ตอนที่แล้วตอนที่ 25 แก่นโลหิตสืบทอด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 27 ปราณโลหิต

ตอนที่ 26 เกล็ดสีแดงโลหิต


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

ในเวลานี้ คลื่นพลังอันน่าพรั่นพรึงที่ทำให้หลิงซีตัวแข็งทื่อไปเพราะความกลัวได้จางหายไปในที่สุด  เดิมที หลิงซีคิดว่าหลงเฉินคงไม่เป็นไร แต่นางไม่คิดคาดคิดเลยว่าเขาจะลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด  หลิงซีทั้งตื่นกลัวและตกใจ นางปรากฏตัวออกมาจากกระบี่หลิงซีและกอดเขาไว้ด้วยร่างเล็กจิ๋วที่กำลังหวาดวิตก

 

“หลงเฉิน! หลงเฉิน!  เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?  อย่าทำให้ข้ากลัวแบบนี้สิ...”

 

ขณะที่นางพูด  ดวงตาของนางค่อย ๆ แดงก่ำ หากนางยังมีน้ำตาอยู่ นางคงร่ำไห้ออกมานานแล้ว

 

“ผิวหนังของข้า  เจ็บเหลือเกิน!”

 

ในตอนนี้ หลงเฉินรู้สึกถึงความเจ็บปวดทุรนทุรายที่มาจากทุกส่วนของร่างกาย!

 

เศษเสี้ยวของแก่นโลหิตสืบทอดในร่างกายของเขาค่อย ๆ แพร่กระจายไปทั่วร่างราวกับยาพิษ  และปฏิกิริยาบนผิวหนังก็เกิดขึ้นจากหยกเลือดที่สัมผัสกับผิว

 

“หลงเฉิน  เจ้า... มีบางอย่างกำลังเติบโตอยู่ในร่างของเจ้า!”

 

เสียงที่ตื่นตระหนกของหลิงซีดังขึ้น  ในตอนนี้ หลงเฉินรู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเขาตื่นตระหนกอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงของหลิงซี เขาจึงลืมตาขึ้น และมองไปที่แขนของตนเอง

 

สิ่งที่เขาเห็น คือแขนทั้งแขนของเขาได้กลายเป็นสีเลือด ส่วนผิวหนังบริเวณแขนแปรเปลี่ยนเป็นจ้ำเล็ก ๆ ขนาดเท่าเล็บนิ้วมือจำนวนมากเรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมกับมีบางอย่างเริ่มงอกออกมา  หลงเฉินตกใจเมื่อเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นคือเกล็ดสีแดงดุจเลือด!

 

เขาตกใจอย่างมาก เขาก้มหน้าลงสำรวจร่างกายของตนเองและอดทนกับความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เกิดขึ้น  ซึ่งเป็นไปตามคาด ทั่วทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีแดงดุจเลือด และบนนิ้วมือ นิ้วเท้า หัวเข่า ข้อศอก และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย มีกระดูกแหลมคมราวกับใบมีดงอกออกมา  ความแหลมคมของเกล็ดนั้นมากกว่ามีดธรรมดา ๆ เสียอีก

 

เมื่อมองไปยังกระดูกแหลมคมราวใบมีดที่ยื่นออกมาจากนิ้วมือ  หลงเฉินก็ผงะไป

 

“นี่มัน... กรงเล็บ?! นี่ข้ากลายเป็นสัตว์ร้ายไปแล้วรึ?”

 

เขาแตะแผ่นหลังของตนเองและสัมผัสได้ว่ามีเดือยแหลมคมมากมายงอกออกมาจากหลังเรียงตัวเป็นแถว  และยังมีเดือยแหลมคมสีแดงอีกหลายแห่งบนร่างกาย แม้แต่บนศีรษะก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดจำนวนนับไม่ถ้วน  ผมของเขาหายไป และถูกแทนที่ด้วยเขาแหลมสีแดงเลือดอันดุร้าย!

 

แม้ว่าหลงเฉินจะยังไม่เห็นรูปลักษณ์ทั้งร่างของตนเอง  แต่ก็บอกได้ว่าร่างกายของเขาในตอนนี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมรบอย่างที่สุด  เกล็ดสีแดงเลือดมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด และเขาแหลมเหล่านั้นก็สามารถใช้โจมตีได้!

 

“รูปลักษณ์เช่นนี้... เกราะที่ทำจากเกล็ดสีแดงเลือดช่างดูสะดุดตาจริง ๆ ...”

 

ในเวลานี้  ความเจ็บปวดในร่างกายของหลงเฉินค่อย ๆ ทุเลาลงอย่างช้า ๆ  ดูเหมือนว่าเขาจะแปลงร่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว เขามองร่างของตนเองด้วยความฉงนสงสัย และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปีติยินดี แม้จะรู้สึกโศกเศร้าไปด้วยก็ตาม

 

เมื่อได้ยินว่าหลงเฉินสามารถพูดได้เช่นปกติ  หลิงซีจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยวาจา  หลงเฉินก็ถามขึ้นมาในทันที

 

“เสี่ยวซี บอกข้าสิ ข้าดูหล่อเหลาดีหรือไม่?”

 

หลิงซีพินิจพิจารณาดูแล้ว รูปลักษณ์ของหลงเฉินในตอนนี้ดูชั่วร้ายและกระหายเลือด  แต่ทว่าโครงร่างบนร่างกายของเขา ทั้งเกล็ดและเดือยแหลมต่าง ๆ กลับให้ความรู้สึกถึงความสมบูรณ์แบบ  เขาช่างดูงามสง่า แต่จะมีประโยชน์อันใดกัน?

 

“หลงเฉิน  เจ้า... ตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

หลงเฉินนิ่งคิดไปชั่วครู่

 

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน... แต่ข้ารู้สึกราวกับมีพลังแข็งแกร่ง  เป็นความรู้สึกที่ทรงพลังอย่างมาก!”

 

เขาสัมผัสได้ถึงพลังในร่างกาย และในตอนนี้ หนึ่งในพันส่วนของแก่นโลหิตสืบทอดซึ่งหลอมรวมเข้ากับร่างกายทั่วทั้งร่าง  ได้แพร่กระจายออกไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดสุดท้าย จุดตันเถียนของเขา

 

ในตอนนี้ ร่างกายของหลงเฉินเปลี่ยนแปลงเป็นสถานะรูปร่างที่แสนจะแปลกประหลาด

 

หลงเฉินมองเห็นเงาของมังกรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ม้วนตัวไปมา และร้องคำรามอยู่ภายในอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย  กระดูก แม้กระทั่งเลือดทุกหยด!

 

อวัยวะทุกส่วนของเขา ตลอดจนกล้ามเนื้อทุกมัดดูราวกับมีชีวิตขึ้นมา  จังหวะการเต้นของหัวใจก็เร็วขึ้นหลายเท่า เมื่อเลือดที่ได้รับการปรับเปลี่ยนไหลเวียนไปตามอวัยวะและมัดกล้าม มันก็ถูกกลืนกินอย่างสมบูรณ์

 

หลงเฉินไม่เคยจินตนาการว่าจะได้เห็นภาพที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน!

 

“ข้ากลายเป็นแบบนี้ไปได้เยี่ยงไร... เกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่?”

 

หลงเฉินยังคงพึมพำกับตัวเอง  แต่ในเวลานั้น แก่นโลหิตสืบทอดกลับผสานเข้ากับปราณแท้จริงในระดับขอบเขตชีพจรมังกรขั้นห้า ทำให้ปราณของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว  ปราณของเขาในตอนนี้ เริ่มเผยให้เห็นสีของเลือด ขณะที่ปราณกำลังโคจรในจุดตันเถียน สีแดงเลือดนั้นก็เข้มขึ้นเรื่อย ๆ!

 

ไม่มีความเจ็บปวดใดเกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนเหล่านี้  แต่หลงเฉินตกตะลึงเมื่อพบว่าปราณสิบส่วนในร่างกายของเขาสามารถแปรสภาพเป็นปราณสีแดงเลือดได้เพียง 1 ส่วนเท่านั้น

 

เมื่อเขาตระหนักได้  หลงเฉินก็รู้สึกกระหายเลือดไปทั่วทั้งร่าง  และสีหน้าท่าทางของเขาก็ยิ่งน่าเกลียดน่ากลัวมากขึ้น

 

หลิงซีพูดขึ้นด้วยความหวาดวิตก

 

“เจ้า... ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าน่ะ?”

 

หลงเฉินสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงในสายตาของนาง  และเขายังรู้สึกถึงความอบอุ่นอีกด้วย

 

“ข้า... ข้ารู้สึกหิวมาก ... ข้าทนไม่ไหวแล้ว ... หิวเหลือเกิน!”

 

ขณะที่เขาพูด หลงเฉินก็ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด  ทั้งคู่ต่างตกตะลึงกับเสียงที่หลงเฉินคำรามออกมา เพราะมันคือเสียงคำรามของมังกร!

 

อย่างไรก็ตาม  หลงเฉินไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องนั้น  ปราณสิบส่วนที่ถูกแปรสภาพไปเหลือปราณโลหิตเพียง 1 ส่วน ทำให้เขารู้สึกหิวกระหายเพราะขาดพลังปราณ  ในเวลานี้ หลงเฉินตระหนักได้ว่าตนเองมีสภาพไม่ต่างกับสัตว์อสูร!

 

“ข้าหิวมาก! ...หิวเหลือเกิน!”

 

หลงเฉินล้มตัวลงกับพื้น  ความเจ็บปวดทำให้ร่างกายของเขารู้สึกอ่อนแอ สถานการณ์ในวันนี้ช่างโกลาหล และหัวใจของหลิงซีก็ว้าวุ่นเช่นกัน  หลงเฉินบอกว่าเขาหิว แต่นางไม่มีทางออกใด ๆ ดังนั้น นางจึงทำได้แค่ตื่นตกใจเท่านั้น

 

“ข้า... ข้าจะออกไปข้างนอก ไปหาอะไรให้เจ้ากินนะ!”

 

เมื่อนางออกไป  นางจึงจำต้องควบคุมกระบี่หลิงซีให้บิน และนางจะต้องตายภายในไม่กี่ลมหายใจ  มิต้องพูดถึงการหาอะไรมาให้หลงเฉินกิน เมื่อหลงเฉินได้ยินว่านางจะออกไปข้างนอก เขาจึงรีบห้ามนางไว้

 

“ไม่นะ!  เจ้าไม่ต้องออกไปไหนทั้งนั้น! ข้าไม่กินหรอก...”

 

หลงเฉินพูดออกมาด้วยจิตใต้สำนึก หลิงซีจึงร้องถามขึ้นด้วยความกระวนกระวาย

 

“แล้วเจ้าอยากจะกินอะไรล่ะ?”

 

หลงเฉินผงะไปทันที  เขาเองก็ครุ่นคิดว่าตัวเขาเองอยากกินอะไรกันแน่  ความหิวกระหายนี้เกิดขึ้นเพราะขาดแคลนปราณที่ถูกเปลี่ยนสภาพ  เช่นนั้นแล้ว…

 

ยังมีหยกวิญญาณอีกมากกว่า 500 ชิ้นในตัวของหลงเฉิน  เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็รีบเอาหยกวิญญาณออกมา และวินาทีที่หยกวิญญาณปรากฏขึ้น  หลงเฉินก็ตระหนักว่าสิ่งที่สัญชาตญาณในร่างกายปรารถนานั้น มิใช่การสกัดพลังวิญญาณฟ้าดินจากหยกวิญญาณ  แต่เพื่อกินเข้าไปโดยตรง!

 

เขาไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อตาล่อใจนี้ได้อีกต่อไป ภายใต้การสายตาตื่นตกใจของหลิงซี  เขารีบคว้าหยกวิญญาณขึ้นมาหนึ่งกำมือและยัดมันเข้าไปในปาก หยกวิญญาณที่บรรจุปราณแท้จริงถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยฟันที่แหลมคมของเขา พลังวิญญาณฟ้าดินปริมาณมากถูกกลืนลงไปในท้องของหลงเฉินอย่างสมบูรณ์  จากนั้นก็เข้าสู่จุดตันเถียนของเขา มันแปรสภาพเป็นปราณโลหิตอย่างรวดเร็ว!

 

ในเวลานั้น  หลงเฉินรู้สึกราวกับคนอดอยากที่จู่ ๆ ก็ได้กินอาหารอันโอชะ  แต่หากคนพวกนั้นสวาปามอาหารเข้าไป พวกเขาคงติดคอถึงตาย แต่สำหรับหลงเฉินนั้น มิใช่เลยสักนิด!

 

ร่างกายของเขาดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินอย่างรวดเร็ว  หยกวิญญาณเกือบหกร้อยชิ้นถูกกลืนลงท้องภายในหนึ่งก้านธูป และทั้งหมดก็แปรสภาพเป็นปราณโลหิตในบัดดล

 

แต่หลงเฉินยังรู้สึกว่าความหิวกระหายเพียงบรรเทาขึ้นเท่านั้น!

 

ดูเหมือนว่าหยกวิญญาณไม่ได้ส่งผลต่อปราณโลหิตมากนัก  แม้แต่หยกที่มีพลังมากพอจะทำให้เขาบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหก แต่เขากลับรู้สึกราวกับได้กินเพียงอาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น!

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าด้วยเหตุใด อาหารเรียกน้ำย่อยก็สามารถบรรเทาความหิวโหยได้ในที่สุด

 

หลงเฉินรู้สึกราวกับว่าหากเขาไม่กินอะไรในคืนนี้  เขาอาจต้องหิวโหยจนตาย

 

เมื่อเห็นว่าหลงเฉินกินหยกวิญญาณเข้าไป  หลิงซีถึงกับตื่นตระหนกจนพูดอะไรไม่ออก แม้ว่านางจะเคยพบเจออะไรมามากมาย และเป็นคนที่มากด้วยความรู้  แต่นางก็ไม่เคยเห็นอะไรเยี่ยงนี้มาก่อน เมื่อนางเห็นว่าหลงเฉินกลับคืนสู่สภาพปกติหลังจากกินหยกวิญญาณเข้าไป  นางจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย

 

ขณะที่หลิงซีกำลังจะเอ่ยปากพูด  หลงเฉินที่เพิ่งกินหยกวิญญาณเสร็จก็พูดขึ้นในทันที

 

“เสี่ยวซี  เจ้าเปลี่ยนร่างกลับไปเป็นกระบี่หลิงซีเถอะ  เราต้องออกไปข้างนอกกันสักพัก เจ้าต้องช่วยข้าหาฝูงสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้ ๆ เร็วเข้า!”

 

มันยังคงเป็นช่วงเวลาสำคัญ  แม้ว่าหลิงซีจะมีคำถามมากมาย  แต่เมื่อเห็นสายตาร้อนรนของหลงเฉิน  นางจึงตัดสินใจเชื่อฟังอย่างว่าง่ายและเปลี่ยนร่างกลับเป็นกระบี่หลิงซี  จากนั้นก็เสียบเข้าที่หูของหลงเฉิน

 

อย่างไรก็ตาม  ร่างกายของหลงเฉินแข็งแกร่งผิดปกติ  แม้แต่ความแหลมคมของกระบี่หลิงซี นางยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะแทงทะลุเกล็ดเหล่านั้นเข้าไป

 

หลงเฉินวิ่งออกไปโดยไม่พูดอะไร  ภายนอกเป็นเวลาดึกดื่นแล้ว และร่างกายของเขาก็คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอย่างรุนแรง  อย่างไรก็ตาม เลือดนั้นแฝงไปด้วยคลื่นพลังอำนาจแห่งบรรพกาล ทำให้สัตว์อสูรตัวเล็ก ๆ อยู่ในละแวกนั้นต่างตัวสั่นขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

 

หลงเฉินมุ่งหน้าลึกเข้าไปในภูเขาเดียวดาย  และหลังจากเดินมาพักหนึ่ง หลิงซีก็เอ่ยขึ้น

 

“มีถ้ำอยู่ข้างหน้าพวกเรา  ข้าสัมผัสได้ว่าตรงนั้นมีสัตว์ที่มีพลังปราณอาศัยอยู่ข้างใน  แต่ดูเหมือนว่าพวกมันทุกตัวจะเป็นสัตว์อสูรระดับอำพันขั้นห้า เจ้า...”

 

ก่อนที่หลิงซีจะพูดจบ  ร่างของหลงเฉินก็พุ่งไปทางถ้ำแห่งนั้นแล้ว กลิ่นของอาหารที่อยู่ข้างหน้ากลายเป็นสิ่งเดียวชัดเจนอย่างยิ่งสำหรับเขา

 

ถ้ำใต้ดินนั้นอับชื้นมาก  และกลิ่นคาวเลือดก็ตลบอบอวลอย่างรุนแรง  ซากศพและกระดูกมีให้เห็นตลอดทาง เพียงชั่วครู่ หลงเฉินก็มาถึงถ้ำชั้นใต้ดิน

 

พื้นที่ภายในถ้ำนั้นกว้างใหญ่มาก  และด้านล่างเป็นบ่อโคลนสีดำสนิท กลิ่นเน่าเหม็นลอยคลุ้งออกมาจากบ่อ แต่หลงเฉินก็ไม่ทันได้สังเกต

 

ไม่ไกลจากเท้าของเขาคือบ่อโคลน  และในตอนนี้ ร่างสีแดงดุจเลือดร่างหนึ่งก็ค่อย ๆ โผล่หัวออกมาจากบ่อโคลนนั้น  ดวงตาสีแดงเข้มจดจ้องอย่างเยือกเย็นไปยังหลงเฉินที่กำลังพุ่งตัวเข้าไป

 

“นั่นมัน... กิ้งก่าโลหิตใต้ดิน”

 

คลื่นพลังที่เปล่งออกมาจากร่างของหลงเฉินนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก  และเขาก็ค้นพบว่าภายในถ้ำนั้นมีจุดสีแดงขนาดใหญ่เริ่มส่องสว่างขึ้นราวกับตะเกียงนับไม่ถ้วนในยามรัตติกาล อย่างไรก็ตาม  ตะเกียงเหล่านี้ทำให้รู้สึกถึงอำนาจและเลือด

 

ด้วยเสียงพุ่งโฉบเพียงวูบเดียว หลงเฉินก็สัมผัสได้ว่ากิ้งก่าโลหิตที่ใกล้ที่สุดกำลังพุ่งเข้าหาเขา และกลิ่นเหม็นเน่าก็มาจากร่างกายของมันนั่นเอง

 

เขาสังเกตว่ากิ้งก่าโลหิตใต้ดินเองก็มีเกล็ดสีแดงเลือดและกระดูกแหลมตามร่างกาย  รูปร่างของมันคล้ายคลึงกับร่างกายของหลงเฉินในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เกล็ดของมันหนา สกปรก และผิดปกติ เขาแหลมของมันก็โค้งงอ  เมื่อเทียบกับหลงเฉินในแง่ของความงดงามแล้ว นับว่าแตกต่างอยู่มากโข

 

หลงเฉินไม่ได้สนใจเท่าใดนัก  เมื่อกิ้งก่าโลหิตพุ่งเข้าใส่เขา  ดูเหมือนร่างกายขนาดใหญ่ของมันกำลังจะชนเขา  หากเป็นเขาในอดีต หลงเฉินจะต้องใช้ทักษะการต่อสู้ในการทำลายกิ้งก่า  แต่ในตอนนี้ เขากลับไม่ทำเช่นนั้น

 

เขารู้สึกราวกับว่าเลือดภายในตัวทั้งหมดกำลังเดือดพล่าน  แม้ว่ากิ้งก่าโลหิตจะสกปรก แต่ความคิดวิปริตของหลงเฉินกลับมองว่ามันเป็นอาหารอันโอชะ

 

เขากระโดดเข้าใส่เงาสีแดงนั้น  ในครู่ต่อมา แขนของเขาก็พุ่งเสียบเข้าไปกลางอกและคว้าหัวใจของมันไว้!

********************

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด