ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 9 สายลมพัดผ่านถนนที่โสมม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 11 จะปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือหักได้ไง

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 10 ถนนดินด่าง ปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือเดียว


บทที่ 10 ถนนดินด่าง ปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือเดียว

ภายในร้าน

ชายหัวโล้นสวมเสื้อคลุมแบบทหาร ยืนอยู่บนบันไดไม้ ชำเลืองมองอย่างโหดเหี้ยมไปยังเด็กหนุ่มถูกจูเหว่ยคว่ำมันลงบนพื้น และถามด้วยเสียงต่ำ “หมาใครไม่ได้ล่ามวะ? ถึงกล้ามาป่วนในร้านม้าแก่ของฉัน!”

หน้าผากของฉินหยู่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เมื่อหันไปมองที่ประตูร้าน อันธพาลมากกว่า 20 คนดันประตูเปิดเข้ามาในบ้านแล้วขวางทางออกไว้

“เราคือตำรวจกองปราบพิเศษ” จูเหว่ยกลับมามีสติอีกครั้ง ล้วงมือซ้ายเข้าไปในกระเป๋ากางเกง บัตรประจำตัวตำรวจออกมาเหน็บที่หน้าอกเสื้อ แล้วพูดว่า “ทุกคนอย่าขยับ! เรามาเพื่อคลี่คลายคดีลักลอบค้ายาเสพติด”

“เหะเหะ” ชายหัวโล้นเบะปากเยาะ “ใครขายยาปลอมที่นี่กัน”

จูเหว่ยใช้ปืนในมือชี้ไปที่เคาน์เตอร์และตะโกน “เมื่อเรามา เราเห็นคนเหล่านี้ซื้อขายด้วยตาเราเอง”

“พวกคุณเห็นหรือ? คุณเป็นตัวแทนของกฎหมายใช่ไหม?” ชายหัวโล้นยืนนิ่งบนขั้นบันได ยกนิ้วขึ้นชี้แล้วตะโกนใส่คนที่อยู่ที่ประตู “ถามพวกเขาสิว่า ใครเห็นการค้ายาเสพติดในห้องนี้”

หลังจากพูดจบ คนประมาณ 20 คนที่ประตูก็ไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา ชายคนหนึ่งเพียงแต่เดินนำมาข้างหน้า และคนอื่นก็ก้าวตามเข้ามา และเข้าล้อมพวกฉินหยู่ไว้ใจกลางห้องนั่งเล่น

เมื่อจูเหว่ยได้ยินเช่นนั้น เขาก็ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความรู้สึกขายหน้า เขาพูดอะไรไม่ออกอีกต่อไป และเขารู้สึกเกรงกลัวเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน เพราะพวกที่เดินเข้ามาไม่มีใครดูเหมือนเป็นคนดีเลย

ฉินหยู่ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและก้าวไปข้างหน้าเพื่อเริ่มการสนทนา

“เวร!”

ในขณะนี้ เด็กหนุ่มที่ถูกจูเหว่ยคว่ำไปนั้น ตื่นแล้วและลุกขึ้นนั่ง เอามือปิดหัวที่มีเลือดไหลและก่นด่า “ไอ้ลูกหมา แกกล้าตบข้าที่นี่ใช่ไหม?”

“อย่าขยับ” จูเหว่ยซึ่งยืนอยู่ใกล้ฉีหลินชี้ไปที่เขาแล้วตะโกนบอก

“อย่าขยับเรอะ? ฉันจะกระทืบแก!” เด็กหนุ่มผู้แข็งแกร่งรีบลุกขึ้นจากพื้นในทันที ด้วยความว่องไวเหวี่ยงกำปั้นของเขาโดยปราศจากคำพูดเข้าที่หัวของจูเหว่ยอย่างแรง “ตูม!” “เอาปืนกระจอกๆ มาขู่พ่อแกเหรอ?”

จูเหว่ยกระเด็นถอยหลังไปสามสี่ก้าว

“อย่าทำอย่างงั้น”

“อย่าขยับ นายกำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจนะ!”

สมาชิกทุกคนของทีมสามกลุ่มค่อนข้างมีความแน่นแฟ้น เมื่อพวกเขาเห็นจูเหว่ยถูกทำร้าย พวกเขาก็เข้าล้อมเด็กหนุ่มผู้แข็งแกร่งทันที

“ฉันทำร้ายแก ว่าไงนะ?!” เด็กหนุ่มผู้แข็งแกร่งเกือบถูกจูเหว่ยฆ่าตายในเมื่อกี้ ทำให้ตอนนี้ความโกรธของเขาทะยานขึ้นจนคุมไม่ได้ เขาหันวิ่งสองสามก้าวไปคว้ามีดสั้นสำหรับตัดเทปกล่องบนเคาน์เตอร์ และหันกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมตะโกนว่า “ไอ้พวกระยำหมา อย่าว่าแต่พวกแกเลย ต่อให้ไอ้อ้วนหลี่ส่งคนมาอีกห้าร้อยคน พวกแกก็ไม่รอดออกไปได้แล้ว เลือดขึ้นหน้าแล้วโว๊ย!”

เด็กหนุ่มที่แข็งแกร่งควงมีดกวัดแกว่งแทงอากาศพร้อมเสียงคำราม เคลื่อนตัวใกล้เข้าหาพวกฉินหยู่

ฉีหลินซึ่งยืนหลบมุมอยู่แถวหลัง ไม่คาดคิดว่าเด็กหนุ่มที่แข็งแกร่งจะเดินฝ่ากลางวงล้อมตำรวจและกวัดแกว่งมีดไปมา ทำเอาพวกฉินหยู่ที่ล้อมเจ้าหนุ่ม ต้องหลบกันพัลวันจนเปิดช่องแถวหลังที่ฉีหลินยืนอยู่ ในขณะที่จูเหว่ยซึ่งเจ็บอยู่ใกล้ฉีหลินเห็นฝ่ายตรงข้ามกวัดแกว่งมีดเข้ามา เขาจึงรีบถอยหลบห่างออกไปก่อนแล้ว เด็กหนุ่มพุ่งมีดเข้าหาฉีหลิน

“ว้าก!” ฉีหลินร้องเสียงหลง เพราะด้อยความสามารถในเรื่องบู๊ ทำให้เขาหมุนตัวหนีแต่ดูเหมือนจะไม่ทัน

“คว้างง!”

เสี้ยววินาทีที่มีดกำลังจะแทงฉีหลิน ฉินหยู่พุ่งตัวแทรกผ่านเพื่อนร่วมทีม พร้อมกับเอื้อมมือข้างหนึ่งเข้าคว้ามีดสั้นของเด็กหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่กำลังพุ่งเข้าใส่ฉีหลินอย่างรวดเร็ว

ฝ่ามือฉินหยู่จับโดนใบมีดพอดี เลือดไหลหยดลงพื้นเป็นสายยาวในชั่วพริบตา

ฉีหลินเซถอยหลังไปสองก้าวด้วยความตกใจ และอ้าปากค้างมองไปที่ฉินหยู่ด้วยความประหลาดใจ

ความเงียบเกิดขึ้นและหายไปในเสี้ยววินาที เด็กหนุ่มผู้แข็งแกร่งหรี่ตาของเขาและตะโกนใส่ฉินหยู่ “แกจับคมมีดด้วยมือได้ แกหนังเหนียวรึเนี่ย?”

หลังจากพูดจบ เด็กหนุ่มก็เงื้อมีดจะแทงอีกครั้ง

ฉินหยู่เข้าจับล็อกข้อมือของชายหนุ่มด้วยมือซ้ายอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า เงยหน้าขึ้นมองชายวัยกลางคนบนบันไดแล้วตะโกน “พี่ชาย เราไม่ได้มานี่เพื่อสร้างปัญหา แต่แผนกเราได้รับรายงานว่ามียาปลอม เราไม่มีทางเลือก จึงต้องมาที่นี่เพื่อดู แต่ทันทีที่เราเข้ามาในบ้าน เด็กของคุณกำลังจะชักปืน เพื่อนของฉันไม่มีทางเลือก นอกจากต้องเข้าควบคุมสถานการณ์”

ชายหัวโล้นสวมเสื้อคลุมแบบทหาร ก้มลงนั่งตรงขั้นบันได หยิบบุหรี่ไฟฟ้าออกมาสูบ แต่ไม่ตอบอะไร

ฉินหยู่ยังคงจับข้อมือของชายเด็กหนุ่มไว้อย่างแน่นหนาและพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ฉันเพิ่งมาอยู่ซงเจียง ฉันไม่รู้ว่าที่นี่มีน้ำลึกน้ำตื้น มันเป็นความเข้าใจผิดและไม่มีผู้ขายยา พวกเราจะกลับออกไป…พี่ชายจะโอเคไหม?”

“ในเมื่อที่นี่ไม่มีคนขายยา นายมาทุบตีคนอื่นทำไม” ชายหัวโล้นถามด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าขณะสูบบุหรี่ไฟฟ้า

ฉินหยู่เงียบไปสองสามวินาทีและตอบ “พี่ชาย เป็นเพราะคุณ เราถึงมีอาหาร ทุกคนต้องพึ่งพาอาศัยกัน ชีวิตมันไม่ใช่เรื่องง่าย... ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ทำให้ใครอับอาย คุณคิดว่าไง?”

“ทำให้พวกแกขายหน้า พวกแกทำอะไรล่ะ” เด็กหนุ่มผู้แข็งแกร่งถามอย่างดุดัน

ชายหัวโล้นพ่นควันบุหรี่ไฟฟ้าและหันไปขากเสมหะสีเหลืองออกไป ยังไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากเขา

ฉินหยู่หยุดชั่วครู่ แต่ยังคงรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า และพูดต่อไปที่ชายหัวโล้น “พี่ชาย เราอาจไม่สามารถไขคดีที่ถนนดินด่างได้ แล้วคุณอยากให้พวกเราออกไปเมื่อไหร่ คุณไม่มีธุรกิจต้องทำต่อหรือ?”

เมื่อชายหัวโล้นได้ยินเช่นนี้ เขาหยุดสูบบุหรี่ค้าง ก่อนที่จะเปิดปาก “ปล่อยพวกมันไป”

“ปล่อยมันไปง่ายๆ แบบนี้ ฉันก็ถูกทุบตีเปล่าๆน่ะสิ?” เด็กหนุ่มผู้แข็งแกร่งพูดกับชายหัวโล้น และตะโกนใส่ฉินหยู่ และคนอื่นๆ ด้วยสายตาหดหู่ “ถ้าแกต้องการออกไป พวกแกต้องถอดเสื้อไว้แล้วกระโดดกบออกไปจากถนนดินด่าง!”

“แกทำเกินไปแล้วนะ!”

กวนฉี ผู้ปกติเป็นคนเงียบมากในทีมกลุ่มที่สาม เหลืออดจนเงียบไม่ได้ เขาโวยพร้อมกำปืนจะชักขึ้น

“ควับ!”

ฉินหยู่หันกลับมาคว้าแขนของกวนฉีอย่างเร็ว และพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “กระโดดไปเถอะ มันจะเป็นไรไป?”

กวนฉีตอบอย่างเจ็บใจ “หัวหน้าฉิน ถ้าเราไม่ออกไป พวกมันจะจัดการกับเรา? ให้ตายเถอะ จะมีซักกี่คนที่จะ…”

“ฉันจะให้บอกนายทีหลัง” ฉินหยู่คำรามพร้อมกับหรี่ตาเป็นสัญญาณบางอย่าง

กวนฉีกัดฟันและไม่พูดอะไรอีก

“ถอดเสื้อของคุณแล้วกระโดดกบออกไป” ฉินหยู่หันกลับมาตะโกนใส่คนของเขา

จู่ๆ ชายหัวโล้นบนบันไดก็ถามด้วยเสียงแผ่วเบา “มีคนมากมายที่ทำงานในอุตสาหกรรมนี้ ทำไมนายมาตรวจสอบครอบครัวของเราที่ถนนดินด่าง”

ฉินหยู่ผงะและตอบว่า “ฉันได้รับรายงานบางอย่างและขอให้เรามาตรวจสอบ

ฉันไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น”

ชายหัวโล้นลุกขึ้นช้าๆ เดินขึ้นไปชั้นบน แล้วเขาก็พูดกับฉินหยู่ขณะที่หันหลังให้ “ถนนดินด่างค่อนข้างรกและมีการรังแกกันเป็นประจำ ดังนั้น อย่ามาที่นี่อีกในวันหน้า ถ้านายไม่มีอะไรทำ ข้างนอกยังมีคนอีกเยอะ โดนแทงทีละคนทีละคน แล้วพวกคุณตำรวจจะไปหาฆาตกรได้ที่ไหนล่ะ”

พูดจบแล้ว ชายหัวโล้นก็เดินหายไปในชั้นสอง

……

ห้านาทีต่อมา

เจ้าหน้าที่ตำรวจ 8 นาย รวมทั้งฉินหยู่ ต่างไม่สวมเสื้อ นั่งยองๆ กันเป็นแถว และกระโดดกบไปตามถนนดินด่าง

ผู้คนวัยหนุ่มสาวและวัยกลางคนหลายสิบคนพร้อมอาวุธสังหารที่อยู่ข้างถนน มองดูทุกคนอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไรสักคำ

อาคารบ้านสองฟากถนนเกือบทุกหลังเปิดหน้าต่างไว้ บางหลังคนสูบบุหรี่ บางหลังครอบครัวกอดไหล่กัน พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ฉินหยู่และคนอื่นๆ อย่างเฉยเมย พวกฉินหยู่ตั้งหน้าตั้งตารีบกระโดดกบกับเพื่อจะได้ออกไปด้านนอกถนนดินด่างโดยเร็ว

เป็นเวลาเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้เมื่อเสียงนั้นเงียบลง จู่ๆ ก็มีคนตะโกนมาจากตึกทางขวา “ไอ้สารเลว ฉันจะทุบแกให้ตายอีก”

เสียงคำรามดังก้องในคืนอันมืดมิดอย่างยาวนาน

หลังจากนั้นขวดแก้ว ขวดยา และเศษขยะนับไม่ถ้วนถูกขว้างลงมาจากชั้นบนของบ้านที่เรียงรายข้างถนน

“วิ่ง!”

ฉินหยู่ ลุกขึ้นก่อนและคำราม และทุกคนก็วิ่งหายไปในความมืดด้วยความตื่นตระหนก

……

บนชั้นสองของร้าน

ชายหัวโล้นนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวเก่า ขมวดคิ้วแล้วถามเด็กหนุ่มร่างกำยำที่พันผ้าก๊อซไว้รอบศีรษะ “พวกนั้นไปหมดแล้วใช่ไหม?”

“อืม พวกมันไปหมดแล้ว” เด็กหนุ่มผู้แข็งแกร่งพยักหน้า

“เรียกพี่น้องสองสามคนมาและโอนสินค้า” ชายหัวโล้นสั่งเสียงเบา “อย่าวางสินค้าไว้ข้างนอกสองสามวัน ใจเย็นๆ”

เด็กหนุ่มผู้แข็งแกร่งตะลึงงัน “ลุงกลัวเหรอ ลุงสาม? ไม่ ตำรวจสองสามคนเมื่อกี้ เห็นอยู่ว่าเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยโง่ๆ เราจะไปกลัวมันทำไม ยาข้างนอกนั้นมีราคาเท่าไหร่ ผู้ป่วยที่ยากจนบนถนนนี้ที่ต้องการมีชีวิตอยู่ กำลังชี้มาที่เรา ถ้าฉันตะโกนขอความช่วยเหลือ คนนับพันจะออกมาที่ถนนเพื่อช่วยเราทันที ลุงยังอยากเห็นเจ้าพวกนั้นมันกลับมาอีกเหรอ?”

“ทำตามคำสั่ง อย่ามายุ่งกับข้า” ชายหัวโล้นกอดไหล่ของเขาแล้วพูดสั้นๆ “รีบไปเรียกพี่น้องมาช่วยสองคน”

“ฉัน... ฉัน... โชคไม่ดี ยิ่งฉันทำงาน ฉันก็ยิ่งเกิดความกลัว” หมาเหล่าเอ้อ เด็กหนุ่มผู้แข็งแกร่งพึมพำอย่างโกรธเคือง แต่สุดท้าย เขาก็ไม่สามารถรั้งลุงสามไว้ได้ ดังนั้นเขาจึงไปขอให้น้องชายของเขาขนสินค้าเมื่อเขาออกไป

……

บนถนนด้านนอกของถนนดินด่าง

ฉินหยู่สวมเสื้อผ้าของเขาก่อน จากนั้นดึงกล่องยาออกมาจากรถ แล้วพันฝ่ามือที่บาดเจ็บด้วยผ้าก๊อซอย่างลวกๆ

ที่ข้างรถ กวนฉีจ้องและบ่นว่าอย่างไม่พอใจ “ให้ตายเถอะ เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจับโจรไม่ได้ สุดท้ายต้องถอดเสื้อผ้าออกและกระโดดกบออกมา... นี่มันน่าขายหน้าจริงๆ ฉันต้องเอาไปเล่าให้ทีมฟัง พวกมันขำตายแน่”

“ไม่ควรจะยอมมันเลย เราจะไม่ถอดเสื้อผ้าของเรา พวกมันกล้าดียังไงถึงทำอะไรกับเราก็ได้!” จูเหว่ยบ่นกับฉินหยู่อย่างตรงไปตรงมา “นายอ่อนข้อเกินไป ฉันจะบอกให้ จัดการกับคดีในซงเจียงไม่ใช่แบบนั้น จบเห่...นายคือหัวหน้าทีม ถ้าไม่จัดการอะไรในเวลาวิกฤต…”

ฉินหยู่เอาฟันดึงผูกผ้าก๊อซให้แน่น และเงยหน้าขึ้นพูดกับลูกทีม “มานี่สิ ฉันมีอะไรจะบอก”

“หัวหน้ากำลังทำอะไร?” กวนฉีถาม

“มานี่!” ฉินหยู่ขมวดคิ้วและคำราม

ทุกคนมองหน้ากันสองสามครั้งด้วยความหดหู่ใจ และเดินไปที่ด้านข้างของฉินหยู่อย่างหมดความอดกลั้น

“ตรวจสอบกระสุนของนาย ใครไม่สวมชุดเกราะไปเอาชุดเกราะที่รถ ส่วนเหล่าเฮยและเสี่ยวลิ่ว ดูแลรถต่อไป…” ฉินหยู่สั่งทุกคนด้วยสีหน้าว่างเปล่า

ทุกคนเกิดความงุนงงเมื่อได้ยินคำพูดของฉินหยู่

……

สิบนาทีต่อมา ภายในร้าน

หมาเหล่าเอ้อสั่งพี่น้องสามคนที่ประตูหลัง “อีกสักครู่รถจะมา หลังจากที่นายขนของในบ้านนี้เสร็จแล้ว ไปเช็กที่ร้าน 3 ด้วย ยังมีของบางอย่างอยู่ที่นั่น”

“จะย้ายมันไปไหน” คนงานคนหนึ่งถาม

“เอามันกลับไปที่โกดังก่อน” หมาเหล่าเอ้อบ่นขึ้นอย่างโง่เขลา “ลุงสามนี่ขี้ขลาดจริง เพราะงั้นเขาถึงกระเสือกกระสนกับความยากจนอยู่อย่างนั้น ถ้านายถามฉัน ฉันว่าสินค้าน่าจะเก็บไว้ที่นี่ ของมันควรขายให้หมด…”

“แกรก!”

ทันทีที่สิ้นเสียง เสียงฝีเท้าก็ปรากฏขึ้นทางด้านซ้ายของประตูหลัง

หมาเหล่าเอ้อหันมองตามเสียงพร้อมกับบุหรี่ในมือ ฉินหยู่ในชุดเกราะสีเขียวอ่อนและถือปืนลูกซองลำกล้องหนาพิเศษกันระเบิดยาวครึ่งเมตร และฟาดใส่เขาทันที

“โครม!”

“บูม!”

ฉินหยู่มีสีหน้าดุดัน เขายกขาขวาขึ้นเตะหน้าอกของหมาเหล่าเอ้อซ้ำอย่างแรง

“ตูม!”

“โครม!”

หมาเหล่าเอ้อกระเด็นห่างออกไปครึ่งเมตร กระแทกกล่องสินค้าสามกล่องด้วยหลังของเขา และมึนงงเล็กน้อย

“อย่าขยับ ฉันจะฆ่านายถ้านายขยับแม้แต่นิดเดียว” กวนฉีเล็งปืนไปที่หัวของหมาเหล่าเอ้อ

“กริ๊ก!”

ฉินหยู่ไม่รีรอ รีบเข้าประตูไปในร้าน มุ่งตรงไปที่ชั้นสองทันที

ในห้องบนชั้นสอง มีเสียงไมโครโฟนไฟฟ้าดังขึ้นที่อินเตอร์คอม และพ่อค้ายาที่วิ่งอยู่ชั้นล่างก็ตะโกนเสียงดัง

“ลุงสาม พวกนั้นมาอีกแล้ว!”

หลังจากผ่านห้วงแห่งความประหลาดใจไปชั่วครู่ ลุงสามยืนขึ้นเอื้อมมือไปแตะปืน

“วูบบ…”

ฉินหยู่กวาดปืนของเขาเคลื่อนตัวเข้าไปในบ้าน  เขาเอียงคอตะโกนไปที่ลุงสาม “ภูมิประเทศของถนนดินด่างนั้นซับซ้อนเกินไป เราไม่ได้กระโดดออกไปไม่ถึงข้างนอกเพราะมันเหนื่อยเกินไป พี่ชายมากับเรา และชี้ทางให้เราด้วย”

ลุงสามมองไปที่ฉินหยู่ด้วยความประหลาดใจ “ได้เวลากลับไปใช้ปืนยาวแล้ว...!”

……………………………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด