ตอนที่แล้วCrisis ตอนที่ 27 : ชุมชนท่อระบายน้ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCrisis ตอนที่ 29 : ติดกับดัก

Crisis ตอนที่ 28 : ภัยเงียบ


Crisis : WorldDestruction ตอนที่ 28 : ภัยเงียบ

" แฮ่รรรร! แฮ่รรร! แฮ่รรรร! " เสียงคำรามของซอมบี้นับสิบตัวกำลังวิ่งไล่ล่าคนกลุ่มหนึ่ง

ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์วันสิ้นโลกกระจายตัวกันอยู่ตามเมืองต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก แต่ละเมืองได้รับความเสียหายแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ซอมบี้เหล่านี้ ครั้งหนึ่งพวกมันเคยเป็นมนุษย์มาก่อน ไวรัสจากหินอุกกาบาตได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ศพของคนที่เคยเสียชีวิตไปแล้วก็สามารถฟื้นคืนชีพกลับคืนมาได้อีกครั้ง

เมืองอีกด้านหนึ่งหลังวันสิ้นโลก ผู้รอดชีวิตส่วนหนึ่งไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยเหมือนกับเมืองของ ฟ่านเสี่ยน ทั้งหมดเป็นเพราะรัฐบาลและทหารทอดทิ้งประชาชนปล่อยให้ใช้ชีวิตตามยถากรรม หลุมหลบภัย และค่ายอพยพต่างๆ ไม่สามารถรองรับผู้คนได้ทั้งหมด พวกเขาคัดเลือกเฉพาะอภิสิทธิ์ชน เช่น นายทุน นักวิทยาศาสตร์ และช่างซ่อมบำรุง หรือคนที่มีความสามารถเท่านั้น

อำนาจการปกครองครั้งหนึ่งอยู่มือของรัฐบาล และทหารเป็นผู้ดูแลความสงบเรียบร้อย ตอนนี้ทั้งเมืองตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ไม่มีกฏหมาย หรือตำรวจคอยปกป้องประชาชน เกิดการกดขี่ข่มเหงจากผู้ที่เข้มแข็งกว่า ส่วนคนที่อ่อนแอทำได้เพียงยอมรับสภาพ และอดทนต่อทรราชย์ที่ตั้งตัวเองเป็นใหญ่และปกครองด้วยระบบทาส

" แย่แล้วลูกพี่! พวกมันล้อมพวกเราเอาไว้ทุกด้านเลย คราวนี้พวกเราต้องตายแน่ๆ " ลูกน้องกระจ๊อกปอดแหกคนหนึ่ง แหกปากโวยวายด้วยความหวาดกลัว หลังจากถูกซอมบี้ปิดล้อมทางหนีเอาไว้ทุกด้าน เขาเริ่มสติแตกเพราะไม่อาจทนแรงกดดันภายใต้สถานการณ์แบบนี้

" ตั้งสติและหยุดโวยวายได้แล้ว! ล้อมวงตั้งแนวป้องกันอย่าให้ซอมบี้ฝ่าเข้ามาได้ " หัวหน้ากลุ่มหาเสบียง ยังไม่ยอมแพ้ถึงแม้ว่าจะหมดหนทางหลบหนี เขาตะโกนเสียงดังเพื่อเตือนสติลูกน้อง เขาต้องต้านพวกมันเอาไว้ให้นานที่สุดเผื่อจะเจอหนทางรอด

" ทำไมพวกมันดูแปลกๆ ไม่ยอมบุกเข้ามา? " ลูกน้องกระจ๊อกอีกคน ประหลาดใจเมื่อเห็นซอมบี้ยืนเรียงแถวหน้ากระดานปิดทางหนีของพวกเขาเอาไว้ พวกมันเว้นระยะห่างจากพวกเขาแต่ไม่ยอมบุกจู่โจมเข้ามาในทันที ซึ่งผิดไปจากลักษณะทั่วไปของพวกมัน

" ดูเหมือนพวกมันกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ทุกคนอย่าประมาทเตรียมพร้อมเอาไว้! " หัวหน้ากลุ่ม รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ก็เป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะได้พักฟื้นฟูค่า SP

ทันใดนั้น พวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึง ซอมบี้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าต่างเดินหลบจนแหวกออกเป็นทางเดิน ทุกคนในกลุ่มต่างพากันตกตะลึงเมื่อได้เห็น หญิงสาวคนหนึ่งที่มีใบหน้าอันงดงามกำลังเดินเข้ามาอย่างแช่มช้า ร่างกายที่เปล่าเปลือยไร้เสื้อผ้าเผยให้ส่วนเว้าส่วนโค้งได้สัดส่วน อารมณ์ของพวกเขาพลุ่งพล่านทันทีเมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น พวกเขาประหลาดใจในตอนแรกที่เห็นหญิงสาวเดินผ่านฝูงซอมบี้เข้ามาอย่างสบายๆ แต่เสียงคำรามของซอมบี้ที่อยู่รอบๆ ก็ทำให้พวกเขาตระหนักได้ในทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

== [ อีลิทซัคคิวบัสซอมบี้ ] ==

Elite Succubus Zombie

เลือด : 28,000 / 28,000 HP

= [รายละเอียด] =

ร่างของมนุษย์ติดเชื้อเพศหญิง วิวัฒนาการมาจากวีนัสซอมบี้ [ร่างขั้นสุดยอดของวิวัฒนาการขั้นที่ 3]

คุณสมบัติพิเศษ : ??????? ????????

===================

" ว้าว! มีมนุษย์หลงเข้ามาตั้งหลายคน ดูเหมือนเนื้อของพวกเจ้าบางคนจะรสชาติดี " อีลิทซัคคิวบัส พูดด้วยน้ำเสียงใส แต่ชวนให้ขนลุก

" ท่ะ . . ทำไมแกถึงพูดภาษามนุษย์ได้? แกเป็นตัวอะไรกันแน่! " หัวหน้ากลุ่มหาเสบียง ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินซอมบี้พูดสื่อสารกับพวกเขาได้เป็นครั้งแรก โดยปกติแล้วซอมบี้จะพุ่งจู่โจมทันทีเมื่อเห็นมนุษย์ แต่สถานการณ์ในตอนนี้กลับแตกต่างออกไป

" ฮิ ฮิ ฮิ ฮี่! อย่าลืมสิว่าข้าก็เคยเป็นมนุษย์มาก่อน " อีลิทซัคคิวบัส หัวเราะชอบใจ

" แกต้องการอะไรจากพวกเรา " หัวหน้ากลุ่มหาเสบียง รู้ดีว่าไม่มีทางที่ซอมบี้เหล่านี้จะไว้ชีวิตพวกเขา

" ยังคิดที่สู้อีกเหรอ! ทิ้งอาวุธซะแล้วข้าจะยอมให้พวกเจ้าตายอย่างไม่ทรมาน " อีลิทซัคคิวบัส พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

" ไอ้พวกซอมบี้บัดซบ! เข้ามาเลย!! เราไม่ยอมให้แกเอาชีวิตของพวกเราไปง่ายๆ หรอก " หัวหน้ากลุ่มหาเสบียง ตะโกนออกมาเสียงดัง พวกเขาเตรียมใจเอาไว้แล้วตั้งแต่แรก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องยากที่จะมีใครรอดชีวิตกลับไป

" เด็กๆ จับเจ้าสามคนนั้นกลับไป ส่วนที่เหลือฆ่าทิ้งให้หมด " อีลิทซัคคิวบัส โบกมือไปข้างหน้า ซอมบี้ทุกตัวก็จู่โจมทันที

มีเสียงกรีดร้อง และเสียงของการต่อสู้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็เงียบสงบลง ชายสามคนถูกซอมบี้จับตัวกลับไปที่รังของซอมบี้ พวกมันซ่อนอยู่ตรงลานจอดรถใต้ดินของอาคารแห่งหนึ่ง ตามทางเดินภายในรังของซอมบี้เต็มไปด้วยรอยเลือด และมีกลิ่นเน่าเหม็นที่รุนแรงส่งกลิ่นโชยออกมา

หลังจากการมาถึงของดวงจันทร์สีเลือดสองครั้ง สิ่งมีชีวิตต่างๆ และซอมบี้ได้วิวัฒนาการตัวเองไปอย่างมาก แต่สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดคือ ซอมบี้บางตัวได้วิวัฒนาการตัวเองจนเกิดสติปัญญา มันสามารถควบคุมซอมบี้ตัวอื่นๆ ให้อยู่ใต้อาณัติของมันได้  สิ่งนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับมนุษย์ต่อไปในอนาคต

มนุษย์ออกล่าซอมบี้เพื่อต้องการค่า EXP ในการเลื่อนระดับ ส่วนซอมบี้ก็คล้ายคลึงกับมนุษย์มันกินมนุษย์ก็เพื่อสะสมพลังงานสำหรับการวิวัฒนาการ ยิ่งมนุษย์มีเลเวลสูงมากเท่าไหร่ ซอมบี้ก็จะวิวัฒนาการตัวเองได้เร็วขึ้นเท่านั้น การออกล่าของมนุษย์เริ่มทำให้จำนวนของซอมบี้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มีเพียงซอมบี้จำนวนหนึ่งเท่านั้นที่สามารถวิวัฒนาการตัวเองจนสามารถต่อกรกับมนุษย์ได้

ซอมบี้ที่มีสติปัญญา จะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า อีลิทซอมบี้ ซึ่งครั้งหนึ่ง ฟ่านเสียน ได้ฆ่ามันไปก่อนที่จะกลายเป็นภัยคุกคาม อีลิทซอมบี้ใช้ความแข็งแกร่งครอบงำซอมบี้ตัวอื่นๆ และพวกมันเคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปแบบ พวกมันได้ยึดครองเมืองเอาไว้และคอยดักจับมนุษย์ที่พลัดหลงเข้ามาในอาณาเขต ภัยคุกคามจากซอมบี้ค่อยๆ เริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบๆ ทั่วทุกมุมของโลก

การหายตัวไปของหน่วยหาเสบียงในระยะหลังๆ สร้างความเดือดร้อนให้กับค่ายหลบภัยหลายแห่งภายในเมืองแห่งนี้ พวกเขาต่างคิดว่าอีกฝ่ายจับตัวคนของพวกเขาไป หรือไม่ก็ฆ่าเพื่อแย่งชิงเสบียง ก่อนหน้านี้พวกเขาตกลงทำสัญญาจะไม่ต่อสู้กันเองพวกเขาต่างก็ต้องการมีชีวิตรอดหลังวันสิ้นโลก กำลังคนเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับค่ายหลบภัยในตอนนี้ พวกเขาไม่สามารถขยายพันธุ์และเติบโตได้อย่างรวดเร็วเหมือนพวกพืชและสัตว์

" ท่านผู้นำ! ตอนนี้เสบียงของพวกเราเหลือน้อยเต็มที หากไม่สามารถหาเสบียงจากที่อื่นมาเติมได้ อีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้าพวกเราจะต้องขาดแคลนอาหารอย่างหนัก ขอให้ท่านผู้นำรีบสั่งการเพื่อแก้ไขปัญหาโดยด่วน "

" ท่านผู้นำ! ข้าได้ส่งคนไปสอบถามคนของค่ายโพกผ้าเหลืองแล้ว พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของหน่วยหาเสบียงครับ พวกเขาก็พบปัญหาเดียวกันกับพวกเรา คนของพวกเขาหายตัวไปเมื่อ 2 วันก่อนเช่นกัน ท่านผู้นำคิดเห็นอย่างไร "

" พวกมันโกหก! ต้องเป็นพวกมันที่ฆ่าพี่น้องของเรา เราต้องไปแก้แค้นพวกมันให้กับพี่น้องของเรา "

" อะไรนะ! อีกอาทิตย์หนึ่งพวกเราจะไม่เหลืออาหารเหรอ ทีนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี "

" ใช่! ข้าเห็นด้วย ต้องเป็นพวกค่ายโพกผ้าเหลืองแน่ๆ ที่ดักปล้นและฆ่าพี่น้องของเรา "

" ท่านผู้นำ! ท่านต้องรีบตัดสินใจก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ได้โปรดแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน "

ชายวัยกลางคนอายุราวๆ 60 ปี กำลังนั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าไม่ดีนัก ปัญหาต่างๆ รุมล้อมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง การสูญเสียกำลังคนส่งผลกระทบออกไปเป็นวงกว้าง หากไม่รีบแก้ปัญหาต่างๆ โดยเร็ว ค่ายของเขาคงถึงคราวต้องจบสิ้น แต่เสียงดังโหวกเหวกโวยวายของคนในห้องประชุมเริ่มฟังไม่ได้ศัพท์ ทุกคนพยายามแข่งกันพูดจนเขาเริ่มระงับอารมณ์เอาไว้ไม่ไหว

" หุบปากกกกก! " ทุกคนภายในห้องประชุมต่างพากันตกใจ พร้อมกับสงบปากสงบ และหลบสายตาของผู้นำค่ายด้วยความละอายใจ

" พวกเจ้ายังเห็นหัวข้าอยู่หรือเปล่า! โดยเฉพาะเจ้า ซานป่าย เจ้าเองก็อายุไม่ใช่น้อยกับทำตัวไม่ต่างจากเด็กพวกนี้ มันน่าโมโหนัก " เติ้งฝูกวน พูดออกมาด้วยความเดือดดาล ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้พวกเขากับทำตัวเหมือนกับเด็กทะเลาะกัน

" ขออภัยท่านผู้นำ! ข้าใจร้อนไปหน่อย แต่ปัญหาของเราก็ล่าช้าไม่ได้เช่นกัน " ซานป่าย ประสานมือและกล่าวขอโทษกับความผิดพลาดที่เขาวู่วามเกินไป

" ข้าเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากฟังปัญหาที่พวกเจ้ารายงานมา ข้าย่อมมีทางออกให้กับทุกคน " เติ้งฝูกวน พูดด้วยน้ำเสียงปกติ หลังจากหยุดความวุ่นวายในห้องประชุมลงได้

" ขอบคุณท่านผู้นำ! ที่เข้าใจพวกเรา " ซานป่าย กล่าวด้วยความเคารพ

" เอาละ! ซานป่าย เจ้าส่งคนไปบอกพวกค่ายโพกผ้าเหลืองว่า เราจะส่งคนไปหาเสบียงร่วมกับพวกเขา เมื่อได้เสเบียงมาเราจะแบ่งกันคนละครึ่ง เพื่อชดเชยปัญหาเรื่องกำลังคน อย่างน้อยมันน่าจะช่วยลดปัญหาการขาดแคลนอาหารออกไปได้ระยะหนึ่ง " เติ้งฝูกวน พยายามแก้ปัญหาอย่างประนีประนอม เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดกันระหว่างสองฝ่าย และลดการสูญกำลังคนโดยไม่จำเป็น

" ข้าจะรีบส่งคนไปบอกพวกเขาทันทีครับ " ซานป่าย ประสานมือ และรีบออกไปจากห้องประชุมทันที

" หัวหน้าเยียน! สั่งเพิ่มเวรยามเป็น 2 เท่า สถานการณ์ตอนนี้ไม่น่าไว้วางใจ เราจะปล่อยให้เกิดเรื่องที่ผิดพลาดอีกไม่ได้ " เติ้งฝูกวน ไม่ลืมที่จะสั่งเพิ่มมาตราการความปลอดภัย ค่ายของพวกเขากำลังอ่อนแอ อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ดังนั้นเขาควรจะระวังเอาไว้ก่อน

" รับทราบครับ! " หัวหน้าเยียน ประสานมือ และรีบออกไปจากห้องประชุมเพื่อเตรียมการโดยเร็วที่สุด สถานการณ์ภายในค่ายตอนนี้เขาย่อมรู้ดีที่สุดว่าควรจะเตรียมรับมือยังไง

. . . . . ค่ายโพกผ้าเหลือง

ภายในอาคารของค่ายโพกผ้าเหลือง ชายวัยกลางคนอายุ 50 ปี มีใบหน้าคมเข้ม กำลังมองแผนที่บนโต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อ 2 วันก่อนเขาได้ขาดการติดต่อกับกลุ่มหาเสบียง เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีความเป็นไปได้หลายอย่างเกี่ยวกับการหายตัวไปของกลุ่มหาเสบียง เขาพึ่งจะได้รับการติดต่อจากค่ายกางเขนดำเมื่อวาน พวกเขาสอบถามเกี่ยวกับการหายตัวไปของหน่วยหาเสบียงเช่นกัน ในตอนแรกเขาคิดว่าเป็นคนของค่ายกางเขนดำทำการละเมิดสัญญาสงบศึก แต่สิ่งที่เขาได้ยินกลับมานั้นสร้างความประหลาดใจให้กับเขาไม่น้อย หากไม่ใช่คนของค่ายกางเขนดำแล้วอะไรที่โจมตีพวกเขา

เมืองแห่งนี้มีชื่อว่า เมืองอู่หมิง ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นศูนย์รวมของสถานบันเทิงแบบครบวงจร มีผู้คนมากมายจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาที่นี่เพื่อแสวงโชค มีโรงแรมหรูขนาดใหญ่มากมายและบ่อนคาสิโนอีกนับ 30 แห่ง แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นเมืองร้าง หลงเหลือเอาไว้เพียงซากปรักหักพังหลังจากเหตุการณ์วันสิ้นโลก

ผู้รอดชีวิตภายในเมืองอู่หมิงส่วนหนึ่งได้แยกตัวออกมา หลังจากเลเวล 20 พวกเขาสามารถใช้ฟังก์ชั่น [งานก่อสร้าง] สร้างหมู่บ้านขนาดเล็กๆ ของตัวเองขึ้นมาได้ แม้ว่าศูนย์หลบภัยหลักของเมืองจะสะดวกสบาย แต่พวกเขาต้องเสียค่าเช่าห้องพักในราคาสูงเพื่อแลกกับความปลอดภัย การมาถึงของดวงจันทร์สีเลือดครั้งก่อนทำให้ศูนย์หลบภัยหลักต้องล่มสลายจากบุกโจมตีของฝูงซอมบี้ ทำให้พวกเขาตัดสินใจย้ายออกมา และค้นพบว่าการบุกโจมตีของฝูงซอมบี้ลดลงอย่างมาก นานๆ สักครั้งจะมีซอมบี้เร่ร่อนหลุดเข้ามาโจมตี หากมีผู้คนรวมตัวมากกว่า 100 คนขึ้นไป ซอมบี้จะสามารถมองเห็นตำแหน่งค่ายของพวกเขาได้จากระยะไกล ในสายตาของซอมบี้ค่ายพวกเขาเป็นเหมือนแหล่งกำเนิดของแสงสว่างในความมืด

" ผู้กองหลี่! คนของค่ายกางเขนดำขอเข้าพบ พวกเขามีเรื่องอยากจะหารือกับผู้กองครับ "

" พวกเขาต้องการอะไรกันแน่? ไปบอกพวกเขาว่าฉันอนุญาตให้เข้าพบ " หลี่หยวนไป่ ตอบรับคำขอ ก่อนวันสิ้นโลกเขาเคยเป็นตำรวจมียศตำแหน่งผู้กอง หลี่หยวนไป่ ได้รับบาดเจ็บในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ภาคสนาม ด้วยกฏระเบียบที่เคร่งครัดทำให้เขาต้องออกจากราชการตำรวจก่อนเวลาอันควร หมอวินิจฉัยอาการบาดเจ็บของเขาแล้วพบว่าไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ เพราะอาจเกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงในระหว่างปฏิบัติหน้าที่

ด้วยประสบการณ์ต่อสู้กับเหล่าร้ายมาอย่างโชกโชน ทำให้เขาสามารถรับมือกับซอมบี้ได้อย่างง่ายดาย หลี่หยวนไป่ แข็งแกร่งและเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยอดีตภูมิหลังทำให้คนอื่นๆ ไว้วางใจยกตำแหน่งผู้นำค่ายโพกผ้าเหลืองให้กับเขา การหายตัวไปของกลุ่มหาเสบียงโดยไร้สาเหตุ เขาจะต้องสืบหาความจริงกับเรื่องที่เกิดขึ้นให้จงได้

= [ จบตอนที่ 28 ] =

= [ พูดคุยกับไรท์ ] =

จบไปแล้วนะครับ สำหรับนิยายวิกฤตโลกล่มสลาย เล่ม 1 มีทั้งหมด 27 ตอน

เนื้อหาโดยรวมของนิยายเล่ม 1 กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่เมืองฉางไห่ ฟ่านเสี่ยน เรียนรู้การเอาชีวิตรอดและเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ในส่วนของเล่ม 2 จะเป็นการเดินทางออกสู่โลกภายนอก หลังจากไรท์เก็บตัว เพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติมในการเขียนนิยาย ซึ่งคิดว่าน่าจะเพียงพอสำหรับการลุยเขียนต่อเล่ม 2 ขอขอบคุณผู้อ่านทุกๆ ท่าน และแฟนคลับที่ยังรอติดตามผลงาน และขอขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กันเสมอมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด