ตอนที่แล้วตอนที่ 126 สัตว์กลายพันธุ์โจมตี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 128 ความทะเยอทะยานของไนเรล

ตอนที่ 127 ความตายที่กำลังขยายตัว


ตอนที่ 127 ความตายที่กำลังขยายตัว

ไนเรลมองดูสงครามตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ฝุ่นควันและเศษเลือดเนื้อที่กระจัดกระจายตามทิศทางที่ปืนใหญ่ยิง

เหล่าทหารกล้าสู้กับสัตว์กลายพันธุ์ด้วยปืน หน่วยดาบ โล่พร้อมด้วยมนุษย์ชั้นสูงต่างพากันจับอาวุธของตนเองอย่างแนบแน่น เลือดที่ไหลผ่านคมอาวุธฟาดฟันสังหารสัตว์กลายพันธุ์ราวกับผักปลา

“พวกมันไม่ได้โจมตีพวกนี้เป็นแค่สัตว์กลายพันธุ์หนีตายเท่านั้น” ไนเรลกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ประธานซาที่อยู่ด้านข้างมองดูสถานการณ์ที่กองทัพรับมืออยู่อย่างตึงเครียด

“ไอ้หนูจะลงมือได้หรือยัง หรือต้องให้ฉันถีบลงไป” ชายแก่พูดด้วยท่าทีที่ไม่สบอารมณ์ เขาไม่ชอบขี้หน้าคนของตระกูลอาโรเดีย แล้วยิงไม่ชอบไนเรลเข้าไปอีกที่เอาแต่ยืนเก็กท่าทำเป็นคิดอะไรอยู่ได้

ชายหนุ่มที่ได้ยินคำพูดของประธานซาก็มองหน้าชายแกสักพักจากนั้นก็ยอมลงมือเขากระโดดพุ่งลงไปฆ่าสัตว์กลายพันธุ์อย่างรวดเร็วโดยใช้ความสามารถ [เพลิง A] เผาพวกมันโดยตรง

จึงทำให้สถานการณ์การต่อสู้ด้านล่างลดความตึงเครียดลงมาได้บ้าง

ไนเรลจัดการฆ่าสัตว์ระดับ 4 ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้นมันก็มากันอยู่เรื่อย ๆ ยังมีบางส่วนที่มีร่างกายใหญ่โตมันชนเข้ากับกำแพงจนเกิดเป็นรูโหว่พวกสัตว์กลายพันธุ์ก็พากันหนีไปทางนั้น

ทหารนายอื่น ๆ จึงรีบวิ่งเข้าไปที่นั้นเพื่อขวางทางสัตว์กลายพันธุ์พวกนั้น

“เป็นแบบนี้สถานการณ์ต้องแย่แน่ ๆ”

ไนเรลมองภาพตรงหน้าและตัดสินใจว่าเขาจะใช้วิธีการทำให้ฝูงของสัตว์กลายพันธุ์พวกนี้วิ่งไปทางอื่นแทนที่จะมาที่เมือง

ชายหนุ่มวิ่งไปยังจุดที่ก่อนหน้านี้ถูกทิ้งระเบิดใส่เปลวไฟยังคงคุกรุ่นอยู่ในหลาย ๆ จุด ไนเรลยืนประจันหน้ากับฝูงสัตว์กลายพันธุ์ที่กำลังตรงเข้ามาหาเมืองอีกละลอก

ระยะห่างระหว่างสัตว์กลายพันธุ์และไนเรลใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งห่างกันไม่ถึงร้อยเมตร ไนเรลที่เห็นว่าใกล้พอสมควรแล้วเขาก็ใช้ความสามารถ [เพลิง A] จนถึงขีดสุดสร้างเป็นแนวกำแพงไฟขนาดใหญ่ยักษ์ขวางกลั้นฝูงสัตว์กลายพันธุ์ไว้

บางตัวที่หลบไม่ทันก็โดนเผาไปเหมือนกับพวกที่โดนระเบิดในครั้งแรก แต่กำแพงไฟของไนเรลนั้นไม่เหมือนกับระเบิด เพราะมันสามารถควบคุมได้ดังใจ

สัตว์กลายพันธุ์ที่ขี้ขลาดส่วนใหญ่พากันหลบหนีไปอีกทางด้วยความกลัว แต่ก็มีพวกที่ดุร้ายก้าวข้ามความกลัวไฟตามสัญญาณโจมตีไนเรลด้วยความกระหายเลือด

เขาเองก็ไม่เกรงใจที่จะออกแรงเชือดมันทิ้งให้ ถ้าพวกมันอยากตาย

เงาด้านหลังของไนเรลก่อตัวเป็นรูปร่างจากนั้นมันก็เข้าไปเข่นฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ที่จู่โจมพวกไนเรลอย่างโหดเหี้ยม จนต้องให้คำว่าฆ่าไม่มีเหลือ

เมื่อมีไนเรลลดทางผ่านของสัตว์กลายพันธุ์ที่จะเข้าไปที่เมืองได้ระดับหนึ่ง ทางทหารและมนุษย์ชั้นสูงก็จัดการฆ่าตัวที่อยู่ด้านหลังได้ง่ายขึ้น จากนั้นก็พากันเดินหน้าฆ่าจนไปถึงจุดที่ไนเรลอยู่

มนุษย์ชั้นสูงส่วนใหญ่ที่เห็นไนเรลสร้างกำแพงเพลิงขนาดใหญ่ก็พากันยืนตะลึงไปเล็กน้อย ส่วนเงานั้นไนเรลเลือกที่จะเก็บมันกับมาก่อนที่พวกนี้จะมาถึงแล้ว

เพราะอย่างไรเขาก็ไม่อยากจะโชว์ความสามารถ [เงา S] ให้คนอื่นเห็นมากนัก เนื่องจากพวกพาราซัสยังตามหาตัวของนักฆ่าเงาที่ฆ่าล้างบางคนของบริษัทย่อยที่เมืองย่อย 101 อยู่ไนเรลไม่อยากจะให้พวกนั้นสาวราวเรื่องมาถึงเขาได้ในตอนนี้

อีกอย่างในอนาคตไนเรลอาจจะได้ใช้ความสามารถนี้ปลอมเป็นนักฆ่าเงาอีกก็ได้

ไนเรลที่ตอนนี้ปลดปล่อยพลังอย่างต่อเนื่องเมื่อเห็นว่าสัตว์กลายพันธุ์น้อยลงแล้ว เขาก็สลายกำแพงไฟของตัวเองไปและเลือกที่จะฆ่าตัวอื่น ๆ ด้วยวิธีที่เรียบง่ายที่สุดคือ เชื่อดมันด้วยดาบตรง ๆ

หลังจากฆ่าสัตว์กลายพันธุ์แล้วไนเรลก็จะผ่าเก็บเอาแก่นพลังงานไป โดยส่วนใหญ่เขาเลือกพวกระดับ 3-4 เท่านั้น ซึ่งมันก็ทำให้เขาเติมเต็มแก่นพลังงานในกระเป๋าได้อีกจำนวนหนึ่ง

พวกหน่วยดาบและโล่ที่เป็นมนุษย์ชั้นสูง เมื่อเห็นการกระทำของไนเรลพวกนั้นก็ลงมือเอาบ้าง เพราะตอนนี้ใครฆ่าได้มากก็เก็บแก่นพลังงานได้มาก นั้นหมายถึงความมั่งคลั่งจำนวนมหาศาล

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงปืนใหญ่พลังงานก็หยุดยิงสนับสนุนและจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมงสัตว์กลายพันธุ์ที่ตรงมาที่กำแพงก็หมดลง จะเหลือก็แต่ตัวที่หนีอ้อมไปทางด้านข้างของแนวกำแพงเมืองทั้งสองฝั่ง ซึ่งก็มีกลุ่มที่รับผิดชอบตรงนี้ตามไล่ล่าพวกมันไป

ศพของสัตว์กลายพันธุ์ตั้งแต่ระดับต่ำจนถึงระดับ 4 มีให้เห็นจำนวนมาก แต่ที่เห็นทั้งหมดน่านับเป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ในฝูงที่หนีรอดไปได้เท่านั้น

ไนเรลจัดการยืนมือที่เปลี่ยนเป็นพืชกาบหอยแครงกินร่างของสัตว์ระดับ 4 ตัวที่พึ่งฆ่าจนย่อยหมดเขาก็เดินกลับมาที่กำแพง ซึ่งมีประธานซายืนนิ่งอยู่ด้วยความไม่สบอารมณ์นัก

“ไอ้หนูชดใช้มา งานนี้ง่ายเกินไป” ชายชรามองไปที่ไนเรลพร้อมกับกล่าวด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจน ขณะที่เขาเช็ดเลือดออกจากใบหน้าโดยมีกลุ่มผู้คุ้มกันที่จัดการเก็บกวาดรอบ ๆ อยู่

“คุณหมายความว่าอย่างไร ก็เราตกลงกันแล้ว...อีกอย่างมันง่ายซะที่ไหน ถ้าไม่ใช่ว่าพลังของผมที่สามารถเปลี่ยนทิศทางฝูงสัตว์พวกนี้ได้คุณคิดว่าแค่ทหารจะตายกันแค่ไม่กี่สิบนายเหรอ” ไนเรลพูดออกมาด้วยท่าทีที่ไม่ยอมเช่นกัน

แต่เขารู้ว่าพิมพ์เขียวปืนใหญ่ที่ได้มานั้นมันคุ้มค่ากว่ากับการลงมือในครั้งนี้แน่นอน ดังนั้นไนเรลที่ไม่อยากจะเถียงกับประธานซาอีกอย่างในอนาคตบางที่เขาอาจจะต้องให้ช่องทางของชายชราอีกก็ได้ เขาจึงนึกว่าบอกข้อมูลบางอย่างให้ไปเป็นการแลกเปลี่ยนให้ไปก็แล้วกัน

“เอาแบบนี้ก็แล้วกันผมจะให้ข้อมูลกับคุณแบบครั้งก่อน ๆ ก็แล้วกัน”

หลังจากนั้นไนเรลก็บอกข้อมูลบางอย่างตามการคาดเดาของเขาซึ่งไนเรก็พึ่งจะประติดปะต่อได้ตอนที่สู้กับพวกสัตว์กลายพันธุ์เมื่อสักครู่นี้เอง

“สัตว์พวกนี้มันไม่ได้จะโจมตีเมืองแต่มันกำลังหนีซอมบี้ที่อยู่ในเมืองหลวงเก่า บางทีอีกไม่นานซอมบี้ที่เมืองหลวงก็จะปะทุออกมา และเมืองแห่งนี้ที่ใกล้เมืองหลวงที่สุดก็คง....” ไนเรลเงียบไปไม่พูดต่อ เพียงแค่นี้ชายชราก็คงจะเดาคำพูดของเขาออก

หลังจากพูดเรื่องนี้จบไนเรลก็ขอให้ประธานซาจัดการเรื่องของไมน่าให้เพราะถึงอย่างไรไนเรลลงมือเองที่เมืองนี้มันก็ไม่สะดวกมากนัก

“ไอ้หนูแกไปกับฉันเพื่อคุยกับรัฐมลตรีของเมืองนี้ก่อนได้ไหม ฉันต้องการให้พวกนั้นได้ยินจากปากของประธานสมาพันธุ์นักล่า” ประธานซาพูดพร้อมกับคิดไปด้วย

“ไม่ดีกว่าผมไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเรื่องในเมืองของพวกคุณอีกอย่างคุณก็น่าจะรู้ว่าคนตระกูลอาโรเดีย...” ไนเรลกล่าวจบก็กลางปีกบินออกไปในทันที

“แล้วแกจะไปไหนไอ้หนู”

“บ้าน” เสียงของชายหนุ่มดังมาแต่ไกล ขณะที่หนึ่งในเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงเดินเข้ามาหาประธานซาพลางมองไนเรลที่เป็นจุดเล็ก ๆ ไปไกลแล้ว

“ประธานซา” ทหารคนนั้นทักทายชายชราด้วยความสุภาพ

ประธานซาหันไปทักทายด้วยเช่นกัน ทหารคนนั้นเหมือนจะมีบางอย่างจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ และกล่าว

“ท่านทำไมถึงปล่อยเขาไปแบบนี้ บางทีอาจจะดึงเขาเข้ามาเป็นพวกได้ซึ่งน่าจะกดดันและค้านอำนาจกับรัฐมลตรีอีเมอร์สันได้”

“นายคิดว่าไอ้เด็กนั้นโง่งั้นหรือ ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรมันก็ชิ่งหนีไปก่อนแล้ว อีกอย่างช่วงนี้ปู่ของมันก็กลายเป็นตัวปัญหาให้กับประเทศอื่น ๆ แล้ว ฉันขอตัวก่อนก็แล้วกัน” ชายชรากล่าวจบก็เดินกลับไปที่พักทันที

หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้วศพของสัตว์กลายพันธุ์ที่เหลือก็มีคนของกองทัพและรัฐบาลมาตามเก็บไปจนหมดและก็ได้มีคำสั่งแจกจ่ายเนื้อให้กับผู้คนในเมืองเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการต่อสู้ในครั้งนี้

แต่นอนว่าพวกเขาหารู้ไม่ว่าทุกอย่างเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะหลังจากนี้จะมีสัตว์กลายพันธุ์อีกหลายฝูงที่รวมตัวกันอพยพในลักษณะนี้อีก

......

เมืองหลวงเก่าของไทกีล่า หลังจากบินออกมาจากที่นั้นแล้วไนเรลก็บินตรงมาที่นี่เพื่อหาคำตอบด้วยความระมัดระวังอย่างเต็มที่ เขาเลือกที่จะมองดูอยู่ห่าง ๆ เท่านั้นไม่ได้เข้าไปใกล้เมืองหลวงแต่อย่างไร

ภาพที่ไนเรลเห็นนั้นมันดูน่าตกใจเป็นอย่างมาก เมืองทั้งเมืองปกคลุ่มไปด้วยกลิ่นอายของความตาย ซอมบี้จำนวนมหาศาลเดินกันไปมาราวกับมด พวกมันดูหิวกระหายและผอมซูบเหมือนดังโครงกระดูก

บางส่วนเริ่มกระจายตัวออกมาเพื่อหาสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่สามารถกินได้เพื่อจับกิน แต่สิ่งหนึ่งที่ไนเรลต้องขมวดคิ้วนั้นก็คือซอมบี้ทำตัวยังกับเป็นเชื้อโรคเพราะสิ่งที่อยู่รอบตัวพวกมันกลับเป็นพิษแห้งเหี่ยวเฉาตายไปหมด

“ดูเหมือนพวกซอมบี้จะออกฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ที่อยู่ใกล้ทั้งหมดเพื่อกิน อีกไม่นานมันคงขยายอาณาเขตออกไปเรื่อย ๆ เพราะความหิวกระหายของพวกมันไม่มีที่สิ้นสุด...จนกว่าจะได้กัดกินมนุษย์ให้สิ้น” ไนเรลพึมพำออกมาเงียบ ๆ และถอยออกไปจากจุดนี้ เดินทางกลับไปที่เมืองย่อย 101

หนึ่งวันหลังจากนั้นไนเรลก็มองเห็นเมืองย่อย 101 ที่เขาจากไปหลายเดือนแล้ว

“ฉันกลับมาแล้ว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด