19.ความสัมพันธ์ที่น่ากระอักกระอ่วนอีกแล้ว
เมื่อหลิ่วเจินกำลังจะตอบกลับผู้ใหญ่บ้าน นางก็พลันนึกได้ว่า คล้ายว่าภายหลังกู้หรูเฟิงมา เขาได้พูดอยู่สองสามประโยคว่าจะไปที่ไหนสักแห่ง รู้สึกว่าจะไปหาเสี่ยวซานเพื่อสอนหนังสือรึไงนี่
แต่คล้ายว่ากู้หรูเฟิงยังไม่ได้ตกลงรับสอน เพียงแต่สอนพอให้รู้ตัวหนังสือสักคำสองคำเท่านั้น ที่ทำก็เพื่อเป็นการตอบแทนความเมตตาของผู้ใหญ่บ้าน
หญิงสาวรับปากว่าจะพยายามให้เต็มที่ แต่ก็แค่พยายามให้เต็มที่ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้น ก็อยู่ที่สวรรค์ลิขิตแล้ว
พอสนทนาเป็นเพื่อนต่ออีกไม่เท่าไร หญิงสาวก็ขอตัวลากลับ
บ้านของผู้ใหญ่บ้าน ภายในกั้นแบ่งเป็นสี่ห้องด้วยกัน หลังคาของบ้านมุงด้วยกระเบื้องชิ้นเล็ก ๆอย่างประณีตสวยงาม โดดเด่นกว่าบ้านหลังอื่น ๆ ในหมู่บ้าน
เสี่ยวซานผู้เป็นบุตรชาย พักอยู่ในห้อง ๆ หนึ่งซึ่งอยู่ติดประตูทางเข้า ได้ยินเสียงอ่านหนังสือดังลอดออกมาชัดเจน
หลิ่วเจิน กับลูกสะใภ้ทั้งสามต่างพูดคุยทักทายกัน ครั้นแล้วหญิงสาวจึงเดินเข้าไปในห้อง ทว่าตรงบริเวณมุมห้อง นางได้ยินใครบางคนกำลังพูดคุยกันอยู่
“พี่หรูเฟิง ท่านสบายดีไหมเจ้าคะ?” แม่นางตัวน้อยถามขึ้นอย่างร้อนใจ ความอาทรอันลึกซึ้งเต็มเปี่ยมในหัวใจ สะท้อนออกมาชัดแจ้ง
ดวงตาของหลิ่วเจินหรี่แคบลง การมาแอบฟังเรื่องราวเช่นนี้ ไม่สมเป็นหลิ่วเจินเลย ท่าทางที่แสดงออกในยามนี้ ควรเป็นภรรยาเอกที่จับได้ว่าสามีนอกใจไปมีผู้หญิงอื่นใช่ไหม ทว่านางดูไม่คล้ายคนมีคุณสมบัติเป็นภรรยาเอกเอาเสียเลย
ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดแล้ว ทำเป็นว่าบังเอิญเดินมาเจอเข้าก็แล้วกัน
ห้องนี้มิได้ใหญ่โต ดังนั้นย่อมเห็นคนที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้นชัดเจนทีเดียว
ภายใต้สถานการณ์การเผชิญหน้าอันกระอักกระอ่วน คนแรกที่รู้สึกตัวก่อนก็คือกู้หรูเฟิง
เขาสะบัดแขนเสื้อของตนเองที่ถูกแม่นางตัวน้อยดึงรั้งไว้ออก ลังเลอยู่คราหนึ่ง ครั้นแล้วก็เดินมายืนอยู่ข้าง ๆ หลิ่วเจิน “พวกเราไม่ได้มีอะไรกันนะ เจ้าอย่าได้เอะอะมีเรื่องกันเลย”
พูดมาเช่นนี้ แสดงว่าเคยเอะอะมีเรื่องกันมาก่อน
เด็กหญิงตัวน้อยทำปากคว่ำ “เจ้ามีคุณสมบัติอันใดมาก่อเรื่องเล่า ซื้อข้าวของมาตั้งมากมายปานนี้ ดูเหมือนเจ้าจะใช้เงินของพี่หรูเฟิงหมดเกลี้ยงแล้วนี่ ไม่รู้จักละอายใจบ้างเลย”
หลิ่วเจินยังไม่ทันได้พูดเลย ก็คล้ายโดนคนเอาปืนกลมายิงรัวใส่ เคราะห์ดีที่มีเกราะกันกระสุน นางก็เลยไม่บาดเจ็บ
กู้หรูเฟิงกระสับกระส่ายนัก เขานิ่วหน้าแล้วพูดขึ้น “เงินที่เอาไปซื้อข้าวของ ล้วนเป็นของหลิ่วเจิน เซียงเช่า เจ้าเลิกพูดเหลวไหลเสียที” ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ “นางคือภรรยาข้า ใข้เงินของข้า อันที่จริงก็สมควรแล้ว”
เซียงเช่ารึ? ชื่อนี้ดูคุ้น ๆ ในครั้งที่เจ้าของร่างเดิมก่อเรื่องราวหายนะ คล้ายว่าจะหลุดชื่อนี้ออกมาจากปาก
หลิ่วเจินรู้สึกว่าทุ่งอสูรร้ายนี้ ดูน่าสนใจขึ้นมาอีกนิด ทว่านางก็ไม่ควรสูญเสียกิริยา นางควรต้องทำอะไรให้ทุกคนประหลาดใจกันบ้าง ซึ่งก้าวสำคัญก้าวหนึ่ง ก็คือรักษาหน้าตนเองไว้
“กลับบ้านกันเถิด” หญิงสาวเอ่ยเรียบ ๆ สภาพอารมณ์ไม่ปรากฏ ท่าทีเสแสร้ง หาเรื่อง หรือ อารมณ์เสียเลย นางเก็บงำความรู้สึกได้ล้ำลึก จนไม่มีเข้าถึง
กู้หรูเฟิงเองก็แทบไม่อยากเสียเวลาอีก ชายหนุ่มรีบยกเท้าเยื้องย่างออกไปทันที
เซียงเช่าผู้ซึ่งยืนอยู่ที่เดิม ร้องออกมาอย่างคับข้องใจ นางรึสู้อุตส่าห์เจ็บแค้นแทนเขา! เด็กน้อยจึงตะโกนไล่หลังเสียงลั่น “เจ้ามันไร้ยางอาย ไปปีนเตียงผู้ชาย ไม่เช่นนั้น กู้หรูเฟิงคงไม่ต้องการเจ้าแน่”
แม้หลิ่วเจินจะรู้ว่า แม่นางน้อยไม่ได้ด่าตนเอง ทว่าในใจก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดี คิดแล้วจึงหันกลับไปแลบลิ้นใส่ “ถึงเจ้าปีนเตียง ก็ไม่มีผู้ชายต้องการหรอก”
กล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อสาวเท้าจากไป
เซียงเช่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พอเห็นเสี่ยวซานที่แอบหลบอยู่ใกล้ ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ จึงทุบเข้าไปหนึ่งทีอย่างสุดแรงเกิด “ท่านยังเป็นพี่ชายข้าอยู่รึเปล่า ข้าโดนคนรังแก แต่ท่านกลับไม่สนใจใยดีเลย”
เสี่ยวซานปีนี้อายุ 18 หนาวแล้ว พอเห็นน้องสาวโมโหโทโส และยกมือมาทุบตนทันที จึงเอ่ยอย่างจนใจ “เจ้ากับหญิงนั่นแย่งผู้ชายกัน ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?” เซียงเช่าร่ำไห้เป็นนานสองนาน สุดท้ายก็โดนมารดาลากตัวไป แต่เด็กน้อยก็ขืนตัวไว้อย่างไม่ยินยอม
อันนี้ก็เป็นเรื่องของอนาคต มาดูอีกฝั่งหนึ่งกัน
ทั้งสองคนปิดปากเงียบ ไม่พูดอะไรสักคำ และเดินเข้าบ้านตามกันไปทีละคน
ในบ้านไม่มีพื้นที่มากนัก ทั้งสองมักนั่งอยู่ด้วยกัน เมื่อทอดตามองไปก็เห็นอีกฝ่าย นี่ทำให้บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองยิ่งเพิ่มความกระอักกระอ่วนขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
กู้หรูเฟิงครุ่นคิดอยู่เป็นนาน ครั้นแล้วก็กระแอมเสียงดัง “ข้ากับเซียงเช่า แทบไม่ได้พูดคุยกันเลย” นี่คือความจริงอย่างที่สุด เหนืออื่นใด ชายหญิงล้วนต่างแตกต่างกัน แม้หมู่บ้านเล็ก ๆแห่งนี้ จะไม่มีธรรมเนียมข้อห้ามมากนัก แต่เขาผู้ซึ่งมาจากเมืองหลวง ย่อมคำนึงมากในเรื่องการดำรงตนอย่างซื่อสัตย์และใสสะอาด