมหัศจรรย์ที่ไม่ได้มาตรฐานถูกร้องจากปากของเย่เทียนซึ่งเข้ากันได้ดีกับอารมณ์ของหญิงสาว
เย่เทียนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากแก้มของหญิงสาวเบา ๆอย่างแผ่วเบา “ใครก็ตามที่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อความสำเร็จควรค่าแก่การเคารพ”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอคือน้องสาวของฉัน พรุ่งนี้เช้าเธอไปที่วิลล่าหลังแรกในอ่าวอิมพีเรียลแล้วฉันจะรอเธออยู่ที่นั่น” พอพูดจบ เย่เทียนก็เดินจากไปและทิ้งให้หญิงสาวมีความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนไปตลอดชีวิต
เด็กหญิงออกไปที่ประตูและตะโกนว่า “พี่เย่เทียน ชื่อของฉันคือโหยวฉินเสี่ยวเหยา!”
ลมในตอนกลางคืนได้พัดผ่านร่างกายของเธอ
ชายหนุ่มที่อยู่ใต้โคมไฟถนน เขาลูบแก้มตัวเองอย่างแรงและพึมพำกับตัวเอง “ไหนว่าจะแค่แกล้งทำไง? ทำไมกลายเป็นว่าฉันไปรับเธอมาเป็นน้องสาวซะได้ล่ะ? ทำไมกันนะ???”