ตอนที่แล้ว19.ความสัมพันธ์ที่น่ากระอักกระอ่วนอีกแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป21.เงินสองตำลึงในกำมือ

20.ทำอาหาร


“ข้ารู้     นางมีโอกาสคุยกับท่าน เฉพาะตอนท่านไปสอนลูกชายของผู้ใหญ่บ้าน” หลิ่วเจินถามขึ้นเหมือนนึกขึ้นใด้ “เหตุใดท่านไม่สอนหนังสือเสี่ยวซานเล่า? ผู้ใหญ่บ้านมีความประสงค์ว่า หากท่านสอนหนังสือบุตรชายเขา เขายังจะให้เงินค่าจ้างแก่ท่านด้วย”

กู้หรูเฟิงตอบอย่างค่อนข้างอึดอัดใจ  “เรียนหนังสือไม่ใช่เรื่องง่าย เสี่ยวซานมีใจมุมานะศึกษา ก็คงสามารถรู้ตัวอักษรได้พอสมควร ทว่าหากอยากเรียนเพราะคำนึงถึงอนาคต เกรงว่าจะไม่มีโอกาสนั้น แล้วอย่างนี้ ไยต้องมาเสียเวลาโดยใช่เหตุเล่า?” ช่วงเวลาที่พำนักอยู่ในเมืองหลวง ชายหนุ่มได้พบเจอและคุ้นเคยกับบัณฑิตเหล่านั้นเป็นอย่างดี ย่อมรู้แจ้งแก่ใจว่า เสี่ยวซานนั้นไม่นับว่ามีพรสวรรค์ หรือความสามารถอันใดเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งอายุเขาก็ไม่น้อยแล้ว ยามนี้ยังอยากจะใฝ่หาความสำเร็จอันใดเล่า คงไม่มีแววจะเป็นไปได้หรอก

กระทั่งความรู้ลึกซึ้ง กลับรู้เพียงเล็กน้อย แล้วจะเสียเวลาลองพยายามไปทำไม?

นางขบคิดดูแล้ว บางทีเหตุผลนี้อาจถูกต้อง เพียงแต่รู้สึกอึดอัดในโพรงอกเล็กน้อย พอเขาตระหนักชัดว่าเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นพอขอให้ลองดู เขาจึงปฏิเสธ  ครั้นแล้วหญิงสาวจึงเอ่ยทีเล่นทีจริง “ทว่าหากไปสอน ท่านย่อมได้เจอเซียงเช่าทุกวัน ไม่แน่ท่านอาจได้พัฒนาความสัมพันธ์กัน ดูท่าแม่นางน้อยนั่น ก็ชอบท่านนี่ ภายหลังที่เลิกรากับข้าแล้ว ท่านก็ยังมีคนอยู่ข้างกาย”

กู้หรูเฟิงนิ่งเงียบไป ไม่เอ่ยอันใดอีก

หลิ่วเจินรออยู่สักพัก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ประสงค์จะสนทนาอีกต่อไป หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืน แล้วไปวุ่นวายกับงานในครัวต่อ

พวกเขาสองคนออกจากบ้านกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง พอกลับถึงบ้านฟ้าก็มืดแล้ว ทั้งสองคนกินเพียงอาหารง่าย ๆรองท้องระหว่างเดินทางแค่นั้น ยามนี้ย่อมอยากทำอะไรดี ๆกินสักหน่อย เรื่องของเรื่องก็คือ พวกเขาซื้อวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารมามากมายเหลือคณานับ

อันที่จริงนางไม่เก่งในเรื่องทำอาหารสักเท่าไร เหตุผลทั้งมวลก็ต้องโทษชีวิตที่รีบเร่งวุ่นวายในยุคสมัยใหม่   แม้เมื่อตอนกลับถึงบ้านหลังเลิกงาน หญิงสาวก็เพียงต้มบะหมี่สำเร็จรูปกินลวก ๆ พอประทังความหิวเท่านั้น  หากพูดกันอย่างไม่ลำเอียง นางทำอาหารไม่อร่อยเลยแม้แต่น้อย  ตั้งแต่เริ่มต้น การที่ทั้งสองคนกินอาหาร ล้วนเพื่อให้ท้องอิ่ม ไฉนจะสนใจรสชาติความอร่อยเล่า?

ยามนี้ข้าวที่ซื้อมาก็แสนแพง ส่วนเนื้อหมูยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึง พวกเขาไม่อาจทิ้งไว้เฉย ๆโดยเปล่าประโยชน์ได้

หลังจากขบคิดอยู่พักหนึ่ง หญิงสาวตัดสินใจทำหมูสามชั้นน้ำแดง

ปกตินางไม่ชอบมันหมู  แต่ตอนนี้โหยหายิ่งนัก  เนื่องจากนานมาแล้วที่นางไม่ได้กินเนื้อและปลา

หญิงสาวทำหมูสามชั้นน้ำแดง โดยเริ่มจากเอาหมูสามชั้นมาล้างทำความสะอาด แล้วบั้งส่วนด้านหลังเป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกเต๋า จากนั้นเติมพริกฮวาเจียว เมล็ดผักชี อบเชย กานพลู และอื่น ๆ หมักให้เข้ากัน น่าเสียดายที่ส่วนผสมมีไม่ครบ เรื่องนี้ทำให้หลิ่วเจินคิดถึงซุปเปอร์มาเกตในยุคสมัยใหม่ ซึ่งมีทุกสิ่งพร้อมสรรพ ซึ่งยุคนี้เทียบไม่ได้เลย หลังจากหมักทิ้งไว้พอสมควรแก่เวลา ก็เอาไปต้มจนสุก  ครั้นแล้วก็ตักขึ้นมาทิ้งให้สะเด็ดน้ำ  จากนั้นเติมน้ำมันสองช้อนครึ่ง น้ำตาลสองช้อน ลงในกระทะ เอาหมูที่ต้มเกือบสุกแล้วลงผัดเข้าด้วยกัน จนสีของหมูค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีทองเข้มทีละนิด กลิ่นหอมฉุยที่โชยมา และรสชาติอันหวานมัน ชวนให้คนน้ำลายไหลนัก

แล้วนางก็เร่งไฟแรงและผัดจนน้ำในเนื้อแห้งงวดลงนิดหนึ่ง จากนั้นก็โรยกระเทียมสับลงไปผัดให้เข้ากัน และตักใส่จานในท้ายสุด เมื่อกลิ่นหอมของอาหารโชยมาปะทะหน้า เพียงเท่านี้นางก็รู้แล้วว่า โลกที่นางจับพลัดจับผลูเดินเข้ามาโดยบังเอิญนั้น ไม่ได้ว่างเปล่าไร้ความหมายแล้ว

กู้หรูเฟิงถูกกลิ่นหอมของอาหารจานเด็ดดึงดูดไปตั้งนานแล้ว  ตั้งแต่ภายหลังที่เขาประสบเคราะห์กรรม เกรงว่าคงไม่ได้ลองลิ้มชิมรสอาหารดี ๆ รสชาติอร่อยๆ อันใดเลย

หลังจากคดข้าวสวยใส่ถ้วย และจัดวางกับข้าวบนโต๊ะเสร็จแล้ว ทั้งสองก็นั่งล้อมวง  คีบเนื้อหมูเข้าปาก  รสชาติของมันอร่อยล้ำเสียจนอยากจะเคี้ยวลิ้นกลืนลงไปด้วยเลย

“เจ้าทำอาหารอร่อยล้ำเลิศปานนี้ได้อย่างไร?” กู้หรูเฟิงค่อนข้างฉงนสงสัย

หลิ่วเจินที่กำลังจัดการอาหารตรงหน้าตอบกลับ “หมูมีรสชาติอร่อยอยู่แล้ว ใครเอามาปรุงเป็นอาหารจะไม่อร่อยได้รึ?”

ชายหนุ่มพยักหน้าครุ่นคิด “เช่นนั้นเจ้าก็สอนข้าทำบ้างสิ”

ก่อนจะขโมยความรู้จากอาจารย์เช่นข้าไป  ท่านอยากทำให้ใครกินในภายหน้าล่ะ?” นางแสร้งทำทีเป็นถามอย่างไม่คิดอะไร แต่ที่จริงนางกำลังทดสอบอีกฝ่าย และหวังจะได้รับคำตอบว่าเขาจะไม่จากไปไหน

กู้หรูเฟิงนิ่งเงียบไปอีกครา นางกำลังผลักไสเขาไปอีกแล้วใช่หรือไม่?

พอเห็นว่าปีใหม่กำลังจะใกล้เข้ามา  ทุกครอบครัวต่างเริ่มทำความสะอาด และจัดข้าวของทั้งบ้านให้เป็นระเบียบ จนบ้านดูใหม่ สะอาดเอี่ยมอ่อง  แน่นอน ครอบครัวของหลิ่วเจินก็ไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาแปะกระดาษคำกลอนคู่  ซึ่งเชียนคำอวยพรไว้  และตัวอักษรทั้งหมดนั้นถูกเขียนโดยกู้หรูเฟิง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด