Crisis ตอนที่ 27 : ชุมชนท่อระบายน้ำ
Crisis : WorldDestruction ตอนที่ 27 : ชุมชนท่อระบายน้ำ
การต่อสู้ของ ฟ่านเสียน ได้ดึงดูดความสนใจซอมบี้ตัวอื่นๆ ที่จำศีลอยู่ให้ตื่นขึ้น หญิงสาวทั้งสามต้องปะทะกับฝูงซอมบี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หลังจากจัดการกับซอมบี้เหล่านั้นได้หมดแล้ว พวกเธอก็พบว่ามีกลุ่มชายแปลกหน้า 12 คน ยืนล้อมพวกเธอเอาไว้ทุกทิศทาง จากนั้นมีชายคนหนึ่งพูดเสียงดังออกมาว่า
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮา! คนสวยวางอาวุธลงดีกว่า ทำตามที่พวกเราบอกแล้วจะได้ไม่ต้องเจ็บตัว " โจรคนหนึ่ง หัวเราะชอบใจ ก่อนจะพูดจาข่มขู่หญิงสาวทั้งหมดให้ยอมจำนนแต่โดยดี
" พวกคุณเป็นใคร? ทำไมมาขวางพวกเราเอาไว้ " ขงเชี่ยเอ๋อ พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด พวกเธอไม่รู้ว่ามีโจรกลุ่มหนึ่งคอยดักซุ่มอยู่แถวนี้
พวกมันยืนปิดล้อมพวกเธอทั้งสามเอาไว้ตรงกลางวง หญิงสาวทั้งสามแต่ละคนมีใบหน้าสะสวย โดยเฉพาะ ขงเชี่ยเอ๋อ เธอดูเป็นผู้ใหญ่และมีเสน่ห์มากกว่าเด็กสาวสองคน เพียงแค่เห็นรูปร่างอันร้อนแรงของเธอ พวกมันก็น้ำลายไหลจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
" ฉันจะพูดเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย! วางอาวุธลงซะ ฉันจะนับ 1 ถึง 3 เท่านั้น " หัวโจร พูดด้วยน้ำเสียงดุดัน พวกมันตั้งใจจะจับตัวหญิงสาวทั้งสามกลับไปที่รังของพวกมัน
" 1! "
" 2! "
" เปรี้ยงงง! แคร้งงง! "
" อ๊ากกกกก! "
ทันใดนั้น มีคนอีกกลุ่มหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาเปิดฉากชิงลงมือโจมตีก่อน ทำให้พวกโจรไม่มีโอกาสตั้งตัวทัน เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างดูสับสนวุ่นวายจนจับต้นชนปลายไม่ถูก หญิงสาวทั้งสามตื่นตระหนก พวกเธอไม่รู้ว่ากลุ่มคนที่มาใหม่มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ อย่างไรก็ตามไม่มีเวลาให้คิดมาก พวกเธอรีบเปิดใช้งานสกิลต่อสู้ฆ่าพวกโจรคนอื่นๆ ทันที
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีพวกโจรทั้งหมดก็ถูกจัดการ หลังจากฆ่าซอมบี้ไปเมื่อครู่ ขงเชี่ยเอ๋อ ก็เลเวลอัพเป็นเลเวล 20 ส่วนเซียวเหยา และหยางเพ่ย ตอนนี้เลเวล 18 พวกเธอตามหลังอยู่ 2 เลเวล การมาถึงของดวงจันทร์สีเลือดทำให้เลเวลของทั้งสามสาวก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
" พวกคุณไม่เป็นไรใช่มั้ย! " ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง หันมาถามหญิงสาว หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีพวกโจรคนไหนรอดชีวิต
" พวกเราไม่เป็นอะไร ว่าแต่พวกคุณเป็นใคร? ทำไมถึงช่วยพวกเราเอาไว้! " ขงเชี่ยเอ๋อ ถามพวกเขาด้วยสงสัย แม้พวกเขาจะช่วยพวกเธอเอาไว้ แต่เธอก็ยังไม่ไว้ใจคนกลุ่มนี้
" พวกเราอาศัยอยู่แถวนี้ บ่อยครั้งมีพวกโจรต่างถิ่นบุกรุกเข้ามาในถิ่นของเรา พวกเรามีหน้าที่คอยเก็บกวาด และฆ่าพวกมันอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ พวกเราเห็นพวกคุณเข้าโดยบังเอิญ ดูเหมือนพวกคุณกำลังตกที่นั่งลำบาก เราเลยยื่นมือเข้ามาช่วยก็เท่านั้นเอง " พวกเขาออกมาลาดตระเวนเพื่อหาอาหาร หลังจากได้ยินเสียงของการต่อสู้พวกเขาก็รีบรุดเข้ามาตรวจสอบทันที
" ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วยพวกเราเอาไว้ "
" ไม่ต้องเกรงใจ ว่าแต่หญิงสาวอย่างพวกคุณ มาทำอะไรในที่ที่อันตรายแบบนี้! "
" พวกเราได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้ายเมื่อคืน ก็เลยออกมาตามหามันลองดู "
" พวกคุณสามคนนี่กล้ามากเลยนะ! เจ้าสัตว์ร้ายที่พวกคุณพูดถึงมันคือ เสือโคร่งดำ มันอพยพมาอยู่ในเมืองนี้ได้สักพักหนึ่งแล้ว พวกเราเองก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับมันตรงๆ ผมขอแนะนำว่าพวกคุณควรรีบไปจากที่นี่ก่อนจะมืดดีกว่า "
" เสือโคร่งดำเหรอ? อ๋ออ! น่าจะเป็นเสือตัวเดียวกันที่พวกเราฆ่าไปเมื่อกี้ "
" อะไรนะ! พวกคุณสามคนฆ่ามันได้เหรอ "
" เปล่า! ลำพังพวกเราสามคนฆ่ามันไม่ได้หรอก เป็นฝีมือของหัวหน้าทีมของเรามากกว่า โน้นไงเขากำลังเดินมาพอดี "
หลังจากโค่นต้นไม้ปีศาจมิราบิลิสได้สำเร็จ ฟ่านเสียน ได้รีบกลับไปสมทบกับคนอื่นๆ ทันที แต่เมื่อเดินมาถึงตรงบริเวณจุดนัดพบ ฟ่านเสียน ก็ต้องประหลาดใจ และพบว่านอกหญิงสาวทั้งสามแล้วยังมีคนแปลกหน้าอีก 7 คน ยืนอยู่ด้วย ข้างๆ มีศพของคนที่ถูกฆ่า และมีซากศพซอมบี้อีกหลายศพปะปนกันกองอยู่บนพื้น
" ฟ่านเสียน! คนเหล่านี้ช่วยพวกเราจากพวกโจรเอาไว้ พวกเขาเป็นผู้รอดชีวิตในเมืองฉางไห่ " ขงเชี่ยเอ๋อ อธิบายเหตุการณ์ให้ชายหนุ่มฟัง ทันที เมื่อเขาเดินมาถึงตรงจุดที่พวกเธอยืนอยู่
" ผมลืมแนะนำตัวเองไป ผมชื่อ จิ้งหู! เป็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวน เจ้าเสือโคร่งดำตัวนั่นได้สร้างความเดือดร้อนให้กับพวกเรามาได้ระยะหนึ่งแล้ว และเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ผมขอเชิญพวกคุณทั้งหมดไปยังชุมชนของเรา ได้โปรดอย่าปฏิเสธคำเชิญของเราเลยนะครับ " จิ้งหู รีบเดินตรงเข้ามาทักทายชายหนุ่ม เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อรู้ว่าเสือโคร่งดำตายแล้ว พวกเขาต้องคอยระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ทุกครั้งเมื่อออกมาหาอาหารนำกลับไปให้คนในชุมชุน ต่อไปนี้พวกเราไม่ต้องคอยกังวลเกี่ยวกับมันอีกแล้ว
" ผมชื่อ ฟ่านเสียน เป็นหัวหน้ากลุ่มของนักเดินทางกลุ่มนี้ ผมก็ขอขอบคุณพวกคุณด้วยเช่นกัน ที่ช่วยเหลือคนของผมเอาไว้! " แม้ว่าในตอนแรกเขาจะค่อนข้างกังวล อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ก็ได้ช่วยเหลือผู้หญิงของเขาเอาไว้ และบุคลิกภายนอกของพวกเขาก็พอน่าเชื่อถือ เขาจึงกล้าตัดสินใจรับคำเชิญ
ฟ่านเสียน พูดคุยจนได้ความว่าชุมชนของพวกเขามีกันทั้งหมด 50 กว่าคน พวกเขาอาศัยอยู่ใต้ท่อระบายน้ำของเมืองฉางไห่ ตั้งแต่เหตุการณ์วันสิ้นโลก และเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาถูกคุกคามโดยสัตว์กลายพันธุ์ ทำให้ไม่สามารถอพยพย้ายคนออกไปจากที่นี่ได้
หลังจากพวกเขาเดินลงมาใต้ท่อระบายน้ำของเมือง เส้นทางด้านล่างซับซ้อนกว่าที่ ฟ่านเสียน คาดเอาไว้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงรอดมาได้จนถึงปานนี้ หากไม่ชำนาญเส้นทางพวกเขาอาจหลงอยู่ในนี้ จากคำบอกเล่าของ จิ้งหู ผู้คนส่วนใหญ่ในชุมชนเหลือเพียงเด็กและคนแก่ ทำให้พวกเขาไม่สามารถอพยพไปที่อื่นได้อย่างสะดวก อย่างไรก็ตาม ใต้ท่อระบายน้ำแห่งนี้ก็ยังปลอดภัยมากกว่าโลกภายนอก
ประตูเหล็กระบายน้ำขนาดใหญ่ถูกใช้เป็นประตูทางเข้า ด้านหลังประตูเป็นอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่มีชุมชนเล็กๆ อาศัยอยู่กันเป็นครอบครัว จิ้งหู เดินนำพวกเขาผ่านบ้านเรือนของคนในชุมชน กลุ่มของฟ่านเสียนกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนในชุมชน นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนต่างถิ่นเข้ามาเยือนชุมชนของพวกเขา เด็กและคนแก่ต่างเดินรายล้อมกลุ่มของฟ่านเสียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หัวหน้าชุมชุนของพวกเขาเคยทำงานเป็นผู้ช่วยออกแบบอุโมงค์ระบายน้ำแห่งนี้ ทำให้เขาสามารถเข้าใจโครงสร้าง และล่วงรู้เส้นทางต่างๆ ของท่อระบายน้ำในเมืองนี้เป็นอย่างดี หลังจากนั้นเขาได้ดัดแปลงอุโมงค์ระบายน้ำแห่งนี้ให้เป็นที่พักอยู่อาศัยสำหรับทุกคน
ฟ่านเสียน ตระหนักได้ในทันที เมื่อเห็นสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ภายในชุมชนแห่งนี้ เพราะหลังจากเลเวล 20 ทุกคนจะได้รับฟังก์ชั่น [Building] และสามารถสร้างปลูกสร้างได้ด้วยตัวเอง โดยการรวบรวมวัสดุต่างๆ เช่น หิน ดิน ไม้ และเหล็ก จากนั้นฟังก์ชั่น [Building] จะเปลี่ยนวัสดุก่อสร้างให้เป็นไอเทมปลูกสร้าง ยกตัวอย่างเช่น ไอเทมบล็อคซีเมนต์ เมื่อนำมาวางเรียงต่อกันมันจะผสานเป็นเนื้อเดียวทันทีเมื่อแห้ง การสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างเป็นเรื่องง่ายดายมากขึ้นเมื่อใช้ฟังก์ชั่น บิลดิง [Building]
ฟ่านเสียน ปลดล็อคฟังก์ชั่นพิเศษนี้ไปเมื่อตอนเลเวล 20 ด้วยเช่นกัน เขาตั้งใจตามหาพ่อแม่ของเขาให้พบก่อน แล้วค่อยคิดหาสถานที่ที่เหมาะสม จากนั้นเขาถึงจะลงมือสร้างค่ายเล็กๆ ของตัวเองขึ้นมา
เมื่อเดินเข้าไปด้านในของอาคารอำนวยการ เขาได้พบชายวัยกลางคนอายุราวๆ 50 ปี กำลังก้มหน้าก้มตาดูแผนที่บนโต๊ะขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จิ้งหู เดินเข้าไปพูดคุยกับเขาครู่หนึ่ง จากนั้นชายวัยกลางคนก็หันมามองกลุ่มของ ฟ่านเสียน ก่อนจะเดินออกมาทักทายต้อนรับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
" ยินดีต้อนรับทุกคน! ผมชื่อ เสิ่นผิง เป็นผู้นำของชุมชนแห่งนี้ ผมขอกล่าวคำขอบคุณแทนคนในชุมชนของเรา เจ้าเสือโคร่งดำตัวนั้นได้ฆ่าคนของเราไปหลายคน พวกเราปวดหัวเพื่อหาวิธีจัดการกับมันมาพักใหญ่แล้ว โชคดีที่พวกคุณฆ่ามันได้สำเร็จ ผมขอขอบคุณพวกคุณอีกครั้งครับ " เสิ่นผิง กล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง ในระยะหลังมีสัตว์กลายพันธุ์ย้ายถิ่นฐานเข้ามาอาศัยอยู่ในเมือง ทำให้เขาต้องเสียกำลังคนไปไม่น้อยก่อนหน้านี้ เมื่อได้ยินว่า ฟ่านเสียน คือคนที่ฆ่าเสือโคร่งกลายพันธุ์ ข่าวนี้ได้สร้างความปิติยินดีให้กับเขาราวกับว่าได้ยกภูเขาออกจากอก
" เราแค่บังเอิญผ่านทางนี้พอดี ผู้นำเสิ่นไม่จำเป็นต้องมากพิธี " ฟ่านเสียน รู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว เขาตั้งใจเข้าไปสำรวจเพื่อค้นหาไอเทมล้ำค่า
" อย่าเกรงใจไปเลย พวกคุณเป็นผู้มีพระคุณของชุมชนของเรา สัตว์กลายพันธุ์ตัวนั้นมันแข็งแกร่งเกินกว่าที่เราจะรับมือไหว ชุมชนของเราต้องทนอยู่ด้วยความหวาดระแวง การออกไปหาอาหารในแต่ละครั้งเป็นไปด้วยความยากลำบาก พวกเราต้องคอยระวังเสือโคร่งดำตัวนั้นอยู่ตลอดเวลา " หัวหน้าเสิ่น กล่าวอย่างนอบน้อม เพราะ ฟ่านเสียน สามารถฆ่ามันด้วยลำพังตัวคนเดียว ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่หน้าของเขาจะต้องแข็งแกร่งมาก
ฟ่านเสียน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูล และบอกพวกเขาเกี่ยวกับ ต้นไม้ปีศาจมิราบิลิส สิ่งที่เป็นต้นเหตุทำให้สัตว์กลายพันธุ์ย้ายมาอาศัยอยู่ในเมืองนี้ และเขาได้บอกเกี่ยวกับค่ายผู้อพยพที่เมืองเจียงหนาน ข่าวนี้สร้างความหวังให้กับคนในชุมชนอีกครั้ง พวกเขาถูกรบกวนโดยสัตว์กลายพันธุ์ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายคนจำนวนมากไปจากที่นี่ได้ พอถึงเวลาอาหารเย็นพวกเขาได้จัดงานเลี้ยงฉลองให้กับฟ่านเสียน ผู้คนในชุมชนได้ออกมาร่วมฉลองกันอย่างมีความสุข
เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ่านเสียน ได้กล่าวลา ผู้นำเสิ่น เพื่อเร่งออกเดินทางต่อ ผู้คนในชุมชนได้ออกมาโบกมือลาพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย จิ้งหู เป็นคนเดินนำทางมาส่งพวกเขาที่ประตูระบายน้ำอีกด้านหนึ่ง พวกเขาสามารถเดินตรงไปที่สะพานฝั่งทิศเหนือได้โดยไม่ต้องเดินอ้อมไกลและยังใช้เวลาน้อยลง