ตอนที่แล้วตอนที่ 9 ไหนว่าจะแค่แกล้งทำไง?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 แม่ ฉันอยากกลับบ้าน

ตอนที่ 10 จากวันนี้ไปนายจะเป็นพี่ชายของฉัน


ในคืนนี้มีหลายคนที่นอนไม่หลับ

อย่างเช่นสวีเหว่ยเหว่ยที่ได้สุดยอดยาลดน้ำหนักและลดน้ำหนักไป 10 กิโล โหยวฉินเสี่ยวเหยาที่กลายเป็นน้องสาวเย่เทียน เซียวหรงผู้ที่ตะลึงกับการแก้ปัญหาบริษัทเซียวโดยมีเย่เทียนเป็นคนช่วย ฉินเยี่ยนที่คิดแต่เรื่องธุรกิจและผางเหว่ยที่โรคเกาต์กำเลิบเพราะดื่มมากเกินไป...

เย่เทียนไม่รู้ว่าคนอื่นจะหลับไปได้หรือไม่ แต่เขานั้นนอนหลับอย่างสบายใจจนถึงรุ่งเช้า

ทันทีที่เขาลืมตา เขาก็เห็นแก้วนมออร์แกนิกบนโต๊ะข้างเตียง

เย่เทียนยืดตัวขึ้นฮัมเพลงExpansionแล้วไปอาบน้ำ

เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยเย่เทียนก็ลงไปชั้นล่าง เขาเห็นแม่ของเขาจับมือโหยวฉินเสี่ยวเหยาและคุยกับเธออยู่

“พี่เย่เทียน!”

โหยวฉินเสี่ยวเหยารีบลุกขึ้นและโค้งคำนับด้วยความเคารพ

วันนี้ชุดของเธอดูเป็นผู้ใหญ่น้อยกว่าเดิมเล็กน้อยแต่ดูบริสุทธิ์และน่ารักขึ้น ทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกเหมือนว่าเธอเป็นน้องสาวน่ารักข้างบ้าน

“กินข้าวเช้าหรือยังเสี่ยวเหยา?”

“เอ่อ...ยังไม่ได้กินเลย”

โหยวฉินเสี่ยวเหยาส่ายหัว เธอไม่ได้นอนทั้งคืนและมาที่ทางเข้าอ่าวอิมพีเรียลตอนตี 4 และนั่งรอจนถึง 6 โมงเช้าพ่อบ้านอากวงจึงมาพาเข้ามา

“กินอาหารยามเช้า กินอาหารกลางวันมื้อใหญ่ กินอาหารเย็นให้น้อย ทำไมเธอไม่กินข้าวเช้าล่ะ?” เย่เทียนพาโหยวฉินเสี่ยวเหยาไปที่โต๊ะแล้วเขาก็เสิร์ฟโจ๊กร้อนให้เธอกับแม่ของเขา

พ่อบ้านกวงที่อยู่ไม่ไกลหยิบสมุดบันทึกออกมาและบันทึกคำพูดที่โด่งดังของเย่เทียนลงในหนังสือ

คนรวยพูดจริงทุกอย่าง!

“ขอบคุณค่ะพี่เย่เทียน” ดวงตาของโหยวฉินเสี่ยวเหยาเริ่มเป็นสีแดง ไม่เคยมีใครปฏิบัติกับเธออย่างดีแบบนี้ยกเว้นพ่อแม่ของเธอ

พี่เย่เทียน!

เสี่ยวเหยาสาบานว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะเธอเป็นลูกสุนัขที่ซื่อสัตย์ของเขาไปตลอดชีวิต!

เย่เทียนรู้ว่าเสี่ยวเหยากำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย

สิ่งที่เขาพูดกับโหยวฉินเสี่ยวเหยาเมื่อคืนนี้ในเป็นเพียงการแสร้งทำเป็นว่าเขารวย แต่เขารู้ว่าการผายลมในวงการบันเทิงคืออะไรและเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงให้เสี่ยวเหยามาหาเขา

พ่อบ้านกวงน่าจะรู้จักกับผู้คนมากมาย บางทีเขาอาจรู้จักกับผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ แต่เขาเป็นเพียงพ่อบ้านแล้วจะไปถามให้เขาหาอาจารย์ให้งั้นเหรอ?

ช่างมันเถอะ!

มาสนใจเรื่องลงชื่อเข้าใช้ระบบของวันนี้ดีกว่า

เย่เทียนเหลือบมองดูเวลา และอีกไม่ถึงสองชั่วโมงเขาก็สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้ในวันที่สาม

“วันนี้ไม่กลับไปซ้อมที่บริษัทเหรอ?”

โหยวฉินเสี่ยวเหยารีบลุกขึ้นตอบ “ไม่ ฉันลาออกจากบริษัทแล้ว...!”

“ไม่ต้องคิดมากหรอก คิดซะว่าที่นี่เป็นเหมือนบ้านของเธอก็แล้วกัน” เย่เทียนยิ้ม

“อื้ม” โหยวฉินเสี่ยวเหยาถูเปลือกตาของเธอ เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก

หลังอาหารเช้า แม่ของเย่เทียนได้ลากเย่เทียนออกไปถามเรื่องโหยวฉินเสี่ยวเหยา หลังจากที่รู้ว่าเธอเป็นเพื่อนของ'หัวหน้า'แม่ของเขาก็แสดงความผิดหวังออกมา

สาวสวยอ่อนโยนแบบนี้น่าเอามาเป็นลูกสะใภ้จริงๆ น่าเสียดายนัก!

เนื่องจากเมื่อคืนนี้เขากลับมาดึกเลยไม่ได้เตรียมส่วนผสมเครปเอาไว้ เย่เทียนจึงไม่ได้วางแผนที่จะออกตั้งแผงขายในวันนี้ เขาจึงไปคุยกับโหยวฉินเสี่ยวเหยาที่สระว่ายน้ำชั้นบนสุดเพื่อฆ่าเวลา

จากการพูดคุยครั้งนี้เขาได้รู้ว่าเกิร์ลกรุ๊ปที่โหยวฉินเสี่ยวเหยาสังกัดอยู่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทปั้นดาวเล็กๆ ในกลุ่มเกิร์ลกรุ๊ปมีผู้หญิงทั้งหมด 7 คน เนื่องจากฉินเสี่ยวเหยาไม่มีภูมิหลังและเส้นสายและความสามารถอยู่ในระดับปานกลาง ดังนั้นเธอจึงได้รับทรัพยากรน้อยที่สุดและแม้ว่าเธอจะได้รับบทละครแต่ก็เป็นได้เพียงสาวใช้ที่มีบทพูดเพียงสองสามบรรทัดเท่านั้น

เย่เทียนอารมณ์ขึ้นเล็กน้อย คนระดับรากหญ้าที่ไม่ได้เกิดมาแล้วได้ฝึกซ้อมต้องการที่จะเป็นดาราที่ยิ่งใหญ่ มันจะง่ายแบบนั้นได้ยังไง ผู้คนหลายพันคนได้ข้ามสะพานแผ่นเดียวและมีกระดูกอยู่ข้างใต้

“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เธอมีฉันอยู่ทั้งคน”

เย่เทียนยกมือขึ้นและแตะผมของหญิงสาว

“พี่เย่ใจดีกับฉันมากเลย ฉันคิดว่าฉันไม่คู่ควร” ตาของโหยวฉินเสี่ยวเหยาแดงก่ำและเธอกำลังจะร้องไห้อีกครั้ง

เย่เทียนดุเธอ “เธอห้ามพูดแบบนี้อีก!”

“อื้อ ฉันจะไม่พูดแล้ว...” โหยวฉินเสี่ยวเหยายิ้ม “ฮิฮิ”

“เธอ!” เย่เทียนอดไม่ได้ที่ส่ายหน้า

ขณะที่คุยกันอยู่

โทรศัพท์มือถือของเย่เทียนก็ดังขึ้นและเมื่อเขาหยิบมันขึ้นมา มันเป็นข้อความจากอ้วยเหว่ยที่มีอิโมจิร้องไห้เป็นแถว

“นายเป็นอะไร?”

เย่เทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ในบรรดาเพื่อนใหม่สามคนของเขาฉินเยี่ยน ผางเหว่ย จื่อฉี เขาชอบผางเหว่ยที่ชอบแสดงออกมากที่สุด ส่วนฉินเยี่ยนถึงจะขี้เล่นเล็กน้อยแต่เขาทำทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติเกินไปคนประเภทนี้เป็นคนลึกล้ำมาก ส่วนจื่อฉีอาจเป็นเพราะเธอพบปะกับคนมากเกินไปเขาจึงรู้สึกวุ่นวายเลยรักษาระยะห่างจากเธอเอาไว้ บางทีสถานการณ์แบบนี้อาจเปลี่ยนไปตามกาลเวลา

“โรคเกาต์ ฉันอยากตาย!” ผางเหว่ยตอบ

“ทำไมนายถึงได้ป่วยด้วยโรคแปลกๆแบบนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยล่ะ? นายอยู่บ้านหรือเปล่า?”

“ออกไปไหนไม่ได้เลย ชีวิตฉันช่างน่าเวทนาเหลือเกินพี่เย่!”

“รอก่อนแล้วกัน ฉันกำลังจะไปหา”

เย่เทียนพาฉินเสี่ยวเหยาไปที่บ้านของผางเหว่ย

ทั้งคู่อยู่ในชุมชนเดียวกันและวิลล่าอยู่ไม่ไกลกันนัก ใช้เวลาเพียง 15 นาทีในการเดินทางพิเศษที่เตรียมไว้สำหรับเจ้าของวิลล่าในชุมชน

เมื่อเขามาถึงประตูบ้านผางเหว่ย เขาก็เห็นกระบอกสูบที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์นี้พิงไม้เท้าจากระยะไกลและพิงที่ประตูเหมือนละครหวังฟูหยา

“พี่เย่!”

“นายจะตะโกนทำไม”

เย่เทียนเดินตามผางเหว่ยเข้าไปในบ้าน เขามองที่เท้าขวาของผางเหว่ยที่บวมเป็นขนมปังและทันใดนั้นก็จำได้ว่าเขายังมี 'ยารักษาทุกโรค' ซึ่งเป็นรางวัลจากการขายของเมื่อวานก่อน

เย่เทียนพูดพร้อมกับครุ่นคิด “ผางเหว่ย ฉันเคยบอกนายหรือเปล่าว่าฉันเคยเรียนทักษะแทพย์กับอาจารย์คนหนึ่ง?”

“ไม่เลย พี่เย่รักษาโรคนี้ได้หรือเปล่า?” ผางเหว่ยกะพริบตา

เย่เทียนขยิบตาให้โหยวฉินเสี่ยวเหยา เธอรีบไปและกลับมาพร้อมกับน้ำร้อนหนึ่งแก้ว เย่เทียนยื่นยารักษาทุกโรคให้กับผางเหว่ยแล้วพูด “ฉันเกือบลืมทักษะทางการแพทย์นี้ไปแล้ว ตอนลงมาจากเขาอาจารย์ให้ยาเม็ดหนึ่งกับฉันซึ่งมันสามารถรักษาได้ทุกโรค ถ้านายเชื่อฉันก็กินมันถ้าไม่เชื่อก็ลืมไปซะ”

ผางเว่ยพูดด้วยความทุกข์ใจ “ฉันเชื่อพี่เย่นะแต่โรคเกาต์เป็นโรคที่รักษาไม่หาย อย่าพูดเรื่องรักษาเลยขอแค่ไม่ต้องเจ็บแบบนี้ก็พอ ตอนนี้ฉันอยากจะตัดเท้าทิ้งจริงๆ!”

ผางเหว่ยคว้าเม็ดยาใส่ปากแล้วดื่มน้ำ

เย่เทียนยิ้มและมองไปที่ผางเหว่ย

หลังจากนั้นห้าใบหน้าของผางเหว่ยเปลี่ยนไปแปลก ๆ เขาถูขาของเขา “มันอุ่นมาก ดูเหมือนเท้าฉันจะไม่เจ็บแล้ว!”

“อาจารย์ของฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีนและแน่นอนว่ายาที่เขาทำมันต้องใช้ได้ผล น่าเสียดายที่มันมีแค่เม็ดเดียว” เย่เทียนพยักหน้าและยกนิ้วให้ระบบ

ผ่านไปอีกไม่กี่นาที

เท้าของผางเหว่ยไม่เพียงหดลงเท่านั้นแต่เขายังสามารถเดินได้ด้วย!

อาการของโรคเกาต์หายเกลี้ยง!

“บัดซบ! นี่มันยาวิเศษ!” ผางเหว่ยดีใจมาก เขาก็กระโดดไปมาในห้องโถงจากนั้นเขาก็กอดเย่เทียนและกล่าวด้วยความกตัญญู “พี่ชาย! จากวันนี้ไปนายจะเป็นพี่ชายของฉัน! พี่ชายสุดที่รัก!!!”

“นายแก่กว่าฉันตั้งกี่ปีแต่มาเรียกฉันว่าพี่เนี่ยนะ? นายไม่อายที่จะเรียกแต่ฉันอายที่จะฟัง” เย่เทียนผลักผางเหว่ยออกไปด้วยความรังเกียจ ในขณะเดียวกันก็มีเสียงขึ้นในหัวของเขาท

ถึงเวลาลงชื่อเข้าใช้ระบบมหาเทพแล้ว