ตอนที่แล้วตอนที่ 5 : “หมู่ดาว”
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 : อรรถา

ตอนที่ 6 : พบเจอในยามวิกาล


เรื่อง : รัตติกาลไม่สิ้นแสง (长夜余火 Embers Ad Infinitum)

ตอนที่ 6 : พบเจอในยามวิกาล

* * * * * * * * * * * * * * *

“สละหนึ่ง ได้รับสาม…”

ซางเจี้ยนเย่ามองดูร่างแสงนั้นก่อนจะเดินทะลุผ่าน “เขา” เข้าไปยังส่วนลึกของห้องโถง

“เงาร่าง” นั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ยังคงส่งเสียง “สละหนึ่ง ได้รับสาม…” ดังสะท้อนไปเรื่อยๆ

หลายนาทีผ่านไป ซางเจี้ยนเย่ามาถึงด้านในสุดของห้องโถง เห็นประตูหินสีขาวหม่นที่หนาทึบ

มันฝังอยู่ในผนังโลหะสีดำ อาบไล้ด้วยแสงจาก “หมู่ดาว” ขับให้เห็นถึงร่องหลุมสามร่องบนพื้นผิว

ร่องทั้งสามนี้อยู่สูงขึ้นไปสองเมตร ร่องหนึ่งอยู่ด้านบนเหนือขึ้นไปจากอีกสองร่องที่เหลือ เรียงเป็นสามเหลี่ยมด้านเท่า

ซางเจี้ยนเย่าจ้องมองดูอย่างเงียบงันราวสองสามวินาที จากนั้น “หมู่ดารา” ก็พร่างพรายสะท้อนในดวงตาเขา

เขาโน้มตัวไปเบื้องหน้า กดมือทาบลงบนประตูหินสีขาวหม่นแล้วออกแรงผลัก

ร่องบนประตูหินพลันค่อยๆ สว่างเรืองรองขึ้นทีละร่องราวกับดวงดาวร่วงหล่นจากฟากฟ้ากระแทกฝังจมเข้าไป

ภายใน “ดวงดาว” ทั้งสาม มีข้อความพร่าเลือนสลับไปมาอย่างรวดเร็วปรากฏขึ้น ดูเหมือนว่าขณะที่ความคิดของซางเจี้ยนเย่าไม่นิ่ง ข้อความพวกนี้ก็พร่าเลือนสลับไปมา ไม่อาจคงสภาพเป็นคำที่ชัดเจน

ประตูหินสีขาวหม่นที่ดูหนักผิดปกติส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดแต่ก็แทบไม่ขยับเปิด

ซางเจี้ยนเย่าหยุดพักหายใจแล้วออกแรงอีกครั้งเพื่อผลักไปด้านหน้า

“ดวงดาว” ในร่องทั้งสามหม่นแสงลงเมื่อเขาหยุด แล้วพลันสว่างเรืองรองอีกครั้งเมื่อเขาออกแรงกด ตัวอักษรที่พร่าเลือนค่อยๆ เคลื่อนไหวช้าลง แต่ไม่ได้หยุดนิ่ง

ประตูหินสะเทือนเบาๆ แต่ยังไม่เคลื่อนเปิด

ซางเจี้ยนเย่าออกแรงผลักครั้งแล้วครั้งเล่า จนเส้นเลือดขมับปูดโปน สีหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัวเหมือนกับรีดเร้นกำลังจนหมดตัว แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ดีขึ้น

“ฟู่” เขาพ่นลมออก หยุดยืนอยู่หน้าบานประตู มองดู “ดวงดาว” ทั้งสามหรี่แสงและดับไปอย่างรวดเร็ว

เขายืนมองอย่างเงียบๆ ไม่เคลื่อนไหวใดๆ อยู่ครู่ใหญ่

อีกชั่วครู่ ซางเจี้ยนเย่าก็เผยรอยยิ้ม ยกมือขวาขึ้นมาแล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางกดลงบนคิ้ว

วินาทีถัดมา เขาดู “สงบนิ่ง” มากขึ้น

จากนั้นซางเจี้ยนเย่ามือซ้ายล้วงกระเป๋า ยืดมือขวาออกไปด้านหน้า แล้วออกแรงกดเบาๆ ที่ประตูหินสีขาวหม่น

คราวนี้เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะไม่ได้ออกแรงอะไรมาก แต่ “หมู่ดาว” ที่สะท้อนอยู่ในดวงตาเขานั้นกลับสว่างและชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

เหนือประตูหินสีขาวหม่น ภายในร่องทั้งสาม “ดวงดาว” ส่องสว่างรวมตัวจนกลายเป็นลูกแก้วสีขาว ข้อความพร่าเลือนก่อนหน้าก็ปรากฏขึ้น แม้จะยังส่ายไหวแต่ความเร็วนั้นช้าลง

สุดท้ายมันก็หยุดนิ่ง

จากบนลงล่าง ซ้ายไปขวา ข้อความที่อยู่บนลูกแก้วแสงสีขาวคือ

“ตัวตลกชักจูง”, “คนไร้เหตุผล”, “พันธนาการมือ”

ประตูหินสีขาวหม่นสั่นไหวเบาๆ มีเสียงดังขึ้นแล้วขยับถอยเข้าไปเล็กน้อย

ด้านหลังของช่องว่างประตูที่เผยอออกนั้นมีแสงส่องประกาย บันไดโลหะสีเงินตั้งสงบในความมืดมิด

ซางเจี้ยนเย่าพยายามสอดมือเข้าไปในช่องว่างระหว่างบานประตู แต่ไม่ประสบผล

เขาลองอีกครั้งโดยเปลี่ยนเป็นใช้เท้า แต่ยังคงเช่นเดิม

ใช้ทั้งมือและเท้า เปลี่ยนสารพัดท่า ไม่ว่าจะยืนกระต่ายขาเดียวไปจนตีลังกาศีรษะอาสนะ ก็ยังคงไม่ช่วยให้ดีขึ้น

หลังจากทดลองครั้งแล้วครั้งเล่า เขาทำได้เพียงแค่ยัดปลายนิ้วกับปลายจมูกลอดผ่านเข้าไปได้เท่านั้น

ไม่ว่าจะลงแรงแค่ไหน ประตูหินสีเทาหม่นยังคงไม่ขยับถอยออก

หลังจากทำซ้ำไปซ้ำมา ร่างของซางเจี้ยนเย่าก็ค่อยๆ เลือนราง

ในที่สุดเขาก็หยุดเคลื่อนไหวขณะที่มองดูร่างตัวเองค่อยๆ เลือนหายไป

ในห้อง 196 ชั้น 495 เขต B ซางเจี้ยนเย่าที่นอนอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้น

เขามองเห็นไฟถนนส่องผ่านบานหน้าต่างสี่ช่องอาบไล้โต๊ะด้วยแสงสลัว และ “ห้องนั่งเล่น” ที่มืดลง ปลายม้านั่งยาวและขอบเตียงเก่าจมลงสู่ความมืดมิด

รอบข้างเงียบสงัด

ทันใดนั้นลำโพงที่แขวนห้อยบนเพดานถนนก็ส่งเสียงไพเราะราวกับเสียงเด็ก

“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ ฉัน…ผู้ประกาศข่าว ‘โฮ่วอี๋’ นะคะ ขณะนี้เวลายี่สิบนาฬิกา…

“เวลา 17.20 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้เล็กน้อยในโรงงานชั้น 102 มีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย บาดเจ็บสามราย ไฟถูกควบคุมไว้ได้แล้ว กำลังประเมินความเสียหายอยู่ ผู้อำนวยการและรองประธานบอร์ดผู้บริหาร จี้เจ๋อ ได้ย้ำเตือนอีกครั้งว่า ‘เปลวไฟไร้ปรานี อัคคีต้องระวัง’…

“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป หน่วยปฏิกรณ์หมายเลข 2 ของเขตพลังงานจะหยุดอย่างเป็นทางการเพื่อการซ่อมบำรุง การปันส่วนพลังงานสำหรับพนักงานทุกคนจะถูกลดลงหนึ่งในสี่ ยังไม่มีกำหนดเวลาว่าจะกลับสู่สภาพปกติเมื่อไหร่…

“หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ ‘สถาบันวิจัยความร้อนใต้พิภพ’ ซุนฉู่ฉือ กล่าวว่าความพยายามในการสร้างแบบจำลองความร้อนใต้พิภพให้ดีขึ้นนั้นสำเร็จแล้ว นี่จะทำให้เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของเขตที่อยู่อาศัยในเวลากลางคืนได้โดยที่ยังสามารถคงประสิทธิภาพของสภาพแวดล้อมของ ‘นิเวศน์ภายใน’…

“เวลา 18.40 น. มีเหตุทะเลาะวิวาทที่ ‘โรงอาหารพนักงาน’ ในชั้น 577 มีพนักงานคนหนึ่งกล่าวหาว่าพนักงานบริการอาหารในโรงอาหารไม่ยุติธรรม อาหารแบบเดียวกันแต่เขาได้รับน้อยลงหนึ่งในสิบส่วน ทาง ‘ทีมควบคุมระเบียบ’ ของชั้นกำลังสืบสวน…

“ระหว่างเวลา 19.20 ถึง 19.30 น. พนักงานชายสองคนก่อเหตุชกต่อยกันที่บริเวณ ‘ศูนย์กิจกรรม’ ชั้น 414 ‘ทีมควบคุมระเบียบ’ ได้เริ่มสืบสวนแล้วแต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด พนักงานคนอื่นๆ บอกว่าเหตุมาจากผลการจัดสรรจับคู่…

“…

“…ข่าววันนี้ยุติลงแต่เพียงเท่านี้ เราจะเปิดดนตรีเอาไว้ หวังว่าทุกท่านจะชอบ ขอบคุณค่ะ

“…”

ซางเจี้ยนเย่านอนอยู่บนเตียงในตำแหน่งที่แสงจากไฟถนนส่องมาไม่ถึง เขาฟังการรายงานข่าวด้วยอารมณ์สงบเยือกเย็นไม่เคลื่อนไหวใดๆ

ก่อนจะทันรู้ตัวก็ผล็อยหลับไป

เมื่อตื่นขึ้นมา ไฟถนนด้านนอกก็ดับลงแล้ว บริเวณโดยรอบมืดสนิท

อากาศเย็นไหลเวียนอยู่ในห้อง ซางเจี้ยนเย่าพบว่าก่อนหน้านี้ตนเองถอดเสื้อออกแล้วซุกตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่ม คลุมทับด้วยเสื้อคลุมจากผ้าฝ้ายตัวหนาสีเขียวแก่อยู่ข้างเตียง

เขาไม่มีนาฬิกาจึงไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว แต่มั่นใจว่ายังไม่ถึงเวลา 6.30 น. ในตอนเช้าเพราะว่าไฟถนนยังไม่เปิด

เขาคะเนว่าน่าจะหลับไปก่อน 20.30 น. นอนเร็วกว่าปกติสองชั่วโมงก็เลยตื่นเร็วกว่าทุกที

รู้สึกถึงท้องน้อยที่ป่องออกมา ซางเจี้ยนเย่าควานหาไฟฉายสีดำจากข้างหมอนแล้วดันสวิทช์ไปด้านหน้า

ลำแสงควบแน่นยิงออกมาสะท้อนกับอ่างล้างจานฝั่งตรงข้าม

“ฉันลืมล้างหน้าแปรงฟันล้างเท้า…” ซางเจี้ยนเย่าพึมพำ ดึงผ้าห่มขึ้นแล้วก็ลุกพรวดออกจากเตียง

ในบริษัท นอกจากพนักงานระดับสูงและผู้จัดการที่ได้รับการจัดสรรห้องน้ำแยกต่างหากแล้ว ทุกคนต้องไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำสารธารณะขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับ “ศูนย์กิจกรรม” เท่านั้น

นอกจากพนักงานในบางตำแหน่งงานที่จำเป็นต้องอาบน้ำแล้ว ทุกคนที่เหลือจะมีโควต้าให้อาบน้ำได้เพียงสัปดาห์ละสองครั้ง หากไม่ได้ใช้ก็ไม่สามารถเก็บทบสะสมได้

หลังจากลุกขึ้นจากเตียง ซางเจี้ยนเย่าไม่รอช้า สวมเสื้อคลุมผ้าฝ้ายตัวหนาสีเขียวแก่แล้วหยิบไฟฉายรีบเปิดประตูแล้วพรุ่งตรงไปยังห้องน้ำสาธารณะที่อยู่สุดถนน

แบตเตอรี่ไฟฉายก็เป็นส่วนหนึ่งของโควต้าพลังงาน เขาไม่กล้าปล่อยให้มันเสียเปล่า พนักงานหลายคนเตรียมถังไม้ กระโถน หรืออื่นๆ เอาไว้เพื่อจะได้ไม่ต้องออกนอกบ้านตอนกลางคืน แต่น่าเศร้าที่ของพวกนั้นล้วนต้องใช้คะแนนความร่วมมือแลกมา

ในเวลานี้ห้องน้ำสาธารณะไม่มีคน หลอดไฟเซนเซอร์สว่างขึ้นตอบสนองฝีเท้าของซางเจี้ยนเย่า แต่ก็ค่อนข้างสลัว

หลังจากแก้ปัญหาทางสรีรวิทยาแล้ว ซางเจี้ยนเย่าก็เดินออกจากห้องน้ำสาธารณะและกำลังจะกลับบ้าน

แล้วในขณะนั้นเขาก็เห็นลำแสงที่พุ่งออกมาจากไฟฉายจากมุมทางเดิน

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น มีชายในเสื้อคลุมผ้าฝ้ายสีเขียวแก่แบบเดียวกับซางเจี้ยนเย่า เขารีบเดินอย่างรวดเร็วแล้วเลี้ยวที่หัวมุมมุ่งหน้าไปฝั่งตรงข้ามกับห้องน้ำสาธารณะ

ซางเจี้ยนเย่าจ้องมองเป็นเวลาสองวินาที หลังจากนั้นก็ปิดไฟฉายแล้ววิ่งเหยาะๆ อย่างแผ่วเบาในความมืดมุ่งตรงไปยังกลุ่มแสงที่อีกฝ่ายเป็นคนสร้างขึ้น

เพียงไม่นานก็ไปถึงชายคนนั้น และพบว่าเขาเป็นพนักงานวัยกลางคนในละแวกนั้น เรียกเป็นลุง เขาชื่อเฉินตู้

“เฮ้!” ซางเจี้ยนเย่ากระโดดพรวดออกมาจาก “ความมืด” แล้วตบลงบนไหล่

เฉินตู้สะดุ้งเฮือก มือสั่นจนเกือบโยนกระบอกไฟฉายทิ้ง

เขามองดูซางเจี้ยนเย่าด้วยความหวาดกลัวก่อนถอนหายใจโล่งอก

“ซางน้อยนั่นเอง ทำเอาตกใจแทบตาย!

“ดึกดื่นป่านนี้ อย่าโผล่พรวดพราดมาทักทายแบบนี้สิ!”

ซางเจี้ยนเย่ายิ้มแล้วพูดว่า

“ลุงเฉิน รัตติกาลสวัสดิ์ ตอนนี้กี่โมงแล้ว?”

“ยังไม่หกโมงเช้า” เฉินตู้ตอบไปโดยอัตโนมัติ

นอกบ้านเขาตรงสี่แยกมีนาฬิกาฝาผนังแขวนไว้

“ลุงเฉินจะไปไหนเหรอ?” ซางเจี้ยนเย่ามองไปรอบๆ

“จะไป… ไปห้องน้ำ…” เฉินตู้หยุดกลางประโยค ทิศทางที่เขากำลังมุ่งไปนั้นมันคนละทางกับห้องน้ำสาธารณะที่ใกล้ที่สุด

ภายใต้แสงเรืองรองจากไฟฉาย สีหน้าอ่อนโยนของเขาผสมอารมณ์หลากหลาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศหนาวเย็นยามค่ำคืน หรือว่าเป็นเพราะสาเหตุอื่น

หลังจากเรียบเรียงคำพูดได้แล้ว เฉินตู้ก็ยิ้ม

“ฉันจะไปห้องน้ำสาธารณะในเขต C น่ะ เฮ้อ เมื่อคืนตอนอยู่ ‘ศูนย์กิจกรรม’ ฉันทำของหล่นไว้ พอตื่นขึ้นมาก็เพิ่งรู้ตัว เลยว่าจะรีบไปหา”

ซางเจี้ยนเย่าพยักหน้า ดวงตาสีน้ำตาลแก่เหมือนถูกย้อมด้วยความมืดรอบกาย

เขาหัวเราะแล้วพูดขึ้น

“ลุงเฉิน…ดูสิ ลุงสวมเสื้อคลุมเขียว ผมก็ด้วย ลุงเป็นผู้ชาย ผมก็ใช่”

เฉินตู้งุนงงอยู่ชั่วขณะ แล้วดูเหมือนจะนึกอะไรได้

“ดังนั้นพวกเราก็คือสหายธรรม!”

เขากระตือรือร้นขึ้นมาทันที

“เธอก็จะไปฟังอรรถาจาก ‘ผู้ชี้นำ’ ด้วยเหรอ?”

“ใช่ครับ” ซางเจี้ยนเย่ายิ้มตอบ


[หมายเหตุ]

“ตัวตลกชักจูง”, “คนไร้เหตุผล”, “พันธนาการมือ” สามข้อความนี้ ต้นฉบับใช้คำว่า 推理小丑, 矫情之人, 双手动作缺失 ในตอนต่อๆ ไปจะค่อยๆ เปิดเผยว่าคืออะไร ตอนนี้แปลแบบนี้ไปก่อน อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง

ยืนกระต่ายขาเดียว 金鸡独立 แปลตามตัวว่า ไก่ทองยืนขาเดียว เป็นท่าโยคะชื่อว่าท่าต้นไม้

ศีรษะอาสนะ 笔直倒立 แปลตามตัวว่า ยืนตรงกลับหัว เป็นท่าโยคะที่ตีลังกายืนด้วยศีรษะ

เปลวไฟไร้ปรานี อัคคีต้องระวัง ‘烈火无情,警钟长鸣’ ‘เปลวไฟไร้ปรานี ระฆังดังยาวนาน’ เป็นคำขวัญเตือนให้ระวังไฟไหม้ในประเทศจีน ท่อนหลังแปลว่าเสียงระฆังเตือนภัย (กริ่งเตือนภัย) ดังไม่หยุด หมายถึงให้คอยระวังไว้ตลอดเวลา

อรรถา ต้นฉบับใช้คำว่า ‘布道’ แปลว่า การสอนธรรมะ เทศน์ เทศนา แสดงธรรม แต่จากเนื้อหานิยายแล้วรู้สึกว่าถ้าแปลตรงตัวแล้วรู้สึกแปลกๆ เลยใช้คำนี้แทน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด