ตอนที่แล้วCrisis ตอนที่ 28 : ภัยเงียบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCrisis ตอนที่ 30 : พลาดท่า

Crisis ตอนที่ 29 : ติดกับดัก


Crisis : WorldDestruction ตอนที่ 29 : ติดกับดัก

หลี่หยวนไป่ เดินมาถึงห้องรับรองแขกเขาก็พบ ซานป่าย กำลังนั่งรออยู่บนเก้าอี้โซฟาโดยมีลูกน้องสองคนคอยยืนอารักขาอยู่ด้านหลัง พอเขาเห็น หลี่หยวนไป่ ก็รีบลุกขึ้นทักทายทันที

" ผู้กองหลี่! " ซานป่าย ประสานมือและกล่าวทักทายผู้นำค่ายโพกผ้าเหลือง

" ผู้อาวุโสซาน! ขออภัยที่ให้ท่านต้องรอนาน " หลี่หยวนไป่ ประสานมือแล้วพูดอย่างเป็นกันเอง

" ไม่เลย! เป็นฉันต่างหากที่มารบกวนเวลาของผู้กองหลี่ " ซานป่าย หยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า " ก่อนหน้านี้คนของเราเสียมารยาทไปบ้าง เพราะเกิดจากความเข้าใจผิด เราจึงมาที่นี่เพื่อสานความสัมพันธ์หวังว่าผู้กองหลี่จะไม่ถือสาเหตุการณ์ที่แล้วมา " ซานป่าย กล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ

" ในเมื่อความจริงได้รับการคลี่คลาย ท่านผู้อาวุโสไม่ต้องคิดมาก " หลี่หยวนไป่ กล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

" ถ้าหากผู้กองหลี่ติดใจเอาความ เรามาคุยเรื่องสำคัญกันดีกว่า " ซานป่าย ถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดเข้าประเด็น

" เชิญท่านผู้อาวุโสกล่าวมาได้เลย " หลี่หยวนไป่ ประหลาดใจกับคำพูดของเขา

" การหายตัวไปอย่างปริศนาของหน่วยหาเสบียงก่อนหน้านี้ ทำให้สถานการณ์ภายนอกในตอนนี้ไม่ค่อยน่าไว้วางใจ ข้าเสนอให้เราร่วมมือกันสำหรับการหาเสบียงในครั้งต่อไป อย่างน้อยจะได้คอยเป็นหูเป็นตาให้ซึ่งกันและกัน ผู้กองหลี่ เห็นด้วยกับข้อเสนอของเราหรือไม่ " ซานป่าย กล่าวอย่างใจเย็น

" ข้อเสนอของท่านผู้อาวุโสนับว่าไม่เลว เรายินดีจะร่วมมือกับค่ายกางเขนดำ " หลี่หยวนไป่ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวตอบกลับไป

" ดี ดี ดี! พวกเราจะแบ่งสิ่งของต่างๆ อย่างยุติธรรม ผู้กองหลี่สบายใจได้  " ซานป่าย พยักหน้ายินดีกับคำตอบที่ได้รับ

" ท่านผู้อาวุโสอย่าได้เกรงใจ! ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดีต่อคนของพวกเรา " หลี่หยวนไป่ กล่าวตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

" ในเมื่อเรื่องสำคัญก็ได้พูดไปแล้ว ฉันก็ควรจะขอตัวกลับ หากอยู่ต่อเกรงว่าจะรบกวนเวลาของผู้กองหลี่ไปเปล่าๆ " ซานป่าย พูดเรื่องสำคัญแล้วเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป

" เชิญท่านผู้อาวุโส! ขอให้เดินทางกลับอย่างปลอดภัย " หลี่หยวนไป่ ผายมือไปทางประตูเพื่อเป็นการส่งแขก

หลังจากคนของค่ายกางเขนดำเดินจากไป ลูกน้องของหลี่หยวนไป่ยืนอยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นว่า " ทำไมหัวหน้าต้องร่วมมือกับพวกเขาด้วย โดยเฉพาะไอ้จิ้งจอกเฒ่าซานป่าย ผมไม่เข้าใจหัวหน้าเลยจริงๆ "

" พูดเบาๆ หน่อย! อย่างที่จิ้งจอกเฒ่านั้นพูด สถานการณ์ในตอนนี้ไม่น่าไว้วางใจ เราแค่เล่นตามเกมส์ไปก่อน สั่งคนของเราคอยจับตาดูพวกเขาเอาไว้ " หลี่หยวนไป่ กล่าวอย่างเฉยชา ใบหน้าของเขากำลังครุ่นคิดถึงบางอย่าง การหายตัวไปของคนค่ายกางเขนดำเกิดขึ้นหลังจากคนของพวกเขาถูกซุ่มโจมตี เขาต้องการเบาะแสเพิ่มเติมเพื่อดูว่าเป็นฝีมือของใคร เขาต้องล้างแค้นให้กับคนของพวกเขา

. . . . . . . . . . . . . . . . . .

ใต้ลานจอดรถยนต์แห่งหนึ่งมีร่างของชายสามคนนอนสลบไม่ได้สติ ห่างออกไปมีรังไหมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางลานจอดรถ แสงสีแดงจากรังไหมส่องกระพริบเหมือนจังหวะการเต้นของหัวใจ ทำให้บรรยากาศรอบๆ น่าสยดสยองมากยิ่งขึ้น พวกเขาคือกลุ่มคนที่ถูกซอมบี้จับตัวมาก่อนหน้านี้ แม้ว่าพวกเขาแต่ละคนมีเลเวลสูงและค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นไปจากเงื้อมมือของซอมบี้เหล่านี้ได้

พวกเขาทั้งสามต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ยังไม่ตาย ตามร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลจากการต่อสู้ ซอมบี้พวกนี้ไม่ได้ฆ่าเขาไปพร้อมกับคนอื่นๆ มันทำตามคำสั่งและจับตัวพวกเขามาไว้ที่นี่เท่านั้น

ทันใดนั้น หนึ่งในคนทั้งสามก็เริ่มรู้สึกตัว เขาพยายามลืมตาและขยับตัวด้วยความอยากลำบาก แต่เมื่อสังเกตเห็นรังไหมเรืองแสงขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาด้วยความหวาดกลัว เขาย่อมรู้ดีว่าสิ่งนี้คืออะไร และมันน่ากลัวมากแค่ไหน เมื่อสัมผัสถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากรังไหม

จากนั้นคนอื่นๆ ก็เริ่มรู้สึกตัวและหนึ่งในนั้นคือ หัวหน้าหน่วยหาเสบียงของค่ายกางเขนดำ เขาก็ถูกจับมาที่นี่ด้วยเช่นกัน ในระหว่างที่พวกเขาเริ่มได้สติ ก็มีเสียงบางอย่างดังออกมาจากรังไหม

" ครืดดดดดดด! "

รังไหมถูกฉีกขาดเป็นแนวเส้นตรงลงมาด้วยของแหลมบางอย่าง สิ่งที่อยู่ด้านในของรังไหมค่อยๆ ปรากฏตัวออกมา รูปร่างภายนอกของมันคล้ายกับมนุษย์ ตัวของมันสูงกว่า 2 เมตร มีผิวสีขาวซีด เมื่อทั้งสามได้เห็นตัวของมันชัดๆ พวกเขาก็ตกตะลึงทันที

== [ อีลิทซัคคิวบัสซอมบี้ ] ==

Elite Succubus Zombie

เลือด : 30,000 / 30,000 HP

= [รายละเอียด] =

มนุษย์ติดเชื้อเพศชาย [ร่างขั้นสุดยอดของวิวัฒนาการขั้นที่ 3]

คุณสมบัติพิเศษ : ??????? ????????

===================

มันคืออีลิทซอมบี้อีกตัวหนึ่งแต่ตัวนี้เป็นเพศชาย และมันดูแข็งแกร่งกว่าอีลิทซอมบี้ตัวก่อน ทั้งสามยังจำความน่ากลัวของอีลิทซอมบี้ได้ อาการบาดเจ็บของพวกเขาทั้งสามมาจากการต่อสู้ครั้งก่อน ซึ่งเป็นฝีมือของอีลิทซอมบี้ในร่างเพศหญิง

อีลิทซอมบี้ก้าวเท้าออกมาจากรังไหม มันแสยะยิ้มน่ากลัวเมื่อเห็นพวกเขา ก่อนที่เขาจะทันได้ตั้งตัว ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น หนึ่งในสามถูกซอมบี้กัดที่ลำคออย่างหิวกระหาย มันดื่มเลือดและกัดกินเนื้อของเหยื่ออย่างโหดเหี้ยม พวกเขาถูกนำตัวมาไว้ที่นี่เพื่อเป็นอาหารให้กับอีลิทซอมบี้ หลังจากวิวัฒนาการพวกมันจะหิวกระหายอย่างรุนแรง บางตัวหิวกระหายจนกระทั่งคลุ้มคลั่งโจมตีพวกเดียวกันโดยไม่สนสิ่งใด จนกว่าจะเติมเต็มกระเพาะด้วยเนื้อสดๆ ถึงจะดับความหิวกระหายนี้ลงได้

" อ๊ากกกกก! "

เสียงกรีดร้องดังไปทั่วลานจอดรถ ภายในเมืองอู่หมิงได้กำเนิดซอมบี้ที่น่าสะพรึงกลัวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งตัว ค่ายผู้รอดชีวิตต่างๆ ภายในเมืองยังไม่รู้ตัวว่าหายนะกำลังจะมาถึงตัวพวกเขาในอีกไม่ช้า

ในช่วงเวลาเดียวกัน รถยนต์ขบวนหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวไปตามถนน พวกเขาเป็นคนของค่ายกางเขนดำ และค่ายโพกผ้าเหลือง ทั้งสองได้ร่วมมือกันเพื่อออกหาเสบียงอาหาร มีรถยนต์ทั้งหมดจำนวน 5 คัน รถยนต์ 2 คันที่นำขบวนเป็นรถของค่ายกางเขนดำ

" ฉันเห็นหน้าไอ้พวกค่ายกางเขนดำแล้วอยากกระทืบพวกมันจริงๆ ฉันยังแค้นพวกมันตอนหาเสบียงครั้งก่อนไม่หาย พวกมันขับรถลากฝูงซอมบี้มาเพื่อก่อกวนพวกเรา " สมาชิกคนหนึ่งของค่ายโพกผ้าเหลือง พูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด เขาไม่เห็นด้วยกับการร่วมมือในครั้งนี้ของหัวหน้า

" ใช่! นี่ยังไม่นับรวมครั้งก่อน พวกมันแกล้งโยนระเบิดเพื่อฆ่าซอมบี้เพียงไม่กี่ตัว พวกเราต้องทิ้งสัมภาระ และรีบเผ่นก่อนที่ซอมบี้ตัวอื่นๆ จะแห่มารุมกินโต๊ะ " สมาชิกคนที่สอง พูดเสริมขึ้นมาทันที เพราะเขาก็เคยมีประสบการณ์ที่แย่ๆ เกี่ยวกับคนของค่ายกางเขนดำเหมือนกัน

" ใจเย็นเพื่อน! หัวหน้าสั่งมาไม่ให้เราไปมีเรื่องกับพวกเขา งานต้องมาก่อนบัญชีแค้นเก็บเอาไว้ทวงคืนวันหลัง " สมาชิกคนที่สาม รีบพูดตัดบท เพราะไม่อยากให้ภารกิจล้มเหลว

" เหอะ! มันน่าหงุดหงิดจริงๆ " สมาชิกคนแรก กล่าวด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น

" ฮ่า ฮ่า ฮ่า!  เอาน่ะ . . . อย่าพึ่งหัวร้อนไปเลยเพื่อน " สมาชิกคนที่สาม หัวเราะกับคำพูดของสมาชิกคนแรก

เมื่อเข้าใกล้บริเวณจุดหาเสบียง พวกเขาทั้งหมดได้จอดรถเพื่อเดินเท้าเข้าไป มันเป็นโซนที่ยังไม่ได้รับการสำรวจมาก่อน แน่นอนว่าจะต้องมีซอมบี้ที่น่ากลัวอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เพื่อไม่เป็นการดึงดูดความสนใจของซอมบี้ตัวอื่นๆ การเดินเท้าเข้าไปจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด

มันเป็นห้างสรรพสินค้าหนึ่งในอีกหลายแห่งในเมืองอู่หมิง ด้านหน้าของอาคารได้รับความเสียหายจากหินอุกกาบาต แต่โครงสร้างในส่วนอื่นๆ ของอาคารยังมั่นคงแข็งแรง หลังจากเสียเวลาหาทางเข้าอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งหมดก็สามารถเข้ามาด้านในได้สำเร็จ แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงก็คือมีซอมบี้นอนอยู่บนพื้นอยู่เต็มไปหมด พวกมันทั้งหมดกำลังอยู่ในภาวะจำศีล ความประมาท หรือซุ่มซ่ามโดยไม่ได้ตั้งใจอาจปลุกพวกมันตื่นขึ้นมา

" ผู้อาวุโสซาน! พวกเราควรจะเดินทางต่อ หรือหันหลังกลับตอนนี้ดีครับ " หนึ่งในผู้ติดตาม พูดด้วยน้ำเสียงต่ำ หลังจากเห็นซอมบี้มากมายบนพื้น

" พวกเราจะลุยต่อ! ถึงแม้จะต้องเสียเวลาไปบ้าง เราจะฆ่าพวกมันทีละตัวอย่างเงียบๆ เพื่อหลีกปัญหาตอนขนเสบียงกลับออกมา " ซานป่าย กวาดสายตามองไปรอบๆ พร้อมกับพูดตอบกลับไป

ทั้งหมดต่างมองหน้ากันครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสซานป่าย จากนั้นพวกเขาก็ดึงมีดสั้นออกมาจากฟัก และเริ่มลงมือฆ่าซอมบี้ทีละตัว ร่างของซอมบี้ชักกระตุกทันทีเมื่อมีดปักเข้าไปที่ขมับ ซอมบี้ตัวแล้วตัวเล่าถูกฆ่าไปอย่างรวดเร็ว เลือดสีดำมากมายไหลออกมาจากศพของซอมบี้ และด้วยจำนวนศพของซอมบี้ทำให้ทั้งห้องเริ่มส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งเต็มไปหมด

คนของค่ายโพกผ้าเหลืองปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อาวุโสซานป่ายแต่โดยดี เพราะข้อมูลตำแหน่งของสถานที่แห่งนี้เป็นของค่ายกางเขนดำ อย่างไรก็ตาม เสบียงทั้งหมดจะถูกจัดแบ่งเท่าๆ กันหลังจากเสร็จภารกิจ พวกเขาไม่ต้องเป็นต้องออกแรงสำรวจไปตามสถานที่ต่างๆ ที่คาดว่าจะมีอาหารกักตุนอยู่

หลังจากเคลียร์เส้นทางอยู่นานทั้งหมดก็เข้ามาถึงห้องเก็บสินค้า ใบหน้าของทุกคนต่างยิ้มแย้มไปด้วยความสุข เมื่อได้เห็นสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ด้านใน พวกมันยังคงสภาพดีไม่ได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารกระป๋อง แป้งสาลี และเครื่องเทศต่างๆ ถูกจัดวางไว้เป็นระเบียบอยู่ในกล่องบนชั้นวาง

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทันสังเกตเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความโลภของผู้อาวุโสซานป่าย จำนวนของเสบียงในห้องนี้มีมากพอสำหรับเลี้ยงผู้คนในค่ายได้อีกหลายเดือน เขารู้สึกเสียดายที่ต้องแบ่งพวกมันครึ่งให้กับคนนอก มันควรจะเป็นน้ำพักน้ำแรงของพวกเขาทั้งหมด

ในระหว่างที่พวกเขาขนย้ายเสบียงทั้งหมดขึ้นรถ ผู้อาวุโสซานป่ายกวาดสายตามองไปรอบๆ เหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่ ต้วนอี้หลง หัวหน้ากลุ่มค่ายโพกผ้าเหลือง คอยสังเกตพฤติกรรมของผู้อาวุโสซานป่ายมาได้สักพักหนึ่งแล้ว สัญชาตญาณของเขาบอกว่าคนของค่ายกางเขนดำกำลังวางแผนฮุบเสบียงทั้งหมดเอาไว้คนเดียว แต่ดูเหมือนเขาเคลื่อนไหวช้าไปไม่ได้ส่งซิกบอกกับคนอื่นๆ ให้ระวังตัว

" วางอาวุธ! " ทันใดนั้น มีเสียงตะโกนจากแขกไม่ได้รับเชิญดังขึ้น ทุกคนพากันสับสนเมื่อมองไปยังทิศทางของเสียง คนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งกำลังถือปืนพร้อมเล็งมาที่กลุ่มของพวกเขา

" ปังงงงง! " ร่างของใครคนหนึ่งล้มลง เมื่อเขาพยายามชักปืนออกมาโต้ตอบ ทำให้คนอื่นๆ ต้องหยุดชะงักทันที เมื่อคิดจะหยิบปืนขึ้นมาต่อสู้

" ออ! โทษทีฉันยังพูดไม่จบ อย่าขยับหรือแม้แต่จะคิดต่อสู้ไม่งั้นตายยยย!! " ชายคนแปลกหน้า พูดจายียวนกวนประสาท เพราะตอนนี้เขาถือไพ่เหนือกว่า เป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้

ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความลังเล มีเพียงผู้อาวุโสซานป่ายเท่านั้นที่ยังคงท่าทีสงบนิ่ง สายตาของหัวหน้ากลุ่มค่ายโพกผ้าเหลืองเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เมื่อมองท่าทางของ ซานป่าย ราวกับเขารู้ว่าจะกำลังเกิดอะไรขึ้น

" ผู้อาวุโสซานป่าย! ทั้งหมดนี่หมายความว่ายังไง " ต้วนอี้หลง หัวหน้ากลุ่มค่ายโพกผ้าเหลือง เขาประมาทเกินไปไม่คิดว่าคนของค่ายกางเขนดำจะวางแผนเตรียมการณ์ทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้า

" นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร! " ผู้อาวุโสซานป่าย สับสนกับคำพูดของ ต้วนอี้หลง

" คุณหยุดตีหน้าซื่อ และเลิกพูดจาเสแสร้งได้แล้ว! นี่เป็นแผนของคุณใช่มั้ย? " ต้วนอี้หลง พยายามฉีกหน้ากากของจิ้งจอกเฒ่า

" เฮ้ยยยย!! เลิกพล่ามกันได้แล้ว ฉันบอกให้วางอาวุธหูหนวกกันหรือไง " ลูกพี่ใหญ่ของกลุ่มชายแปลกหน้า ตะโกนเสียงดังออกมาด้วยความไม่พอใจเมื่อถูกเมินคำพูดของเขา

" เราตกลงกันได้หรือเปล่า ถ้าพวกฉันยอมทำตามแล้วแกต้องไว้ชีวิตคนของฉัน " ต้วนอี้หลง ไม่อยากเสียกำลังไปโดยไม่จำเป็น เขาลองเจรจาต่อรองดูเพื่อช่วยชีวิตลูกน้องของเขา

" พวกแกไม่มีสิทธิมาต่อรอง! แค่ทำตามที่ฉันพูดก็พอ " ลูกพี่ใหญ่ของกลุ่มชายแปลกหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เหตุการณ์ทั้งหมดกำลังตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หลังจากถูกกลุ่มชายแปลกหน้าจู่โจมแบบไม่ทันได้ตั้งตัว โอกาสที่จะรอดไปจากที่นี่เหลือน้อยเต็มที งานนี้คงต้องหวังพึ่งปาฏิหาริย์เท่านั้น

" อ๊ากกกกก! " มีซอมบี้ตัวหนึ่งจู่โจมคนของกลุ่มชายแปลกหน้า ความผิดพลาดครั้งนี้เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายสามารถโจมตีสวนกลับ

" ปังงงง! ปังง! ปังงง'! ปังงง! ปังงงง! ป้างงงง! "

การต่อสู้อันชุลมุนวุ่ยวายได้เริ่มต้นขึ้น ต่างฝ่ายต่างยิงปะทะใส่กันไม่ยั้ง ภารกิจหาเสบียงกลายเป็นสงครามนองเลือด เสียงปืนที่ดังสนั่นได้ปลุกซอมบี้มากมายให้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล ตอนนี้พวกเขาถูกฝูงซอมบี้ปิดล้อมเอาไว้ทุกด้าน มันเป็นเรื่องยากที่จะฝ่าออกไปได้อย่างปลอดภัย

" หัวหน้าต้วนหยุดยิงก่อน!! คุณเข้าใจพวกเราผิดแล้ว ฉันไม่เคยรู้จักกับคนกลุ่มนี้ " ซานป่าย รีบตะโกนบอก ต้วนอี้หลง ทันที เขากำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและไม่อยากรับศึกสองด้าน

" ผู้อาวุโสซานป่าย! ผมจะเชื่อในคำพูดของคุณได้ยังไง สถานที่แห่งนี้เป็นแผนของคุณตั้งแต่แรก " ต้วนอี้หลง ตะโกนกลับไป เขายังไม่เชื่อใจหรือคำพูดของ ซานป่าย

" ไอ้บ้าเอ๊ย! ลูกน้องของฉันต่างก็โดนยิง นี่ยังไม่ชัดพออีกเหรอ " ซานป่าย โกรธจนเลือดขึ้นหน้า เมื่อได้ยินคำพูดของ ต้วนอี้หลง

" ก็ได้พวกเราจะสงบศึกกันก่อน ทุกคนฟังฉัน! เล็งปืนไปที่พวกโจรฆ่าพวกมันให้หมด แล้วหาทางฝ่าซอมบี้พวกนี้ออกไป " ต้วนอี้หลง ต้องรีบตัดสินใจก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

แต่แล้วพวกเขาทุกคนก็ต้องหยุดชะงักทันที เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่รุนแรง มีเพียงซอมบี้ร่างวิวัฒนาการขั้นที่ 3 เท่านั้น ที่จะสามารถปลดปล่อยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวในระดับนี้ออกมาได้

หลายคนถึงกับใบหน้าขาวซีด พวกเขายังจำความน่ากลัวของซอมบี้ร่างวิวัฒนาการขั้นที่ 3 เมื่อตอนพระจันทร์สีเลือดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าครั้งก่อน ศูนย์หลบภัยหลักของเมืองอู่หมิงเกือบล่มสลาย เหตุการณ์ในครั้งนั้นพวกเขาต้องเสียนักรบฝีมือดีไปหลายคน

ร่างผิวสีขาวซีดกำลังยืนจ้องมองพวกเขาอยู่บนเศษซากของอาคารที่กองสูงเหมือนภูเขาขนาดเล็กๆ ลูกหนึ่ง แววตาของมันเหมือนกับสัตว์ป่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อไม่มีผิด

= [ จบตอนที่ 29 ] =

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด