ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 10 ถนนดินด่าง ปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือเดียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 12 มองโลกด้วยหัวใจพยัคฆ์

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 11 จะปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือหักได้ไง


ตอนที่ 11 จะปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือหักได้ไง

ภายในร้านที่ชั้นสอง

ฉินหยู่ไม่มีเวลาคุยกับลุงสาม เขาพุ่งเข้าไปตีหัวลุงสามสองครั้ง และจูเหว่ยก็ใส่กุญแจมือเขาทันที

“ไปเร็ว ไปเร็ว”

ฉินหยู่รีบลากลุงสามของเขาลงไปข้างล่างและตะโกนบอกลูกทีม “อย่าไปเสียเวลาจับพวกปลาเล็กปลาน้อย พวกมันรอดหลุดมือไปง่ายๆ !”

ฉินหยู่ตะโกนขณะที่เขา จูเหว่ย และคนอื่นๆ ได้ลากลุงสามออกจากร้านแล้ว หมาเหล่าเอ้อถูกมัดไว้ข้างนอก มีอาการโมโหเหมือนสัตว์ป่า เขาอ้าปากกัดฝ่ามือของฉีหลิน และตะโกนก่นด่าอย่างบ้าคลั่ง  “ให้แม่งมึงถูกกระทืบตายเถอะ พวกแกมันก็เหมือนๆ กันหมด Hello! ไอ้กองปราบระยำพิเศษมาอีกแล้ว”

ในทันทีที่เกิดความโกลาหลบนถนน พ่อค้ายาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นพร้อมกับพวกก็รีบออกไปทันที แต่ฉินหยู่ได้เตรียมการไว้แล้วก่อนที่เขาจะมา หมาเหล่าเอ้อยังแหกปากตะโกนด่าทอลั่นไปทั่วบริเวณ ฉินหยู่ควงปืนหมุนเอาด้ามปืนขึ้นมา ก้าวเข้าไป เหวี่ยงด้ามปืนทุบเปรี้ยงเข้าที่ปากหมาเหล่าเอ้ออย่างจัง

“อ๊าคคค!”

หมาเหล่าเอ้อล้มกลิ้งไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด หันหน้าไปถุยฟันหน้าเปรอะเลือดออกมาสองซี่ และเลือดไหลจากริมฝีปากแตกเป็นทางยาว

“ไปด้านข้าง” ฉินหยู่ก้าวข้ามถนนจากประตูหลังร้าน โบกมือและกำชับกับลูกทีม “อย่าไร้ความคิด ไอ้ของสกปรกนี่แค่ 5 กิโลพวกมันก็เข้าคุกได้แล้ว แล้วนายจะแบกทั้งกล่องไปหาอะไรวะ ซื่อบื้อจริง?!”

เหล่าเฮยผู้ไร้เดียงสาโยนกล่องทิ้งหลังจากได้ยินเช่นนั้น เขารีบคว้ายาต้านไวรัสสองถุงแล้ววิ่งไปเข้าซอยฝั่งตรงข้ามถนนอย่างรวดเร็ว

บนถนนที่สับสนอลหม่าน มีคนวิ่งพลุกพล่าน และคนหลายสิบคนกำลังวิ่งเข้ามาทางหน่วยกองปราบพิเศษอย่างมุ่งร้าย

“ปัง ปัง ปัง!”

ฉินหยู่ยิงปืนใส่ฝูงชนสามนัด แต่ฝ่ายตรงข้ามยังคงไม่แยกย้าย และพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งและยิงตอบโต้

“ให้ตายสิวะ พ่อค้ายาพวกนี้มันหาที่ตายชัดๆ” ฉินหยู่ติดอยู่ที่ทางเข้าซอย เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถต้านทานพวกมันได้ เขาจึงถอยกลับหนีไป

สิบวินาทีต่อมา ทันทีที่ทุกคนผ่านตรอกที่ยาวและแคบ เสียงเบรกรถดังเอี๊ยดดังขึ้นข้างหน้าพวกเขา

“ขึ้นรถ!” เหล่าเฮยและเสี่ยวลิ่ว ขับรถสองคันมาจอด เปิดประตูรถแล้วตะโกน

ฉินหยู่และคนอื่นๆ ไม่กล้าอยู่ต่อ พวกเขาจึงยัดหมาเหล่าเอ้อ ลุงสาม และลูกสมุนอีกสองคนเข้าไปในรถตำรวจ พลิกตัวกลับกระโดดเข้าไปเบาะหลัง อีกกลุ่มโดดขึ้นท้ายรถกระบะ

มีรถตำรวจสองประเภทในพื้นที่ถนนสีดำ หนึ่งคือรถออฟโรดเจ็ดที่นั่ง อีกประเภทหนึ่งคือรถกระบะห้าที่นั่งพร้อมท้ายรถ และรถตำรวจเก๋งซีดานที่ใช้ได้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนเท่านั้นเช่นผู้กำกับหลี่ ไม่ค่อยมีใครเห็นมันใช้ลาดตระเวนเลย ในปีนี้ทุกคนให้ความสำคัญกับของราคาที่ไม่แพงและใช้งานได้จริง ไม่มีทรัพยากรใดมากมายนักให้คุณได้

เสแสร้งโอ้อวด เป็นความโชคดีที่โครงสร้างของรถตำรวจมีราคาไม่แพงมาก อย่างน้อยก็มีกระบะให้ขึ้นไปนั่ง มิฉะนั้นทุกคนคงจะไม่สามารถบีบตัวเองเข้าไปนั่งในรถได้อย่างแน่นอน

“ขวับ!”

หลังจากที่ทุกคนเข้าไปในรถแล้ว เหล่าเฮยกระทืบคันเร่ง แล้วก็รถพุ่งทะยานออกไปที่รอบนอกของถนนดินด่างด้วยความรวดเร็ว

รถตำรวจทั้งสองคันขับไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงปืนและห่ากระสุนพุ่งผ่านไปอย่างไม่หยุดหย่อน พี่ชายชาวไทยสองคนในทีมสามกลุ่มได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนด้วยกันทั้งคู่ ต้องหมอบหลบคุดคู้อยู่ในกระบะหลังด้านนอก รายล้อมด้วยรูพรุนของตัวถังรถที่ไม่สามารถต้านทานแรงเจาะของกระสุนปืนได้

“ให้ตายเถอะ อย่าลังเล ใครขวางหน้าชนมันเลย!” ฉินหยู่ตะโกนขณะนั่งยองๆ บนเบาะในห้องโดยสาร

เหล่าเฮยไม่กล้าเงยหน้ามองไปข้างหน้าตามปกติ เขาก้มหัวลงเหนือพวงมาลัยเล็กน้อย หลบห่ากระสุนไปด้วยควบคุมรถไปด้วยและเฉี่ยวชนผู้คนกระแทกร้านรวงข้างทางไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ฝูงชนที่วิ่งไปมาจากฝั่งตรงข้ามรีบร้อนกระจายตัวไปอย่างรวดเร็วหลบรถที่พุ่งผ่านไปด้วยความเร็วสูง

รถแล่นทะยานผ่านย่านถนนดินด่างอย่างเต็มกำลังแค่สักนาที แล้วมันก็พุ่งออกไปจากพื้นที่อย่างสิ้นเชิง ผู้คนหลายร้อยคนยังคงไล่ตามเขาอยู่บนถนน ฉินหยู่มองย้อนกลับไปเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าแล้วถอนหายใจ “ถ้าย่านนี้ไม่ได้รับการจัดระเบียบละก็ คงบอกยากว่าเมืองซงเจียงเป็นแบบไหนกันแน่”

“ป้าบ!”

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ได้ยินเสียงตบที่คมชัดดังขึ้นในหัวฉินหยู่ ตามด้วยความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาจากแผลที่แขน

“ฮ่า เจ้าน้องชาย!” จูเหว่ยตบฉินหยู่และตะโกนว่า “นายนี่ไม่ใช่ขี้ขี้เลยนะ การบุกจับเมื่อกี้เจ๋งมาก”

ฉินหยู่ขมวดคิ้วมองไปที่อีกฝ่ายอย่างไร้คำพูดโต้ตอบ

...

เวลาประมาณสี่ทุ่ม ณ อาคารสำนักงานกองกำกับการตำรวจ

ฉินหยู่เย็บฝ่ามือที่บาดเจ็บในห้องพยาบาล เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องสอบสวน

หมาเหล่าเอ้อนั่งบนพื้นอย่างเฉื่อยชา เขาเหล่ไปที่ฉินหยู่ “แกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่เกินสามชั่วโมง…”

“โครม!”

ฉินหยู่ยกเท้าขึ้นและเตะไปที่หัวของหมาเหล่าเอ้ออย่างรุนแรง

“ฟุ่บ!”

หมาเหล่าเอ้อโงหัวขึ้นและเคาะหัวเข้ากับกำแพงพร้อมจ้องมองมาที่เขา

“ห้าร้อยคนตามล่าแกยังไม่พอเหรอ?”

“ตูม!”

“แกก็แค่ขี้ดินบนถนน เก่งนักเหรอวะ?”

“โครม!”

“ไอ้บัดซบ แกจะรับมือไหวหรือเปล่า?”

“พัวะ! พลั่ก!” “โครมคราม!”

ในขณะที่มันกำลังพูดกวนประสาท ฉินหยู่ได้เตะศีรษะของหมาเหล่าเอ้อนับครั้งไม่ถ้วน จนเขาล้มลงกับพื้นในสภาพช็อก เลือดไหลออกปากและจมูกของเขา และชักเกร็งไปทั้งตัว

“เฮ้! เอาน้ำเย็นๆ มาเทใส่เลือดร้อนของพี่หมาของเรา เร็วเข้า” ฉินหยู่หันกลับมาและตะโกนใส่เหล่าเฮย

เหล่าเฮยเก็บความสุภาพไว้ในลิ้นชัก แล้วไปเอาน้ำสกปรกที่มีก้อนน้ำแข็งอยู่ที่ห้องน้ำ เขาหิ้วถังน้ำกลับมา และตักราดใส่หัวของหมาเหล่าเอ้อ

เวลาไม่ถึงครึ่งนาที หมาเหล่าเอ้อก็เริ่มกลับมาเห็นแสงสว่างในดวงตาของเขา

ฉินหยู่เหยียบน่องของหมาเหล่าเอ้อ ก้มลงตะโกนใส่เขาแล้วถามว่า “นายอยากดูกระโดดกบไหม?”

หมาเหล่าเอ้อมองไปที่ฉินหยู่ด้วยสายตาหวาดกลัวมากขึ้น และเขาไม่กล้าพูดคำหยาบคายรุนแรงอีกต่อไป

“คุกเข่า!” ฉินหยู่ก็คำรามในทันใด

หมาเหล่าเอ้อตกใจและถอยไปพิงกำแพงขดตัวเหมือนจะพยายามซ่อนตัวจากฉินหยู่

“ฉันจะทำให้แกคุกเข่า” ฉินหยู่ชี้ไปที่พื้นและคำรามพร้อมกับหรี่ตาลงย่างเข้าไปหาหมาเหล่าเอ้อ

หมาเหล่าเอ้อสับสนงงงวยและพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “อย่า... อย่า มันน่าสมเพชเกินไป…?”

ฉินหยู่ยกขาขวาขึ้นทันทีและชะงัก

“ควั่บ!”

ก่อนที่เขาจะเตะหัวของหมาเหล่าเอ้ออีกที เขาก็ลุกขึ้นคุกเข่าบนพื้นทันที

“กระโดดกบอยู่กับที่ ถ้าฉันยังไม่พอใจ แกหยุดไม่ได้ ถ้าหยุด ฉันจะเตะแกให้ร่วง” มือของฉินหยู่เข้าขยุ้มผมของหมาเหล่าเอ้อ และยัดคำพูดใส่หน้าเขา “แกเข้าใจมั้ย?”

สองนาทีต่อมาหมาเหล่าเอ้อกัดฟันและกระโดดกบวนไปในห้องโดยคุกเข่าบนพื้น “เอาล่ะ... คนดีจะไม่เจ็บปวดจากความสูญเสียทันทีทันใด... ให้ตายเถอะ ข้ายอมรับมันแล้ว”

’...

นอกประตู

“คืนนี้นายทำงานล่วงเวลาหรือเปล่า” ฉีหลินถาม

“ไม่ ฉันต้องนอนบ้างแล้ว” ฉินหยู่ส่ายหัวแล้วตอบว่า “พักผ่อนกันสักคืนดีกว่า พรุ่งนี้เช้าเราจะสอบปากคำเด็กสองคนนั่นก่อนเพื่อหาหลักฐาน หมาเหล่าเอ้อกับลุงสามจะไม่สำรอกอะไรออกมาง่ายๆ หรอก สำหรับสองคนนี้ เขาน่าจะรู้อะไรลึกๆในธุรกิจนี้มากกว่าที่เราคิดแน่”

“เข้าใจแล้ว” ฉีหลินพยักหน้าและถามอีกครั้ง “งั้นนายกลับไปอยู่บ้านเช่าใหม่ใช่ไหม? ฉันจะไปส่งนายละกัน”

“ไม่ ฉันจะอยู่ที่นี่คืนนี้” ฉินหยู่ส่ายหัว “แค่ค้างคืนและทำงานต่อพรุ่งนี้เช้า”

“ดี”

หลังจากที่ทั้งสองคุยกันอีกนิดหน่อย ฉินหยู่ก็หันหลังกลับและไปห้องน้ำ และฉีหลินก็แยกจากไป

...

ในสถานบันเทิงในถนนสีดำ

หลังจากรับโทรศัพท์ หยวนเค่อถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยในดวงตาของเขา “จริงหรือ? ฉินหยู่นำทีมไปที่ถนนดินด่างเพื่อจับกุมผู้คน แล้วสำเร็จไหม?... หึหึ เด็กคนนี้ทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ”

……………………………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด