ตอนที่แล้วตอนที่ 125 พบหน้ากันอีกครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 127 ความตายที่กำลังขยายตัว

ตอนที่ 126 สัตว์กลายพันธุ์โจมตี


ตอนที่ 126 สัตว์กลายพันธุ์โจมตี

ไนเรลเดินตามคนรับใช้ของประธานซาไปที่ห้องพักรับรอง เมื่อเข้าไปมาด้านในห้องแล้วไนเรลก็ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม ๆ อย่างสบายใจพลางคิดเรื่องคำขอที่เขาบอกกับชายชราไป

สิ่งที่เขาขอนั้นก็คือ ต้องการให้ประธานซาหาพิมพ์เขียวของปืนใหญ่พลังงานให้กับเขา ขอแค่เป็นต้นแบบก็ได้

ในตอนแรกเขาคิดว่าคงจะได้ยินคำตอบปฏิเสธทันที แต่พอได้ยินว่าจะลองยื่นเรื่องไปให้ ซึ่งแน่นอนว่าไนเรลนั้นไม่สนอยู่แล้วว่าประธานซาจะหามันมาได้อย่างไรหรือจากไหน ถ้าเขาได้แปลนนี้มาครอบครองไนเรลเชื่อว่าเขาจะต้องหาคนมาสร้างสิ่งที่เขาคิดได้อย่างแน่นอน

และเจ้าสิ่งนี้มันก็จำเป็นกับแผนการของไนเรลหลังจากกลับไปที่เมืองย่อย 101 ในครั้งนี้ด้วย

พระอาทิตย์ตกประธานซาก็มาพบกับไนเรลเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง พร้อมกับยืนบางสิ่งมาให้นั้นก็คือข้อมูลพิมพ์เขียว ชายชราไม่ได้เน้นย่ำไนเรลเรื่องข้อตกลง แต่เพียงมองเขาด้วยสายตาและก็จากไป

ไนเรลเองก็เข้าใจถึงการกระทำของประธานซา ด้วยฐานะและคนระดับพวกเขานั้นบางครั้งมันก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก เพียงแค่พวกเขาบรรลุข้อตกลงก็เพียงพอแล้ว

อีกทั้งการที่ประธานซาหาพิมพ์เขียวมาได้รวดเร็วขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นถึงอำนาจที่มีอยู่ในมือของชายชรา แต่ไนเรลก็ยังสงสัยเรื่องหนึ่งอยู่ดี ว่าถ้าประธานซามีอำนาจขนาดเอาพิมพ์เขียวมาได้ ทำไมเขาถึงไม่ใช้สิ่งนี้หามนุษย์ชั้นสูงที่อยู่ในรายชื่อเฝ้าระวังอะไรพวกนั้นมา

พอพุดถึงรายชื่อเฝ้าระวังไนเรลก็คิดขึ้นมาได้ถึงบางอย่าง เกี่ยวกับอารอนคนนั้น แต่เขาก็โยนมันทิ้งไปทันทีเพราะไม่อยากจะมาใส่ใจมากนัก

หลังจากที่ประธานซาจากไปสักพักอยู่ ๆ ประตูห้องของชายหนุ่มก็ถูกเคาะขึ้นมาอีกครั้ง

ไนเรลดูจะแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าครั้งนี้ใครเป็นคนมาหาเขา

“เธอ...ไมน่า”

“สวัสดีค่ะ พี่ไนเรล...” ไมน่าพูดด้วยเสียงที่เบาพร้อมกับก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสบตากับไนเรล

“เธอมาทำอะไรที่นี่” เขาถามด้วยความสงสัย ถ้าจำไม่ผิดเด็กสาวนี่คือเพื่อนของน้องสาวตัวเอง หลังจากแยกจากกันที่บ้านพักชานเมืองไนเรลก็มุ่งตะวันออกมาที่เมืองซานติเกีย ส่วนไมน่าและชายหนุ่มอีกคนที่ชื่อ คารอน ก็ตามทหารคุ้มกันมาที่ค่ายแห่งนี้ ไนเรลรู้ว่าการเดินทางมาที่ค่ายของประธานซาต้องมีเหตุการณ์อันตรายจนทำให้ประธานซาวิวัฒนาการเป็นมนุษย์ชั้นสูงได้

แต่ไนเรลไม่คิดว่าเด็กสาวจะยังคงรอดมาได้

“คือว่า...ฉัน...ฉันต้องการขอให้พี่ไนเรลช่วย” เด็กสาวพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่หยดลงมา

“หยุดร้อง มีอะไรก็เข้ามาพูดด้านใน” เขากล่าวมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“พี่ต้องรับปากว่าจะช่วยฉันก่อนนะ ได้โปรด” ไมน่าจับไปที่มือของไนเรลพยายามยื้อไว้

“ปล่อยมือ...” ไนเรลสะบัดมือของไมน่าอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก ตอนที่เธอจากพวกเขามานั้นยังทำเป็นเหมือนไม่เห็นหัวไนเรล

ไมน่าตกใจกับการกระทำของชายหนุ่ม แต่เมื่อเห็นว่าไนเรลเปิดประตูทิ้งไว้ และเดินไปนั่งที่เก้าอี้ ไมน่ารีบเดินเข้าไปและนั่งลงตกข้ามกับเขา

ทั้งสองเงียบอยู่นานจนกระทั่งไนเรลเปิดปากพูดมาก่อน

“มีเรื่องอะไรลองเล่ามา”

เด็กสาวรีบเล่าเรื่องของเธออย่างรวดเร็วกลัวว่าไนเรลจะเปลี่ยนใจไล่เธอกลับไป

หลังจากที่เธอและคารอนแยกตัวออกมาจากไนเรลและคนอื่น ๆ ในระหว่างทางพวกของประธานซาและไมน่าก็เจอกับการโจมตีของสัตว์กลายพันธุ์ระดับสูงตนหนึ่ง พวกทหารที่ควบคุมตายกันไปหลายคน แต่สัตว์นั้นก็ยังไม่ตาย

ในขณะที่สัตว์กลายพันธุ์พยายามฆ่าหลานสาวของซามูเอล ชายแก่ก็เข้าไปช่วยอย่างสุดชีวิตและสุดท้ายก็จึงวิวัฒนาการเป็นมนุษย์ชั้นสูง ร่างของซามูเอลขยายใหญ่หลายเมตรเป็นเหมือนกับยักษ์ฉีกร่างของสัตว์กลายพันธุ์ตัวนั้นจนตกตายไป

ส่วนทางด้านของไมน่าและคารอนถึงจะรอดตายมาได้ แต่คารอนนั้นในช่วงที่โดนจู่โจม เขาไม่ได้ห่วงตัวเองกลับรีบช่วยไมน่าออกมาจากรถฮัมวี่นั้นจึงทำให้เขาหนีออกมาช้าและโดนอัดก๊อบปี้อยู่กับรถจนพิการครึ่งท่อนเดินไม่ได้

ถึงประธานซาจะพาพวกเขามาที่ค่ายลี้ภัยได้สำเร็จแต่ก็ไม่ได้ดูแลพวกเขาเป็นการพิเศษ เพราะถึงอย่างไรทั้งไมน่าและคารอนก็ไม่ได้เป็นอะไรกับตัวเขา

นั้นทำให้ทั้งสองใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่ไมน่าก็ยังพอจะเป็นคนดีอยู่บ้าง ไม่ได้ทิ้งคารอนไปให้ตาย

และเรื่องที่ไมน่าจะให้ไนเรลช่วยนั้นก็คือ เธอมีปัญหากับพวกนอกกฎหมาย เพราะไปยืมเงินเหรียญไทกีล่ามาจำนวนหนึ่งเพื่อไปซื้ออาหารประทังความหิว แต่ด้วยความไร้เดียงสาที่ไม่ทันโลกเธอก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นหลอกเรื่องดอกเบี้ยทำให้เธอมีเงินจ่ายไม่เพียงพอ และเมื่อไมน่าไม่สามารถจ่ายได้พวกนั้นตามมาทำร้ายคารอนและบอกว่าอีกสองวันถ้าไม่หาเงินมาคืนได้พวกมันจะเอาตัวเธอไป

ซึ่งแน่นอนไมน่ารู้ว่าถ้าเธอโดนพาตัวไปจะต้องเหมือนดังตกลงสู่นรกอย่างแน่นอน

ไนเรลได้ฟังก็สามารถจินตนาการได้ถึงความลำบากของเด็กสาวและชายพิการอายุ 14 ปีที่ต้องดิ้นรนใช้ชีวิตอยู่ในโลกแบบนี้

“ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวจะจัดการให้เธอมีเรื่องแค่นี้ใช่ไหม ถ้าเช่นนั้นก็กลับไปได้แล้ว” ไนเรลรีบส่งเธอกลับหลังจากที่รู้เรื่องของเธอแล้ว

ไมน่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็กลืนคำพูดพวกนั้นลงไป

“นิเรียเธอสบายดี” ไนเรลพูดออกไปก่อนที่จะปิดประตู ในขณะที่ตนเองก็คิดว่าการช่วยไมน่าครั้งนี้ก็เพื่อนิเรียก็แล้วกัน อย่างน้อยไมน่าก็เป็นเพื่อนกับน้องสาวของเขา

เมื่อไมน่าจากไปแล้วหลังจากนั้นพวกนอกกฏหมายก็โดนกลุ่มคนลึกลับจัดการฆ่ายกแก็ง ส่วนเธอนั้นก็ได้งานทำที่พอจะให้มีเงินซื้ออาหารและน้ำได้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ไนเรลลดตัวไปลงมือด้วยตนเอง เขาฝากเรื่องนี้ให้กับประธานซาจัดการ

และเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นหลังจากที่ไนเรลออกไปจากค่ายแห่งนี้แล้ว

......

เช้าวันต่อมาขณะที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันจะได้ทอแสงอย่างเต็มที่เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้นมันมาจากประตูทางเหนือของเมือง ซึ่งเป็นทิศทางที่เมืองหลวงเก่าเคยตั้งอยู่ แต่มันถูกขวางไว้ด้วยผืนป่าใหญ่

ไนเรลรีบออกไปที่ทางประตูทิศในระหว่างทางนั้นก็เจอเข้ากับประธานซาและกลุ่มบอดี้การ์ดส่วนตัวอีกนับ 10 นาย

“พวกมันบุกมากันแล้ว” ก่อนที่ไนเรลจะได้พูดประธานซาก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

ไนเรลได้แต่เงียบ ๆ วิ่งตามไปที่ด้านบนกำแพง ซึ่งมันเต็มไปด้วยทหารและเหล่ามนุษย์ชั้นสูงที่ขึ้นตรงต่อกองทัพ เมื่อพวกทหารเห็นว่าไนเรลตามประธานซามาพวกเขาจึงปล่อยผ่านขึ้นไปได้

“เตรียมพร้อมปืนใหญ่ทุกกระบอก!” เสียงสั่งการที่แข็งขันดังออกมาเป็นระยะ มนุษย์ชั้นสูงทั้งหน่วยดาบและโลต่างก็มารวมตัวมาสักพักแล้วจากการเรียกตัวของกองทัพ

พวกนั้นสังเกตเห็นไนเรลต่างก็แสดงท่าทีอิจฉาและท้าทาย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะไนเรลระดับพลังของชายหนุ่มที่แสดงออกมา การที่มนุษย์ชั้นสูงอย่างพวกเขาเข้าร่วมกับหน่วยต่าง ๆ ของรัฐบาลก็เพื่อ “พลัง” แต่ไนเรลกลับมีพลังที่พวกเขาเฝ้าหา

ไนเรลผู้เป็นที่เป้าสายตาในตอนนี้ไม่ได้สนใจของพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย เขากำลังมองไปด้านหน้าอย่างเรียบเฉย เหมือนกำลังรอบางสิ่งอยู่

“มันมาแล้ว” เขาพึมพำด้วยเสียงที่เบาเป็นอย่างมาก แต่ประธานซาที่ยืนอยู่ด้านข้างกับได้ยินอย่างชัดเจน

ฝูงนกกลายพันธุ์ตัวเล็กจำนวนมากบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ต้นไม้แหวกผ่านไปเผยให้เห็นสัตว์กลายพันธุ์สูงใหญ่ดังขุนเขาเกือบร้อยเมตรตรงมาทางนี้ด้วยความตื่นตระหนก

“หอยทากยักษ์”

“ตัว...ตัวมันยังกับภูเขา อย่างนี้ปืนใหญ่ของเราจะฆ่ามันได้อย่างไร”

“ทุกนายเตรียมพร้อม นับถอยหลัง 3....2.......1 ยิงได้!!!”

เสียงทหารที่อยู่บนกำแพงดูจะหวั่น ๆ เล็กน้อย แต่เพราะเสียงของปืนใหญ่พลังงานที่ยิงไปที่เจ้าหอยทากยักษ์กลายพันธุ์ระดับ 5 นั้นกลับทำให้พวกทหารดูมั่นใจขึ้นมา

ปืนใหญ่พลังงานยิงเข้าไปที่เปลือกหอยของมันอย่างรุนแรง แต่กลับไม่เกิดรอยร้าวเลยแม้แต่เล็กน้อย

“อย่าไปกลัวยิงซ้ำเขาไปอีกตรงจุดเดิม”

เสียงสั่งการให้ยิงปืนใหญ่อีกนับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ระดับ 5 โดนเข้าไปก็ต้องมีบาดเจ็บกันบ้าง เจ้าหอยทากยักษ์ก็เช่นกันหลังจากโดนไป 50 กว่านัดมันก็เหมือนจะหวาดกลัวและหลบเข้าไปในเปลือกหอยอยู่นิ่งไม่ขยับ

เมื่อทหารเห็นเช่นนั้นก็พากันดีใจ เพราะคิดว่าแม้แต่สัตว์ระดับ 5 ก็ยังต้องยอมสยบให้กับปืนใหญ่ของพวกเขา แต่แล้วความดีใจของพวกเขาก็อยู่ไม่นาน

“รายงาน ด้านหลังมีสัตว์กลายพันธุ์อีกหลายพันตัวกำลังมุ่งตามมา พวกมันกว่า 70 % เป็นระดับ 3 และที่เหลือเป็นระดับ 2 และ 4”

“ระดับ 3 หลายพันตัว บ้าไปแล้ว”

“หยุดพูดแล้วไปประจำตำแหน่ง ถึงพวกมันจะมีมากแต่ส่วนใหญ่เป็นพวกที่บินไม่ได้ แจ้งไปที่หน่วยอากาศบอกพวกเขาว่าเราต้องการให้ใช้ระเบิดนาปาล์มปูพรมเปิดฉากโจมตี ก่อนที่พวกมันจะปะทะที่แนวกำแพง”

ขณะที่ทางด้านของทหารและมนุษย์ชั้นสูงเริ่มเตรียมพร้อมที่จะปะทะซึ่งหน้ากันแล้ว ไนเรลที่ยืนอยู่กับประธานซาก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทางแปลกใจเมื่อเขาเห็นหอยทากยักษ์

“คุณว่ามันแปลกไหม เจ้าหอยทากยักษ์นั้น มันเหมือนกับไม่ได้จะมาโจมตีแต่กำลังหนีอยู่”

“นายหมายความว่าอย่างไง” ประธานซาถามด้วยท่าทีสงสัย

“หอยทากนั้นเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่กินพืชเป็นอาหาร นิสัยไม่ดุร้ายออกจะรักสงบด้วยซ้ำ...พวกมันไม่ได้มาโจมตี” ไนเรลอธิบายพลางครุ่นคิดไปด้วย

ในขณะนั้นเครื่องบินบินออกไปทิ้งระเบิดในพื้นที่มีสัตว์กลสยพันธุ์จำนวนมากรวมตัวกันอยู่

บูม! บูม! บูม!

ระเบิดที่ถูกทิ้งลงอย่างต่อเนื่อง สร้างคลื่นความร้อนพวยพุ่งสู่อากาศแผดเผาสัตว์กลายพันจำนวนมากจนพวกมันส่งเสียงร้องด้วยความโหยหวน แต่ส่วนใหญ่ที่ตายแล้วนั้นกับเป็นสัตว์ระดับ 2 เท่านั้น

ส่วนพวกที่สูงกว่าบ้างก็หนีทันบ้างก็บาดเจ็บแต่ไม่ถึงตาย

“แนวกำแพงเตรียมพร้อมปะทะ”

พวกทหารและมนุษย์ชั้นสูงเลือกที่จะป้องกันโดยอาศัยกำแพงแทน แต่ถึงแบบนั้นด้วยกำแพงที่สูงไม่กี่สิบเมตรไม่สามารถป้องกันความโกรธของสัตว์กลายพันธุ์ได้อย่างแน่นอน

งูกลายพันธุ์ระดับ 4 ตัวหนึ่งที่รอดตายมาได้ มันเต็มไปด้วยออร่าสังหารมันตรงเข้าไปที่กำแพงอาศัยลำตัวที่ยืดยาว ตั้งตัวขึ้นก็สูงกว่ากำแพงแล้ว

“งู ยิงงูนั้นเร็ว”

“อ๊ากกก”

งูกลายพันธุ์เมื่อขึ้นมาที่กำแพงประชิดทหารและมนุษย์ชั้นสูงได้ มันก็จัดการแยกเขี้ยวกลืนคนที่อยู่รอบ ๆ ระยะโจมตีของมันทั้งเป็น อีกทั้งยังใช้หางที่ยาวฟาดไปมาอย่างโหดร้ายจนร่างของมนุษย์ชั้นสูงระดับต่ำคนหนึ่งกระเด็นตกไปนอกกำแพง

ซึ่งนั้นไม่ได้ทำให้ชายคนนั้นตาย แต่มันกับมีสัตว์กลายพันธุ์ที่ดูกระหายเลือดเนื้อฉีกจนเป็นชิ้น ๆ

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็มีสัตว์กลายพันธุ์อีกหลายตัวที่ฝ่ากำแพงมาได้ เข้ามาเข่นฆ่าผู้คนมนุษย์ชั้นสูงต่างพากันไปจัดการฆ่าสัตว์พวกนั้นด้วยความร้อนรน

เลือดที่ไหลนองไปทั่วแนวกำแพง เสียงของปืนใหญ่ที่ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

มนุษย์ชั้นสูงระดับ น้ำตาลจับกลุ่มกันชี้อาวุธของตนเองไปที่สัตว์กลายพันธุ์อย่างกระหายเลือดพากันกระโดดลงไปเข่นฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ที่ได้รับบาดเจ็บ

ถึงมันจะอันตรายแต่นี้ก็เป็นโอกาสอย่างหนึ่งเช่นกัน คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร มนุษย์ชั้นสูงก็ยอมเสียงตายเพื่อให้ได้แก่นพลังงานเช่นกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด