ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 8 สามกลุ่ม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 10 ถนนดินด่าง ปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือเดียว

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 9 สายลมพัดผ่านถนนที่โสมม


ตอนที่ 9 สายลมพัดผ่านถนนที่โสมม

ห้าโมงครึ่งตอนเย็น

หลังจากที่ ฉินหยู่ ฉีหลิน และเหล่าเฮย กับเพื่อนร่วมทีมอีกคนได้กินข้าวกันในโรงอาหารเรียบร้อยแล้ว

พวกจูเหว่ยกลับมาพร้อมลูกทีมคนอื่นๆ

“หึหึ นายออกไปข้างนอกหรือเปล่า” ฉินหยู่ถามขณะที่นั่งย่อยอาหารอยู่บนเก้าอี้

จูเหว่ยดื่มน้ำอย่างหิวกระหายและตอบอย่างไม่ใส่ใจ “มีเด็กไอ้เด็กเกเรมาด้อมๆ มองๆ แถวบ้านครอบครัวของฉัน เหมือนมันพยายามจะหาว่า บ้านฉันมีอะไรผิดปกติหรืออะไรทำนองนั้น ฉันเลยพาพี่น้องฉันไปช่วยดูด้วย ไม่เป็นไร ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”

หลังจากเงียบไปสองสามวินาที ฉินหยู่ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

“เอาล่ะ เรามาพูดถึงคดีกัน”

“คืนนี้นายจะทำงานล่วงเวลาไหม” จูเหว่ยวางแก้วน้ำลง เดินสบายๆ ไปหาฉินหยู่แล้วถามว่า “นายยังมีบุหรี่ไหม ขอฉันมวนนึงสิ”

“เราสูบกันจนหมดกล่องแล้ว”

“พับผ่าสิ สูบกันเร็วฉิบ พวกนายต้องประหยัดหน่อย ของดีๆ อย่างนั้น!” จูเหว่ยบ่นและเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบบุหรี่ไฟฟ้าออกมาสูบเฮือกใหญ่ แล้วถามว่า “คืนนี้นายทำงานล่วงเวลาไหม”

“ใช่ กัปตันหยวนได้สั่งให้มีการสอบสวนคดีนี้โดยเร็ว” ฉินหยู่พยักหน้าและตอบว่า “คืนนี้ทุกคนทำงานหนัก ขั้นแรก เราเข้าไปที่พื้นที่จุดนั้น และสืบหาเส้นทางของพ่อค้ายาให้เจอ”

ก่อนที่ทุกคนจะตอบฉินหยู่  จูเหว่ยโดดขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงานแล้วพูดเหมือนรู้ดี “นายไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น พวกค้ายาทั้งเมืองทำงานอยู่ที่ถนนดินด่าง เราไปจับมันมาสักคนก็พอ”

ฉินหยู่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ถ้าไปที่นั่นแล้วจะพบมันใช่ไหม?”

“ฮ่า! ถ้าไม่ใช่คำทักทายจากเบื้องบนละก็ ใครจะสนใจพวกค้ายาเหล่านี้ล่ะ?!” จูเหว่ยพูดพลางบิดนิ้ว “พวกเขาเปิดร้านขายยาอย่างโจ่งแจ้งบนถนนดินด่าง ฉันเจอพวกเขาหลายครั้งแล้ว”

“กัปตันหยวนบอกฉันว่า ยาเสพติดถูกควบคุมอย่างเข้มงวดในเขตพิเศษ พวกเขากล้าขายแบบนี้ได้ยังไงกัน”

“เขตพิเศษที่เก้าของเราแตกต่างจากเขตอื่นๆ” ฉีหลินอธิบาย “เพราะที่นี่ถูกสร้างขึ้นภายหลัง และเป็นเขตพิเศษแห่งเดียวที่มีผู้คนหลายเชื้อชาติและกลุ่มชาติพันธุ์มากมาย สถานการณ์จึงซับซ้อนมากขึ้น ปีที่แล้วระหว่างการเลือกตั้งหัวหน้าผู้บริหาร มีความขัดแย้งทางทหารทั้งในซงเจียงและเฟิ่งเป่ย และมันสับสนวุ่นวายมาก”

“อ้อ” ฉินหยู่พยักหน้าและถามอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นเราแค่กวาดจับพวกมันไปตามถนน จะได้ผลไหม?”

ฉีหลินกำลังจะตอบกลับ จูเหว่ยก็พูดโพล่งแทรกขึ้นมา “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? เราจับเบาะแสกันมาสักสามสี่คน ก่อนที่เรื่องการปราบปรามผู้ค้ายาจะรั่วไหลออกไป คดีจะคลี่คลายง่ายขึ้นเป็นกอง”

ฉินหยู่รู้สึกว่าจูเหว่ย ไม่น่าเชื่อถือเท่าใดนัก และเขายังค่อนข้างงกับนิสัยของจูเหว่ย เขาจึงถามฉีหลินว่า “นายคิดว่ามันเหมาะสมไหม ที่จะเข้าไปสืบสวนโดยตรงในพื้นที่”

“ฉันไม่เข้าใจสถานการณ์ที่นั่นเลย” ฉีหลินตอบพร้อมเกาหัวแกรกๆ

“ฮ่าฮ่า มันเหรอ?!” จูเหว่ยยิ้มขมวดคิ้วและดุว่า “ฉีหลินเจ้าเด็กขี้ขลาด มันรู้งานของมันดี มันหลบทุกครั้งที่มีเรื่องเกิดขึ้น และเลี่ยงที่อันตราย แล้วมันจะไปรู้สถานการณ์ที่นั่นได้ไง?”

แม้คำพูดเหล่านี้หนักไปหน่อย แต่ฉีหลินยิ้มและไม่พูดอะไรโต้ตอบ

“เสี่ยวฉิน นายเพิ่งมาที่นี่ ฟังฉันเถอะ คืนนี้เราออกไปตระเวนถนนกัน หาเบาะแสให้ได้สักสามสี่อย่างก่อน มันจะช่วยให้พวกเราจัดการคดีง่ายขึ้นในภายหลัง” จูเหว่ยเสนออีกที ทั้งที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะวางตัวยังไงด้วยซ้ำ และเขาตะโกนต่อว่า “เอาละพี่น้อง เตรียมบู๊กันได้แล้ว! ฉันจะไปเบิกปืนให้พวกเราเอง”

ทุกคนคุ้นเคยกับการเชื่อฟังคำสั่งของจูเหว่ย ดังนั้นพวกเขาจึงยืนขึ้นทีละคน

ฉินหยู่นั่งบนเก้าอี้ จ้องไปที่จูเหว่ย แต่ไม่ได้หยุดเขา และพูดเบาๆ ราวกับเห็นด้วยว่า “เอาล่ะ เราไปดูสถานการณ์กัน”

จูเหว่ยกระโดดลงมาจากโต๊ะและตบแขนของฉินหยู่ด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย นายมาอยู่กับ 3 กลุ่มแล้ว นายจะรู้เอง พี่น้องของเราไม่ใช่คนประเภทที่ไม่สนใจทำอะไรๆ นายเป็นคนเปิดกว้างและหลักแหลม พี่จูคนนี้ จะนำทุกคนมาสนับสนุนนายเอง”

หลังจากถูกตบโดนแผลเก่า ฉินหยู่กัดฟันสีหน้าเจ็บปวดและมองลงไปที่แขนของเขา

“ไอ้ห่า ฉันลืมไป ลืมไปแล้ว นายบาดเจ็บอยู่นี่หว่า” จูเหว่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และรีบถาม

“นายเป็นไรไหม?”

ฉินหยู่เงยหน้าขึ้นและมองไปที่อีกฝ่าย “ไม่เป็นไร นายไปเบิกปืนก่อนเถอะ”

“โอเค งั้นฉันไปละ” จูเหว่ยหันหลังจากไปอย่างว่องไว

ฉินหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและครุ่นคิดขณะชำเลืองมองตามหลังจูเหว่ยไป

“หัวหน้าทีมจูเหว่ยแตกต่างจากพี่สามนะ เขาไม่มีเจตนาร้าย มักค่อยจะไม่แคร์ใคร ชอบล้อเล่นไปทั่ว และสร้างปัญหากับผู้อื่นบ่อยๆ” ฉีหลินเข้ามาและพูดเบาๆ “อย่าไปถือเขาเป็นจริงเป็นจังมากนักล่ะ”

ฉินหยู่ไม่รู้สถานการณ์ที่แน่นอน เมื่อได้เข้ามาร่วมในทีม 3 กลุ่ม มันทำให้เขาต้องครุ่นคิดลึกซึ้งและยาวนาน เขาไม่รู้ว่าในชีวิตใครจะเคยเจอคนแบบจูเหว่ยหรือไม่ ไม่ว่าบุคลิกของคุณจะเป็นอย่างไร ทุกๆ วัน จูเหว่ยไม่ถือว่าตัวเองเป็นคนนอก และเขาไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่นเลยเมื่อร่วมงานกับผู้อื่น และเมื่อคุณกำลังจะโกรธเขา เขาก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า “เราแค่ล้อเล่นเอง ทำไมคุณใจแคบจัง” แล้วก็เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีวันเปลี่ยน...

ถ้าใครเจอคนแบบนี้ในแวดวงสังคมธรรมดา คนคนนั้นอาจเลือกที่จะอยู่ห่างๆ และเลิกสุงสิงกับเขาไปในอนาคต แต่ฉินหยู่ทำไม่ได้ เพราะจูเหว่ยเป็นเพื่อนร่วมงานของเขา ทุกคนต้องกินข้าวหม้อเดียวกันทุกวัน และคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงเขาได้เลย เขาวุ่นวายไปทั่วโดยไม่คำนึงถึงลำดับความสำคัญ มักจะออกคำสั่งต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้น้อยราวกับว่าเขาเป็นหัวหน้าทีม ดังนั้นฉินหยู่จะทำงานได้อย่างไรในอนาคต และสิ่งที่ลำบากที่สุดคือคนทั้งสามกลุ่มเป็นเพื่อนของจูเหว่ย หากคุณไปขัดกับเขาในขณะที่ยังเป็นคนใหม่ในทีม มันง่ายที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งภายใน ...

ทำอย่างไรดี?

ในขณะที่ฉินหยู่กำลังชั่งน้ำหนักกับสถานการณ์ของเขาอย่างลึกล้ำในใจ ฉีหลินก็มองจูเหว่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเช่นกัน เขายังต้องการดูว่าเมื่อใดที่เด็กใหม่คนนี้จะหันมาต่อต้านจูเหว่ย หลังจากหันหลังให้กันแล้ว เขายังจะเป็นผู้นำของทีมสามกลุ่มได้หรือไม่?

สองทุ่มครึ่ง

รถตำรวจสองคันมาหยุดที่ทางแยกของประตูถนนดินด่าง ฉินหยู่และคนอื่นๆ ลงจากรถในชุดลำลองและเดินไปที่ถนนในลักษณะสบายๆ

ถนนดินด่าง สถานที่ที่สุดแสนวุ่นวายและแฝงความโสมมด้านมืดหลายอย่างเอาไว้ในถนนสีดำสายหลักทั้งสาย มีคนยากจนหลายหมื่นคนกระเสือกกระสนบนดินแดนที่เขามีสิทธิ์อาศัย แต่ไร้หนทางจะหาเงินหางานที่มั่นคงมาดำรงอยู่ ผู้หญิงเจ็ดแปดคนยืนโพสท่า คอยโบกมือต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าประตูแต่ละร้านที่เปิดไฟสีชมพูเรียงรายเป็นหย่อมๆ สองฟากถนน ในตรอกซอกซอยที่มืดมิดเป็นที่สิงสถิตของ “นักสูบบุหรี่ตัวยง” และพวกนักสูบขี้มูกทั้งหลายกับจิตใจที่ถูกครอบงำจากฤทธิ์ของสารเสพติดยากเกินจะสลัดมันออกไป ได้แต่มองถนนอย่างว่างเปล่าและไร้ความหวัง คนเหล่านี้ไม่มีที่อยู่อาศัยถาวร พวกเขาอาจขโมยของที่นี่ในวันนี้ วิ่งราวที่อื่นพรุ่งนี้ พวกเขาพูดติดอ่าง ซื้อของบางอย่างมาสูบวันแล้ววันเล่า

ขอเพียงแค่รู้สึกมีความสุขเล็กน้อย เมื่อพายุหิมะฤดูหนาวมา พวกเขาหวังว่าจะถูกฝังไปในตรอกที่เย็นยะเยือกนี้ได้ก็ดี...

ฉินหยู่เคยเห็นผู้คนแบบนี้มากเกินไปแล้วในพื้นที่โครงการพัฒนา และในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น มันทำให้เขาชาชินจากสิ่งที่ดวงตาเขารับเข้ามา ไม่มีทางเลือกใดดีไปว่าการก้มหน้าก้มตาเดินตรงไปข้างหน้าอย่างเดียวเท่านั้น

...

หลังจากเดินไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร พวกเขาก็หยุดอยู่ที่ประตูร้านที่ไม่มีป้าย

จูเหว่ยเกาจมูกแล้วพูดเสียงเบาว่า “ร้านนี้ขายยา”

“ดูเหมือนจะไม่มีคนอยู่” ฉินหยู่หันมองไปรอบๆ และพูดเบาๆ ว่า “ฉันไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นี่ ถ้าฉันจับกุมเขาโดยตรง ฉันจะพาเขาไปได้ไหม?”

ฉีหลินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “จับเจ้าตัวสกปรก เข้าไปข้างในเมื่อมีคนมาซื้อยา”

ฉินหยู่ยืนอยู่ข้างถนน ขมวดคิ้วคิดเป็นเวลานาน แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจและพูดว่า “พวกเขากล้าค้าขายอย่างเปิดเผยที่นี่ โดยไม่มีการดูลาดเลาเลยใช่ไหม ทีแรกฉันเกรงว่าจะไม่สามารถจับมันได้ ตอนนี้อาจต้องตกใจแทนละมั้ง”

เมื่อจูเหว่ยได้ยินเช่นนั้น เขาก็พูดอย่างกระวนกระวายทันที “ฉันบอกนายแล้ว ว่าก่อนหน้านี้ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ ถ้านายต้องการกวาดล้าง นายต้องทำอย่างสายฟ้าแลบ เมื่อนายสืบสวนลับๆ เพื่อทำความเข้าใจ มันจะมีข่าวรั่วไหลไปถึงพวกมันอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นอุปสรรคในการไขคดีจะยากมากขึ้น”

ฉินหยู่ไม่มีประสบการณ์อาศัยอยู่ในเขตพิเศษที่ 9 และไม่ถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ในการสืบคดี ดังนั้นเขาจึงพิจารณาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองที่เหล่าเฮยและถามว่า “ซาบี นายคิดว่านายจะจับเขาได้ไหม?”

“มันไม่เคยมีใครสนใจเรื่องนี้มาก่อนจริงๆ” เหล่าเฮยตอบตรงไปตรงมา “แต่ถ้าคุณต้องใช้เวลานานกว่าจะสืบรู้ ข่าวจะรั่วไหลอย่างแน่นอน ไม่มีความลับในกรมหรอก”

หลังจากเงียบไปสองสามวินาที ฉินหยู่ก็พูดออกมา “รถตำรวจสะดุดตาเกินไป ไม่มีทางที่จะขับเข้าไปได้... เหล่าเฮย เสี่ยวลิ่ว นายสองคนเอารถไปไว้หลังถนน พอเราจับกุมตรงนี้เสร็จ จะพามันเดินกลับไปขึ้นรถ”

“เข้าใจแล้วครับ”

“ที่เหลือ ตรวจสอบปืน กระสุน และชุดเกราะ และกระจายกันออกไป” ฉินหยู่สั่งอีกครั้ง “ทันทีที่มีคนเข้าไปในร้านตรงข้าม เราจะเข้าไป”

“ฮิฮิ นายยังใส่เสื้อเกราะกันกระสุนอยู่เหรอ ปอดละสิ” จูเหว่ยหยอกล้อ “คนขายยาพวกนี้ไม่มีสิทธิ์มีเสียงเท่าไรในโลกนี้ ฉันเคยตรวจสอบพวกเขาเมื่อสองสามปีก่อน ฉันกระทืบพวกมันบ่อยๆ ไอ้แก๊งพวกนี้มันกลัวบางสิ่ง…”

ฉินหยู่ชำเลืองมองจูเหว่ย และสั่งอย่างระมัดระวัง “ทำบางสิ่ง”

...

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ชายหนุ่มสองคนเดินนำชายชราคนหนึ่งเข้าไปในร้านด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท ฉินหยู่ซ่อนตัวอยู่ในตรอก

ถือเครื่องส่งรับวิทยุและถามว่า “มองผ่านกระจกดูว่าเป็นคนที่กินยาหรือเปล่า?”

หลังจากรอสักพัก ฉีหลินก็ตอบว่า “ใช่แล้ว”

“ไปเร็ว!” ฉินหยู่ตะโกนทันที “เข้าไปในบ้าน!”

หลังจากพูดจบ คนแปดคนก็รีบวิ่งไปที่ประตูร้านจากสามทิศทาง เปิดประตูไม้แล้วรีบเข้าไปในห้อง

ในห้องโถงมืด ชายหนุ่ม 2 คนและชายชรา 1 คนกำลังยืนอยู่ข้างเคาน์เตอร์กำลังโหลดยา ในขณะที่ชายหนุ่มแข็งแรงที่มีบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ในปากที่บาร์ มองไปที่ประตูด้วยความประหลาดใจ

จูเหว่ยก้าวไปข้างหน้า ถือปืนในมือขวา ชี้ไปที่เด็กหนุ่มที่กำยำด้วยมือซ้ายและตะโกนว่า “กองปราบพิเศษ! ไปยืนด้านข้าง เอามือไว้บนหัว!”

เด็กหนุ่มกลับมามีสติ และก้าวถอยหลังไปอย่างรีบร้อนทำให้ปืนที่เอวของเขาเผยอออกมา และไม่ทันได้ยกมือตามคำสั่ง

ช่วงเวลาที่ชีวิตของตำรวจแขวนอยู่บนเส้นด้ายในสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายเช่นนี้ พวกอันธพาลเป็นอันตรายต่อตำรวจถึงชีวิต ดังนั้นเมื่อจูเหว่ยเห็นว่าเขามีปืน เขารีบเข้าคว้าคอเด็กหนุ่มด้วยมือซ้ายและใช้ด้ามปืนทุบหัวมันอย่างแรง

“ตูม!”

จูเหว่ยทุบเด็กหนุ่ม 6-7 ครั้งติดต่อกัน แต่เขายังคงดิ้นรนต่อสู้ จูเหว่ยรู้สึกกระวนกระวายขณะคว้าดึงผมของเด็กหนุ่มอย่างว่องไว เหวี่ยงเขาไปกระแทกมุมโต๊ะเคาน์เตอร์อย่างแรง

แม้เด็กหนุ่มจะแข็งแกร่ง แต่ศีรษะแตกเลือดไหลออกและกลอกตาลอยด้วยสติเริ่มเลือนรางไป และล้มลงกับพื้นเสียงดังสนั่น

ในเวลาเดียวกัน มีเสียงอึกทึกของฝีเท้าที่ชั้นบน ชายหัวโล้นในเสื้อคลุมทหารรีบลงมาชำเลืองดูสถานการณ์ในห้องด้วยสายตาประหลาดใจ เขาหยิบวิทยุรับส่งขึ้นมาแล้วตะโกน “ไอ้เหี้ยเอ๊ย ร้าน 2 โดนกวาดเหี้ยนแล้ว ออกมาเร็ว!”

ความเงียบครอบครองราวกับทุกสิ่งหยุดเคลื่อนไหวไปครู่หนึ่ง

เสียงฝีเท้าอึกทึกดังขึ้นบนถนน คนหลายสิบรีบวิ่งออกจากบังกะโลและอาคารทั้งสองฟากถนนในทันที

พร้อมด้วยมีด ท่อเหล็ก โซ่ล็อก และปืนในมือของพวกเขา ตรงเข้าขวางหน้าร้านเหมือนกระแสน้ำหลากขวางสะพานขาด

ฉินหยู่มองไปที่ฝูงชนตะคุ่มดำข้างนอก และในทันใดเขารู้สึกขนหนังหัวลุกซู่ขึ้นมา เพราะฉากการแย่งชิงอาหารในพื้นที่โครงการพัฒนาได้กลับมาปรากฏขึ้นในหัวเขาอีกครั้ง มือเขาปลดเซฟปืนไปโดยสัญชาตญาณ

จูเหว่ยเห็นภาพข้างนอกผ่านกระจก กลืนน้ำลายพร้อมเหงื่อย้อยบนหน้าผาก “อะไรวะ... พวกมันเพิ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?... ชักจะมากไปแล้ว…”

………………………………………………………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด